BloodyMonday & Twitter



สำหรับใครหลายคนแล้ว Twitter ก็เหมือนกับยาเสพติดชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้าให้เปรียบระดับความรุนแรงกับบรรดา social network ตัวอื่นๆแล้ว Twitter ก็น่าจะมีศักยภาพที่ใกล้เคียงกับโคเคนบริสุทธิ์จากสามเหลี่ยมทองคำ ที่พอสูดเข้าไปปุ๊ปก็ออกฤทธิ์แบบทันตาเห็น นี้คือโลกที่คุณสามารถพูดคุยกับคนมากมาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทแรงใจลงไปมาก แถมยังไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบในสิ่งที่พูดออกไปอีกด้วย (เพราะมันอาจถูกดันหายไปภายในเวลาเพียงแค่ 10 นาที) บางทีกว่าจะรู้สึกตัว คุณก็อาจนั่งถกปัญหาชีวิตกับใครสักคนจากประเทศสวาซิแลนด์อยู่ก็ได้

แต่นั้นเพียงเป็นเพียงเหตุผลรองสำหรับผู้เขียน เพราะสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเสพติดอย่างจริงจัง ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ามันช่างดูน่าสมเพชไปด้วย ก็คือการ follow ดาราและบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงฮอลลิวู้ด ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นปาปารัซซี่ ที่กำลังปีนต้นไม้เพื่อถ่ายรูปดาราที่นอนอาบแดด หรือเป็น มาร์ค เดวิด แชปแมน ที่มือนึงกุมปืนและอีกมือโอบอุ้ม The Catcher in the Rye เอาไว้ และยืนรอให้ จอห์น เลนนอน เดินเข้ามาพบกับวาระสุดท้ายของตัวเอง

Twitter เหมือนกับทางเดินลับในซอกหลืบ ที่เราใช้แอบย่องเข้าไปในงานปาร์ตี้สุดหรูของชาวฮอลลิวู้ด ซึ่งผู้มีอภิสิทธิ์ทั้งหลายกำลังรับประทาน, แลกเปลี่ยนไอเดีย, และเล่าถึงเรื่องราวของตัวเอง โดยที่พวกเขาเต็มใจที่จะแชร์ประสบการณ์เหล่านี้ให้กับคุณ โดยอ้างถึงชื่อผู้อยู่ในเหตุการณ์คนอื่น รวมถึงใส่ลิงค์ทั้งรูปและภาพเคลื่อนไหวส่งตรงมาสู่หน้าหลัก twitter ของคุณ ประหนึ่งว่าจ่าหน้าซองติดแสตมป์ไซเบอร์ ส่งมาในตู้จดหมายถึงหน้าบ้านเรา

ถ้าปราศจาก Twitter ผู้เขียนคงไม่ทราบว่า @diablocody เป็นนักเขียนที่มีอารมณ์ขันมากแค่ไหน และสามารถทำให้ผู้เขียนหัวเราะแทบทุกครั้งภายในความยาวเพียง 140 ตัวอักษร หรืออาจพลาดการสนทนาวันละนิดของผู้กำกับ @edgarwright และนักแสดงคู่บุญของเขา @simonpegg หรือแม้กระทั่งขั้นตอนการเตรียมตัวถ่ายหนังผู้ใหญ่ของ @SashaGrey ที่วันนี้เธอกำลังตัดสินใจว่าจะย้อมส่วนนั้นของตัวเองเป็นสีอะไรดี ก่อนการถ่ายทำจริงให้วันรุ่งขึ้น (ซึ่งแน่นอนที่มันมาพร้อมภาพประกอบ)

Twitter เป็นได้ทั้งสรวงสวรรค์และสถานที่อโคจรของเหล่าทากหนัง ซึ่งถ้าพูดกันตามความเป็นจริงแล้ว คงมีน้อยคนนักที่จะมีโอกาสเข้าใกล้กับโลกที่กำลังเกิดเหตุการณ์นั้น เพียงแต่สภาพการรับรู้ของคุณอาจจะบอกเป็นอีกอย่าง เพราะในขณะที่คุณทำงานอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ พร้อมกับจิบกาแฟที่รสชาติไม่เคยมีความลงตัว แต่ทันใดนั้น @elizadushku ก็อัพโหลดภาพที่เธอและน้องชายไปเที่ยวเมืองฟลอเร้นซ์ มันอาจทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินทางท่องเที่ยวไปกับพวกเขา และจิตของคุณก็อาจหลุดเข้าไปสัมผัสโลกแห่งความฝัน แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวก็ตาม


ปล. เห็นบล็อคคุณแฟนผมเขียนถึงเรื่องเพื่อนบล็อคหนีไปเล่น social network ตัวอื่น เลยเอามาเป็นไอเดียมาอัพเอนทรี้นี้

ปลล. ติดตาม twitter ของผู้เขียนได้ที่ @BdMd ที่สัดส่วนการอัพเดทนั้นคือ บ่นบ้า - 50% ละเมอเพ้อพก - 30% แปะลิงค์น่าสนใจ - 10% คุยกับบล็อคเกอร์คนอื่น - 5% พูดถึงหนังที่ได้ดู - 5% (แล้วแบบนี้จะมีคนมา follow แกไหมว่ะ 55+)




 

Create Date : 22 กันยายน 2552
20 comments
Last Update : 22 กันยายน 2552 1:15:34 น.
Counter : 1081 Pageviews.

 

เจ้าของบล็อคขอคุยกับเพื่อนจากเอนทรี้ "ปากกาด้ามนั้น"

เรนตั้น
ไม่รู้เหมือนกันว่าบัวต้นนี้เสริมใยเหล็กหรืออย่างไร 55+

คุณชุดนอน
ดูเหมือนผมกำลังเดินอยู่ในเส้นทางเดียวกับนายตำรวจหมายเลข 223 กระมังครับ สัปปะรดกระป๋องก็น่าจะคล้ายกับปากกามด้ามนี้ ที่ดูยึดติดและดื้อดึงจนเกินงาม คนรอบข้างก็ลงความเห็นว่าหมกมุ่นเกินไป แถมชะตากรรมของเขานั้นเราก็ไม่มีโอกาสได้เห็น เนื่องจากเมื่อเขาเดินเฉียดกับอาเฟยเพียงแค่ 0.01 เซนติเมตร เรื่องราวของเขาก็ดูจะสาบสูญหายไปพร้อมกับการถือกำเนิดของคนอีกคู่ ที่ดูสดใสและเปี่ยมไปด้วยความหวังมากกว่า

อ๋อ ขอบคุณที่มาเขียนแชร์กันยาวๆครับ ^^ (ไม่เขียนบล็อคซะแล้ว น่าเสียดาย...)

แฟนผม
ดู ยา วอนนา จอย อัส 55+

Katoy
Thanks...... But who are you again?

อออ
อยากเทลิ้นชักทิ้งเหมือนกัน แต่พอดีบ้าสมบัติ คือเห็นอะไรก็เสียดายไปหมด สุดท้ายก็รกรุงรังจนไม่มีที่ยืน เฮ้อ...

บลูยอชท์
อ้าว ทำไมไปนึกถึงหนังแบบนั้นล่ะครับ แสดงว่าผมเป็นคนหมกมุ่นจริงๆซะด้วยสิ 55+ ส่วนรูปจากกล้องโลโม่ ผมเอาไปใส่ไว้ในเฟชบุ้คครับ (เป็นสัดเป็นส่วนดีไหม หุหุ) แต่อย่าดูเลยครับ ผมถ่ายเอามันอย่างเดียว ไร้การจัดมุมอะไรทั้งสิ้น 55+

 

โดย: BloodyMonday 22 กันยายน 2552 1:00:19 น.  

 


บ่นบ้า - 80% ละเมอเพ้อพก - 8% แปะลิงค์น่าสนใจ - 0% คุยกับบล็อคเกอร์คนอื่น - 10% พูดถึงหนัง/หนังสือที่ได้ดู - 2%

ก็มันมีไว้บ่นไม่ใช่รึ - -"

(แล้วแบบนี้จะมีคนมา follow แกไหมว่ะ 55+)
ตอบว่ามี !! และมักใครก็ไม่รู้

แต่ก็ชอบทวิตนะ เหมือนข้อความสั้นที่ไม่บังคับให้อ่านเดี๋ยวนั้น เราเลือกเวลาได้ตามความพอใจของเรา

 

โดย: อั๊งอังอา 22 กันยายน 2552 9:02:54 น.  

 

"ก่อนการถ่ายทำจริงให้วันรุ่งขึ้น (ซึ่งแน่นอนที่มันมาพร้อมภาพประกอบ)"

เฮ้ย!! เดี๋ยวไปสมัครเย็นนี้เลย

จริงๆแล้วปัญหาของผมคือขี้เกียจเรียนรู้อะไรใหม่ๆครับ แต่ถ้ามันจะเป็นช่องทางที่จะทำให้ผมได้ใกล้ชิดกับน้องชาช่า ต่อให้มันยากเย็นพอๆกับการเรียนแคลคูลัส ผมก็จะลองทำดู (ได้ข่าวว่ามิยาบิก็มี Twitter เหมือนกัน)

เอ็นทรี่นี้สร้างแรงบันดาลใจได้ดีจริงๆ 5555++

 

โดย: แฟนผมฯ IP: 142.103.23.32, 202.134.119.218 22 กันยายน 2552 9:04:42 น.  

 

เอ่อ! คุณอาร์ตครับ ผมสมัคร Twitter ช่วงแรกๆก็เพราะอยากจะทำอะำไรอย่างว่านั้นแหละครับ แต่พอหลังๆชักเริ่มเบื่อ (และตัว twitter ก็เริ่มเอ๋อๆไม่รู้เป็นอะไร) ก็เลยเอามันมาโปรโมตบล็อตแทน ตอนนี้ผมรู้แล้วละครับว่ามันมีสิ่งดีๆที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน คือแบบว่าอ่านแล้วผมอยากตบกบาลตัวเองหนักๆซักฉาดครับเพราะเหมือนพลาดของดีที่ไม่ควรพลาดไป

แล้วผมจะกลับไปสิงอยู่ในนั้นอีกครั้งครับ แต่ก่อนอื่นเลยผมคงต้องรีบ follow Sasha Grey กับ Eliza Dushku ก่อนเลย 555+

 

โดย: Seam - C IP: 58.9.190.196 22 กันยายน 2552 9:08:02 น.  

 

55+ ผมก็แอบ follow อยู่นะครับ อิอิ และผมก็เข้าไปบ่นแบบที่รู้อยู่แล้่วว่าคนอื่นเขาไม่ค่อยสนใจอ่านกันหรอก 55+

 

โดย: McMurphy 22 กันยายน 2552 11:39:52 น.  

 

ผมรำคาญทวิตเตอร์มันชอบเอ๋อ หลายครั้งทวิตยากมากๆ ไอ้กลมๆ สัญลักษณ์อัพเดตนั้นก็หมุนเข้าไปสิ อัพไม่ขึ้นซักที

มีอยู่ช่วงนึง เลิกทวิตไปเป็นเดือนเลยครับ รำคาญมัน

พออ่านเอ็นทรี่นี้แล้ว เดี๋ยวไปเสิร์ชหาไอดอลเราเพื่อ follow ดีกว่าครับ :)

 

โดย: เอกเช้า IP: 124.122.80.120 22 กันยายน 2552 21:36:47 น.  

 


ฟอลโล่ว พี่เจมส์ (สตาร์เซลเลอร์) มีความสุขมาก
อย่างกะนั่งแปะอยู่ข้างแก
ยิ่งเวลาแกกำลังดูบอลในสนาม เราดูผ่านเนตและอ่านทวิตตี้ของแก
ยิ่ง...ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังคุยกัน

ซึ่งเราว่า...มันจริง แต่หลอน

เรารู้ว่าถ้าเล่น ตาม อัพ แล้วจะติด
ติดแล้วแบบ..แกะออกยาก



เผอิญคิดแบบจริงจังน่ะนะ...เรยยอยู่ที่ไหนก็ไม่เวิร์ค หุหุ

 

โดย: renton ~ emptyness :: IP: 125.26.125.106 23 กันยายน 2552 11:47:36 น.  

 

“เป็น มาร์ค เดวิด แชปแมน ที่มือนึงกุมปืนและอีกมือโอบอุ้ม The Catcher in the Rye เอาไว้
และยืนรอให้ จอห์น เลนนอน เดินเข้ามาพบกับวาระสุดท้ายของตัวเอง”
^
^
สำนวนนี้เด็ดมากครับ 555+ (อ่านแล้วต้องตบหัวเข่าไป 1 ฉาด) อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าเป็นการติดตามและรอคอยที่ตั้งหน้าตั้งตารอจริงๆ กับ Twitter นี่...ผมเข้าไปลองๆอยู่ 3 - 4 วันแล้วก็เลิกไป ในช่วงที่เข้าไปก็เน้นแต่ตอบคำถามจิตวิทยาว่าเราจะได้เป็นอะไร มีนิสัยยังไง ไปตามเรื่อง ไมได้ค่อยไปถามตอบพูดคุยกับใครเท่าไหร่

อ่านที่คุณว่ามาก็ทำให้อยากกลับไปลองเล่นนะ แต่ว่าผมไม่เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ ครั้นจะไปติดตามของคนดังฝั่งทางโน้นก็คงจะไม่ไหวแน่ๆ ...ว่าแต่อัตราส่วนผสมของ Twitter คุณนี่สุดยอดจริงๆ 555+

ป.ล. ยังเขียนบล็อกอยู่นะครับ กำลังอยู่ในตกแต่งบ้านหลังใหม่
คราวนี้รับรอง(กับใคร) เลยว่าจะไม่ลบไม่ย้ายแล้ว (จริงหรอวะ) 555+
ที่นี่ครับ //aspjs.wordpress.com/

 

โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน IP: 124.122.227.91 23 กันยายน 2552 15:04:02 น.  

 

ชะอ่าวชั้น...สารภาพด่วนเลยว่าจำสับสน
เพราะที่เขียนไปมันไม่ใช่ Twitter ...ผมเล่น Facebook นี่หว่า!!!
เบลอได้โล่จริงๆผม 555+

 

โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน IP: 124.122.227.91 23 กันยายน 2552 15:09:49 น.  

 

+ อืม ... หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลและการเสพติดของผู้คนเกี่ยวกับ FB และ Twt มานาน ก็มีเอนทรี่นี้ของคุณ BdMd เนี่ยแหละครับที่เปิดโลกทัศน์ให้ผมอย่างแท้จริง ว่าแอพพลิเคชั่นเหล่านี้มันมีของดีอะไรซ่อนอยู่บ้าง และถ้าเราเอาตัวเราเข้าไปสิงสู่อยู่กับมัน จะได้อารมณ์ประมาณไหน เจ๋งๆ ครับ

+ แต่ถึงอย่างไร ผมก็คงไม่มีหน้าจะเป็นสมาชิกอยู่ดี เหตุผลหลักๆ นอกจากเรื่องไม่มีเวลา (ขนาดอ่านบล็อกเพื่อนๆ ในเฟรนด์ลิสต์ให้ครบรอบ ภายใน 1 อาทิตย์ ยังทำไม่ค่อยได้เลย) ... อีกเหตุผลหลักๆ ก็คงเป็นเพราะผมเองยอมรับว่าถูกล่อใจจากสิ่งเย้ายวนได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน ขนาดตอนเล่นเกมส์คอมพ์ยังต้องจำกัดไว้แค่ 3-4 เกมส์เลย เพราะเวลาติด บางทีก็ถึงกับเล่นข้ามวันข้ามคืน ไม่ยอมหลับยอมนอนเลยทีเดียวเชียว ก็เลยรู้สึกว่าสถานภาพผม ณ ขณะนี้ คงไม่เหมาะที่จะเข้าไปทำอะไรเยี่ยงนั้นอ่ะครับ แหะๆ

+ อีกอย่างผมว่าบล็อกมันถูกจริตผมดี เพราะการได้อ่านหรือเขียนอะไรยาวๆ มันรู้สึกว่าสามารถสื่อสิ่งที่เราคิดหรือรู้สึกออกมาได้มากกว่าอ่ะครับผม

 

โดย: บลูยอชท์ 23 กันยายน 2552 15:09:56 น.  

 

อออ
สัดส่วนไม่ต่างกันเท่าไรนะ 55+ ส่วนของเรามีแต่ bot เข้ามาฟอลโลวแฮ่ะ น่ารำคาญมาก...

แฟนผมฯ
เอาเลยครับ สนับสนุนๆ วันนี้น้องซาช่าก็เพิ่งอัพโหลดรูปฉากถ่ายทำใหม่ พร้อมกับคู่นักแสดงสาวนั่งอยู่บนเตียง เอริ่ม... *ปาดน้ำลาย*

Seam - C
ที่ทวิตเตอร์เอ๋อคือช่วงคนกดส่งพร้มอกันหลายคนครับ แก้ปัญหาด้วยการรีเฟรชหน้าและกดส่งอีกครั้ง ลองดูนะครับ สนับสนุนให้เล่นกันเยอะๆ (จะได้มีเพื่อนเล่นเพิ่ม ฮ่าๆ)

McMurphy
เราว่าสำคัญมันอยู่ที่การได้อ่านของคนอื่นนะ สิ่งที่เราทวีตเองนี้เป็นเรื่องรอง

เอกเช้า
ต้องลองทำแบบที่ผมบอกคุณ Seam - C ครับ ได้ผลนะ ^^ ส่วนคนที่ผมแนะนำให้ตาม เดี๋ยวจะแนะนำกันด้านล่าง

เรนตั้น
เฮ้ ยังไม่ได้ตามพี่เจมส์เลย เดี๋ยวคงต้องตามลายแทงขุมทรัพย์ไป หุหุ... ที่เรนตั้นเขียนมาก็เห็นภาพนะ อย่างสองคู่หู นิค ฟรอส และ ไซม่อน เพ็ค จาก Shuan of the Dead และ Hot Fuzz ที่ทวีตกันไปมาเรื่อยๆทั้งวัน เราก็รู้สึกเหมือนกับได้ร่วมโต๊ะสนทนากับพวกเขาอยู่จริงๆแหละ ^^

ขอรบกวนทั้งชุดนอน
เฟชบุ้คตอนนี้ผมเพลาลงไปเยอะแล้วล่ะ (หลังจากหมกมุ่นเฝ้าดูความเป็นไปของเพื่อนๆอยู่นาน 55+) ส่วนบล็อคและทวิตเตอร์นี้ก็ยังเล่นสม่ำเสมออยู่ครับ... รู้สึกว่าคุณชุดนอนชอบเล่นเกมส์ (เห็นในบล็อค) ผมชอบเข้าเว็ปนี้นะ //www.newgrounds.com/ ที่จะรวมเกมส์ไอเดียบรรเจิดเอาไว้มากมาย (เล่นจนไม่เป็นอันทำงาน 55+) ลองดูนะครับ ^^

บลูยอชท์
ผมก็รู้สึกเหมือนกันนะครับ ว่าคุณบลูจะเอาเวลาที่ไหนมาเล่น social network ตัวอื่น เพราะแค่ในบล็อคนี้ก็มีเพื่อนเป็นร้อยแล้ว 55+ ส่วนผมเป็นพวกขี้เบื่อครับ เลยชอบกระโดดไปมาไปมาระหว่าง social network เหล่านี้ แหะๆ ^^

------------------------------------

สำหรับใครที่อยากเริ่มเล่น Twitter ขอแนะนำบุคคลในแวดวงฮอลลิวู้ดที่น่า follow ดังต่อไปนี้...

Actress

@MarleeMatlin
@madlyv (เวอร์จิเนีย แม็ดเซน)
@SashaGrey ผลงาน.... เอริ่ม
@alydenisof (อลิสัน แฮนนิแกน และ อเล็คซิส เดนิซอฟ)
@mrskutcher (เดมี่ มัวร์)
@IMKristenBell
@emmyrossum
@ElizabethBanks

Actor

@simonpegg
@driis (ไอดริส เอลบา)
@NathanFillion
@nickjfrost
@daxshepard1
@JudahWorldChamp (จูดาห์ ฟรีดแลนเดอร์)
@peterfacinelli
@KevinSpacey
@EthanSuplee
@JayMewes
@JohnCleese
@hitRECordJoe (โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์)
@robcorddry
@kevinpollak
@rainnwilson
@MintzPlasse (คริสโตเฟอร์ มิ้นส์ พรีซ)
@jimmyfallon
@rustyrockets (รัสเซล แบรนด์)
@michaelianblack

Director

@edgarwright
@F_Gary_Gray
@JasonReitman
@juddapatow
@rcjohnso (ไรอัน จอห์นสัน)
@davidwain
@ThatKevinSmith
@gregmottola
@ManMadeMoon (ดันแคน โจนส์)
@james_gunn
@Jon_Favreau
@wescraven
@6Mman (แอนดริว สแตนตัน)

Musician

@NicoleAtkins
@SaraBareilles
@AFineFrenzy

Writer / Illustrator

@chuckpalahniuk
@radiomaru (ไบรอัน โอมัลลี่ย์)
@diablocody
@neilhimself (นีล ไกแมน)
@jonhurwitz

 

โดย: BloodyMonday 23 กันยายน 2552 21:47:29 น.  

 

ผมลองสมัครและเข้าไปดูทวิตของน้องชาช่าแล้ว ไม่เห็นมีรูปที่คุณบลัดดี้ว่าเลย ผมพลาดตรงไหนเนี่ย???

5555++ หมกมุ่นดีจริงๆเรา

 

โดย: แฟนผมฯ IP: 222.123.196.44 23 กันยายน 2552 22:42:13 น.  

 

^
^
ผม reply กลับไปในทวิตเตอร์แล้วนะ มาใส่ลิงค์ตรงนี้ดูจะโจ่งครึ้มไป 555+

 

โดย: BloodyMonday 23 กันยายน 2552 23:13:10 น.  

 


@hitRECordJoe (โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์)

เดี๋ยวตามมมมมม....

^_^

 

โดย: renton ~ emptyness- again :: IP: 125.26.126.144 24 กันยายน 2552 0:19:00 น.  

 

ผมก็มีครับ ตอนแรกๆก็เห่อ ทำแรมาเขียนเอาไว้หมด


ตอนนี้เลิกครับ เอาไว้จดว่า เพิ่งดูหนัง ฟังเพลง หรือ อ่านอะไรมาแค่นั้น


ปล. ของผม 0 Follower และ 0 Following น่าอนาถใจ

 

โดย: navagan 24 กันยายน 2552 0:48:35 น.  

 

+ จ๊ากกกกก ไม่จริงเลยครับ เพื่อนบล็อกผมยังนับว่าไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะยังยาวไม่ถึง 3 หน้าคลิกเลย (เห็นของบางคนยาวเป็นสิบๆ หน้าคลิก ก็ยังงงว่าเค้ากลับไปเยี่ยมคืนหมดไหวหรือไร ไม่งั้นคงไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว นั่งอ่านบล็อกตอบบล็อกทั้งวัน เหอๆ) เรื่องของเรื่องเป็นเพราะงานผมตอนนี้มันไม่ค่อยเอื้อ (อ้าว! แล้วตอนนี้แกทำไรอยู่ฟระ ... ก็หัวหน้าไปประชุมไง อิๆ) ให้เล่นเท่าไหร่, กิจกรรมส่วนตัวก็เยอะ กลับบ้านก็ดึกดื่น เสาร์อาทิตย์ก็มักต้องออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกบ้าน เลยเหลือเวลาให้กับโลกไซเบอร์ได้ค่อนข้างน้อยอ่ะครับ (ไม่รู้ยิ่งแก่ ทำไมเวลามันยิ่งหายไปไหนหมด ไม่เหมือนตอนเด็กๆ วันนึงย้าวยาว ทำอะไรได้เยอะแยะเลยอ่า)

+ นับว่าเอนทรี่นี้ เหมือนเป็น "Dummy for Twitter" เลยนะครับเนี่ย ... ไว้ถ้าวันใด (คงไม่ใช่เร็วๆ นี้) ผมมีโอกาสได้เล่นบ้าง จะแวะเข้ามาเริ่มเอาทิบส์และลิงค์จากหน้านี้แหละครับผม

 

โดย: บลูยอชท์ 24 กันยายน 2552 15:02:38 น.  

 

โอ้โห ทวิตเตอร์แนะนำเมพมากๆ

พิมพ์รวมออกขายเหมือนเรียงเบอร์เลยดีกว่าครับ

 

โดย: เอกเช้า IP: 124.120.190.24 24 กันยายน 2552 22:59:53 น.  

 

สบายดีนะคะ
ลองเข้ามาทาง twtter
นั่งดู Football อยุ่ค่ะ
Everton VS Portsmouth
คนไทยก็ต้องเชียร์ช้างน่ะ 5 5 5

 

โดย: P'Or(เริงฤดีนะ)ค่ะ IP: 124.121.189.193 26 กันยายน 2552 18:51:14 น.  

 

ต้อง RT กันเป็นพวงๆ นะ จะสนุกมาก

 

โดย: grappa 28 กันยายน 2552 9:09:04 น.  

 

โห... ได้ดูตั้งสามเรื่องแน่ะ แต่ไม่น่าไปเสียตังค์ให้ Final 4 เลยนะครับ (เอ๊ะ รึว่าฟรี)

ส่วนผมก็ดูหนังแผ่นไปสองเรื่องครับ มี The Good The Bad and The Weird แล้วก็ สุกี้ยากี้อะไรซักอย่างของมิอิเกะ เรื่องแรกสนุกดี แต่เรื่องหลังรู้สึกว่าจะเลอะเทอะเกินไปนิดส์นึง มุขตลกก็มาแบบผิดที่ผิดทางยังไงไม่รู้ ดูไปกด Fw ไปด้วยความอึดอัด

ได้แผ่น Antichrist มาแล้ว ลองเปิดไปหน่อย แม่เจ้า... เต็มตาเลยตรู 5555++

 

โดย: แฟนผมฯ IP: 142.103.23.32, 202.134.119.218 28 กันยายน 2552 11:04:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
22 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.