มรกตนาคสวาท : แมวๆ พิคเจอร์

ขอได้รับความขอบคุณจากแมวๆ พิคเจอร์เช่นเคยค่ะ
<<
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
21 ตุลาคม 2548
 
 

...เอางานเขียนเมื่อแปดปีก่อน มาให้อ่านค่ะ -- เรื่องสั้นเศร้าๆ...


หนูจะกลับบ้าน

“สิมิลัน”



“แม่ หนูกลับบ้านไม่ได้แล้วนะ มีสอบ อีกอย่างหนูก็ยังทำรายงานไม่เสร็จด้วย”

นางจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นหนที่เท่าไรที่นังหนูมันโทรศัพท์มาบอกนางด้วยประโยคเดิม ๆ ว่าจะไม่กลับบ้านในช่วงวันหยุดติดกันหลายวัน นังหนูมันมักจะมีเหตุผลสารพัดที่ทำให้กลับมาบ้านไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งโทรศัพท์มาบอกนางว่า “บางที มันจะกลับบ้าน”

ครั้งแรก ๆ พอรู้ว่ามันจะกลับมา นางจะรู้สึกตื่นเต้น เกณฑ์ให้ไอ้น้องขึ้นไปช่วยกันกวาดเก็บเช็ดถูห้องนอนของนังหนูมัน จนพื้นกระดานเป็นมันวับ หยากไย่ไม่มีเหลือ หนังสือจัดเป็นระเบียบ นางว่า “นังหนูมันชอบอ่านหนังสือ ต้องดูแลหนังสือมันให้ดี เดี๋ยวมันจะว่าเอาได้ว่าไม่ดูแลของของมัน” นางเอาผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนของมันมาซัก ไอ้น้องก็ว่า “ซักทำไมล่ะแม่ แม่ซักหลายรอบแล้วนะ ไม่เห็นอีหนูมันกลับมาจริง ๆ ซะที” นางเลยหันไปแหวใส่มันว่า “ช่างข้าเถอะน่า นังหนูมันจะได้นอนที่นอนสะอาด ๆ ข้ารู้ว่ามันไม่ค่อยสบายบ่อย ถ้ามันต้องกลับมานอนหนุนปลอกหมอนดำ ๆ ขี้ฝุ่นเต็มที่นอน มันก็จะหายใจไม่ออกอีก ข้าเป็นห่วงมัน” ไอ้น้องมันบ่นเรื่องนี้กับนาง จนเลิกบ่นไปนานแล้ว

เสร็จจากเรื่องที่นอน นางก็เริ่มคิดเรื่องกับข้าวกับปลา นังหนูมันชอบกินข้าวคลุกผัดกะเพราหมูกับแตงกวา “แม่จะผัดให้เอ็งกินดีกว่านะนังหนูนะ ให้เอ็งกินสักสองสามชาม” มันชอบแตงกวาเยอะ ๆ นางจำได้ว่า เมื่อก่อนสมัยที่มันยังอยู่บ้าน มันไม่เคยเบื่อสักที มันกินเอา ๆ จนนางต้องว่า “ค่อย ๆ กินก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอตายกันพอดี” แต่ในใจนางนั้นคิดว่า “ให้มันกินเข้าไปเถอะ มากเท่าไรก็ได้ ตัวมันผอมจนจะปลิวตามลมได้อยู่แล้ว” เอ กลับมาคราวนี้มันจะผอมลง หรืออ้วนขึ้นนะ

นังหนูของนางเป็นคนน่ารัก ใคร ๆ ก็ชมทั้งนั้นแหละ หัวบ้านจดท้ายบ้าน นังหนูมันแก้มใส ช่างพูดช่างเจรจา บางทีก็พูดมากเกินไปจนนางหมั่นไส้ แต่บางทีอีกนั่นแหละ นางหนูมันกลับเงียบไปจนนางกลัวว่ามันจะไม่พูดอีก มันมักจะมีความคิดแปลก ๆ กว่าชาวบ้านเขา เมื่อปีโน้น นางต้องคอยหยิกต้นขาไม่ให้มันพูดค้านพระในวัดออกมา เพราะมันไม่เห็นด้วยกับการที่พระเอาเรื่องเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านมาพูดให้ญาติโยมในวัดฟัง มันว่า “หนูว่าถ้าชาวบ้านเชื่อพระกันหมด ก็ไม่ต้องพิจารณาเองสิแม่ว่าจะเลือกใคร มันจะเป็นประชาธิปไตยได้ยังไง” นางจำได้ว่า ตอบมันไปว่า “บ้านนอกอย่างพวกข้าน่ะ ไม่สนใจประชาธิปตงธิปไตย อะไรของเอ็งหรอก ถ้าพระบอกว่าใครดี คนนั้นก็คงดี แล้วพอพวกข้าเลือกมันเป็นผู้ใหญ่บ้าน มันก็จะมาช่วยหาเงินเข้าวัด พัฒนาหมู่บ้านอย่างที่พระท่านบอก เอ็งไม่อยู่บ้าน เอ็งไปเดือดร้อนอะไรกับเขาด้วยเล่า” นังหนูมันทำหน้าเบื่อ ๆ แล้วบอกนางว่า “งั้นต่อไปแม่อย่าชวนหนูมาวัดอีกแล้วกันนะ ถ้ามาแล้วหนูไม่เห็นอะไรด้วยกับเขา เดี๋ยวหนูจะโดนชาวบ้านด่าเอา หนูไม่ชอบ” เอาเหอะ ถ้าคราวนี้มันกลับมาจริง ๆ นางจะให้มันแต่งตัวสวย ๆ ไปวัด ไปตักบาตรเข้าพรรษากับนาง หนุ่ม ๆ หัวบ้านท้ายบ้านจะต้องคอยชะเง้อคอมองว่านังหนูมันสวย คอยดูนะ นางจะไม่หยิกต้นขามันอีก เพราะมันโตแล้ว มันคงไม่พูดอะไรแปลก ๆ อีกหรอก

ยิ่งใกล้วันที่มันจะกลับมา นางก็ยิ่งตื่นเต้น ทุกเช้าเย็น นางจะมานั่งที่หัวกระไดบ้าน พ่อนังหนูต้องคอยมาบอกว่า “เอ็งไม่ต้องคอยมันหรอก ถ้ามันจะมาเดี๋ยวมันก็มาเอง” นางว่า “ช่างเถอะ ข้าจะคอย ข้าอยากเห็นมันตอนมันเดินเข้ามาบ้าน เอ็งจะไปทำอะไรก็ไปเถอะไป๊” ก็นางจำได้นี่นา ว่าทุกครั้งที่มันกลับบ้านเมื่อหลายปีก่อน มันจะเดินยิ้มแต้ เข้ามากอดนาง แล้วบอกว่า “หนูกลับมาแล้วจ้ะแม่”

พ่อมันได้แต่ส่ายหน้าแล้วว่า “ข้าเห็นเอ็งคอยมันอยู่อย่างนี้มาหลายปี ไม่เห็นนังหนูมันจะกลับมาจริงๆ ซะที” นางหันกลับไปตอบพ่อมันว่าว่า “แล้วเอ็งไม่คอยนังหนูมันเหรอ” พ่อมันเลยหันมาตอบ “ข้าคอยจนเลิกคอยแล้วโว้ย มันคงไม่กลับมาหรอก ถ้ามันจะกลับ เดี๋ยวมันก็กลับมาเอง ไม่ต้องคอย”

นางได้แต่นิ่งเฉย นางเคยร้องไห้จนน้ำตามันไหลย้อนเข้ามาในอกหมดแล้ว นังหนูมันใจแข็งเหลือเกิน ไอ้หนึ่งกับไอ้นิ่ม พี่ชายกับน้องชายของนังหนูมันก็ไปทำงานกรุงเทพฯ เหมือนกัน มันยังกลับมาหานางออกบ่อยๆ โดยเฉพาะไอ้นิ่ม ขนาดไม่มีเงินมันยังยืมเงินเพื่อนซื้อตั๋วรถกลับมาหานาง มาขอสตางค์นางใช้เลย ถ้านังหนูมันไม่มีเงิน มันก็น่าจะโทรศัพท์มาบอก นางจะได้ให้พ่อมันแวะไปไปรษณีย์ ไปส่งเงินให้มัน มันจะได้มีเงินซื้อตั๋วรถกลับมาหานาง แต่ก็ไม่เห็นมันเคยขอเงินแม่สักที บางครั้งนางก็เคยบอกให้พ่อมันส่งเงินไปให้ พ่อมันเคยไปอยู่กรุงเทพฯ รู้ดีว่า ข้าวของที่กรุงเทพฯ มันแพง ข้าวแกงธรรมดายังจานละยี่สิบกว่าบาท นางกลัวว่านังหนูมันจะอดๆ อยากๆ คราวนั้นมันโทรศัพท์มาขอบคุณ แล้วบอกว่า “ต่อไปไม่ต้องส่งเงินมาให้หนูนะแม่ ถ้าหนูไม่มีหนูจะขอไปเอง แล้วแม่ค่อยส่งมาตอนนั้นแล้วกัน เก็บเอาไว้ให้ไอ้หนึ่ง ไอ้นิ่ม ไอ้น้องเหอะ”

นังหนูมันช่างใจแข็งจริงๆ นางรู้ว่าเมื่อก่อนมันต้องพยายามเรียนให้ดีๆ มันจะได้ทุนการศึกษา โครงการช้างเผือกควายเผือกอะไรของมันก็ไม่รู้ มันว่า เรื่องเรียนมันไม่ยอมแพ้ใครหรอก แม่ไม่ต้องเป็นห่วงมัน ก็จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง ทุนมันจะให้ซักกี่บาทกันเชียว กว่าจะได้ก็ตั้งนาน แล้วมันจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ก่อน เห็นไอ้หนึ่งกับไอ้นิ่มก็บอกนางว่านังหนูไม่เคยติดต่อไปหามันเลยเหมือนกัน พอนางถามเซ้าซี้มันเข้านังหนูก็จะบอกว่า เรื่องเงินมันหาของมันได้ ไม่ต้องเป็นห่วงมัน แล้วมันก็เขียนกลอนมั่ง ไม่ใช่กลอนมั่ง ส่งไปลงหนังสือ พอได้ลงพิมพ์ มันก็จะโทรศัพท์มาบอกให้นางกับพ่อมันไปซื้อมาดู มันว่าเป็น “ผลงานของมัน” พ่อมันไปหาซื้อมาไว้ครบทุกเล่ม ไว้อวดคนที่ขอดูว่า หนูมันเก่ง เห็นไหม “ผลงาน” ของนังหนูได้ลงหนังสือด้วย นังหนูมันมีวิธีหาเงินสารพัด มันว่า “ด้วยวิธีสุจริตน่ะแม่ ไม่ต้องห่วงหนูหรอก หนูไม่ยอมอดตายแน่ๆ” นางจำได้ว่า มันเคยขอเงินนางไม่เกินห้าครั้งตั้งแต่มันออกจากบ้านไป ห้าหกปีแล้วกระมัง เมื่อมันกลับมาบ้านปีก่อนโน้น มันผอมเหลือเกิน คงไม่ค่อยมีเงินซื้ออะไรมากิน ไม่เป็นไร กลับมาคราวนี้นางจะทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้มันกิน จะเลี้ยงมันให้อ้วนปี๋เลย คอยดูสิ

ครั้งที่มันเรียนจบปริญญาตรี นางก็นึกว่ามันจะกลับมาทำงานที่บ้าน นางเฝ้าแต่รอมัน แล้วมันก็โทรศัพท์มาบอกนางว่า “หนูคงยังไม่กลับบ้านนะแม่ หนูได้งานทำที่เชียงใหม่โน่น เขาให้หนูเริ่มงานเลย แล้วหนูค่อยกลับทีหลังนะแม่” นับแต่นั้นจนวันนี้มันก็ยังไม่กลับมาหานางอีกเลย นังหนูเอ๊ย เอ็งโกรธอะไรแม่กับพ่อหรือถึงไม่กลับบ้าน หรืองานเอ็งยุ่งจริง ๆ นะ

วันที่มันรับปริญญา นางกับพ่อมันเหมารถตู้ ขนคนในหมู่บ้านที่รู้ว่านังหนูมันรักมันนับถือ ไปถ่ายรูปกับมัน วันนั้นนังหนูของนางสวยเด่นเป็นสง่า อยู่ท่ามกลางคนที่เรียนจบคนอื่น ๆ แต่นางว่ามันผอมไปนะ มันบอกว่า มันทำงานหนัก มันเป็นครู ต้องสอนเช้าจดเย็น “วันเสาร์หนูก็สอนนะแม่ ลูกศิษย์หนูน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย” มันคงเหงา เลยขอเขาสอนซะเยอะแยะ จนผอม วันนั้นมันมากับไอ้หนุ่มคนหนึ่ง มันว่า “เพื่อนหนู” วันนั้นนางคงจะมีความสุขทั้งวัน ถ้าเพียงแต่นังหนูมันรับปริญญาแล้ว ไอ้หนุ่มคนนั้นไม่เดินเข้าไปหามันก่อนที่มันจะเดินมาถึงที่ที่นางนั่งรออยู่ นางจำได้ว่าโกรธนักหนาที่นังหนูมันให้ไอ้หนุ่มนั่นดูใบปริญญาก่อนนางกับพ่อมัน มันคงเห็นแฟนมันดีกว่าแม่กว่าพ่อ นางจึงชวนพ่อมันกับทุก ๆ คนกลับบ้าน นางจำได้ว่าเห็นนังหนูมันยืนงง ไม่รู้ตัวว่ามันทำอะไรให้นางโกรธ แต่มันก็ไม่ร้องไห้ นังหนูมันใจแข็งเสมอ พอนางเล่าเรื่องนี้ให้มันฟัง มันก็ไม่พูดถึงเรื่องไอ้หนุ่มคนนี้อีก แต่มันก็รับรองกับนางว่า มันกลับไปเรียนต่อปริญญาโทคราวนี้ ถ้าได้รับปริญญามันจะเอามาให้นางดูเป็นคนแรก นางจะได้ไม่โกรธมันอีก

นางไม่โกรธมันแล้วตอนนี้ ขอแค่ให้มันกลับมาบ้าน กลับมาหานางบ้าง นางจะไม่ว่ามัน ไม่ด่ามัน ไม่ทำให้มันต้องแอบไปร้องไห้บนห้องมันอีก นางจะทำกับข้าวให้มันกิน จะไม่ให้ไอ้หนึ่ง ไอ้น้อง ไอ้นิ่มว่าอะไรให้มันต้องช้ำใจอีกแล้ว

นางยังจำได้ดี วันนั้น หลายปีมาแล้ว นังหนูมันกลับมาบ้าน ไอ้หนึ่ง ไอ้นิ่มก็มา ไอ้น้องที่เคยอยู่คนเดียวเลยมีเพื่อน นังหนูมันเอาโทรทัศน์เครื่องใหม่มาให้แม่ มันว่า “หนูซื้อเองนะแม่ มีรีโมตด้วย แม่จะได้ไม่ต้องเดินไปเปลี่ยนช่องบ่อย ๆ ไง” แต่ไม่รู้รีโมตหายไปไหน มันหาเท่าไรก็ไม่เจอ มันเริ่มใจเสีย งุ่นง่านหาอยู่คนเดียวง่วน พ่อมันเลยว่ามันว่าไม่รอบคอบ เซ่อซ่า มันเถียงพ่อมันไปสองสามคำว่ามันไม่ได้ซุ่มซ่าม มันหยิบรีโมตใส่กล่องโทรทัศน์มาแล้วจริง ๆ พ่อมันโกรธเลยด่ามันเข้าให้ มันคงลืมตัว เลยตวาดอะไรออกมาเสียงดัง พ่อมันเลยโกรธใหญ่ ไอ้หนึ่งเลยว่ามันว่า “เพราะมึงคนเดียว มึงมันตัวซวย กลับบ้านทีไร มีเรื่องมีราวทุกที คนอย่างมึง อยู่ที่ไหนก็ทำให้คนที่นั่นเขาเดือดร้อนไปทั่ว มีงอย่ากลับมาอีกเลย” นังหนูมันคงน้อยใจที่ไอ้หนึ่งพูดอย่างนั้น มันจึงว่า “เออ กูมันตัวซวย ต่อไปถ้าอยู่กันแค่นี้แล้วมีความสุข กูจะไม่กลับมาบ้านอีกก็ได้ มึงคอยดูแล้วกัน” แล้วมันก็เดินขึ้นไปบนห้องมัน ได้ยินเสียงไอ้น้องบอกว่า แม่ เจอแล้ว รีโมตอยู่ใต้เก้าอี้ที่แม่นั่งนี่เอง หาตั้งนาน กระเด็นมาตอนไหนก็ไม่รู้

เช้าวันรุ่งขึ้น นางเห็นมันเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสี่ห้าชุด บอกนางว่า หนูจะกลับไปเรียนแล้วนะแม่ นางถามมันว่า แล้วเอ็งจะกลับมาบ้านอีกเมื่อไร เห็นนังหนูมันก้มหน้า ไม่ตอบนาง เห็นน้ำตาของมันหยดลงบนพื้น มันรีบเช็ดน้ำตา แล้วให้ไอ้น้องช่วยขนของไปส่งมันที่ท่ารถ ตั้งแต่วันนั้นมันก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย

…….

วันนี้ นางอารมณ์ดีเป็นพิเศษกว่าทุกวัน เมื่อสามวันก่อน นังหนูมันโทรศัพท์มาบอกว่ามันจะกลับบ้าน คราวนี้มันรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่ามันกลับมาแน่ ๆ นางจำได้ว่าถามย้ำมันไปสองสามครั้ง เสียงมันตอบกลับมาสดใสกว่าทุกที มันบอกมันคิดถึงแม่ คิดถึงไอ้น้อง คิดถึงพ่อ นางดีใจมาก ไอ้หนึ่ง ไอ้นิ่มก็ว่าจะกลับมาด้วย เพราะเป็นวันหยุดติดกันหลายวัน คราวนี้นางจะจับพวกมันสี่คนมานั่งคุยกันซะที พ่อมันอีกคน มาคุยกันซะให้รู้เรื่อง คราวนี้นังหนูมันจะได้กลับบ้านบ่อย ๆ ไม่หายไปนาน ๆ เหมือนเคย นังหนูจะเป็นยังไงบ้างนะ นางเตรียมจัดข้าวของในห้องนังหนูไว้จนเรียบร้อย แล้วเฝ้ารอการกลับมาของนังหนูมัน มันว่าจะมารถเที่ยวบ่าย สักสองทุ่มคงมาถึง ทุ่มครึ่งนางจะให้ไอ้น้องไปรอรับมันที่ท่ารถ มันจะได้ไม่ต้องหารถสามล้อนั่งเข้ามาเองเหมือนทุกครั้ง นี่จะหกโมงแล้วสินะ เดี๋ยวคงได้เห็นหน้ามันแล้ว

“แม่มึงข่าวมาแล้ว มาดูข่าวก่อน เดี๋ยวอีหนูมันก็มา เอ็งยังไม่ต้องไปนั่งรอตรงนั้นหรอก เดี๋ยวทุ่มครึ่งไอ้น้องก็ออกไปรับมันเอง ข้าบอกมันไว้แล้ว”

เสียงพ่อมันตะโกนเรียกให้นางไปดูข่าวภาคเย็น ดีเหมือนกันเดี๋ยวมันก็มา ได้เห็นหน้ากันซะที นางคิดแล้วจึงเดินเข้าไปนั่งหน้าโทรทัศน์ของนังหนูมันกับพ่อมัน ไอ้หนึ่ง ไอ้นิ่มที่กลับมาก่อนแล้ว นั่งอยู่ใกล้ ๆ พ่อ ไอ้น้องก็นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนง่วนอยู่ไม่ห่างจากตรงนั้นนัก

ภาพในจอโทรทัศน์เป็นรายงานข่าวสดอุบัติเหตุรถชนกัน รถทัวร์ชนกับปิกอัพแล้วเสียหลักตกลงไปข้างสะพาน มีคนตายหลายคน นางเริ่มหูอื้อ ตาลาย นั่งนิ่ง พ่อมันเข้ามาจับตัวนางเขย่า บอกอยู่ข้างหูว่า “แม่มึงทำใจดี ๆ ไว้นะ ทำใจดี ๆ ไว้ คงไม่ใช่นังหนูหรอก” เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น ไอ้น้องลุกไปรับ แล้วเรียกพ่อมันเข้าไปคุย พอพ่อมันวางหูก็เดินเข้ามาจับตัวนาง แล้วว่า

“แม่มึง เดี๋ยวไปรับนังหนูกันนะ มันกลับมาแล้ว ตำรวจโทรมาบอกว่า ตอนนี้นังหนูมันอยู่โรงพยาบาล เดี๋ยวเราไปรับมันกลับบ้านกันนะ คราวนี้นังหนูไม่หนีเราไปไหนแล้ว มันจะกลับมาอยู่กับเราตลอดไปแล้วนะแม่มึง”

นางยังคงนั่งนิ่ง นังหนูมันกลับมาแล้ว กลับมาแล้วจริง ๆ กลับมาอยู่กับพ่อกับแม่จริง ๆ อย่างที่มันรับรองไว้ นังหนู นังหนูของแม่ หูนางยังคงได้ยินเสียงพ่อมันตะโกนแว่ว ๆ

“ไอ้หนึ่ง ไอ้นิ่ม ไอ้น้อง ไปหายาลมมาเร็ว แม่มึงเป็นลมไปแล้ว ไอ้น้องโทรบอกน้ามึงให้เอารถมาบ้านเร็ว ๆ เข้า จะได้ไปโรงพยาบาล เร็ว ๆ สิโว้ย”

นางไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว หูแว่วแต่เสียง “แม่จ๋า หนูจะกลับบ้านแล้วนะ คราวนี้หนูรับรอง หนูกลับจริง ๆ จะไปอยู่กับแม่นาน ๆ ด้วยจ้ะ หนูสัญญา”


สิงหาคม ๒๕๔๐









 

Create Date : 21 ตุลาคม 2548
24 comments
Last Update : 21 ตุลาคม 2548 23:03:46 น.
Counter : 1268 Pageviews.

 

๑. เรื่องนี้ยังคงใช้นามปากกา "สิมิลัน" ด้วยเหตุผลที่ว่า ตอนนั้นคิดว่า คงได้แต่งงาน แล้วถ้ามีลูก จะตั้งชื่อว่า สมิหลา กับ สิมิลัน
๒. หลายๆ คนบอกว่า เดาตอนจบได้ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว หงิหงิ
๓. ครูบอกว่า ถ้าเขียนเรื่องแล้วรู้สึกว่าดี ให้เก็บเอาไว้ อีกห้าหกปีเอามาอ่านใหม่ ถ้าเห็นว่ามันยังคงดีอยู่ ก็ค่อยเผยแพร่


แหะๆ หนูก็ว่ามันพอใช้ได้นะคะ ครู เลยแอบๆ เอามาแปะ คืนนี้น่ะค่ะ อิอิ


เขียนเรื่องได้แค่นี้เอง กลับไปเป็นคนชอบถ่ายรูปเหมือนเดิมน่าจะรุ่งกว่าแฮะ เรา หงิหงิ


 

โดย: มรกตนาคสวาท 21 ตุลาคม 2548 2:49:39 น.  

 

งานเขียนก็น่าจะรุ่งนะครับ ถึงจะเศร้าไปหน่อย

อาจเป็นเพราะเป็นเรื่องสั้นด้วย
คนอ่านเลยไม่ผูกพันกับ "นังหนู" มันนัก
นอกจากจะเคยมีลูกกะเค้า หรือเคยเสียคยสนิทไปจริงๆ

ถ้าปูพื้นแข็งๆ(แต่มันก็จะไม่ใช่เรื่องสั้นแล้วอะจิ)
คงจะได้ใจกว่านี้เยอะเลยครับ

 

โดย: ไอ้ผมก็ว่าไปเรื่อยเปื่อย (เซียวเปียกลี้ ) 21 ตุลาคม 2548 7:51:10 น.  

 

แปะไว้ก่อนนะคะ
ไว้กลับมาอ่าน ^^




...

 

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 21 ตุลาคม 2548 8:25:04 น.  

 

ไปนอนก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะมาอ่านคะ

 

โดย: Angel Tanya 21 ตุลาคม 2548 10:52:30 น.  

 

เขียนได้น่าอ่านดีค่ะ คุณแอน จุ๊บยังอ่านจนจบเลยค่ะ
ก็ไม่ถึงกับเดาตอนจบได้หรอกค่ะ รู้แต่ว่าต้องเศร้าแน่ๆเท่านั้นเอง
อย่างนี้ต้องเป็นศิลปินแล้วค่ะ เอาดีทางงานศิลป์ได้แน่ๆ

 

โดย: Black Tulip 21 ตุลาคม 2548 11:24:59 น.  

 

อ่านแล้วมีข้อสงสัยค่ะ ว่าทำไมที่ผ่านมานังหนูถึงไม่ค่อยกลับบ้านล่ะคะ

 

โดย: คุณป้ายังปิ๊ง 21 ตุลาคม 2548 11:32:41 น.  

 

อ่ะโห เศร้าจริงๆ ค่ะ ... สงสารแม่เค้าจังเลยรอเจอลูก
แล้วไม่ได้เจอแบบลูกสุขสบาย หัวใจแม่เน๊อะ

 

โดย: JewNid 21 ตุลาคม 2548 12:25:25 น.  

 

โห...จบเศร้าอ่ะคุณแอน

แต่สนุกมากๆค่ะ

 

โดย: Batgirl 2001 21 ตุลาคม 2548 12:40:00 น.  

 

ใช่จบมันเศร้าอ่ะ........

 

โดย: ครีเอทีฟ หัวเห็ด 21 ตุลาคม 2548 12:43:43 น.  

 

เศร้าจริงๆด้วยค่ะ

 

โดย: oryzaja 21 ตุลาคม 2548 12:47:37 น.  

 

นางจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นหนที่เท่าไรที่นังหนูมันโทรศัพท์มาบอกนางด้วยประโยคเดิม ๆ ว่าจะไม่กลับบ้านในช่วงวันหยุดติดกันหลายวัน นังหนูมันมักจะมีเหตุผลสารพัดที่ทำให้กลับมาบ้านไม่ได้

**************************************

อ่านแล้วคุ้นๆเน๊อะป้าแอน อิอิ

 

โดย: ตะเกียงลาน 21 ตุลาคม 2548 14:32:15 น.  

 

เฮ่อออออออออออ ...

ไม่ได้กลับบ้านนานแค่ไหนแล้วนะเรา
(มีแต่พ่อแม่และกองทัพญาติพี่น้อง
แวะเวียนมาเยี่ยมเรากะลูกที่ตำหนักทุ่งบางเขนบ่อยๆ
จะเปลี่ยนเป็นโรงเตี๊ยมอยู่แล้ว เอิ๊ก)

 

โดย: แพนด้ามหาภัย 21 ตุลาคม 2548 15:40:52 น.  

 

แงๆ

 

โดย: p เสื้อเหลือง IP: 58.147.70.77 21 ตุลาคม 2548 16:32:52 น.  

 

เข้ามาอ่านแล้วคับ

อย่างเศร้าเลยครับ

เอาไว้เตือนใจเวลาขับรถได้อย่างดีเลย สำหรับบางคนที่ขาดสติ อาจทำให้ใครบางคนกลับบ้านไม่ได้ตลอดกาลนะครับ

 

โดย: chankij IP: 203.155.117.22 21 ตุลาคม 2548 16:51:25 น.  

 

so sad kub

 

โดย: ตี๋น้อยคับ 21 ตุลาคม 2548 18:28:46 น.  

 

เศร้าตอนจบนะคะ

 

โดย: รักดี 21 ตุลาคม 2548 18:37:48 น.  

 

อ่านแล้วเศร้าจังเลยค่ะ...

พอดีเป็นคนรักแม่นะค่ะ...เลยรู้สึกว่า...ไม่อยากทำให้แม่เสียใจ...พออ่านเรื่องนี้เลยรู้สึกเศร้ามากเลยค่ะ...

ตอนที่มีเวลาอยู่ด้วยกัน...ทำไมไม่ทำดีดีต่อกัน???...แล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจเวลาที่ไม่มีโอกาสทำดีดีต่อกันอีกแล้วนะค่ะ....

แวะมาขอบคุณค่ะ...ที่เข้าไปอวยพรวันเกิดค่ะ...

 

โดย: ว่าน 21 ตุลาคม 2548 19:25:50 น.  

 

ตอนจบเศร้าจังเลยป้าแอน
สงสารแม่นางหนูจัง เฝ้าคอยลูกสาวมาตลอดเลย

 

โดย: jan_tanoshii 21 ตุลาคม 2548 22:39:46 น.  

 

โห ---- พี่แอนเศร้าจังเลยค่ะ
ประทับใจความรู้สึกของคนเป็นแม่จังเลย

 

โดย: เจ้าหญิงซาลาเปา-เจ้าชายโรซ่า 22 ตุลาคม 2548 0:23:53 น.  

 

 

โดย: HotDuckZ 22 ตุลาคม 2548 19:58:14 น.  

 

กินจายยยยยยยยยยยยย มากๆ เยย

 

โดย: ตะไคร้ IP: 61.91.225.104 22 ตุลาคม 2548 22:14:44 น.  

 

ทำดีอย่าเดี๋ยว...

และก็ ถ้าจะกลับบ้านจริงๆ อย่าไปป่าวกระกาศ
(เห็นมาเยอะแล้ว...)

 

โดย: บุญชิตฯ IP: 81.251.155.170 23 ตุลาคม 2548 6:28:09 น.  

 




จ๊ะเอ๋ ..(คุณ )มาหยา
ช่วงนี้ หนี่ฯมีบ้างที่ยุ่งค่ะ
อยากเล่นBlogทักทายเพื่อนๆๆ
แต่มีงานที่ต้องทำให้เสร๊จภายในกำหนดค่ะ


เด๋ว ..หนี่ฯขออ่านก่อนน๊ะค๊ะ


"สุขสันต์วันหยุด +รักษาสุขภาพเช่นกันค่ะ



 

โดย: หนี่หนีหนี้ 23 ตุลาคม 2548 10:49:34 น.  

 

เป็นเรื่องที่น่าอ่านดีนะค่ะ ...
น่าสนใจที่จะอ่านต่อ

แต่เศร้าอ่ะ...

 

โดย: บุคลธรรมดา IP: 10.13.5.44, 202.29.83.65 3 ตุลาคม 2552 14:43:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

มรกตนาคสวาท
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




มายาแห่งมาหยา

ยินดีต้อนรับ...

สู่

บล็อกคนชอบถ่ายรูปฝีมือธรรมดาๆ
หน้าตาไม่ดี นิสัยไม่ดี
งานเยอะ ไม่มีเวลาพูดเล่นกับใคร
ไม่ประสงค์จะสนิทสนมกับคนแปลกหน้า




ผีเสื้อ
ชรัส เฟื่องอารมณ์



.....ผีเสื้อตัวน้อยน้อย
บินล่องลอยกลางพนาไพร
โผผินร่อนบินระเริงใจ
คลุกเคล้าดอกไม้ใจชื่นบาน



แสงแดดยามสายสาย
งามพร่างพรายต้องสายธาร
ฉาบทองเมื่อมองแสนตระการ
ผีเสื้อสุขสราญนะเจ้าเอย



***...ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี...



...อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ



***...ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี...



...อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ

... สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ...




เพลงผีเสื้อ




งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มาของข้อความ:เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา







New Comments
[Add มรกตนาคสวาท's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com