|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
27 กันยายน 2553
|
|
|
|
ตะเพินคี่ 2 ไปวัด
อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ที่บล็อกก่อนครับว่าเป็นภารกิจตั้งแต่คราวเข้าพรรษา วันนี้เลยขอนำเสนอภาพการถวายเทียนพรรษาและเครื่องบริขารนะครับ
วันนี้วัดแรกที่จะไปเป็นวัดกลางป่าในหุบโน่นต้องเดินเท้าเข้าป่ารถชัดไปกลับ 8 กิโล เลยออกเดินทางแต่เช้า ยกขบวนขึ้นรถกระบะจนสุดหนทางแล้วก็เริ่มเดินเท้ากันเข้าป่า เข้าหุบครับ
ลงรถแล้วเดินผ่านไร่ข้าวโพด
แล้วก็เดินผ่านป่ารถชัฎ เฮ่อ ยิ่งกว่าทางด่านสัตว์อีกครับทั้งรกทั้งลื่น มีบางคนในขณะลื่นล้มให้หัวเราะกัน(ทางด่างสัตว์หมายถึงทางที่สัตว์ป่าใช้)
ไม้หนามข้างทาง ถ้าใครเดินลงหุบแล้วลื่นมือไปคว้าเจ้าไม้นี่เข้ามีหวัง...
เอาหละถึงวัดเสียที เล่นเอาเหงื่อตก
ต้นไม้ใหญ่ในเขตวัดพันผ้าเหลืองไว้
ที่วัดมีหลวงตาจำพรรษาอยู่หนึ่งรูป มีปัญหาด้านสุขภาพ เดินเหินลำบาก เราจึงต้องเตรียมอาหารแห้งไปถวายท่านมากเป็นพิเศษ
หลังจากรับศิล รับพร กรวดน้ำเราก็เดินทางกลับ ขอบอกว่าขากลับเล่นเอาหอบแฮ็ก เพราะขากลับเป็นการเดินขึ้นเขา แต่มีดอกไม้รายทางสวยๆ ให้ได้ดูบ้างเลยเก็บภาพมาฝาก
นี่ไม้วงศ์กระเจียวดอกสีจัดสวยดีจัง
นี่เจอดอกนี่ในป่าไผ่ เป็นดอกไม้วงศ์ดอกดินครับ เรียกว่าดอกสามสี ปกติไม้วงศ์ดอกดินจะไม่มีต้นไม่มีใบ เพราะเป็นปรสิตที่เกาะอาศัยอยู่กับรากไผ่(แบบเดียวกาฝากที่เกาะกิ่งไม้อื่นนั่นแหละครับ)
นี่กล้วยไม้ดินชื่อท้าวขูลู เขาว่ากันว่าเวลาเจอต้นท้าวขูลู มักจะเจอกล้วยไม้ดินต้นนางอั้วด้วย แต่ครั้งนี้มองยังไงก็หาต้นนางอั้วไม่เจอ ตามตำนานว่าไว้ว่าไม้ทั้งคู่เป็นวิญญาณรักของท้าวขูลูและนางอั้วคู่รักที่ไม่สมหวังในรัก ได้กลับชาติมาเกิดเผื่ออยู่ใกล้กัน-- นั่นแน่บางคนไม่เคยได้ยินตำนานนี้ใช่หรือป่าว
ออกมาจากป่าได้ก็ขึ้นกะบะ พักทานข้าวแล้วก็ไปวัดต่อไม่ยากครับ มีถนนเข้าถึงเพราะคือวัดในหมู่บ้านนั่นเอง วัดตะเพินคี่
หลวงพี่ที่วัดตะเพินคี่
หลวงพี่ที่วัดตะเพินคี่ ท่านดูท่าทางเหมือนนักเลงเก่าด้วยว่ามีรอยสักให้เห็นเต็มตัว แต่ที่ท่านแสดงออกเรียบง่ายดูนิ่งสงบ คนในคณะถามท่านว่าที่วัดมีพระจำพรรษาองค์เดียวหรือ ท่านบอกว่ายังบอกไม่ได้ ต้องพรุ่งนี้วันเข้าพรรษา วันนี้อาจจะมีพระธุดงค์ออกมาจากป่าเพื่อจำพรรษาที่นี่เพิ่มอีกก็ได้ "และได้ไปถวายหลวงตาในวัดป่าหรือยัง" ท่านถามถึงหลวงตาในวัดที่เราไปเมื่อเช้า "ไปแล้วครับเมื่อเช้านี้" ชาวคณะตอบ "ท่านอยู่ที่นั่นลำบาก " ท่านว่า "แล้วหลวงพี่ที่อยู่ที่วัดถ้ำล่ะ" ท่านถามต่อ "เดี๋ยวกำลังจะไปครับ" "กลัวพวกโยมไม่รู้ว่ามีพระจำพรรษาที่นั่นด้วย ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ น่าเลื่อมใส" หลวงพี่ตะเพินคี่กล่าวชมพระที่วัดถ้ำ
เสร็จจากรับศิลรับพรพวกเราก็เดินทางต่อ
ต้นแสลงพันที่วัดตะเพินคี่เป็นไม้เลี้อย ครูนัสบอกว่ามีสรรพคุณในการขับแสลด"
ต่อด้วยรถกระบะไปวัดถ้ำครับ ครู่เดียวก็ถึงเดินเท้าผ่านไร่ข้าวโพดกันอีกนิดหน่อย
ชาวคณะถวายเทียนพรรษาและเครื่องบริขาร
ในวัดถ้ำไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไร มีท่อนไม้เตี้ยๆ สำหรับเป็นเก้าอี้นั่งของโยม มีแคร่ไม้ มองไปสุดคูหาถ้าเห็นมีกลดปักไว้ ตรงกลางถ้ำมีทางดินยกไว้เป็นทางยาว
รับศิลรับพรเสร็จ ท่านก็ได้กล่าวให้เราฟัง(เทศน์) ถึงความยากในการได้เกิดเป็นมนุษย์ซึ่งพวกเราทุกคนควรระลึกไว้ และควรทำความดีศึกษาความเป็นคนที่ต่างจากสัตว์ และกล่าวถึงเรื่องของสติ(ผมขอสรุปคร่าวๆ แค่นี้นะครับเพราะจำรายละเอียดไม่ได้ ขออภัยด้วยนะครับ) จากนั้นชาวคณะก็กราบลา.... ยกเว้น... ผม
ด้วยความทุกข์ยากบางประการในจิตใจผมที่มักจะแวะเวียนมารบกวนผม บวกับทางเดินที่ทำไว้กลางถ้ำคงเป็นลานเดินจงกรม และรวมกับคำว่าพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ได้ยินมา ผมเชื่อว่าท่านน่าจะช่วยชี้แนะผมได้
"หลวงพี่ครับ ทำอย่างไรเราถึงจะมีสติรู้ตัวตลอดเวลา"ผมเรียนถามท่าน "โยม มานั่งใกล้ๆ นี่" ท่านกวักมือเรียกผม ผมไปนั่งข้างหน้าท่าน เพื่อนคนอื่นในวงที่ลุกออกไป ออกไปยืนรอผมที่หน้าถ้ำ "โยม เป็นคนขี้โกรธเหรอ" ท่านถาม "ป่าวครับ เพียงแต่บางครั้งผมรู้สึกว่าเป็นทาสของอารมณ์และความคิดบางอย่างและถอนตัวออกมาไม่ได้ และยิ่งคนรอบตัวผมหลายคนผมเห็นว่าเขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ากำลังโกรธ กำลังหลง กำลังบ้ากันอยู่" "โยมไม่ต้องพูดถึงคนอื่น สำคัญที่ตัวโยมเลย ถ้าโยมอยากมีสติรู้ตัว ก็ต้องหมั่นลงมือฝึกให้มีสติรู้ตัว ยิ่งฝึกมากยิ่งมีมาก ฝึกให้มากๆ เข้าไว้" หลวงพี่กล่าว ผมเหลือบมองไปที่ทางเดินกลางถ้ำ... "นั่นใช่ลานเดินจงกรมหรือป่าวครับ" ผมถาม "ใช่" ท่านตอบ ผมกราบขอบพระคุณท่านและลาจากมาพร้อมกับชาวคณะ
คำตอบของท่านเน้นย้ำบทสนาที่ผมได้คุยกับหลวงพี่ที่วัดป่าสุคะโต เมื่อคราวไปปลูกป่าที่นั่น ท่านเคยเตือนผมไว้ว่า
"อ่านหนังสือให้น้อยลง และลงมือปฏิบัติความรู้ตัวให้มาก ยิ่งปฏิบัติมาก มันก็จะยิ่งเป็นทรัพย์ของเรา และเราจะหยิบมันออกมาใช้ได้อย่างเพียงพอทุกครั้งที่มีบางอย่างมากระทบเรา หยอดกระปุกความรู้สึกตัวให้มากๆ ไว้"
เขียนไปเขียนมายาวเหยียดเลย... จากบล็อกท่องเที่ยว ตอนนี้ออกแนวบล็อกธรรมะไปเสียแล้วต้องขอโทษที แต่ก็ดีแล้วครับ
กลับเข้าเรื่องออกจากวัดถ้ำเราก็ขึ้นรถกะบะกลับไปพักกันที่บ้านครูนัส
สำหรับผม ผมกลับไปพร้อมกับข้อเตือนใจบางประการ ถึงการลงมือปฏิบัติการมีสติรู้ตัว ทุกวันนี้ผมขอกล่าวว่า ผมกำลังหยอดกระปุกสะสมความรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่
ขอสันติสถิตในดวงใจทุกท่าน
สวัสดี
Create Date : 27 กันยายน 2553 |
Last Update : 29 กันยายน 2553 20:56:31 น. |
|
8 comments
|
Counter : 2502 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: raya-a วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:11:17:14 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:14:12:27 น. |
|
|
|
โดย: raya-a วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:14:21:38 น. |
|
|
|
โดย: bite25 วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:18:25:34 น. |
|
|
|
โดย: ไผ่ IP: 67.175.64.161 วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:22:37:47 น. |
|
|
|
โดย: ไบรท์ ไม่ได้ล็อกอิน IP: unknown, 202.44.135.35 วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:10:44:30 น. |
|
|
|
โดย: noinanai วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:15:09:48 น. |
|
|
|
โดย: VELEZ วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:21:08:03 น. |
|
|
|
| |
|
|
bite25 |
|
|
|
|