รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม รับตกใจเห็นภาพ อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะถ่ายภาพคู่หญิงสาว สนับสนุนนับเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เผย 38 ปี ในขณะห่มผ้าเหลืองไม่เคยทำเรื่องเสียหาย วอนลูกศิษย์แยกสถานะบุคคล ด้านผู้มาปฏิบัติธรรมอึ้ง ไม่คาดคิดมาก่อน แต่ส่วนใหญ่เข้าใจ

จากกรณี พระมิตซูโอะได้ลาสิขาอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2554 ต่อจากนั้นออกเดินทางกลับไปประเทศญี่ปุ่น สร้างปริศนาและความสงสัยให้แก่สังคมว่าสาเหตุการลาสิขามาจากอะไร จนกระทั่งวานนี้ (27 มิ.ย.) นางสาวสุทธิรัตน์ มุตตามระ หรือ “แอน” (Suttirat Muttamara) นักธุรกิจหญิงในวงสังคมชื่อดังของเมืองไทย ได้นำภาพถ่ายคู่กับอดีตพระมิตซูโอะ ไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก โดยภาพเป็นภาพที่ถ่ายคู่กับอดีตพระมิตซูโอะ ทำให้เป็นเรื่องที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก

ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 28 มิ.ย.56 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์บรรยากาศที่วัดสุนันทวนาราม ซึ่งเป็นสาขาวัดหนองป่าพง ที่ 117 หมู่ 8 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ทราบว่าบรรยากาศภายในวัดยังคงมีการทำวัตรปฏิบัติปกติ เริ่มตั้งแต่ 06.00 น. พระสงฆ์ประมาณ 20 รูป ได้ออกเดินบิณฑบาตตามปกติ และพบว่าภายในวัดมีกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมจาก กรมสรรพากรภาค 6 นครปฐม จำนวน 80 คน มาปฏิบัติธรรมตามโครงการฝึกอบรมหลักสูตร แสงธรรมนำชีวิต คุณธรรมนำความรู้ (ธรรมะปฏิบัติประจำปี 2556) ซึ่งคณะทั้งหมดได้เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 28 มิ.ย.รวมระยะเวลา 5 วัน ก่อนที่กลุ่มผู้ร่วมการอบรมจะเดินทางกลับทุกคนต่างช่วยกันกวาดถนน พร้อมทั้งถูพื้นภายในศาลาต้อนรับ พร้อมทั้งช่วยกันล้างภาชนะต่างๆ จนแล้วเสร็จ พระสงฆ์ที่เดินทางกลับจากไปบิณฑบาต และได้ฉันอาหารเช้าในเวลาประมาณ 08.00 น. จากนั้นพระอาจารย์หนูพรมได้แสดงเทศนาและพระสงฆ์ร่วมสวดให้พรแก่ผู้มาปฏิบัติธรรมทั้งหมด จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.00 น.จึงแล้วเสร็จ โดยมีผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหมดนั่งรับพร ก่อนเดินทางกลับ

โดยหลังเสร็จจากการฉันอาหารเช้า พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนารามได้เชิญสื่อมวลชนไปที่บริเวณ ลานบุญพุทธชยันตี ต่อจากนั้นพระอาจารย์หนูพรมได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องข่าวเกี่ยวกับอดีตเจ้าอาวาสว่า อาตมาก็เพิ่งรู้ข่าวเช่นกันซึ่งรู้สึกตกใจที่มีภาพอย่างนี้ออกมา แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาตมาทราบก็เคยให้ข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ยอมรับไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย อีกเหตุผลที่อาตมาไม่ทราบเพราะว่าอดีตเจ้าอาวาสได้สึกแล้วกลับไปประเทศอย่างกะทันหัน แต่ในเมื่อข่าวออกมาในลักษณะนี้ ธรรมดาหากเป็นพระเกิดไปมีความรักอะไรใคร่ขึ้นมาก็ต้องปกปิดความลับไว้ก่อน ไม่มีหรอกที่พระจะไปบอกว่าอาตมารักโยมคนโน้นคนนี้ เหมือนคนที่นอกใจภรรยาก็คงไม่ต้องการให้ภรรยารู้เรื่อง นี่คือเหตุผลที่ทำให้ทุกคนไม่ทราบเรื่องว่าสาเหตุการสึกจากพระนั้นเป็นเพราะเหตุใด

"แต่ปัจจุบันอาตมาและประชาชนทั่วไปคงทราบแล้วว่าเหตุผลที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะลาสิขาเป็นเพราะเหตุผลอันใด ภาพได้แสดงให้เห็นอยู่แล้ว แต่การที่ท่านตัดสินใจสึกจากความเป็นพระด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ท่านทำถูกต้องแล้ว ส่วนวัดใดที่ท่านไปสึกอาตมาก็ไม่ทราบจริงๆ เพราะท่านไม่เคยบอกใครให้รู้มาก่อน ท่านคงคิดว่าถึงบอกใครไปก็ไม่มีประโยชน์ และท่านคงรู้ดีอยู่แล้วเพราะท่านบวชมานานกว่า 38 ปี หรืออาจยังบวชอยู่ก็คงจะเกิดปัญหาตามมาภายหลังจึงตัดสินใจสึก แล้วค่อยมาแก้ไขปัญหาทีหลังก็เป็นได้" รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนารามกล่าว

พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต กล่าวต่อว่า ที่จริงแล้วอาตมามองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติระหว่างคนสองคน อย่าลืมนะท่านบวชมาถึง 38 พรรษา ซึ่งไม่เคยมีภาพดังกล่าวออกมาให้เห็นมาก่อน 38 พรรษาที่ท่านให้ความรู้ทางธรรมมะถือว่านานมาก แต่ที่ท่านตัดสินใจสึก คงเป็นเพราะท่านคงมีความสุขที่จะได้ไปเริ่มต้นชีวิตคู่อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งก็ถือว่าดีแล้วท่านก็คงไปได้ดี

พระอาจารย์หนูพรม กล่าวอีกว่า อาตมาอยากฝากถึงญาติโยมชาวพุทธว่า ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติตนไม่เหมาะสมของพระเยอะมาก พระบางรูปอาจจะบวชมานานมากว่า 40 พรรษาก็มี แต่ไม่เป็นข่าวเพราะไม่ค่อยเป็นที่สนใจของสังคม ดังนั้นญาติโยมต้องแยกกันให้ออกระหว่างบุคคลกับศาสนา เมื่อคนทำผิดแต่ศาสนาไม่ผิดเพราะศาสนาเป็นนามธรรมที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความผิดถูกของใคร ดังนั้นขอให้เรามั่นคงในเรื่องของศาสนา และให้มองเป็นเรื่องการกระทำของบุคคล แต่อย่างไรก็ตาม 38 พรรษาที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ได้เข้ามาเผยแผ่ศาสนาในประเทศไทยและช่วยเหลือสังคมไทยมา ท่านได้ตั้งใจทำเต็มที่อย่างสุดความสามารถ เชื่อว่าญาติโยมเองก็คงทราบดี

“ดังนั้นศิษยานุศิษย์จะต้องนำคุณงามความดีที่ท่านสร้างมา แยกแยะให้ถูก ถึงแม้ท่านจะสึกไปแล้วแต่ธรรมะที่ท่านสอนและตีพิมพ์ลงในหนังสืออ่านแล้วก็เข้าใจง่าย เปรียบเทียบก็เหมือนหมอทำยารักษาโรค ถ้าคนป่วยนำยาไปกินแล้วเกิดเสียชีวิตไปก็ไม่ได้หมายความว่ายาที่คนไข้กินนั้นไม่ดี หรือยาพาราหากคนปวดหัวแล้วกินแล้วหายก็เป็นประโยชน์ ธรรมะพระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน ถึงแม้ตัวท่านจะเปลี่ยนไปเป็นฆราวาส แต่คำสั่งสอนก็ยังคงเป็นประโยชน์เช่นเดิม ถ้าเราแยกให้ออกมันก็ไม่มีอะไร ส่วนกิจกรรมภายในวัดก็เป็นไปตามปกติมีญาติโยมมาปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง ส่วนอาตมาก็ปฏิบัติตามที่อดีตเจ้าอาวาสได้วางแนวทางเอาไว้ เช่นเดิม” รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนารามกล่าว

ด้าน อาจารย์ลัดดา สุวรรณกุล อายุ 72 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่เป็นกลุ่มจิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิภายในวัดนานกว่า 8 ปี ได้เปิดเผยความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเรื่องของปุถุชน ขณะนี้เรากำลังสอนเรื่องกฎแห่งกรรมอยู่ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามคุณความดีของท่านไม่สามารถลบเลือนสิ่งที่มันเกิดขึ้น ที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้เพราะท่านเป็นคนต่างชาติที่ดิฉันบางครั้งรู้สึกอาย ที่เราเห็นอะไรเป็นปัญหาแล้วเราอยากจะหยุด แต่ท่านกลับบอกว่าไม่เป็นไรตั้งใจจะทำต้องทำให้สำเร็จ สำหรับพื้นที่วัดแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 1,500 ไร่ ที่ผ่านมาท่านสามารถผลิตทั้งพระเณร และให้ธรรมะกับญาติโยมที่จะนำไปดำเนินชีวิตในการแก้ไขปัญหาชีวิตให้กับตัวเองได้ ตรงนี้เราก็ซาบซึ้งในน้ำใจของท่าน อีกทั้งไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อย

"ทั้งนี้อยากฝากไปยังประชาชนที่ติดตามข่าวว่าขณะนี้ทางวัดกำลังดำเนินโครงการ ไอ แอล เอ หรือครอบครัวประเทศไทย ซึ่งอดีตพระอาจารย์ท่านได้ดำเนินการมาแล้ว 1 ปี การศึกษา กิจกรรมนี้ส่วนใหญ่จะทำให้กับนักเรียนและครูในโรงเรียน ซึ่งท่านได้ผลิตหนังสือธรรมะออกมามากกว่า 1 ล้านเล่มแล้ว ก็มีเหมือนกันที่คนถามว่า ในเมื่อเจ้าของหนังสือธรรมะเป็นอย่างนี้ แล้วจะอธิบายให้กับนักเรียนทราบอย่างไร ซึ่งก็บอกไปว่า คำสั่งสอนที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ มาทำให้มันอ่านง่ายต่อการเข้าใจของทั้งเด็กและผู้ใหญ่" ข้าราชการบำนาญ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างรอการสัมภาษณ์ได้เข้าสอบถามผู้ที่มีร่วมในการปฏิบัติธรรม ในคณะที่มาจากกรมสรรพากรภาค 6 นครปฐม เกี่ยวกับกรณีมีผู้นำภาพอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ไปลงในเฟซบุ๊ก โดยมีผู้หญิงหน้าตาดียืนถ่ายภาพ ลักษณะโอบกอดกันอย่างสนิทสนม โดยทุกคนต่างตอบว่า ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ได้รับทราบจากข่าวทางสื่อมวลชนว่าอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ได้สึกจากการเป็นพระ แล้วกลับไปประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดเพื่อสอนธรรมะอย่างฆราวาส และทราบเพียงว่าท่านป่วยเป็นโรคเบาหวานเท่านั้น แต่หลังจากทุกคนได้เห็นภาพดังกล่าวต่างแสดงอาการตกใจและไม่มีการออกความเห็น ในเรื่องนี้ โดยบางคนก็แสดงความเห็นว่าเข้าใจในตัวของอดีตเจ้าอาวาสกันเป็นอย่างดี โดยเห็นว่า เมื่อท่านสึกไปแล้วหากท่านจะไปอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้หญิงคนที่อยู่ในภาพก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร เพราะท่านได้สึกไปแล้ว ส่วนแนวทางการปฏิบัติธรรมภายในวัดก็คงไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะทางวัดเองก็ได้มีการบริหารจัดการที่ดีอยู่แล้ว