เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 
ลงมือผลิต ขาย แล้ว let's market tell you

เราตัดสินใจสั่งทำตู้คอนเทนเนอร์เป็นโรงงานผลิตของเราเพราะคิดว่าถ้าเราจะย้ายไปทำที่กรุงเทพอยุธยา หรือโคราช เราก็ขนตู้คอนเทนเนอร์ไปได้ไม่ใช่การก่อสร้างในพื้นที่ที่เคลื่อนย้ายไม่ได้อีกอย่างคนเฝ้าบ้านเริ่มแสดงนิสัยเลวๆออกมาเพื่อกลั่นแกล้งให้เราอยู่ไม่ได้ แต่ฉันไม่กลัวหรอกบ้านนี้บ้านเราก็เป็นบ้านเราวันยังค่ำ ใครจะมายึดได้ที่ไหนถ้าไม่รักษาน้ำใจกันฉันก็คงต้องเรียกตำรวจจัดการ

ค่าสั่งผลิตโรงงานเคลื่อนที่เราอยู่ที่ 75000บาท เดินไฟฟ้า ประปาให้พร้อมเครื่องดูดอากาศ พื้นปูกระเบื้องพร้อมท่อน้ำทิ้งหลายจุดในตู้ฉันสั่งให้ส่งเครื่องพาสเจอร์ไรส์ที่มัดจำไว้ที่เชียงรายเข้ามากะว่าจะลองๆหาสูตรทำดู แล้วฉันก็หาขวดที่จะใส่ตอนนั้นฉันคิดว่าขายราคาเดียวกับโออิชิและเชื่อว่าคุณค่าของฉันคงมากกว่าน้ำต้มใบชาเติมน้ำตาลแน่ ผู้คนคงจะแห่แหนมาซื้อของฉันจนผลิตไม่ทันขอแค่ฉันได้มีเวลาคิดสูตรก่อนเหอะ

จะว่าโชคช่วยหรือสวรรค์บังคับก็ไม่อาจทราบได้เครื่องยังมาไม่ถึง ตู้ที่สั่งสร้างยังไม่เสร็จพี่สาวฉันก็แจ้งข่าวว่าบริษัทที่พี่ทำงานอยู่จะจัดอีเว้นต์งานบอลลูนนานาชาติที่เชียงใหม่ซึ่งคุณยุทธ เจ้าของงานก็คุ้ยเคยกันดีกับพี่ ถ้าฉันอยากจะเข้าร่วมงานออกร้านพี่จะขอให้ ที่สำคัญงานนี้ได้พื้นที่ฟรี

ฉันตอบรับทันทีโดยไม่ได้คิดเล้ยว่าไม่มีอะไรพร้อมสักอย่างเรารีบเร่งทำงานทันที ฉันโทรเร่งเครื่อง เร่งโรงงานและเร่งหาขวดเพ็ทแต่ทุกอย่างก็วุ่นวายมากเนื่องจากวัตถุดิบทุกอย่างต้องมาจากที่กรุงเทพฯและโรงงานในกรุงเทพฯก็จมน้ำไปเสียครึ่ง ไม่มีพลาสติคผลิตขวดไม่มีพลาสติคผลิตฟิล์มหดรัด ไม่มีนั่นไม่มีนี่ทุกสิ่งอย่างแต่นั่นยิ่งทำให้เรารีบทำอะไรเร็วขึ้นในสถานการณ์ที่กดดัน

ฉันเชื่อว่ามนุษย์เราไม่มีขีดจำกัดหากเรายินยอมให้ข้อจำกัดเกิดกับเราเท่ากับเราจะต้องมองหาความคิดมาสนับสนุนข้อจำกัดนั้นแล้วเราก็จะยอมรับมันเพราะเราเชื่อแต่แรกว่าเราทำไม่ได้แต่ถ้าหากว่าเราข้ามเส้นความเชื่อว่าความจริงคือเราทำไม่ได้เราบิดเบือนความจริงนั้นด้วยการไม่ยอมรับความเชื่อนั้น ใส่ความเชื่อที่ว่าทำได้ เราจะทำมันได้

ตู้คอนเทนเนอร์เสร็จไม่ทันเครื่องมาถึงก่อนแต่เรายังไม่ประกอบเพราะตั้งใจใส่ตู้ทีเดียวไปเลย เราจึงไม่ได้ลองลงมือเลยได้แต่จดจำสิ่งที่เจ้าของเดิมบอกมาเราได้ขวดแต่ไม่ได้ฉลากเพราะหาคนออกแบบไม่ได้หรือถ้าออกแบบไปแล้วก็ต้องเสียเวลาทำบล็อกแม่พิมพ์อยู่ดีขวดที่สั่งขั้นต่ำอยู่ที่ 50000 ใบ ฉันขอให้ส่งขวดให้ฉันใช้ชั่วคราว3000 ใบ ซึ่งต้องส่งทางเมล์เขียว(รถวิ่งล่องเชียงใหม่ เชียงราย) โรงงานตกลงว่าจะส่งให้ฉันล่วงหน้าก่อนเริ่มงาน 1วันเพราะผลิตไม่ทันงานเค้ายุ่งจนไม่มีเวลาแม้แต่จะคุยกับฉันแม้ทุกอย่างจะฉิวเฉียดฉันก็ต้องทำใจยอมรับสภาพ ตอนนั้นมีเวลาเหลืออีกเพียงสัปดาห์เท่านั้นก่อนงานเริ่ม

ตอนนี้ก็มาถึงเรื่องของวัตถุดิบซึ่งฉันหมายมาดว่าจะติดต่อซื้อกับพี่คนหนึ่งที่เคยซื้อเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวให้บริษัทขายวัตถุดิบขึ้นตัวอย่างให้ถ้าคุณที่เคยอ่านยังจำได้ ฉันโทรหาพี่เต้ยเพื่อขอซื้อ แต่สิ่งที่พี่ตอบมาคือ

“ถ้าพี่ขายน้องไปน้องก็ทำออกมาเป็นคู่แข่งพี่ มันไม่ดีหรอก”

“เอ่อ...พี่คะแต่เราขายอยู่เชียงใหม่ พี่ขายอยู่กรุงเทพฯ สุพรรณ มันคงไม่ไปแย่งตลาดกันหรอกนะคะ”ฉันอ้อนวอน เริ่มรู้สึกว่างานเข้าแน่แล้ว

“อย่าเลยค่ะพี่ไม่มีให้” พี่ตอบอย่างไม่มีเยื่อใยแล้วตัดสายไปทันที

ฉันได้แต่นั่งเอ๋อสักครู่ก่อนจะแจ้งข่าวให้ตุ๊ที่ขะมักเขม้นกับการหาข้อมูลทำโบรชัวร์ ตุ๊ทำสีหน้าแบบโลกกำลังล่มสลาย“แต่เดี๋ยวนะ ตุ๊จำได้ไหม ฉันเคยบอกเธอว่าฉันเคยเห็นคนนึงประกาศขายในเน็ตขอเวลาฉันหาก่อน” ฉันรีบบอกก่อนชะแว๊บไปหน้าดำคร่ำเครียดกับหน้าจอคอมพิวเตอร์

และแล้วฉันก็พบประกาศที่ผ่านตาฉันมาก่อน

“ขายเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวแช่แข็งติดต่อ xxx xxx xxxx

ฉันรีบติดต่อไปทันทีคนรับสายก็บอกฉันว่าคนที่รู้เรื่องนี้ไม่อยู่ แต่จะให้โทรกลับฉันทันทีที่มาฉันย้ำอย่างมากมายว่าฉันจะรอโทรศัพท์ ในที่สุดเธอก็โทรมาหาฉัน

“เรามีฟักข้าวอยู่ 18ตัน พี่จะรับเท่าไหร่คะ” คุณเอถามฉันมาตามสาย

“เอ่อ 18 ตันนี่หมายถึง 18000 กิโลกรัมเหรอคะ”คือฉันไม่ค่อยเก่งคณิตศาสตร์สักเท่าไหร่แต่ก็พอเดาได้

“ใช่ค่ะ”น้ำเสียงอีกฝ่ายงงๆ

“ขายน้อยที่สุดเท่าไหร่คะสักสิบกิโลได้ไหมคะ” ฉันกลั้นใจถาม

“กล่องหนึ่งมี 25กก. ไปเบิกของห้องเย็นต้องเบิกที 100 กก. ค่ะ”เธอหัวเราะ คงไม่เคยซื้อขายตามตลาดใช่ไหม เขาขายกันเป็นกิโลกรัมไม่ใช่ตัน

ปวดหัว 100 กิโลกรัม จะเอามาทำไรเนี่ย ฉันนึกหาหนทางต่อรอง “ถ้าซื้อทั้งหมดตกราคากิโลกรัมละเท่าไหร่”

ราคาที่บอกมาน่าสนใจอย่างเหลือเชื่อถูกกว่าที่ฉันเคยซื้อพี่เต้ยถึงสองเท่า “แหมแต่เรายังไม่เคยซื้อขายกันเลยจะให้ซื้อทีเป็นสิบๆ ตัน มันก็ไม่ไหวแล้วไม่รู้เราจะใช้ได้ไหม ถ้าเป็นไปได้พี่อยากขอซื้อตัวอย่างสักสองสามโลได้ไหมละ ถ้าใช้ได้ก็ค่อยว่ากัน” ฉันไม่ได้โกหกนะ

“เอางี้ไหมคะเอมีฟักข้าวอบแห้งเพื่อเตรียมไปทำน้ำมันสิบกิโลฟักข้าวสดได้แค่หนึ่งกิโลฟักข้าวแห้ง เอมีของอยู่กับตัวที่ระยองแต่ถ้าจะเอาสดต้องรอน้ำเลิกท่วมบางใหญ่ถึงจะไปเอามาได้ค่ะ เอขายพี่ 2500 ต่อโลแล้วกัน”

เธอพูดอย่างตัดใจฉันถอนหายใจเฮือก เอาก็เอาฟระ ฉันตอบตกลงโดยไม่ต่อรองจะขายน้ำฟักข้าวแต่ก็หาฟักข้าวได้ในนาทีสุดท้ายแถมแพงกว่าคู่แข่งในท้องตลาดกว่าห้าสิบเท่า คนอื่นซื้อฟักข้าวกิโลกรัมละ 20 หักเนื้อหักเปลือก เอาเฉพาะเยื่อหุ้มเมล็ดก็น่าจะอยู่ที่ร้อยบาท แต่ส่วนมากเขาก็ใช้เนื้อผลด้วยเพื่อเพิ่ม yeild แต่อย่างว่าละนาทีนี้ใครเสนออะไรในราคาที่ฉันพอซื้อโดยไม่มีความเสี่ยงก็ต้องทำ จ่าย 7500 ก็ต้องดีกว่า 25000 แน่

แล้วฟักข้าวแห้งก็เดินทางมาถึงฉันก่อนตู้คอนเทนเนอร์ก่อนขวด ฉันนั่งหาสูตรทำน้ำฟักข้าวในเน็ต ดูคลิปในยูทูปทุกอันที่กล่าวถึงฟักข้าวแล้วการทดลองก็เริ่มต้น ฉันลองสูตรที่คิดเองเออเองว่าหาวัตถุดิบในเชียงใหม่ได้ง่าย แต่นะไม่มีอะไรง่ายเลยสักนิดเดียว เสาวรสไม่มีของเพราะไม่ใช่ฤดูของมันถ้าจะมีต้องไปซื้อตลาดขายส่งที่เขาจะมาขายตอนดึกๆ เหมือนตลาดปากคลองที่กรุงเทพฯเราก็ต้องหาทางไปจนเจอเสาวรสราคาสูงกว่าที่คิดไว้

ฉันขอสารภาพว่าตั้งแต่เกิดมาฉันเพิ่งเคยเห็นเสาวรสลูกจริงๆคราวนี้แล้วไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี โชคยังดีที่เจ้าของโรงงานประกอบตู้คอนเทนเนอร์เคยเป็นแม่ค้าขายน้ำผลไม้ก่อนมาทำโรงงานนี้เธอสอนพวกเราถึงวิธีการแกะคั้นน้ำเสาวรสซึ่งมันวุ่นวายเลอะเทอะมากอย่างไม่อยากจะเชื่อ มีเศษขยะทั้งเปลือกทั้งเมล็ดงานนี้ท่าทางไม่สนุกซะแล้ว

นอกจากนั้นสับปะรดก็มีเปลือกเหลือทิ้งมากมายเป็นงานที่วุ่นวาย วุ่นวายจริงๆ ฉันคิด ถ้าจะต้องทำแบบนี้ต่อไป ฉันคงไม่เอาด้วยหรอกนะฉันเริ่มถอดใจแล้วคิดว่ายังไงก็ให้ผ่านงานนี้ไปก่อนค่อยมาคิดใหม่แล้วกัน

สูตรที่ทำออกมาอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ในชีวิตไม่เคยทำน้ำผลไม้สักอย่างมาก่อน เคยแต่ซื้อกินอย่างเดียวแต่มันเหลือเชื่อที่อร่อยแบบกินได้ไม่เบื่อ ฉันแบ่งใส่ขวดเอาไปให้ครูคนแรกของเราอดีตเจ้าแม่น้ำผลไม้ ซึ่งฉันก็ไม่ลืมเผื่อๆไปให้น้องๆในออฟฟิศเธอด้วย

น้องคนหนึ่งดื่มเข้าไปอึกแรกแล้วเซเลยทำหน้าแปลกๆ ใส่ฉัน

“มีไรเหรอ”ฉันอดถามไม่ได้

“มันจิ้ดขึ้นสมองฮะพี่มันแบบจิ้ดๆเหมือนกินเหล้าเลยอะ”

“หา!” ฉันอุทาน ในใจเสียววาบ เกิดอะไรขึ้น น้องจะตายไหม ฉันจะถูกจับไหม !@#$#%^ฉันจะเป็นลม

“ไม่รู้สิพี่มันแปลกๆ” น้องทอมทำหน้าแหยงๆ

“บางทีเราอาจไม่ถูกโรคมันเนอะไม่ถูกก็ไม่ต้องกิน” ฉันรีบหาทางให้น้องเลิกกิน ใจเริ่มชื้นขึ้นที่น้องยังไม่ล้มลงไปชักดิ้นชักงอตรงหน้า

ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจอีกหันไปคุยกับเจ้าของโรงงาน ตาก็แอบเหล่ๆ อาการน้องทอมที่ทำท่าจิ้ดๆขึ้นสมองให้ฉันดูก่อนจะรีบขอตัวกลับแบบหน้าแตกละเอียดยิบ

ฉันโทรหาคุณเอเจ้าของฟักข้าวพร้อมเล่าให้เธอฟัง

“สงสัยร่างกายเขาจะอ่อนเพลียมากค่ะพี่ฟักข้าวที่พี่ใช้ก็เป็นแบบเข้มมากสารอาหารที่มีอยู่คือไลโคปีนแล้วร่างกายเราดูดซึมเข้าไปได้ทันทีเพราะฟักข้าวมีน้ำมันในตัวเองร่างกายเขาขาดสารอาหารพอกินเข้าไปมันดูดซึมไปเลี้ยงที่สมองทันทีก็เป็นได้”คุณเอบอกฉันให้คลายวิตก แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเลย

วันรุ่งขึ้นคุณอุ๋มเจ้าของโรงงานโทรบอกฉัน “พี่คะ น้องเค้าอยากขอซื้อน้ำพี่ เค้าบอกว่ากินแล้วดีจริงๆทีแรกมันจิ้ดขึ้นสมองแต่หลังจากนั้นรู้สึกว่าร่างกายมันแปลกๆ เลยลองกินอีกทีนี้ไม่เป็นไรเลยแถมกลับบ้านยังนอนหลับได้สนิททุกทีตื่นมาจะเพลียเหมือนไม่ได้นอนหลับสนิท แต่เช้านี้ตื่นมาสดชื่นเลยอยากขอซื้อน้ำพี่ไปกิน อุ๋มก็ว่าอร่อย พรุ่งนี้อุ๋มว่าจะนัดพี่ที่เขาเคยเป็นขาส่งของอุ๋มให้รับไปขาย”

ว้าวๆช่างเป็นข่าวดีจริงๆ เราสองคนกระโดดโลดเต้นไปมาแบบเด็กๆจากที่จ๋อยๆไปหน่อยเมื่อวานนี้

เรารีบไปหาคุณอุ๋มในวันรุ่งขึ้นเพื่อพบกับสายส่งน้ำขาใหญ่ในเชียงใหม่ระหว่างที่นั่งรอ เราสองคนก็ผลัดกันเล่าสรรพคุณฟักข้าวอย่างไม่รู้เบื่อข้อมูลที่เราศึกษามาทลักทลายราวเขื่อนแตกแต่คุณสายส่งเธอก็โทรมาว่ามาไม่ได้ในที่สุด เอาเหอะ ไม่เป็นไร วันหลังก็ยังได้ แค่มีคนคอนเฟิร์มว่าของเราอร่อยด้วยดีด้วยก็ดีพอสำหรับวันนี้แล้วละ

ความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นเราเตรียมวัตถุดิบเอาไว้ แล้วขวดก็มาถึงอย่างทุลักทุเลในที่สุดที่ว่าทุลักทุเลก็คือเราไม่รู้ว่าบริษัทเมล์เขียวต้องไปรับก่อนหกนาฬิกาทั้งยังไม่รู้ว่าต้องไปรับที่บริษัท ไม่ใช่สถานีขนส่งทั้งที่คนส่งบอกให้เราไปรับที่ขนส่ง เราวนหาบริษัทจนพบในที่สุดแต่พบว่าบริษัทปิดแล้วต้องรับของพรุ่งนี้ซึ่งงานเองก็เริ่มพรุ่งนี้เช่นกันแถมขากลับก็ถูกรถปิคอัพขับเมาๆ ชนแล้วหนีอีกต่างหากเค้าว่ากันว่าโชคร้ายเจ็ดทีโชคดีเจ็ดหน ใช่ไหม

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันไปรอรับขวด ส่วนตุ๊ก็อยู่บ้านเตรียมของ งานเริ่มบ่ายโมง แต่เก้าโมงเช้าเรายังไม่ได้ทำการผลิตเลยเครื่องที่ว่าจะรอติดตั้งในตู้คอนเทนเนอร์ก็ต้องตั้งชั่วคราวในโรงรถที่ล้างเตรียมเอาไว้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่า สตีฟ จ๊อบส์ยังเริ่มบริษัทแอปเปิ้ลในโรงรถได้ฉันก็คงเจริญรอยตามสตีฟ จ๊อบส์ต่อไป

งานเริ่มบ่ายโมงเราทั้งทดลอง ทั้งบรรจุแบบทำไปสงสัยไป เถียงกันไปว่าแบบไหนดีที่สุดจนฝ่ายจัดงานโทรมาเร่งว่าเหลือบูธเราบูธเดียวที่ยังว่างเปล่าคนอื่นเตรียมพร้อมหมดแล้วทั้งยังมีรับเสด็จด้วย สถานที่จัดงานจะปิดประตูบ่ายโมงถ้าเราไปไม่ทัน ต้องรอเข้าอีกครั้งบ่ายสาม

ตอนนั้นเราเพิ่งบรรจุแบบมือใหม่ไปได้ร้อยกว่าขวดฉันให้ตุ๊ไปกับลูกน้องที่จ้างไว้ก่อน ส่วนฉันอยู่ทางนี้จะบรรจุให้เสร็จแล้วรีบตามไปยังไม่ทันจะเสร็จดี

“ริสาทำน้ำไปถึงไหนแล้ว เหลือไม่ถึงสิบขวดแล้ว” น้ำเสียงตุ๊ตื่นเต้นมาตามสาย

“เฮ้ย จริงเหรอ”

“จริงฝรั่งพอบอกว่า น้ำ Gac Fruit เขาซื้อทันทีแล้วคนญี่ปุ่นก็มาซื้อ ตอนนี้ไม่มีของจะขายแล้ว”

“โอเค กำลังจะไปนะ”ฉันรีบวางสาย ก่อนรวบรวมน้ำอีก 400 กว่าขวดขึ้นรถ

งานเลิกสามทุ่มแต่ของเราหมดก่อนสองทุ่มเรานับเงินกันมือไม้สั่นไม่ใช่เยอะแยะนักหนา แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะขายดีแบบหมดเกลี้ยงขนาดนี้ เราเริ่มวางแผนเตรียมของพรุ่งนี้ต้องผลิตเพิ่มเป็นพันขวด ต้องซื้อสับปะรด เสาวรสเพิ่มคืนนี้แล้วเราสองคนพร้อมลูกน้องหัวเห็ดก็เตรียมของจนดึกดื่น

วันที่สองยิ่งไม่น่าเชื่อไปอีก เมื่อมีคนที่ซื้อเมื่อวานกลับมาซื้ออีก ทีนี้ซื้อทีเป็นโหลพร้อมขอโบรชัวร์ที่เพิ่งเอามาส่งที่บูธเมื่อวานนี้สดๆร้อนๆไป

รวมสามวันเราขายได้เกือบสามพันขวด เพราะมีเปิดให้ลูกค้าชิมบ้าง วันละ 5-6 ขวด คุณยุทธ เจ้าของงานเดินมาหาฉันที่บูธเพื่อขอบคุณที่ฉันฝากน้ำและขนมไปให้เขาและทีมงานเขาบอกฉันว่าไม่เคยกินน้ำผลไม้อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ฉันต้องวางของที่ห้างริมปิงนะแล้วห้างริมปิงเองก็ส่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อมาคุยกับฉันถึงเรื่องการนำสินค้าเข้าห้าง

ฉันได้แต่ยิ้มรับขอโทษเถอะ ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะเอาไงดีกับชีวิต หลังจากเสร็จงานเราสองคนตัดสินใจกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯอีกครั้งแน่นอนว่าอยุธยาคงไม่ใช่คำตอบของเราแล้ว แต่เชียงใหม่ละ จะใช่หรือฉันถามตัวเองว่าอะไรคือข้อดีข้อเสียของการทำโรงงานที่เชียงใหม่

ที่ฉันเห็นชัดๆคือเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีอีเว้นท์มากที่สุด เกือบทุกวันทุกเดือนมีถนนคนเดินมากที่สุดและคนก็แน่นทุกที่มีผู้คนพร้อมจับจ่ายซื้อของโดยไม่ค่อยทำงานทำการกัน (อันนี้คิดเอง จากการที่หาแรงงานในเชียงใหม่ยากมากแต่เดินตลาดนัด ถนนคนเดินคนเยอะมากแล้วขายดีทุกที่)เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีคนมากหน้าหลายตามาการที่ฉันมาตั้งโรงงานผลิตที่นี่หรือการแจ้งเกิดในหัวเมืองก็ดีตรงที่เป็นที่รู้จักได้ง่ายหากเปรียบเทียบกับการตั้งแนวรบที่กรุงเทพฯ โรงงานเล็กๆอย่างฉันก็เป็นเพียงทรายเม็ดเล็กๆเม็ดหนึ่งในห้วงมหาสมุทรเท่านั้น

แต่ทุกอย่างที่ต้องสั่งจากกรุงเทพฯทำให้ค่าขนส่งวัตถุดิบไปแล้วส่งสินค้าที่เสร็จแล้วกลับมา อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีนักคิดมากปวดหัว หาเรื่องสนุกๆคิดดีกว่า ฉันบอกปัดตัวเอง

เรากลับมาโต๋เต๋พร้อมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในใจเราได้ประมาณสัปดาห์หนึ่งแล้วเราก็ได้รับโทรศัพท์ดังนี้

“หาซื้อได้ที่ไหนวันนั้นซื้อในงานบอลลูนแล้วอยากกินอีก”

“สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายต้องทำไงแล้วลงทุนเท่าไหร่ มีค่าแรกเข้าไหม”

“หนูเป็นมะเร็งหนูไปเจอในงานแล้วซื้อกิน หนูคนที่ซื้อกลับไปเป็นโหล พี่จำได้ไหมหนูว่าหนูสนใจอยากขายจริงๆนะ พี่บอกหนูหน่อยทำไงจะได้ขายของพี่ต้องซื้อเท่าไหร่แล้วพี่บอกเบอร์บัญชีมาด้วยนะคะ”

ฯลฯ

นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหมมีคนอยากกิน มีคนอยากขายของเรา นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม

ฉันบอกกับตุ๊ว่า “สงสัยเราไม่ได้ตัดสินใจแล้วโชคชะตาตัดสินให้เราเรียบร้อยโรงเรียนเชียงใหม่แล้ว”

ตุ๊ได้แต่หัวเราะปลื้มปริ่มกับความสำเร็จของเราแล้วบทพิสูจน์ใหม่เรื่องโรงงานก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งครั้งนี้เราฮึกเหิมกว่าที่เคย ฉันตัดสินใจซื้อฟักข้าวทั้ง 18 ตัน ทั้งที่ถ้าใช้ 1 ตันทั้งปีอาจจะไม่หมดก็ได้แต่ใครจะรู้ว่าความใจกล้าบ้าดีเดือดของฉันจะนำพาฉันไปสู่สิ่งที่ยิ่งกว่าเคยคาดคิดไว้เสียอีกมาดูกันในตอนหน้าว่าฉันซื้อของ 18 ตันโดยมีเงินไม่เท่าไหร่อย่างไรแล้วฉันกุมตลาดในมืออย่างไร




Create Date : 29 สิงหาคม 2555
Last Update : 29 สิงหาคม 2555 17:01:43 น. 3 comments
Counter : 1556 Pageviews.

 
ติดตามผลงานครับ... ลองทำน้ำมันฟักข้าว น่าจะช่วย add value ได้มากทีเดียว


โดย: ต้อง IP: 171.98.152.95 วันที่: 30 สิงหาคม 2555 เวลา:1:09:00 น.  

 
ชอบเรื่องราวของคุณคะ อยากขอเบอร์โทรคุณคะ. สนใจสินค้าคะ



โดย: Ang IP: 27.130.23.1 วันที่: 10 กันยายน 2555 เวลา:23:36:15 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ติดต่อทางเมล์ก่อนก็ได้ค่ะ kulrisa@ฮอตเมล์.com ค่ะ
หรือ 086 522 1822


โดย: สาวช่างถาม วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:12:10:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.