W RETREAT & SPA - MALDIVES เป็นมากกว่าฝัน สวรรค์มัลดีฟส์ [Ep.2]
จากรีวิวตอนที่แล้วผมรีวิวตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจนถึงรีสอร์ทและพาไปชมห้อง Ocean Oasis Lagoon View พร้อมกับบางส่วนของรีสอร์ทกันแล้ว รีวิวนี้จะพาไปชมส่วนอื่นๆกันต่อ ส่วนจะเป็นที่ไหนบ้างตามมาได้เลยครับ
ความเดิมจากตอนที่แล้ว ผมพาไปทานอาหารค่ำที่ KITCHEN ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักแห่งแรกของ W ฮะ อาหารที่ห้องอาหารนี้ดูจะถูกปากที่สุดใน 3 ห้องอาหารของที่นี่แล้วครับ
มาต่อกันด้วยเช้าวันต่อมา ซึ่งก็ได้เวลาของอาหารเช้ากันพอดี
อาหารเช้าของที่นี่เราก็ต้องมาทานกันที่ KITCHEN ฮะ
อาหารเช้าไม่มากไม่น้อยฮะ แต่ใช้วัตถุดิบดีมากทั้งนั้น ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องปกติของโรงแรมระดับนี้
ที่จริงยังมีส่วนของอาหารคาวซึ่งผมไม่ได้ถ่ายมาเพราะเดี๋ยวจะเป็นการรบกวนลูกค้าท่านอื่นๆมากเกินไปฮะ เดี๋ยวไปดูกันบนโต๊ะอาหารแทน
ครัวจะเปิดให้เห็นกันแบบในภาพฮะ เราสามารถเดินมาออเดอร์เมนูไข่ต่างๆได้ที่สเตชั่นครับ อยากทานไข่แบบไหนมีให้ทุกอย่าง
น้ำผลไม้ก็จะคั้นกันสดๆตรงนั้นเลยฮะ หรือว่าถ้าอยากทานแบบไม่แปรรูปก็สามารถสั่งได้ฮะ
ไปที่โต๊ะอาหารกันดีกว่า เมื่อนั่งประจำที่แล้วก็จะมีพนักงานเดินมาสอบถามว่าอยากได้เครื่องดื่มอะไรมั้ย ชา กาแฟ สั่งได้หมดฮะ คาปูชิโน ลาเต้ เอสเพรสโซ่ โกโก้ ร้อนเย็น น้ำผลไม้ ซึ่งพอในวันแรกเราทานแบบไหนวันต่อมาพนักงานก็จะเดินมาถามเลยฮะว่าจะเอาแบบเมื่อวานมั๊ย .. ใส่ใจมากจริงๆ
มาดูอาหารเช้ากันบ้างครับ เท่าที่สังเกตดูจากที่ได้ทานอาหารเช้า 4 วัน อาหารจะเปลื่ยนทุกๆวันฮะ น่าจะ 3 วันวนกลับมาใหม่ทีเพราะวันสุดท้ายที่ทานจะเห็นว่าเมนูเดินจากวันแรกกลับมาแล้ว
เมนูไข่ .. สั่งได้จากสเตชั่นฮะ
ผมขอรวบอาหารเช้าทุกมื้อมาไว้ในคราวเดียวเลยนะครับ อาหารคาวเท่าที่ดูก็จะมีหลากหลายชนิดฮะ อาหารฝรั่ง ซีฟู๊ด อาหารจีน ญี่ปุ่น สลับเมนูกันมาให้ทานทุกวัน อาหารไทยก็แอบมีมาเหมือนกันครับ ผมได้ทานแกงเขียวหวานซีฟู๊ดที่ถึงแม้จะไม่ใช่รสไทยซะทีเดียวแต่ก็พอทานได้ฮะ
( แอบมีน้ำจิ้มไก่แม่ประนอมไปด้วย 5555
) จริงๆคือเตรียมการไปหลายอย่างฮะเพราะตอนแรกก็เกรงว่าจะทานอะไรไม่อร่อย นอกจากน้ำจิ้มไก่ ยังมีแม็กกี้ (ไม่ได้เล่าว่าทำเอาเกือบแย่ที่สนามบินเพราะเจอเรียกค้นกระเป๋าเพราะคิดว่าเป็นขวดเหล้า) อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือน้ำจิ้มซีฟู๊ด
หรือจะเลือกนั่งแช่เท้าไป ทานอาหารชิลล์ๆไปก็ได้นะครับ
อ่อ.. ถ้าใครเห็นว่ามาอยู่เกาะแล้วจะตัดขาดจากโลกภาพนอกไปเลยคงไม่ต้องกลัวนะฮะ ทานอาหารเช้าที่นี่คุณก็มีหนังสือพิมพ์ให้อ่านอัพเดทข่าวสารได้ตามปกติเหมือนอยู่ที่บ้านเลย มีหนังสือพิมพ์จากหลากหลายมุมโลกครับ เสียดายที่น่าจะมีหัวไทยบ้างเนอะ
ไปเดินผึ่งพุงชมวิวกันดีกว่าฮะ
ถือว่าผมโชคดีมากที่ทริปนี้เจอฟ้าใสๆตลอดทริปฮะ เมื่อซัก 2 อาทิตย์ก่อนได้คุยกับคนที่ไป W มาเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เค้าบอกเค้าไป 5 วันที่อยู่ที่นั่นเจอพายุไปซะ 4 วัน เป็นผมคงเซ็งน่าดูเหมือนกันนะฮะ
ถ้าจะถามว่าแดดแบบนี้มันรู้สึกร้อนมั๊ย บอกเลยฮะว่าไม่ร้อนเพราะลมพัดเย็นตลอดเวลา แต่อย่างที่บอกฮะเพราะความคิดว่ามันไม่ร้อนเนี่ยล่ะเลยไม่ยอมทากันแดด สรุปกลับมาผิวลอกเป็นขลุยไปหลายวันเลย
สำหรับคนที่ไม่กลัวแดด ช่วงนี้ก็เป็นช่วงกิจกรรมที่สามารถเลือกที่จะเล่นได้ตามใจฮะ ซึ่งอย่างที่บอกว่ามันก็มีทั้งฟรีและเสียเงิน
มีกิจกรรมอยู่อย่างฮะที่น่าเล่นมาก มันเป็นเหมือนเครื่องสกู๊ดเตอร์ขนาดเล็กให้เราจับแล้วก็บิดพาเราพุ่งตัวออกไป จะบนผิวน้ำหรือใต้น้ำเจ้าเครื่องนี้ทำได้หมด ให้เล่นฟรีนะครับ.. แต่แค่ 15 นาทีซึ่งนั่นก็คือเวลาที่พนักงานเค้าจะสอนเรา กลัวติดใจฮะเลยไม่เล่นแต่แรกดีกว่าเพราะราคาเช่าแพงพอดูอยู่
ภาพชุดนี้สำหรับหนุ่มๆฮะ ..
ไม่ค่อยได้เห็นหรอกครับสำหรับ บิกินี่ อาจจะเพราะผมไม่ได้ไปนั่งเฝ้ามั้งฮะ
สวรรค์ของคู่รัก ..
W ยังมีเกาะส่วนตัวที่อยู่ไม่ไกลกันกับรีสอร์ทเท่าไหร่อยู่อีกเกาะนึงครับ
เกาะนี้มีชื่อว่า Gaathafushi ฮะ การจะไปเกาะนี้ได้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมซึ่งไปสอบถามมาแล้วได้ความว่า 500 เหรียญต่อคู่ฮะสำหรับการไปนั่งๆนอนๆและดำน้ำดูปะการังบนเกาะนี้ 4 ชั่วโมง หรือถ้าอยากส่วนตัวมากๆจริงๆก็มีห้องพักแบบเอ๊กซ์คลูซีฟให้นอนค้างบนเกาะนี้ด้วยครับ สนนราคาก็แค่ 1920 เหรียญต่อคืนเท่านั้นเอ๊งงงงง
แค่นี้ก็กระเป๋าฉีกแล้วฮะ แช่น้ำอยู่ในวิลล่าดีกว่า 555
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งไพรเวทแอนด์สเปเชียลมากๆฮะ ภาพที่เห็นไม่ใช่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์นะฮะ แต่นี่คือที่ๆจัดไว้เพื่อดินเนอร์สุดแสนโรแมนติก
ซึ่งผมก็ไม่ได้ถามว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเท่าไหร่ และช่วงที่อยู่ที่นั่นก็ไม่มีใครใช้บริการเลยก็เลยไม่ได้ภาพตอนที่จัดโต๊ะสวยๆมาฝากกัน
เอาภาพผู้ใช้บริการตอนกลางวันไปชมแล้วกันนะฮะ 555
เห็นภาพมาเยอะแล้วคงไม่ต้องสงสัยในความใสของน้ำทะเลที่นี่ หลายๆคนที่รู้ว่าผมไปมัลดีฟส์มักจะถามว่าน้ำใสมากมั๊ย
ผมบอกทุกคนไปว่า แค่ลงจากเครื่องแล้วเดินไปดูข้างๆสนามบินน้ำตรงนั้นมันก็ใสพอๆกะเราไปเที่ยวสิมิลันแล้วมั้ง ..
เดินไปตรงไหนก็เจอแต่ปลาไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่
ขนาดเรือยังเหมือนจะลอยได้
สองภาพต่อเนื่องกันต่อไปนี้เก็บได้แบบบังเอิญมากๆฮะ
ภาพแรกผมเห็นปลาตัวใหญ่มากว่ายผ่านใต้สะพานที่ผมกำลังเดินผ่านไป รีบคว้ากล้องขึ้นมาถ่าย ไม่แน่ใจว่าปลาอะไรแต่อาจจะเป็นทูน่าตัวยาวราวๆแขนช้างนึงยืดสุดๆ
หลังจากนั้นก็มีปลาอีกตัวว่ายตามมา .. ใหญ่พอกันเลยปลาอะไรน๊า !!
เดินผึ่งพุงกันพอสมควรก็ได้เวลากลับห้องพักฮะ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพาไปแนะนำห้องพักอีกแบบที่เรียกว่า Ocean Oasis กัน
ต่อไปจะพามาชมห้องอีกแบบที่ชื่อว่า Ocean Oasis ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกับห้อง Lagoon View แค่เพียงหันหน้าคนละฝั่งทะเลเท่านั้นเองครับ
เนื่องจากย้ายห้องห้องนี้เลยจะมีแค่ผลไม้ต้อนรับเอาไว้ให้ฮะ
ด้านในห้องจะเป็นแปลนเดียวกับห้อง Lagoon View เลยฮะไม่มีอะไรแตกต่าง สิ่งที่แตกต่างอย่างเดียวเลยคือวิวข้างนอก
{{แอบมีเรื่องสยิวๆมาเล่าให้ฟังฮะ.. คือตอนที่ยืนถ่ายรูปอยู่แอบได้ยินเสียงมาจากวิลล่าข้างๆที่เห็นในรูปด้านบนนี่ล่ะฮะ ผมพยายามเงี่ยหูฟังและลองจินตนาการดูแล้ว สงสัยจะกำลังมีความสุขกันสุดๆใน pool ฮะ
สิ่งนึงที่ทำให้รู้สึกว่ามันไม่ส่วนตัวเลยคือเสียว !! เอ้ย !! เสียงฮะ ทนฟังได้ไม่นานต้องเดินหน้าแดงเข้าห้องไปแบเงียบๆฮะ 55555}}
ปะการังหน้าบ้านก็จะเป็นปะการังกิ่งธรรมดาฮะแต่จะอยู่เป็นพุ่มใหญ่ๆเต็มไปหมดเพราะฉะนั้นถ้าช่วงน้ำลงจะไม่เหมาะกันการเล่นน้ำฮะเพราะปะการังบางส่วนจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา
แล้วก็ได้เวลาลงน้ำอีกแล้วฮะ ..
คราวนี้พิเศษหน่อยตรงผมมีกล้องถ่ายภาพใต้น้ำติดมาด้วย เสียดายที่เก็บภาพได้ไม่มากก่อนที่กล้องมันจะกลืนน้ำเข้าไปจนพัง ยังดีที่พอจะได้ภาพจากเมมโมรี่มาบ้างก่อนที่เมมจะตายตามไปด้วยในเวลาต่อมา
ปล.ต้องขอขอบคุณคุณก้อง (ikhong) ที่ให้ยืมกล้องมาด้วยนะครับ ผมทำพังกลับมาไม่ว่าซักคำ
ที่อื่นๆไม่รู้เป็นยังไงนะฮะ แต่ที่นี่หน้าวิลล่าปลาเยอะมากจริงๆ สารพัดชนิดหลายขนาดมากๆ
พิเศษฮะ มีภาพเคลื่อนไหวมาให้ชมกันด้วย
VIDEO นอนฝั่งนี้ก็จะได้เห็นวิวเกาะนี้กันจนเบื่อล่ะครับ
อีกอย่างที่เมื่อเรานอนฝั่งนี้แล้วเราจะได้เห็นวันละไม่ต่ำกว่า 2 รอบคือเจ้านี่ฮะ
Seaplane จะต้องขึ้นลงฝั่งนี้ฮะ เราจะได้เห็นเครื่องขึ้นแบบนี้ในบางเวลาฮะ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราสน็อคเกิ้ลหน้าวิลล่าเราก็ต้องระวังอย่าออกไปไกลมากเพราะมันจะไปอยู่ในแนวเครื่องขึ้นครับ
ด้วยความที่อากาศดีช่วงเย็นๆเราก็จะได้เจอกับฟ้าสวยๆทุกวันเลยฮะ
ถ้าถามว่านอนฝั่งไหนจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น-ตกสวยๆ ห้องทั้งสองแบบที่ผมนอนไม่ได้เห็นแบบเต็มๆตาเลยฮะ เพราะว่ามันหันหน้าไปทางเหนือและใต้ครับ ห้องที่จะสามารถนอนมองพระอาทิตย์ขึ้นได้เลยจากปลายเตียงคือ Beach Oasis หรือห้องบนเกาะที่อยู่ทางด้านตะวันออกฮะ
ส่วนพระอาทิตย์ตกก็ต้องเป็นห้อง Seascape Escape และห้องแบบ Ocean Haven ซึ่งเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนที่ตั้งอยู่ปลายสุดของวิลล่ากลางน้ำฮะ
บรรยากาศยามค่ำฮะ
สะพานด้านนอกก็เปิดไฟสวยงามฮะ
ตัดภาพมาที่เช้าของอีกวันฮะ จะเห็นว่าน้ำทะเลลดระดับจนปะการังผุดเหนือน้ำมาให้เห็น
ช่วงเวลาแบบนี้ถ้าเป็นฝั่งลากูนยังพอเล่นน้ำได้สบายๆฮะ แต่ถ้าเป็นฝั่งนี้หมดสิทธิ์แน่นอน
ถ้าลงไปกลัวว่าจะได้แผลกลับเมืองไทยแน่นอน
ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมซึ่งถือเป็นไฮไลท์ที่ถ้ามา W แล้วไม่ทำไม่ได้ฮะ
เดี๋ยวผมจะพาไปที่ Away Spa ครับ
ลืมเจ้านี่ไปได้ไงเนี่ย .. นี่เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เล่นได้ทั้งวันฮะ ผมเองก็เรียกไม่ถูกแต่ถ้าคนไปพัทยาบ่อยๆก็จะเห็นกิจกรรมนี้อยู่เต็มอ่าวพัทยากลางฮะ
ร่มที่นี่ไม่ต้องกลัวเกี่ยวกะใครเพราะเล่นได้ทีละคนฮะ แถมปล่อยสูงมากอีกตะหาก กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่แทบจะมีคนเล่นตลอดเวลาครับ วนผ่านหน้าวิลล่าวันนึงเป็น 10 รอบซะมั้ง
ถึงแล้วครับ Away Spa สปานี้อยู่ทางตะวันออกของเกาะครับ
ที่ว่าเหมาะ ไม่ได้จะพามาทำสปานะครับ เพราะสปากับผมและคนที่ไปด้วยไม่ค่อยจะถูกโฉลกกันซักเท่าไหร่
แต่ที่จะพามาตรงนี้เพราะมีอีกกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงรออยู่ นั่นคือการสน็อคเกิ้ลฮะ
ทำไมต้องมาสน็อคเกิ้ลตรงนี้หรอฮะ ดูจากภาพจะเห็นว่าแถวๆนี้จะมีแนวปะการังอยู่ตลอดแนวแถมยังเป็นขอบของ Atoll ด้วยเลยจะทำให้มีปะการังใหญ่ๆแปลกๆอยู่เยอะ รวมทั้งปลาอีกมากมายหลายชนิดด้วยครับ
เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมนั่นคือฟินหรือตีนกบ เสื้อชูชีพ(ถึงว่าน้ำแข็งก็ควรใส่ฮะ) หน้ากากสน็อค เราก็ออกไปตรงทุนลอยที่เห็นสีแดงๆนั่นได้เลยครับ
แนวปะการังที่เราจะออกไปดูยาวพอสมควรฮะ แล้วไม่ใช่ว่าพอแล้วหรือเหนื่อยแล้วจะขึ้นตรงไหนก็ได้นะครับ ต้องเข้าฝั่งตามทุ่นลอยที่กำหนดไว้ให้เท่านั้นเพราะตรงที่ลอยทุ่นไว้จะเป็นช่องที่ไม่มีปะการังฮะ จะได้ไม่ไปเหยียบหรือโดนปะการังบาดเอาได้
จุดที่เราจะขึ้นฝั่งอีกทีคือนู้นฮะเกือบจะสุดภาพเลยล่ะ
มีภาพเคลื่อนไหวมาให้ดูฮะ .. กล้องใต้น้ำตัวเก่าตายไปแล้วจาการสำลักน้ำเพราะฉะนั้นด้วยความยากได้ภาพอีกจึงเดินไปซื้อกล้องง่อยๆจาก Driving Center มาซึ่งคุณภาพก็ห่วยสุดๆฮะ แต่ก็ยังพอทำให้เห็นภาพคราวๆของด้านล่างว่ามันอลังการมากๆ
เสียดายมากที่ไม่ได้ภาพสวยๆมาฝาก แต่ความทรงใจมันเป็นภาพอยู่ในสมองเรียบร้อยไปแล้วฮะ
VIDEO เมื่อเราว่ายผ่านทุ่นลอยออกไปก็เหมือนเราได้เจอโลกอีกใบเลยฮะมารู้ก็ตอนนี้ว่าขอบของ Atoll เป็นยังไงพ้นทุ่นปุ๊บเป็นเหวลึกลงไปเลย ปะการังสวยมาก ปลาเป็นพันๆตัว จริงๆ W ขึ้นชื่อมากในเรื่องของการดำน้ำหรือสน็อคเกิ้ลในการดูปะการังฮะ แถมยังสามารถสน็อคได้รอบเกาะด้วย ทางฝั่งของลากูนตรงขอบด้านนอกก็เหมาะที่จะสน็อคเช่นกัน แถมบริเวณนั้นยังมีปะการังและดอกไม้ทะเลสวยๆอีกเพียบ ดูสิผมสน็อคไปเจออะไรมาด้วย VIDEO เรียกได้ว่าเจอขาใหญ่แห่ง W เลยฮะ เจอตอนแรกนี่แทยกรี๊ดแตกเลยทีเดียว 55555 ช่วงเวลาที่เหมาะจะสน็อคที่สุดคือช่วงที่น้ำขึ้นสุดฮะ เราไม่ทำอันตรายปะการังด้วยน้ำก็อุ่นกว่าตอนน้ำลงด้วยครับ
เดี๋ยวพาไปชมที่อื่นๆกันต่อครับ ..
ช่วงเย็นๆมีอีกหนึ่งที่ๆไม่อยากให้พลาด
นั่นก็คือที่นี่ฮะ SIP
SIP เป็น Sunset Lounge ฮะ บรรยากาศสบายๆ
เป็นเล้าจน์ที่นั่งจิบเครื่องดื่มชิลล์ๆชมพระอาทิตย์ตกที่ได้วิวสวยๆฮะ
ชิลล์ปายยยยยยยย
ที่นี่ไม่มีโปร Cocktails นะฮะแต่ Snacks นี่ฟรีทั้งหมดครับ ปล.ถ่ายเห็นเท้าคู่ฮันนิมูนของผมด้วย ต้องขอโทษมากๆครับ ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่เราจะอยู่บนเกาะสวรรค์แห่งนี้แล้วฮะ
ข้างๆกันกับ SIP ยังมีห้องอาหารอีกหนึ่งที่ครับ ชื่อว่า FISH ฮะ
ห้องอาหารนี้ไม่ได้เปิดบริการทุกวันฮะ เพราะฉะนั้นต้องเช็คก่อนว่าวันไหนเปิดแล้วควรจองโต๊ะล่วงหน้าครับ
ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไปจากวิลล่าฮะ เลยได้ภาพมานิดหน่อย ส่วนอาหารเนื่องจากบรรยากาศมันมืดมากก็เลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูกัน แต่โดยรวมรสชาติอาหารผมว่าที่ห้องอาหาร KITCHEN อร่อยกว่านิดหน่อยครับ
นอกจากส่วนต่างๆที่กล่าวมาทั้งหมดในรีวิวทั้งสองตอน ยังมีส่วนที่ผมไม่ได้ไปใช้บริการอยู่ 2 ที่นั่นก็คือ FIRE ห้องอาหารแห่งที่ 3 ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจาก FISH เท่าไหร่และไม่ได้เปิดบริการทุกวันฮะ
อีกที่เป็น Nightclub ชื่อว่า 15BELOW ฮะเก๋มั๊ยล่ะฮะบนเกาะแบบนี้มี Nightclub ด้วย จะเปิดบริการเฉพาะวันอังคาร พฤหัสฯและเสาร์โดนจะมีดีเจเปิดแผ่นให้สนุกสนานกันครับ ตอนที่ไปนั่งที่ SIP ได้เจอดีเจซึ่งเป็นสาวสิงค์โปร์ พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยเค้าก็บอกว่าเค้ามีเพื่อนคนไทยนะ ก็เลยชวนเราไปสนุกที่ 15BELOW แถมให้บัตรเครื่องดื่มไว้ให้ด้วยแต่ผมไม่ค่อยถนัดฮะเรื่องแสงสีเลยขอบาย
ตัดภาพมาที่เช้าวันสุดท้ายกันฮะ
วันนี้จิตใจเหงาหงอยอย่างบอกไม่ถูก คุณภรรยาเริ่มเก็บภาพความประทับใจสุดท้ายก่อนกลับ
ช่วงเวลาที่ PG หรือบางกอกแอร์เวย์เลื่อนเวลาเที่ยวบินมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียฮะ ข้อดีก็อย่างที่บอกไว้ว่าต่อไปเราก็ไม่ต้องไปเสียเวลาอยู่ที่มาเล่ 1 คืนเหมือนแต่ก่อน แต่ข้อเสียก็คือวันกลับเราก็ต้องออกเดินทางจากรีสอร์ทตั้งแต่ 10 โมงกว่าๆเพื่อไปเช็คอินที่สนามบินก่อนเที่ยง
นั่งทานอาหารเช้ารอเครื่องมาฮะ พอมาถึงกระเป๋าเราก็ถูกส่งขึ้นเครื่องไปหมดแล้ว
มามัลดีฟส์คราวนี้ได้นั่ง Seaplane ทั้ง 2 เจ้าเลยฮะ
ขากลับคราวนี้แวะมารับเราเป็นคู่สุดท้ายก่อนเข้าไปที่มาเล่ฮะ
ได้นั่งดูวิวและ Atoll เป็นครั้งสุดท้าย
ทำไมจิตใจมันไม่ลั่นล้าเหมือนตอนมาเลยหว่า
อ่านรีวิวมัลดีฟส์ของหลายๆคนที่พูดมักถึงนักบินที่ชอบบินเท่าเปล่า คอนเฟิร์มฮะว่าเท้าเปล่าทุกคนจริงๆไม่ว่าจะเป็นฝรั่งหรือแขก อีกข้อที่ผมสังเกตเห็นผมว่าเค้าต้องเป็นคู่รักกันแน่ๆฮะ เห็นบางทีก็ชอบจับคันบังคับกันแบบประสานมือเลยดูท่าจะสวีตกันมากกกก เม่าเริงร่า ล้อเล่นนะครับ คงเป็นเพราะเวลาช่วงขึ้นลงต้องใช้แรงในการบังคับฮะก็เลยต้องช่วยกัน
เที่ยวกลับนี้เหมือนนักบินจงใจบินต่ำกว่าขามาฮะ คงอยากให้พวกเราเก็บภาพความประทับใจของ Atoll สวยๆไว้ในความทรงจำ
ใช้เวลาบินพอๆกับเที่ยวไปครับ ประมาณ 25 นาทีเราก็กลับมาถึงมาเล่แล้ว
ได้เวลานำเครื่องลงจอดฮะ
ลงจอดอย่างนิ่มนวลและปลอดภัยฮะ อากาศดีตั้งแต่ต้นจนจบทริปจริงๆ
ลงจากเครื่องแล้วก็จะมีพนักงานของ W มารับเพื่อไปขึ้นรถบัสส่วนตัวอีกเหมือนเดิมกับตอนที่มา
ส่วนกระเป๋าก็ไม่ต้องห่วงครับตามเราไปถึงสนามบินแน่นอน
สนามบินนานาชาติมาเล่กำลังมีการก่อนสร้างต่อเติมกันใหม่ฮะ เที่ยวขอออกเห็นมีดิวตี้ฟรีใหญ่โตเชียวแต่ยัไม่เสร็จเรียบร้อยดีฮะ ตม.ก็ไม่ต้องห่วงปัญหาอะไรยิ้มรับความสุขกลับไปอย่างเดียวพอ
ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับแล้วฮะ ไฟล์ทกลับน่าจะประมาณเที่ยงครึ่งตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมงฮะ
หลวงพระบาง ลำเดิมกับตอนมาเลย
ลาก่อนมัลดีฟส์แดนสวรรค์
เที่ยวกลับใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงฮะ
อาหารเที่ยวกลับ น่าจะเป็นผัดพริกกุ้ง
อีกจานเป็นหมีผัดไก่ฮะ ที่ขาดไม่ได้เลยคือชาข้าวของ PG ฮะ
เที่ยวบินนี้จะถึงเมืองไทยประมาณหนึ่งทุ่มนิดๆตามเวลาประเทศไทยครับ
เป็นอันจบทริปโดยสมบูรณ์ฮะ
บทสรุป ...
W RETREAT & SPA - MALDIVES ถือเป็นรีสอร์ทในฝันของใครหลายๆคนรวมถึงตัวผมเองด้วย ผมโชคดีที่ได้ไปตามที่ๆฝันมาหลายที่แล้วรวมถึงที่แห่งนี้ด้วย ถ้าจะถามว่ามัลดีฟส์มันต่างจากทะเลไทยตรงไหน ผมบอกได้เลยว่าทรายที่รีสอร์ทนุ่มเท้าสู้ทรายที่เกาะตาชัยไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สิ่งที่มันแตกต่างผมว่ามันคงเป็นเสน่ห์มากกว่าฮะ
ที่นี่เป็นโรงแรมที่ขึ้นชื่อเรื่องของการบริการและการดำน้ำดูปะการังเป็นพิเศษฮะ ปะการังรอบเกาะสวยมาก ปลาเยอะมากฮะถึงจะไม่เจอกระเบนเลยแต่ก็มีความสุขที่ได้สน็อคเกิ้ลที่นี่มากๆ
ห้องพักกว้างขวางฮะแต่ผมว่าถ้าไปมัลดีฟส์สิ่งที่ควรคำนึงถึงไม่น่าจะต้องให้ความสำคัญกับห้องพักมากยกเว้นว่าอยากนอนวิลล่ากลางน้ำ ส่วนที่อยากให้คิดถึงคือกิจกรรมทางน้ำฮะไม่ว่าจะไปพักที่ไหนอยากให้ดูว่าโรงแรมที่เราเลือกมีปะการังสวยๆมั๊ย บริการโอเคมั๊ย อาหารถูกปากหรือเปล่า ในแพ็คเกจของ W ที่ผมซื้อไปได้แต่อาหารเช้าซึ่งจะเสิร์ฟถึง 11 โมงฮะ อาหารกลางวันและเย็นจะต้องเสียค่าบริการเองซึ่งโรงแรมส่วนใหญ่ที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันก็จะเป็นแบบนี้ไม่เว้นแม้แต่ดุสิตธานีที่เป็นเชนไทยฮะ ถ้าอยากเลือกแบบทานสบายก็เลือกโรงแรมที่ให้อาหารครบทุกมื้อเครื่องดื่มฟรีตลอดงานแบบนั้นก็จะช่วยทุ่นบัดเจ็ทไปได้เยอะพอสมควร
เที่ยวมัลดีฟส์ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมนะครับหลายๆคนที่ดูรีวิวนี้แล้วบอกว่ามันคงเป็นแค่ฝัน ผมไม่อยากให้คิดแบบนั้นฮะ มัลดีฟส์มีเกาะเป็นพันๆเกาะมีโรงแรมกลางน้ำแบบนี้เป็นร้อยๆโรงแรม แล้วแต่เราจะเลือกมากกว่าว่าเราอยากจะไปพักที่ไหน W Retreat มันอยู่ในระดับ Hi-End ฮะเลยอาจจะดูโอเว่อร์ไปซะหน่อย โรงแรมเชนไทยหลายๆโรงแรมที่ไปเปิดให้บริการที่นั่นก็ไม่ได้แพงขนาดที่นี่ครับ ตามงานท่องเที่ยวเห็นที่มีขายอยู่ก็เครือเซนทาราที่ตอนนี้มีถึง 2 แห่ง ไหนจะมีคลับเมดที่ราคาไม่แพงมากอีกที่ ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมจริงๆฮะ
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าทริปนี้เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณเท่าไหร่ผมขออนุญาตตอบหลังไมค์สำหรับผู้ที่อยากทราบนะฮะ ไม่อยากบอกในรีวิวจริงๆครับ
** สำหรับของฝากเล็กๆน้อยๆที่จะเอามาฝากไม่ได้เกี่ยวกับมัลดีฟส์โดยตรงหรอกฮะ แต่เป็นตุ๊กตาเครื่องบินของ PG ที่คุณภรรยาของผมได้รับเลือกให้ได้ของรางวัลตอนบินกลับฮะ ผมคิดว่าเก็บไว้เองก็คงไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเลยเอามาแจกสำหรับผู้ที่อยากได้ดีกว่า ใครอยากได้ลงชื่อไว้ฮะ เดี๋ยวผมจะสุ่มเลือกเอาฮะว่าใครจะได้รับแล้วผมจะติดต่อกลับไปนะครับ
ขอบคุณที่รับชมมากครับ รีวิวนี้เป็นรีวิวที่ตั้งใจทำมากและน่าจะเป็นรีวิวที่พิเศษที่สุดรองลงมาจากรีวิวขอแต่งงานที่ศรีพันวา(ถ้าเคยอ่านรีวิวของผมน่าจะจำกันได้นะฮะ) ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่ทำให้มีกำลังใจในการทำรีวิวที่ผมรักต่อไปเรื่อยๆนะครับ
Create Date : 18 สิงหาคม 2557
6 comments
Last Update : 18 สิงหาคม 2557 11:58:47 น.
Counter : 3240 Pageviews.