สำนักพุทธเผย9รูปแบบทำลายศาสนา
สำนักพุทธฯ เผย 9 ลักษณะบุคคลบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ทั้งฆราวาส-พระภิกษุขนลูกนิมิต ช่อฟ้า พระพุทธรูปบรรทุกบนรถออกเรี่ยไรตามตลาด ย่านชุมชน แจกซองผ้าป่า หรือขอวางถังผ้าป่าตามสถานที่ต่างๆ เวียนเทียนบิณฑบาต นั่งร้านอาหารญี่ปุ่น
วันนี้( 20 มิ.ย.)ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการ พศ.กล่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ตนได้รายงานการจัดตั้งศูนย์ฮอตไลน์แจ้งภัยทางพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องราวเกี่ยวกับภัยทางพระพุทธศาสนาต่อที่ประชุม มส.รับทราบโดยได้จัดทำคู่มือ แผนพับประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับภัยพระพุทธศาสนา พร้อมเปิดสายด่วน 0-2 441 6400 กด 2 ตลอด 24 ชั่วโมง และจัดทำระบบฐานข้อมูลพระที่กระทำผิดทางวินัย โดยเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างส่วนกลางและสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด
"ที่ผ่านมาพระภิกษุสามเณรบางรูปมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีนโยบายมอบให้ พศ.ดูแลเรื่องความประพฤติไม่เหมาะสม และเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา จะทำอย่างไรให้ภาพรวมของคณะสงฆ์ดี ไม่มีภาพที่ไม่เหมาะสม รวมไปถึงทางเจ้าคณะผู้ปกครองก็ทำหน้าที่เข้มงวดกวดขัน ไม่ละเลยให้พระในการปกครองมีพฤติกรรมในทางไม่ดี โดย พศ. ได้เริ่มเปิดศูนย์ฮอตไลน์มาตั้งแต่วันที่ 16มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้ร้องเรียนเข้ามาแล้วถึง 67 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความประพฤติไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ อาทิ กลุ่มที่กระทำผิดอาจาระ ไม่สมควร ประพฤติแสดงออกไม่เหมาะสม เดินห้าง ใช้โทรศัพท์มือถือในที่สาธารณะเป็นการเปิดเผยเกินไป ล่าสุดได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลปลอมบวชในจ.พระนครศรีอยุธยา หากเจอกรณีเช่นนี้ให้รีบแจ้งศูนย์ฮอตไลน์ฯทันที เมื่อทาง พศ.รับเรื่องร้องเรียนแล้ว ได้กำหนดให้มีการแก้ไขปัญหาภายใน 15วัน นอกจากนี้ยังได้มอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดแต่ละจังหวัดเปิดศูนย์ฮอตไลน์เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับส่วนกลางด้วย โดยจะมีการบันทึกและรายงานสถิติต่อที่ประชุม มส. ทุกเดือนนายนพรัตน์ กล่าว
ผอ.พศ. กล่าวต่อไปว่า ในคู่มือแจ้งภัยทางพระพุทธศาสนาที่ พศ. ได้จัดทำขึ้นเพื่อแจกจ่ายประชาชนนั้น ได้กำหนดลักษณะที่มีภัยต่อพุทธศาสนาไว้ ในกรณีของฆราวาสมีลักษณะของกลุ่มบุคคลที่แสดงหาผลประโยชน์และบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา 9 ข้อ ดังนี้ 1. ลักขโมยพุทธรูป ตัดเศียรไปขาย 2.นำเศียรพระหรือพระพุทธรูปไปเป็นเครื่องประดับ รวมทั้งวางขายตามตลาดใหญ่ๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดย่านถนนข้าวสาร 3.ถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสมพร้อมกับพระพุทธรูป พิมพ์ภาพพระพุทธเจ้าไว้ในที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น รองเท้า 5.ทำการเรี่ยไรโดยนำรถบรรทุกลูกนิมิต ช่อฟ้า พระพุทธรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)รูปเหมือนหลวงปู่ทวดออกทำการเรี่ยไรตามตลาด ย่านชุมชน โดยมีพระภิกษุสามเณรทำการประพรมน้ำพระพุทธมนต์ 6.ทำการเรี่ยไรโดยแจกซองผ้าป่า หรือขอวางถังผ้าป่าตามสถานที่ต่างๆ เช่น ห้างร้าน บ้านเรือน 7.ดื่มสุรา เล่นการพนันภายในวัด 8. จัดการแสดงที่ไม่เหมาะสมภายในวัด เช่น แสดงโคโยตี้หรือการแสดงลามกอนาจาร และ9.ปลอมบวช คือ การแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ โดยนำผ้าเหลืองมาห่มเองโดยไม่ได้ทำการบวชอย่างถูกต้อง ออกเรี่ยไรหรือบิณฑบาตมุ่งรับเฉพาะปัจจัย
นายนพรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับลักษณะที่เป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา กรณี พระภิกษุสามเณร มี 6 ข้อ ดังนี้ 1.การบิณฑบาตไม่ถูกต้อง อาทิ ยืนอยู่กับที่เป็นเวลานานประจำร้านค้าหรือตลาด นั่งเก้าอี้หรือรถเข็น สวมใส่รองเท้า สูบบุหรี่นั่งตามร้านกาแฟ ทิ้งดอกไม้ธูปเทียนไม่ยอมนำกลับ ถ่ายเทอาหารให้บุคคลเวียนขายต่อ 2.เรี่ยไรเงิน เดินแจกซองผ้าป่าตามตลาดและชุมชน เดินขอปัจจัยตามชุมชนโดยมีตู้บริจาคและโทรโข่งประกาศ เดินเที่ยวขอตั้งถังผ้าป่าตามบริษัทห้างร้านหรือบ้านเรือน 3.การปักกลด ปักกลดในที่ชุมชน ตามป่าละเมาะที่รกร้างว่างเปล่า ใกล้บ้านเรือนเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล 4.การพักค้างแรมตามบ้านเรือน เช่าบ้านอยู่อาศัยหรือพักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องคนรู้จัก ติดต่อกันนานเกิดความจำเป็น 5.สถานที่ที่พระภิกษุสามเณรไม่ควรเข้าไป(อโคจร) อาทิ เดินเที่ยวซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า ร้านอาหารบางประเภทที่ไม่เหมาะกับพระภิกษุสงฆ์ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น เป็นต้น 6.พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอื่นๆ อาทิ ดื่มสุรา เล่นการพนัน เสพยาเสพติด การทำเสน่ห์ยาแฝด การสักยันต์ การทรงเจ้าเข้าผี การบอกใบ้ให้หวย การสะพายกล้องถ่ายรูป การไปร่วมงานโดยไม่ได้รับกิจนิมนต์ เข้าไปซื้ออาหารฉันภายในห้างสรรพสินค้า เที่ยวดูการละเล่นมหรสพ ประกอบกิจการค้าขายเยี่ยงฆราวาส