ขาไปอาศัยน้องนก ตั๋วโปรโมรชั่น ค่ะ  ที่ถูกใจที่สุดน้องนกขึ้นที่ดอนเมือง  สุดแสนสบาย  ไปถึงอุดรก็ประมาณ 7 โมงเช้าฝากของไว้ที่โรงแรม มีผู้ใจบุญมารับ-ส่งที่หนองคาย  แถมเลี้ยงข้าวเช้าอีกต่างหาก

ร้านทานตะวันค่ะ  อาหารเค้าอร่อยขอบอก  พวกเราทานไข่กะทะ ข้าวจี่  และกาแฟ ...กาแฟที่นี่เข้มสุดๆ  ใครเป็นคอกาแฟคงถูกใจ  แต่เราสู้ไม่ไหวเพราะขมมาก  แค่ไม่กี่อึกรู้สึกคาเฟอีนเดือดพล่าน  active ได้ทั้งวัน  

แค่ข้ามแม่น้ำโขงก็อีกประเทศหนึ่งแล้ว  เหมือนเดินทางไปต่างจังหวัดค่ะ

พวกเราต่อรองรถตู้ในราคา 800 บาท ค่ะ นั่งกันไป 3 คน  ดูเวลาแล้วคงไปได้เต็มที่ ไม่เกิน 4 ที่

สถานที่แห่งแรกที่เราไปคือ  วัดสีเมืองค่ะ  เป็นศาลหลักเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ที่นี่  วัดที่ขึ้นชื่อเรื่องขอโชคลาภเรื่องทำมาหากิน  หน้าที่การงาน  ยกเว้นเรื่องของความรักค่ะ  บรรยากาศก็เหมือนๆกับวัดต่างจังหวัดบ้านเรานะคะ  แตกต่างหน่อยตรงการแต่งกายสาวๆที่โน่น  ใส่ผ้าซิ่นเข้าวัดกัน  น่ารักสุดๆ

ทำบุญต้นเทียน ตามฐานะ   ใครหน้าที่การงานใหญ่โตก็ใหญ่หน่อย  ว่ากันไป

ที่นี่เค้าตั้งเทียนได้น่ารักดี  มีชามกระเบื้องไว้บริการ  บทสวดก็อ่านได้นะ  เหมือนๆภาษาไทยเรา

เหลือบมองที่เสาเค้าเขียนติดไว้  ห้ามไต้ทูป  ตกใจนึกว่าเขาห้ามถ่ายรูป แต่เอ๊ะ เราก็เห็นฝรั่งถ่ายรูปกันไม่เห็นมีใครทักท้วง

ที่ไหนได้ลองถามคนแถวนั้น  ได้ความว่า ห้ามจุดธูปค้า 

ไปต่อที่หอพะแก้วค่ะ  เป็นเขตปลอดบุหรี่ ..... ดีจัง

ที่นี่เคยเป็นที่ประดิษฐาน พระแก้วมรกต และเป็นวัดหลวงของราชวงศ์ลาว  สร้างเมื่อปี พ.ศ 2108 นับพ.ศ แล้ว  เก่าแก่มาก 400ร้อยกว่าปีเชียวนะ  ....ด้านในถ่ายรูปไม่ได้ค่ะ

ลักษณะวัดเป็นแบบเรียบๆค่ะ  ไม่ได้ตกแต่งอะไรวิจิตรมาก  ออกแนวสีเอิร์ธโทน....สวยมากค่ะ

ถึงตอนนี้ฝนก็เริ่มโปรยปราย ซะแล้ว

บริเวณด้านนอกโบสถ์ค่ะ  มีพระพุทธรูปตั้งเรียงราย  เรียบง่ายดี 

ด้านในปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรักษาศิลปะโบราณวัตถุล้ำค่าของลาว

เดินข้ามฝั่งอีกฝั่งไปวัดสีสะเกด วัดนึงที่มีภูมิทัศน์แบบเรียบง่าย (แต่สวยในสายตาเรามาก)

มาถึงตรงนี้ฝนเทลงหนักมาก  พวกเราเลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพที่นี่มากนัก

ต่อด้วยประตูชัย  ประตูที่ดูเหมือนจะเป็นโลโก้ของเวียงจันทร์ซะแล้ว

จากรันเวย์กลายมาเป็นประตูชัย  และเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญของเวียงจันทร์

เราไม่ได้ปีนไปด้่านบน  เพราะคู่หูเธอกลัวความสูงสุดๆ  ก็กว่าจะยอมนั่งเครื่องไปไหนมาไหนด้วยกันได้  พึ่งยอมนั่งเมื่อปีนี้เองค่ะ ...ฮา

************

บ่ายแก่ๆ หิวแล้ว  หิวแล้ว  ไปกินข้าวเปียกที่หน้าพระธาตุหลวงค่ะ  ที่เวียงจันทร์ขึ้นชื่อว่าอาหารการกินแพง  เราก็ไม่ได้เน้นเรื่องกินซักเท่าไหร่  เน้นแต่ว่าขอปลอดภัย  พวกเราจึงสั่งข้าวเปียกค่ะ (ก๋วยจั๊บญวน) อย่างน้อยก็อาหารร้อนๆ ดีกว่า ปลอดภัยต่อลำใส้ไว้ก่อน

อืม  เข้าใจแล้วล่ะค่ะ  ว่าทำไมอาหารเค้าแพง  เครื่องปรุงบนโต๊ะทุกอย่าง made in Thailand จร้า  สำรวจแล้วมี อย. ทุกอย่าง  คือว่าเค้าต้องซื้อเครื่องปรุงรสเหล่านี้จากเมืองไทยค่ะผ่านเข้าประเทศเค้าก็คงมีเสียภาษีอีกนะคะ .....เมืองไทยร้านอาหารข้างทางต่างๆน่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ  สินค้าบ้านเราถูกกว่าเค้ามาก  เครื่องปรุงรสคัดสรรแบบที่มี อย. ให้คนไทยด้วยกันกินจะดีที่สุดค่ะ  .....ด้านซ้ายมือมองเห็นพระธาตุหลวงเหลืองอร่ามไกลๆ  ตอนนี้ฝนเริ่มซาบ้างแล้วค่ะ

ชามข้าวเปียกเบ้อเริ่มเลย  40  บาท ค่ะ  รสชาติก็พอได้  บ้านเราอร่อยกว่าเยอะ

สังเกตว่า จขบ.ปรุงซะแสบไส้  อีกคนไม่ปรุงอะไรเลย....น้องจืดกับน้องแซบ  แต่เราก็ไปด้วยกันได้ตลอดนะ

มบ้านเรือนแถวๆนั้น  และรถตู้ที่ใช้ในลาวค่ะ....รถตู้ที่นี่บังคับได้แค่ 6-7 ที่นั่ง  

แต่บ้านเรา  12 ยังไหว  อัดกันเป็นปลากระป๋อง...เฮ้อ 

ทางเข้าพระธาตุหลวงค่ะ

สายฝนหยุดลงแล้ว  พวกเราเก็บภาพที่นี่ไว้หลายภาพ  

พับเพียบไทยแลนด์    ท่าเดียวที่ไม่ได้นัดหมาย  5555

ผู้หญิงกับการช้อปปิ้ง  เสียเวลาที่ ร้านฮ่องกง และ Duty free  นานพอควร  อุตส่าห์ตั้งใจจะไม่ซื้ออะไรก็ได้คนละชิ้นจนได้  ฮา ฮา  .....ด้านในก็ประมาณตลาดโรงเกลือค่ะ  ราคาให้ต่อรองครึ่งต่อครี่ง  ราคาถูกกว่าโรงเกลือบ้านเรามากค่ะ 

ใครชื่นชอบของก็อปราคาถูก ไม่ต้องคิดอะไรมาก  ก็โอเคนะคะ  แถมใส่ถุงดำให้อีก  555

กลับถึงหนองคายก็เกือบ 5 โมงแล้ว หิวจนตาลาย  ไอ้ข้าวเปียกชามเบ้อเริ่มมันทำไมย่อยไวจัง  นั่งสกายแล็ปไปร้านดังริมโขงเลย "แดงแหนมเนือง"  สมกับความตั้งใจทุกอย่างบนโต๊ะอร่อยมาก....จขบ.ชอบอาหารเวียดนามเป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะ  เพราะผักเยอะ

ใครที่มาหนองคายอย่าได้พลาดร้านนี้เชียวนะคะ  ที่นี่ต้นตำรับเลยล่ะแค่แหนมเนือง 1 จาน  

คุณภาพสุดๆ  บรรยากาศน่านั่งค่ะอยู่ริมแม่น้ำโขงเลยติดกับท่าเสด็จ

ร้านขายเสื้อผ้า Handmade น่ารักๆที่หนองคาย หน้าร้านแดงแหนมเนือง  ตกแต่งร้านได้สวยงามมาก  ถ้าอยู่นานกว่านี้คงได้เสียตังค์กันอีก

กลับถึงโรงแรมcentara อุดร อย่างปลอดภัย...ได้สินค้าเมืองเวียงจันทร์ มา คนละใบ  ฮ่าๆ  ของเราเป็นกระเป๋าล้อลากสีเขียว ยี่ห้อที่เค้าฮิตๆกัน   ใบละ 350  บาท  ไม่รู้เหมือนกันว่าถูกหรือแพง ...แต่ก็ชอบค่ะ  เหมาะกับคนชอบเที่ยวแบบเราเป็นอย่างยิ่ง  

*********

บันทึกการเดินทางเที่ยวเวียงจันทร์หน้าฝน  เมืองที่แรกๆเราคิดว่าคงจะไม่ค่อยมีอะไร  สุดท้ายแค่ 5 ชั่วโมงเรายังคิดว่าน้อยไปด้วยซ้ำ  ก็คงต้องจบเท่านี้นะคะต้องรีบมาบันทึกก่อนจะจำไม่ได้   ขอบคุณเพื่อนๆน้องๆ ที่คอยรับส่งและคอยเป็นธุระให้การเดินทางทริปนี้เป็นไปอย่างราบรื่น

จขบ และพรรคพวกมีplanว่าจะตามรอยอาเซียนกัน  ภายใน 10 ปีก็คงเที่ยวหมด  ฮา 

ใครที่มีทัวร์ราคาไม่โหดแต่คุณภาพเหลือล้น  ช่วยแนะนำด้วยนะคะ

เจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ