วันอัฏฐมีบูชา ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งในปีนี้ ตรงกับวันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2554 เป็นวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในทางพระพุทธศาสนา หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินาราของมัลลกษัตริย์ พุทธบริษัทต่างก็นั่งจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องการปรินิพพานของพระองค์ตามแต่จะตั้งเรื่องขึ้น เช่น บางกลุ่มคุยกันว่า พระองค์นิพพานเร็วเกินไป อีกกลุ่มคุยกันว่า สมควรแก่เวลาของพระองค์แล้ว
ในขณะที่อีกกลุ่มคุยว่า พระองค์ตราก ตรำต่องานมากเกินไป สู้ทนเหน็ดเหนื่อย เมื่อสังขารทนไม่ไหวก็จำต้องล่วงไปเป็นธรรมดา พุทธบริษัทนั่งชุมนุมกันอย่างนี้ กาลเวลาล่วงไป 7 ราตรีแล้ว มัลลกษัตริย์จึงปรึกษากันว่า พวกเราจะอัญเชิญพระบรมศพของพระศาสดาเข้าไปในเมืองกุสินารา เวียนเป็นอุตตราวัฏฏ์ 3 รอบแล้ว เชิญออกภายนอกเมืองทางทิศบูรพา ประดิษฐานพระ บรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์แล้วถวายพระเพลิง แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ต้องเลื่อนออกไปอีก 1 วัน โดยที่เทพยดาเจ้าทั้งหลายมีประสงค์ให้รอพระมหากัสสปเถระเจ้า ผู้กำลังพาบริวารจากเมืองปาวานครเพื่อจักมานมัสการพระบรมศพเสียก่อนที่จะถวายพระเพลิง จึงเป็นอันว่าการถวายพระเพลิงพระบรมศพได้มีขึ้นในวันซึ่งตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6
เมื่อวันอัฏฐมีบูชา วันสำคัญวันหนึ่งทางพระพุทธศาสนามาถึง เราท่านสาธุชนทั้งหลาย ก็ควรนำเอาพระปัจฉิมโอวาทของพระองค์ ซึ่งปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร ใจความว่า ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย มีอันเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังความเป็นอยู่ในถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด ดังนี้ มาเป็นข้อเตือนใจให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เมื่อแยกคำสอนที่พระองค์ตรัสไว้ ได้เป็น 3 ประการด้วยกัน คือ
ประการที่ 1 สังขารทั้งหลายย่อมมีความสิ้นไปเสื่อมไปเป็นธรรมดา ได้แก่ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน และทุกท่านทุกคนก็จะถึงซึ่งความแตกดับย่อยยับไปในที่สุด แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย ก็ยังทรงอยู่มิได้ นั่นคือเครื่องหมายอันเป็นไปตามสภาพของสังขาร
ประการที่ 2 ความไม่ประมาท พระองค์ทรงเตือนให้เป็นธรรมประจำชีวิตของทุกคน อันหมายถึงว่าบุคคลผู้มุ่งจะมีชีวิตอยู่ให้ประกอบ ด้วยความเจริญ คือ มีความเป็นอยู่ดี มีความสุข จะต้องเป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท
ประการที่ 3 จงยังประโยชน์ให้ถึงพร้อมทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์คนอื่น ด้วยความไม่ประมาท หมายความว่า เราควรทำประโยชน์ให้แก่ทั้งตนเอง และทำประโยชน์ให้แก่ทั้งส่วนรวมด้วยความไม่ประมาท
ฉะนั้น ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย เมื่อวันสำคัญอย่างนี้ได้เวียนมาบรรจบครบปี ก็ควรที่จะตั้งใจทำบุญ เริ่มตั้งแต่การระลึกถึงพระพุทธคุณเป็นที่ตั้ง ถวายทาน รักษาศีล ทำจิตให้มั่นในพระรัตนตรัย เจริญภาวนา และนำหลักธรรมปัจฉิมโอวาทที่พระองค์ได้ตรัสไว้นำไปปฏิบัติ เพื่อความเป็นอยู่อย่างไม่ประมาท และมีความผาสุกตราบกาลนาน
คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด
โดย พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร