ส่วนชาวตะวันออกไม่มีวัฒนธรรมการดื่มเช่นนี้ ตลอดระยะเวลา 2,000 ปีที่ผ่านมา คนตะวันออกรู้จักดื่มแต่ชา ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เจือปน การไม่รู้จักดื่มมาแต่ในอดีต ทำให้ร่างกายคนตะวันออกขาดเอ็นไซม์ที่จะใช้ในการย่อยแอลกอฮอล์ ดังนั้น คนเหล่านี้เวลาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกาย จะเกิดอาการแพ้แอลกอฮอล์ได้ง่าย
ลมพิษที่เกิดจากอาหารหมักดอง
อาหารหมักดองเป็นการถนอมอาหารที่ประหยัดที่สุด แยกเป็น 4 ประเภท คือ อาหารหมักดองประเภทเนื้อสัตว์ ได้แก่ กุนเชียง ไส้กรอก เนื้อเค็ม ปลาเค็ม กะปิ น้ำปลา อาหารหมักดองประเภทผัก และผลไม้ดอง ซึ่งมีแบบเค็ม แบบเปรี้ยว แบบหวาน รวมทั้งอาหารหมักดองธัญพืช เช่น เต้าเจี้ยว ซีอิ๊วขาว อาหารหมักดองประเภทเครื่องดื่ม เช่น เบียร์ ไวน์ สาเก บรั่นดี ก็จัดอยู่ในอาหารหมักดองด้วย และอาหารหมักดองประเภทผลิตภัณฑ์นม เช่น โยเกิร์ต เนย
อาหารหมักดองประเภทเนื้อสัตว์ส่วนมากจะมีการเติมสารบางอย่างเพื่อที่จะป้องกันการเน่าเสีย คือ เติมเกลือ
ไนเตรท ไนไตรท์ ซึ่งการเติมเกลือส่วนมากจะใส่ในประเภทไส้กรอก กุนเชียง ปลาร้า ซึ่งถ้าใส่ในปริมาณเล็กน้อยผู้บริโภคก็จะไม่เป็นอันตรายอะไร แต่ผู้ผลิตบางรายนิยมใส่มากเกินความจำเป็น ประโยชน์ในการใส่เกลือไนเตรท ไนไตรท์ในเนื้อสัตว์ เพราะทำให้เนื้อสัตว์มีสีแดงน่ารับประทาน
ลมพิษที่เกิดจากสารกันบูด
สารกันบูด เป็นสารเคมีที่ใช้ในการถนอมอาหาร โดยอาจจะใส่ลงในอาหาร พ่น หรือฉาบรอบๆ ผิวของอาหาร หรือภาชนะบรรจุ สารดังกล่าวจะทำหน้าที่ยับยั้ง หรือทำลายจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสียโดยอาจจะไปออกฤทธิ์ต่อผนังเซลล์รบกวนการทำงานของเอนไซม์ หรือกลไกทางพันธุกรรมในเซลล์ ยังผลให้จุลินทรีย์ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้หรือตายในที่สุด พอจะแบ่งออกเป็นกลุ่มได้ดังนี้
ชนิดของสารกันบูดที่ใช้กันโดยทั่วไป
- กรด และเกลือของกรดบางชนิด เช่น กรดเบนโซอิก กรดซอร์บิก กรดโปรปิโอนิก ฯลฯ และเกลือของกรดเหล่านี้ ส่วนใหญ่นิยมใช้ในรูปเกลือของกรด เพราะละลายน้ำได้ง่าย เมื่อใส่ในอาหารเกลือเหล่านี้จะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของกรด หากอาหารนั้นมีความเป็นกรดสูง กรดจะคงอยู่ในรูปที่ไม่แตกตัว ซึ่งเป็นรูปที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำลายหรือยับยั้งเชื้อ ดังนั้นอาหารที่จะใช้สารกันบูดชนิดนี้ควรจะเป็นอาหารที่มีความเป็นกรดประมาณ 4-6 ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดของกรด เช่น น้ำผลไม้ เครื่องดื่ม แยม ผักดองชนิดต่างๆ ขนมปัง ฯลฯ สารกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะให้ผลยับยั้งราและยีสต์มากกว่าแบคทีเรีย ข้อดีของสารกลุ่มนี้คือมีความเป็นพิษต่ำ เพราะร่างกายคนสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นสารอื่นที่ไม่มีพิษและขับถ่ายออกจากร่างกายได้
- พาราเบนส์ เป็นสารกันบูดที่มีประสิทธิภาพยับยั้งหรือทำลายราและยีสต์ได้ดีกว่าแบคทีเรีย และจะมีประสิทธิภาพสูงในช่วงความเป็นกรดด่าง (pH) กว้างกว่าสารกลุ่มแรกคือประมาณ 2-9 อาหารที่นิยมใส่พาราเบนส์ ได้แก่ น้ำหวานผลไม้ น้ำผลไม้ แยม ขนมหวานต่างๆ สารปรุงแต่งกลิ่นรส ฯลฯ ร่างกายคนจะมีกระบวนการขจัดพิษของพาราเบนส์ได้โดยปฏิกิริยาไฮโดรลีซิส
- ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และซัลไฟต์ กลไกในการทำลายเชื้อของสารกันบูดชนิดนี้จะคล้ายคลึงกับสารกันบูดกลุ่มแรกและจะมีประสิทธิภาพสูงในอาหารที่มีความเป็นกรดด่างปริมาณน้อยกว่า 4 ลงมา จึงนิยมใส่ในไวน์ น้ำผลไม้ต่างๆ ผักและผลไม้แห้ง ฯลฯ สำหรับความปลอดภัยต่อผู้บริโภคนั้น พบว่าแม้สารนี้จะถูกขับออกมาจากร่างกายได้ แต่หากร่างกายได้รับสารนี้มากเกินไป สารดังกล่าวจะไปลดการใช้โปรตีนและไขมันในร่างกายได้ นอกจากนี้สารกันบูดกลุ่มนี้ยังทำลายไธอามีน หรือวิตามิน B1 ในอาหารด้วย
- สารปฏิชีวนะ ข้อดีของสารปฏิชีวนะคือ ความเป็นกรดด่างของอาหารไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของสาร ซึ่งอาหารที่นิยมใส่สารปฏิชีวนะ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ อาจจะพบว่าใช้กับผักและผลไม้สดด้วย สารปฏิชีวนะจะทำลายหรือยับยั้งจุลินทรีย์ได้หลายชนิดขึ้นกับชนิดที่ใช้ ข้อเสียของสารกันบูดชนิดนี้คือ มักจะก่อให้เกิดสายพันธุ์ต้านทานขึ้น
ลมพิษที่เกิดจากสีผสมอาหาร
ในปัจจุบันพบว่าได้มีการนำสีมาปรุงแต่งอาหารเพื่อให้อาหารนั้นดูสวยงาม น่ารับประทาน เป็นที่ดึงดูด และน่าสนใจทั้งเด็ก และผู้ใหญ่นอกจากความสวยงามแล้ว ผู้ผลิตบางรายยังใส่สีลงไปในอาหาร โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะปกปิดซ่อนเร้นความบกพร่องของผลิตภัณฑ์ของตนเอง เช่น ใช้วัตถุดิบที่ไม่ได้ คุณภาพ หรือเอาของที่เก็บกลับคืนมาไปทำการผลิตใหม่ เป็นต้น รวมทั้งผู้ผลิตบางรายไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค คำนึงถึงประโยชน์ของตนเอง จึงใช้สีย้อมผ้า ย้อมกระดาษแทนสีธรรมชาติ หรือสีสังเคราะห์ ด้วยเห็นว่าสีย้อมผ้าให้สีที่ติดทนนานกว่า และราคาถูกกว่า จึงก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
สีผสมอาหารเป็นอาหารควบคุมเฉพาะ แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- สีอินทรีย์ที่ได้จากการสังเคราะห์ เช่น สีแดง ได้แก่ ปองโซ 4 อาร์ เออริโธรซีน คาร์โมอีซีน หรือ
เอโซรูบีน สีเหลือง ได้แก่ ตาร์ตราซีน ซันเซต เยลโลว์ เอฟซีเอฟ ไรโบฟลาวิน สีเขียว ได้แก่ ฟาสต์กรีน เอฟซีเอฟ สีน้ำเงิน ได้แก่ อินดิโกคาร์มีน หรืออินดิโกทีน บริลเลียนต์บลู เอฟซีเอฟ
- สีอนินทรีย์ ได้แก่ ผงถ่านที่ได้จากเผาพืช และไตเตเนียมไดออกไซด์
- สีที่ได้จากธรรมชาติ โดยการสกัดพืช ผัก ผลไม้ และสัตว์ที่ใช้บริโภคได้โดยไม่เกิดอันตราย และ
สีชนิดเดียวกันที่ได้จากการสังเคราะห์
- สีธรรมชาติที่สกัดจากพืช ผัก ผลไม้ และสัตว์ ได้แก่ สีเหลือง จากขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย
ดอกโสน ฟักทอง ลูกตาลยี ดอกคำฝอย ดอกกรรณิการ์ และลูกพุด สีแดง จากครั่งซึ่งเป็นแมลงตัวเล็กๆ ชอบอาศัยอยู่ตามต้นก้ามปู ต้นโพธิ์ ต้นทองกวาว ข้าวแดง มะเขือเทศสุก กระเจี๊ยบ มะละกอ ถั่วแดง และพริกแดง สีม่วง จากดอกอัญชันสีน้ำเงินผสมมะนาว
ข้าวเหนียวดำ และถั่วดำ สีเขียว จากใบเตย ใบย่านาง พริกเขียว และใบคะน้า สีน้ำตาล จากน้ำตาลไหม้ สีน้ำเงิน จากดอกอัญชัน สีดำ จากถ่านกาบมะพร้าว ถั่วดำ และดอกดิน
สีแสด จากเมล็ดของผลคำแสด
- สีชนิดเดียวกันที่ได้จากการสังเคราะห์ นิยมใช้โคชินิล และสีจากคาโรทีนอยด์ ได้แก่
แคนธาแซนธีน, คาโรทีน, เบตา-คาโรทิน, เบตา-อะโป-8-คาโรทีนาล, เบตา-อะโป-8-คาโรทีโนอิค แอซิด, เอทิลเอสเตอร์ของเบตา-อะโป-8-คาโรทีโนอิค แอซิด, เมทิลเอสเตอร์ของทเบตา-อะโป-8-คาโรทีโนอิค แอซิด, คลอโรฟิลล์ และคลอโรฟิลล์คอปเปอร์คอมเปลกซ์
อาการ
- ผื่นลมพิษเกิดบริเวณใดของผิวหนังก็ได้ มีขนาดตั้งแต่เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 เซนติเมตร จนถึงขนาด 20 เซนติเมตร ผื่นมีหลายรูปแบบเช่น กลม รี วงแหวน วงแหวนหลายๆ วงมาต่อกัน หรือเป็นรูปแผนที่
- ผื่นลมพิษชนิดลึกมักเกิดบริเวณรอบตา ปาก ปลายแขน รายที่เป็นรุนแรงจะบวมมาก โดยเฉพาะบริเวณ
ใบหน้า และลำคอ ซึ่งเป็นเครื่องเตือนว่าผู้ป่วยอาจเกิดอันตรายจากการอุดตันของทางเดินลมหายใจ ถ้า
ผู้ป่วยมีอาการแน่น หายใจไม่สะดวก ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม และ
ทันท่วงที
- ผื่นลมพิษยุบหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง และผิวหนังจะมีลักษณะปกติเมื่อผื่นยุบแล้ว โดยไม่ทิ้ง
ร่องรอยอะไรไว้ และไม่พบความผิดปกติอื่นๆ เช่น จุดเลือดออกร่วมด้วย ผื่นลมพิษจะมีอาการคันเป็นหลักโดยไม่มีอาการเจ็บแต่อย่างใด
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยผื่นลมพิษมักทำได้ไม่ยากผื่นลมพิษเป็นผื่นชนิดเดียวที่ขึ้น และยุบสนิทภายในเวลาอันสั้นมาก ซึ่งช่วยในการวินิจฉัยได้ โรคสำคัญที่สุดที่ต้องวินิจฉัยแยกออกจากผื่นลมพิษธรรมดา คือ ลมพิษชนิดที่มีหลอดเลือดอักเสบร่วมด้วย (urticarial vasculitis) ซึ่งมักจะตรวจพบลักษณะอื่นๆ ร่วมด้วย และควรพิจารณาตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ เพื่อวินิจฉัยด้วยลักษณะทางกล้องจุลทรรศน์ยืนยัน
ที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือรับคำปรึกษาจากแพทย์ได้ ที่นี่