^_^ vechagran dot com by tingnoy
Group Blog
 
All blogs
 
สรุปสาระเกี่ยวกับทะเบียนทั่วไป

***เกี่ยวกับทะเบียนทั่วไป***
ทะเบียนทั่วไป
1. ทะเบียนการสมรส
ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกฎหมายว่าด้วยการสมรส
ต้องแสดงความยินยอม และได้รับความยินยอมตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ต้องได้มีการจดทะเบียนตามกฎหมายแล้ว
เงื่อนไขแห่งกฎหมาย
1. ชายและหญิงมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์
2. ชายหรือหญิงไม่เป็นบุคคลวิกลจริตฯ
3. ชายหญิงซึ่งเป็นญาติสืบสายโลหิตฯ จะทำการสมรสกันไม่ได้
4. ผู้รับบุตรบุญธรรมจะทำการสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้
5. ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ไม่ได้
6. หญิงที่สามีตาย หรือการสมรสสิ้นสุดลง ด้วยประการอื่น ต้องผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่
6.1 คลอดบุตรแล้ว
6.2 สมรสกับคู่สมรสเดิม
6.3 ใบรับรองแพทย์ ว่ามิได้มีครรภ์
6.4 มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้
7. ผู้เยาว์จะทำการสมรสได้ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจให้ความยินยอม
ความยินยอมทำได้ 3 วิธี คือ
1. ลงลายมือชื่อในขณะจดทะเบียนสมรส
2. ทำเป็นหนังสือแสดงความยินยอม
3. ถ้ามีเหตุจำเป็นจะให้ความยินยอมด้วยวาจาต่อหน้าพยาน อย่างน้อย 2 คน
การจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย
คู่สมรสจะต้องร้องขอจดทะเบียนตามแบบ คร.1 ต่อนายทะเบียน
1) ณ สำนักทะเบียน
2) นอกสำนักทะเบียน
3) ณ สถานที่ที่ รมว.มท.กำหนด (ที่ชุมชุน)
4) ณ ท้องที่ห่างไกล (ผวจ. อนุมัติ)
5) ต่อกำนันท้องที่ห่างไกล (รมว.มท.อนุมัติ ผวจ.ประกาศ)
6) การแสดงวาจา หรือกริยาต่อหน้าพยาน กรณีพิเศษที่ตกอยู่ในภัยอันตรายใกล้ความตาย (โรคภัย, ภาวะสงคราม)
7) ณ สำนักทะเบียนสถานทูตหรือสถานกงสุลไทย ซึ่งมีหลักเกณ์ดังนี้
(1) ชายและหญิงมีสัญชาติไทยทั้งสองฝ่าย
(2) ชายหรือหญิงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีสัญชาติไทย
(3) คู่สมรสประสงค์จะทำการสมรสตามกฎหมายไทย
(4) ต้องจดทะเบียน ณ สถานทูต หรือสถานกงสุลไทยใน ต่างประเทศ
ขั้นตอนการจดทะเบียนสมรส
ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.2541 ข้อ 13
1) ตรวจสอบคำร้อง (คร.1) และหลักฐานบัตรฯ สำเนาทะเบียนบ้าน
2) ตรวจสอบคุณสมบัติ เงื่อนไขแห่งการสมรส ตาม ป.พ.พ.บรรพ 5
กรณีผู้เยาว์ต้องมีหลักฐานของผู้ให้ความยินยอม
3) ลงรายการในทะเบียนสมรส (คร.2) และใบสำคัญการสมรส (คร.3)ให้ครบถ้วน (เรื่องอื่นหากประสงค์จะให้บันทึก เช่น ทรัพย์สิน)
4) ให้ผู้ร้อง ผู้ให้ความยินยอม (ถ้ามี) พยาน ลงลายมือชื่อใน คร. 2
5) เมื่อเห็นถูกต้อง นายทะเบียนลงลายมือชื่อใน คร.2 และ คร.3
6)มอบ คร.3 ให้คู่สมรสฝ่ายละฉบับ กล่าวอำนวยพรและแนะนำวิธีปฏิบัติหน้าที่ระหว่างสามีภรรยาพอสมควร
กรณีการสมรสระหว่างผู้มีสัญชาติไทยกับบุคคลต่างด้าว
โดยถือปฏิบัติตามหนังสือ ที่ มท 0310.2/ว 1170 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2543 ดังนี้
1. บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทยโดยชอบด้วยกฎหมาย
1.1 ตรวจสอบคำร้องขอ
1.2 สอบสวนปากคำผู้ร้อง เมื่อจดทะเบียนแล้วจะไปอยู่ที่ไหน
1.3 ให้ตรวจสอบหนังสือรับรองของสถานเอกอัครราชทูต
ผู้ร้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายไทยหรือไม่
ผู้ร้องประกอบอาชีพ และมีรายได้เท่าใด
ภาวะทางการสมรสของผู้ร้อง เป็นโสด หรือสมรสแล้ว
ระบุชื่อบุคคลที่ทางราชการติดต่อได้ 2 คน
การสิ้นสุดของการสมรสด้วยเหตุ 3 ประการ
1. ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย
2. ศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส
3. ได้จดทะเบียนการหย่าแล้ว
2. ทะเบียนการหย่า
การหย่ามี 2 วิธี
วิธีที่1
การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย คือการที่สามี ภรรยาตกลงที่จะทำการหย่า
ต้องทำเป็นหนังสือ (สัญญาการหย่า) และมีพยานลงลายมือชื่อ อย่างน้อย 2 คน
และร้องขอต่อนายทะเบียน ณ สำนักทะเบียน ถ้าไม่มีหนังสือหย่ามาแสดง นายทะเบียน
จะไม่รับจดทะเบียนหย่าให้
- การหย่าโดยความยินยอมทำได้ 2 แนวทาง คือ
การจดทะเบียนหย่าในสำนักทะเบียน
การจดทะเบียนหย่าต่างสำนักทะเบียน
วิธีที่2
การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล เป็นกรณีที่สามีภรรยาไม่สามารถ
ตกลงกันได้ จึงต้องฟ้องหย่าต่อศาล โดยมีสาเหตุแห่งการหย่า
ตามมาตรา 1516 แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ บรรพ 5
พ.ศ. ๒๕๑๙ และ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.พ.พ. (ฉบับที่ 10) พ.ศ. ๒๕๓๓

3. ทะเบียนรับรองบุตร
บิดา มารดาของเด็กเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บุตรที่เกิดมาจึงเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
ของมารดาแต่เพียงฝ่ายเดียว จะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดาต่อเมื่อ
บิดามารดาได้สมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมายซึ่งจะมีผลแต่วันที่สมรส
บิดาได้จดทะเบียนรับรองบุตร ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่จดทะเบียน
เมื่อศาลได้พิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา ซึ่งจะมีผลนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
การจดทะเบียนรับรองบุตร มี 3 วิธี
วิธีที่ 1 การจดทะเบียนรับรองบุตรในสำนักทะเบียน
1) บิดายื่นคำร้อง (คร.1) ต่อนายทะเบียน
2) นำมารดาเด็กและเด็กมาแสดงตนว่ายินยอมหรือไม่
3) หากมารดาเด็กและเด็กไม่ได้มาให้ความยินยอม ให้นายทะเบียนแจ้งการขอจดทะเบียนไปยังเด็ก และมารดาเด็ก
ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กไม่คัดค้านหรือไม่มาให้ความยินยอม ภายใน 60 วัน นับแต่วันแจ้ง ให้สันนิษฐานว่าไม่ยินยอม ถ้าเด็ก
หรือมารดาอยู่ต่างประเทศ ขยายเวลาเป็น 180 วัน
4) กรณีเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านหรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่ อาจให้ความยินยอม ต้องมีคำพิพากษาของศาล
วิธีที่ 2 การจดทะเบียนรับรองบุตรนอกสำนักทะเบียน กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 6 (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออก
ตามความใน พ.ร.บ. จดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.๒๔๗๘ กำหนดไว้ว่าในกรณีที่มีผู้ร้องขอนายทะเบียน จะออกไป จดทะเบียน
รับรองบุตรนอกสำนักทะเบียนก็ได้ โดยเก็บค่าธรรมเนียม รายละ 20 บาท และให้ผู้ขอจดจัดพาหนะให้ ถ้าผู้ขอไม่จัดพาหนะให้ ผู้ขอต้องชดใช้ค่าพาหนะให้แก่นายทะเบียนตามสมควร
วิธีที่ 3 การจดทะเบียนรับรองบุตรนอกสำนักทะเบียนในท้องที่ห่างไกล กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 6
(พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความใน พ.ร.บ. จดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.๒๔๗๘ กำหนดการจดทะเบียนวิธีนี้ไว้ เพื่ออำนวย
ความสะดวกแก่ประชาชนเป็นส่วนรวม ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติให้ทำได้ให้นายทะเบียนเรียกเก็บค่าธรรมเนียม รายละ 1 บาท
ป.พ.พ มาตรา 1559 บัญญัติว่า “เมื่อได้จดทะเบียนเด็กเป็นบุตรแล้วจะถอนมิได้”การพิจารณาการให้ความยินยอมของเด็ก
ผู้เยาว์ หมายถึง ผู้ซึ่งไม่บรรลุนิติภาวะ (พจนานุกรมฯ พ.ศ.2542)
ผู้เยาว์ไร้เดียงสา หมายถึง เด็กซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ และไม่รู้ผิด รู้ชอบ ตามปกติสามัญ
ฉะนั้น นายทะเบียนจะต้องพิจารณาถึงความสามารถของเด็กในการสื่อความหมายให้เข้าใจตรงกันระหว่างนายทะเบียน
กับเด็กเกี่ยวกับรู้ผิดรู้ชอบตามปกติสามัญ ตามข้อเท็จจริงแต่ละราย มิต้องคำนึงถึงอายุ
ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม
ป.พ.พ. บรรพ 5 พ.ศ. ๒๕๑๙ และ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม
ป.พ.พ. (ฉบับที่ 10) พ.ศ. ๒๕๓๓ เป็นกฎหมายแม่บทที่จะต้องยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ส่วน พ.ร.บ. การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. ๒๕๒๒ และ
พ.ร.บ. การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕๒๓ เป็นกฎหมาย ที่กำหนดเงื่อนไข และวิธีการรับเด็กซึ่งเป็นผู้เยาว์ เป็นบุตรบุญธรรม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของเด็กเป็นสำคัญ และเป็นการป้องกัน การค้าเด็กในรูปการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม

4.การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม มีวิธีปฏิบัติ 2 กรณี คือ
1. การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม กรณีผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมบรรลุนิติภาวะ
ผู้ที่จะรับบุตรบุญธรรม และบุตรบุญธรรม ยื่นคำร้อง (ค.ร. 13) ต่อนายทะเบียน
นายทะเบียนตรวจสอบคุณสมบัติตามเงื่อนไขแห่งกฎหมาย
ผู้รับบุตรบุญธรรม และบุตรบุญธรรมที่มีคู่สมรสต้องนำคู่สมรสมาให้ความยินยอม
นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้ตามแบบ ค.ร. 14 เมื่อผู้ร้องได้ให้ถ้อยคำว่าได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขแห่งกฎหมาย
นายทะเบียนสำเนา ค.ร. 14 โดยใช้แบบ ค.ร. 15 ส่งนายทะเบียนกลาง
2. การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม การณีผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์
ชาวต่างประเทศที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย ให้ยื่นคำร้องตามแบบ บ.ธ.1 ณ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
(กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ) สำหรับในเขตกทม. ต่างจังหวัดยื่นแบบ น.ธ.1 ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอ หรือ ที่ทำการพัฒนาสังคมและ
สวัสดิการจังหวัด พร้อมหนังสือยินยอมจากบุคคลผู้มีอำนาจยินยอม (พ.ร.บ. การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. 2522 ม. 20)
อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี จะพิจารณาสั่งให้ ผู้ที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
นำเด็กไปทดลองเลี้ยงดู ไม่น้อยกว่า 6 เดือน (พ.ร.บ. การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. 2522 ม.23 โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดู และตรวจเยี่ยม
ผู้รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา พี่ร่วมบิดาหรือมารดา ทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา หรือผู้ปกครอง
ของผู้ที่จะเป็นบุตรบุญะรรม หรือเป็นบุคคลอื่นตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ไม่ต้องทดลองเลี้ยงดู (พ.ร.บ. การ
รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2533 ม.19 วรรค 2)
เมื่อคณะกรรมการทดลองเลี้ยงดูอนุมัติให้มีการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม และผู้ที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ต้องยื่นคำร้อง
(ค.ร. 13) ขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียน ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำอนุมัติ มิฉะนันจะถือว่าสละสิทธิ์ นายทะเบียนตรวจสอบ
คุณสมบัติตามเงื่อนไขแห่งกฎหมาย
ผู้ที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม มีคู่สมรสต้องนำคู่สมรสมาให้ความยินยอม
เด็๋กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ต้องลงนามในช่องผู้ร้องขอจดทะเบียนด้วย (ม.1598/20)
นายทะเบียนจดทะเบียนให้ตามแบบ ค.ร.14 และสำเนาโดยใช้แบบ ค.ร.15 ส่งนายทะเบียนกลาง
กรณีเด็กที่เป็นบุตรบุญธรรม ไร้เดียงสา และบิดามารดาหรือผู้แทนโดยชอบธรรมได้ลงนามแสดงความยินยอมขณะที่ยื่นเรื่องราว
ตามแบบ บ.ธ.5 แล้ว บิดามารดาหรือผู้แทนฯ ไม่ต้องมาแสดงความยินยอมและลงนามในคำร้อง (ค.ร.13) อีก (น.ส.ที่ มท.0402/ว ลว.12 ธค. 29 ข้อ2)
ผลที่เกิดจากการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
บุตรบุญธรรมมีสิทธ์ใช้ชื่อสกุล และมีสิทธิ์รับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรม แต่ผู้รับบุตรบุญธรรมไม่มีสิทธิ์รับมรดกของบุตรบุญธรรม
ผู้รับบุตรบุญธรรมมีอำนาจปกครอง ให้ความอุปการะเลี้ยงดูและถือว่าบุตรบุญธรรม เป็นผู้สืบสันดานของผู้รับบุตรบุญธรรม
เสมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายนับแต่วันที่จดทะเบียน
บิดามารดาโดยกำเนิดหมดอำนาจปกครองแต่วันจดทะเบียน แต่ไม่ขาดจากการเป็นบิดามารดา และบุตรบุญธรรมไม่สูญสิทธิ
และหน้าที่ในครอบครัวที่กำเนิดมาทะเบียนการเลิกรับบุตรบุญธรรม



5.การเลิกรับบุตรบุญธรรม ทำได้ 2 วิธี คือ
1) จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย
2) โดยคำพิพากษาของศาล
การจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรมโดยความยินยอม มีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1) บุตรบุญธรรมบรรลุนิติภาวะแล้ว จะเลิกโดยความตกลงกันระหว่างผู้รับ บุตรบุญธรรมเมื่อใดก็ได้
2) บุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ของบุตรบุญธรรมก่อนหรือได้รับความยินยอมจาก
บิดามารดาของบุตรบุญธรรมก่อน หรือได้รับความยินยอมจากบิดาหรือมารดา เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย ศาลมีคำสั่งให้เลิกรับบุตรบุญธรรม ม. 1598/31

6.การบันทึกฐานะของภริยา
เป็นผลสืบเนื่องจากกฎหมายสมัยก่อน (กฎหมายลักษณะผัวเมีย) มิได้บังคับให้สามีภรรยาต้องจดทะเบียนสมรสกัน
และชายอาจมีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายหลายคน ต่อมามีการใช้ ป.พ.พ. บรรพ ๕ ว่าด้วยครอบครัวชายหญิงจะเป็นสามีภรรยากัน โดยชอบด้วยกฎหมายนั้นจะต้องจดทะเบียนสมรสกัน ม.๑๔๕๗ และกำหนดให้ชายมีภรรยา หรือหญิงมีสามีได้เพียงคนเดียว ม.๑๔๕๒
หลักเกณฑ์การบันทึกฐานะของภรรยา มีดังนี้
1. ต้องเป็นสามีภรรยา และสมรสก่อนการใช้ ป.พ.พ. บรรพ ๕ คือ ก่อน 1 ต.ค. 2478
2. บันทึกได้ 2 ฐานะเท่านั้นคือ เอกภริยา บันทึกได้เพียงคนเดียว และอนุภริยา บันทึกได้หลายคน
3. รับบันทึกเฉพาะสามีภรรยาที่มาร้องขอให้บันทึก ภรรยาอื่นที่ไม่ได้ร้องขอจะไม่บันทึก

7.การบันทึกฐานะแห่งครอบครัว
การใด ๆ อันเกี่ยวกับฐานะแห่งครอบครัวที่ได้ทำขึ้นในต่างประเทศ ตามแบบซึ่งกฎหมายแห่งประเทศ
ที่ทำขึ้นนั้นบัญญัติไว้ เพื่อคุ้มครองคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งได้กระทำการใดๆ อันเกี่ยวกับฐานะแห่งครอบครัว
และนำหลักฐาน มาบันทึก ให้ปรากฎในประเทศไทย เพื่อเป็นหลักฐานในการพิสูจน์ เมื่อเกิดมีกรณีพิพาทเกิดขึ้น
หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ ตามกฎหมายไทย มีหลักเกณฑ์ดังนี้
เป็นกิจการอันเกี่ยวด้วยฐานะแห่งครอบครัว
กิจการนั้นได้กระทำไว้ในต่างประเทศ ตามแบบกฎหมายแห่งประเทศที่ทำขึ้น
เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณี ที่เป็นคนสัญชาติไทย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคน สัญชาติไทย
ต้องนำเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการนั้น ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยและมีคำรับรอง ถูกต้องมาแสดงต่อนายทะเบียน


ทะเบียนพินัยกรรม
“คำสั่งครั้งสุดท้ายซึ่งแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตาย ในเรื่องทรัพย์สินหรือกิจการต่าง ๆ ของผู้ทำพินัยกรรม
เพื่อที่จะเกิดผลบังคับตามกฎหมาย เมื่อผู้ทำพินัยกรรมถึงแก่ความตาย” โดยทำแบบใดแบบหนึ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ มี ๕ แบบ คือแบบธรรมดา/ แบบเขียนเองทั้งฉบับ/ แบบเอกสารฝ่ายเมือง/ แบบเอกสารลับ/ และแบบทำด้วยวาจา
ในส่วนของปกครอง ทำ 3 แบบ คือ แบบเอกสารฝ่ายเมือง แบบเอกสารลับ และแบบทำด้วยวาจา
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ยื่นคำร้อง พ.ก. 1
2. ตรวจสอบหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.1 บัตรประจำตัวประชาชน
2.2 หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ
2.3 พยานอย่างน้อย 2 คน
3. ตรวจสอบคุณสมบัติ
3.1อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์
3.2ไม่เป็นบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
ทะเบียนพินัยกรรมเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่สำคัญดังนี้
ป.พ.พ. บรรพ ๖ มรดก
กฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในมาตรา ๑๖๗๒ แห่ง ป.พ.พ. และฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๐๓
ระเบียบการทำพินัยกรรม การตัดทายาทโดยธรรมให้รับมรดก การถอนการตัดทายาทโดยธรรมมิให้รับมรดก และ
การสละมรดก พ.ศ. ๒๔๘๙
หลักเกณฑ์การตั้งชื่อสกุล
1. รายนามเมืองในเกณฑ์ห้ามตามประกาศพระบรมราชโองการฯ

2. นามสกุลสำหรับราชตระกูลที่โปรดเกล้าฯ

3. ศัพท์ที่ใช้เป็นพระบรมนามาภิไธย

4. พระปรมาธิไธย

5. พระนามของพระราชินี

6. ตัวอย่างคำพ้องศัพท์

7. ราชทินนาม
8. รายนามราชสกุลวงศ์

9. การแก้ไขพระราชบัญญัติชื่อบุคคล (ที่ มท 0309.3/ 3990 ลว. 2 ธันวาคม 2547)

10.ร่างพระราชบัญญัติชื่อบุคคล (ที่ มท 0309.3/ว 2614 ลว. 22 ธันวาคม 2547)

11. หนังสือสั่งการทางวิทยุ (ที่ มท 0309.3/ว 733 ลว. 19 มกราคม 2548)

12. หนังสือสั่งการทางวิทยุ (ที่ มท 0309.3/ว 66 ลว. 20 มกราคม 2548)

13. แนวทางปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ชื่อบุคคล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548 (ที่ มท 0309.3/ว 141 ลว. 20 มกราคม 2547)

14. แบบรายงานการจดทะเบียนตั้งชื่อสกุลของนายทะเบียนท้องที่

15. การใช้ระบบรับจดทะเบียนชื่อสกุล


ทะเบียนศาลเจ้า
"สถานที่ก่อสร้างขึ้นเป็นทรวดทรงสำหรับประดิษฐานรูปเคารพ และกระทำตามพิธีกรรมตามลัทธิของคน บางจำพวก
และให้หมายความรวมตลอดถึงสถานที่ถาวรซึ่งสร้างขึ้นประกอบกับศาลเจ้า" งานทะเบียนศาลเจ้า หมายถึง เฉพาะบรรดาศาลเจ้าที่ตั้งขึ้นอยู่ในที่ดิน ซึ่งราชการเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ปกปักรักษาเท่านั้น โดยออกเอกสารสิทธิ หรือหนังสือสำคัญของที่ดินในนามกรมการปกครอง สาเหตุที่ทางราชการต้องเข้าไปควบคุมดูแล นั้นเป็นไปตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๕๔๗ ม.๑๒๓ ที่ให้ กรมการอำเภอ มีหน้าที่ คอยตรวจตราอุดหนุนผู้ปกปักรักษา อย่าให้ผู้ใดรุกล้ำเบียดที่วัด หรือที่กุศลสถานอย่างอื่น อันเป็นของกลางสำหรับมหาชน นั้น ซึ่งที่ศาลเจ้าเป็นสถานที่เคารพ และกระทำพิธีกรรมตามลัทธิของประชาชนบางจำพวก จึงนับว่าเป็นที่กุศลสถานสำหรับมหาชนประเภทหนึ่ง
กฎหมายและระเบียบ
๏ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ (ม.123)
๏ กฏเสนาบดีที่กุศลสถานชนิดศาลเจ้า พ.ศ.๒๔๖๓
๏ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเงินของศาลเจ้า พ.ศ.๒๕๒๐
แนวทางปฏิบัติหรือการดำเนินงานของทะเบียนศาลเจ้า
การอุทิศที่ดิน
การแต่งตั้งและถอดถอนผู้จัดการปกครองศาลเจ้า และผู้ตรวจตราสอดส่องศาลเจ้า
การขอเช่าที่ดินหรือขอต่ออายุสัญญาเช่าที่ดิน
การขอเช่าอาคารหรือขอต่ออายุสัญญาเช่าอาคารในที่ดินของศาลเจ้า
การก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซมอาคารในที่ดินของศาลเจ้า
การระวังรักษาแนวเขตที่ดินของศาลเจ้า
การควบคุมตรวจสอบกิจการของศาลเจ้า
การเงินของศาลเจ้า
การขอเช่าอาคาร หรือขอต่ออายุสัญญาเช่าอาคารในที่ดินของศาลเจ้า ต้องพิจารณาอัตราค่าเช่าอาคาร และ
ค่าบำรุงศาลเจ้า ว่าถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพทำเลที่ตั้งและหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่
การก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซมอาคาร แบบแปลนการก่อสร้างบูรณะซ่อมแซมอาคารแผนที่อาคารของศาลเจ้า
หนังสือรับรองการอนุมัติให้ก่อสร้างบูรณะซ่อมแซมได้ จากหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นซึ่ง อำเภอหรือเขต จะต้อง
แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสภาพอาคารที่จะก่อสร้าง และบูรณะซ่อมแซม
การระวังรักษาแนวเขต

ทะเบียนสัตว์พาหนะ
ทะเบียนสัตว์พาหนะ หมายถึง
สัตว์พาหนะ หมายถึง ช้าง ม้า โค กระบือ ล่อ ลา ซึ่งได้ทำ หรือต้องทำตั๋วรูปพรรณ ตาม พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ
พุทธศักราช ๒๔๘๒ สัตว์ที่อยู่ในเกณฑ์ ต้องทำ ตั๋วรูปพรรณมีดังนี้
1. ช้าง มีอายุย่างเข้าปีที่แปด
2. ม้า โคตัวผู้ กระบือ ล่อ ลา มีอายุย่างเข้าปีที่หก
3. ช้าง ม้า โค กระบือ ล่อ ลา ที่ใช้ขับขี่ ลากเข็น หรือใช้งานแล้ว
4. ช้าง ม้า โค กระบือ ล่อ ลา ที่มีอายุย่างเข้าปีที่สี่ เมื่อจะนำออกนอกราชอาณาจักร
5. โคตัวเมียมีอายุย่างเข้าปีที่หก เมื่อจะทำการโอนกรรมสิทธิ์เว้นแต่ในกรณีรับมรดก
สัตว์ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ต้องทำตั๋วรูปพรรณข้างต้น เจ้าของจะขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณก็ได้ เมื่อเจ้าของสัตว์ มีสัตว์เกิดใหม่
หรือนำมาจากต่างท้องที่ หรือนำเข้าจากต่างประเทศ หรือได้เป็นเจ้าของสัตว์ โดยประการอื่น ต้องแจ้งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อลง
บัญชีสัตว์ที่ยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณ (ส.พ.19) ไว้เป็นหลักฐาน และเมื่อสัตว์อยู่ในเกณฑ์ทำตั๋วรูปพรรณ ก็ใช้บัญชีสัตว์
ที่ยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณ (ส.พ.19) เป็นหลักฐาน ประกอบในการจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณต่อไป
พื้นฐานทางกฎหมายและระเบียบ
๏ พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ.๒๔๘๒
๏ กฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความใน พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ.๒๔๘๒
๏ ระเบียบการสัตว์พาหนะ พ.ศ.๒๔๘๒
๏ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ลว.๖ มค. ๒๔๘๓ เรื่องแต่งตั้งปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ
เป็นนายทะเบียนสัตว์พาหนะประจำกิ่งอำเภอ (นายอำเภอเป็นนายทะเบียนตาม ม.๔ แห่ง พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ.๒๔๘๒)
การจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณ
* เจ้าของสัตว์ หรือตัวแทน พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน หรือพยานในกรณีที่ไม่มีผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้ใหญ่บ้านไปด้วยไม่ได้
นำสัตว์นั้นไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนท้องที่
*นายทะเบียนพร้อมด้วยเจ้าของตัวแทนได้ตรวจสอบตำหนิรูปพรรณเห็นเป็นการถูกต้อง และเจ้าของหรือตัวแทน
ได้ชำระค่าธรรมเนียมแล้ว ให้นายทะเบียนจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณ
การย้ายสัตว์พาหนะ
1. เจ้าของ หรือตัวแทน นำตั๋วรูปพรรณไปแจ้งต่อนายทะเบียนท้องที่ใหม่ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่สัตว์นั้นไปถึงที่ที่ย้ายไป
2. ให้นายทะเบียนท้องที่ใหม่ เรียกเก็บค่าธรรมเนียม แล้วแจ้งการรับสัตว์ขึ้นทะเบียนไปยังนายทะเบียนท้องที่เดิมทราบ
3. การย้ายสัตว์พาหนะไปยังท้องที่ใหม่เพื่อการเช่า เช่าชื้อ ยืม ฝาก จำนำ รับจ้างเลี้ยง หรือพาไปชั่วคราว
ได้ชำระค่าธรรมเนียมแล้ว ให้นายทะเบียนจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณ
การจดทะเบียนโอนสัตว์พาหนะ
1.ผู้โอนและผู้รับโอนทั้งสองฝ่าย หรือตัวแทน นำสัตว์พาหนะและตั๋วรูปพรรณไปยังนายทะเบียน
2.นายทะเบียนตรวจสอบความถูกต้อง
3.ชำระค่าธรรมเนียม
4.นายทะเบียนจดทะเบียน และสลักหลังตั๋วรูปพรรณโอนกรรมสิทธิให้
5.หากเป็นสัตว์ต่างท้องที่ ให้นายทะเบียนรับสัตว์นั้นขึ้นทะเบียนก่อน

งานทะเบียนนิติกรรม
“การใด ๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกฎหมาย ด้วยใจสมัครมุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล
เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลงโอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ”
งานทะเบียนนิติกรรมที่อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้แก่การทำนิติกรรมตาม ป.พ.พ.ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ
สังหาริมทรัพย์บางประเภท คือ
เรือกำปั่นหรือเรือมีระวางตั้งแต่ 6–20 ตัน
เรือกลไฟหรือเรือยนต์ที่มีระวางตั้งแต่ 5–20 ตัน
แพและสัตว์พาหนะ
ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่ได้กำหนดให้หน่วยงานใดรับผิดชอบ
ดำเนินการโดยเฉพาะ ได้แก่ การซื้อขาย ขายฝาก แลกเปลี่ยน ให้ และจำนอง ให้จดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง (อำเภอ)
กฎหมายและระเบียบ
๏ ป.พ.พ. บรรพ ๓ และ บรรพ ๔
๏ พ.ร.บ. ลักษณะการปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗
๏ พ.ร.บ. เรือสยาม พ.ศ. ๒๔๘๑ (ม.๑๒๒)
๏ พ.ร.บ. การเดินเรือในน่านน้ำสยาม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๘๑
๏ พ.ร.บ. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมอำเภอ พ.ศ. ๒๕๐๓
๏ ระเบียบการทำและการจดทะเบียนนิติกรรมเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์บางอย่างตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์
แนวทางในการปฏิบัติงานหรือการดำเนินงาน
๏ ตาม พ.ร.บ.เรือสยาม พ.ศ.๒๔๘๑ ได้กำหนดขนาดของเรือที่ต้องจดทะเบียน และทำนิติกรรมต่อกรมเจ้าท่าไว้สูงกว่า
ม.๔๕๖ แห่ง ป.พ.พ. ซึ่งยังคงต้องจดทะเบียน
การทำนิติกรรมต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง คือ
- เรือกำปั่นหรือเรือที่มีระวางตั้งแต่ 6 ตันขึ้นไปแต่ต่ำกว่า 20 ตัน
- เรือลำน้ำที่มิใช่เรือกลขนาดตั้งแต่ 6 ตันขึ้นไปแต่ต่ำกว่า 50 ตัน
- เรือกลขนาดตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไปแต่ต่ำกว่า 10 ตัน รวมทั้งเรือกลบางชนิด แม้จะมีขนาดเกินกว่า 10 ตัน แต่มิได้มีไว้
เพื่อการค้าในน่านน้ำหรือการประมง
การซื้อขาย ขายฝาก แลกเปลี่ยน และให้
เรือและแพ ให้จดข้อความในสัญญาลงทะเบียนนิติกรรม แล้วบันทึกในต้นขั้วสัญญา และตั๋วสัญญา (แบบ ปค.34)
แล้วให้นายอำเภอลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ
การจำนอง
เรือและสัตว์พาหนะ หากจดทะเบียนไว้แล้วก็จำนองได้โดยทำตามแบบ ปค.34 และทะเบียนสัตว์พาหนะ
ข้อพึงระมัดระวังในการปฏิบัติงาน
ต้องพิจารณาดูคู่สัญญามีความสามารถที่จะทำสัญญาหรือนิติกรรมได้หรือไม่
ตรวจหลักฐานทางต้นขั้วสัญญาและทะเบียนนิติกรรมว่าไม่มีข้อผูกพันอื่นใด
ต้องมีการประกาศก่อนการจดทะเบียนเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียคัดค้าน ภายใน ๑๕ วัน
เมื่อครบกำหนดวันประกาศแล้วไม่มีผู้คัดค้านให้ทำสัญญาและจดทะเบียนได้

ทะเบียนเกาะ
“ส่วนของแผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบโดยตลอด และมีขนาดเล็กกว่าแผ่นดินที่เป็นทวีป...”
กระทรวงมหาดไทยมีหลักเกณฑ์การพิจารณาว่าสภาพเกาะมีลักษณะ 3 ประการ
(1) เป็นเกาะตามความเข้าใจของคนทั่วไป
(2) ส่วนมากเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
(3) เป็นเกาะถาวรมีสภาพเป็นเกาะมานาน และจะคงสภาพเป็นเกาะอยู่อีกต่อไปตาม ม.๑๓๐๙ แห่ง ป.พ.พ. บรรพ ๔
ได้บัญญัติไว้ว่า “เกาะที่เกิดในทะเลสาบ หรือในทางน้ำ หรือในเขตน่านน้ำของ ประเทศก็ดี และท้องน้ำที่ตื้นเขินขึ้นก็ดี
เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน” ผลที่ตามมา คือ
1) จะโอนแก่กันมิได้เว้นแต่อาศัยกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา
2) จะยกอายุความขึ้นต่อสู้แผ่นดินไม่ได้ และ
3) จะยึดทรัพย์ของแผ่นดินไม่ได้

กฎหมายและระเบียบ
๏ ป.พ.พ. บรรพ ๑ ทรัพย์สิน
๏ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ (ม.๑ และ ม.๘)
๏ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ (ม.๑๒๒)
๏ พ.ร.บ.ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.๒๔๗๘ (ม.๔ และ ม.๕)
๏ คำสั่งให้ทบวงการเมืองอื่นมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาและดำเนินการคุ้มครอง ป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
๏ หนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑๗๓๐๗/๒๔๙๘ ลว. ๒๗ ส.ค. ๒๔๙๘ เรื่องการดูแลรักษาและดำเนินการคุ้มครองป้องกัน
ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
แนวทางในการปฏิบัติงานหรือการดำเนินงาน
การจัดทำทะเบียนเกาะ
การสำรวจเกาะ
งานทะเบียนสุสานและฌาปนสถาน
พ.ร.บ. สุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528
หลักการของ พ.ร.บ. ฉบับนี้ เนื่องจากปัจจุบันการดำเนินกิจการ สุสานและฌาปนสถานบางแห่งมีลักษณะ
ที่อาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ ของประเทศ การสาธารณสุขหรืออานามัยของประชาชนเพิ่มขึ้นจึงได้ยกเลิก
พ.ร.บ.ควบคุมสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. 2481 และประกาศใช้ฉบับนี้มีผลบังใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2528
มีทั้งสิ้น 30 มาตรา
แบ่งสุสานและฌาปนสถานแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. สุสานและฌาปนสถานาสาธารณะ เป็นสถานที่สำหรับเก็บ ฝัง เผา สำหรับประชาชนทั่วไป
2. สุสานและฌาปนสถานเอกชน เป็นสถานที่ เก็บ ฝัง หรือเผาศพ สำหรับตระกูลหรือครอบครัวทั้ง 2 ประเภท
ต้องขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่งหมายถึง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ ผอ.เขต หรือผู้ช่วย ผอ.เขต ซึ่งผู้ว่าฯมอบหมาย สำหรับในเขต กทม.
ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอ หรือ ปลัดฯประจำกิ่งอ. ซึ่ง ผวจ.มอบหมายสำหรับเขตจังหวัด
ซึ่งอยู่นอกเขตเทศบาล
นายกเทศมนตรี หรือพนักงานเทศบาล ซึ่งนายกฯ มอบหมายในเขตเทศบาล
ปลัดเมืองพัทยา หรือพนักงานเมืองพัทยา ซึ่งปลัดเมืองพัทยามอบหมายในเขตเมืองพัทยา
ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
๏ พ.ร.บ. สุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528
๏ กฎกระทรวง (พ.ศ. 2543) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ การขออนุญาต การขอต่ออายุในอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการ
๏ กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2543) กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม
* จัดตั้ง ไม่เกิน 1,000.00 บาท
* ดำเนินการ ไม่เกิน 500 บาท
ขั้นตอนการปฏิบัติ
คุณสมบัติของผู้ขออนุญาต
อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์
ไม่มีความประพฤติบกพร่องทางศีลธรรม
ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน
ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนคนไร้สามารถ
ไม่เคยจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเว้นแต่เป็นโทษที่กระทำโดยประมาท หรือลหุโทษ
แบบพิมพ์ มี 7 แบบ ดังนี้
สฌ 1 คำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสุสาน และฌปนสถาน
สฌ 2 ใบอนุญาติจัดตั้งสุสานฯ (สำหรับบุคคล)
สฌ 2/1 ใบอนุญาตจัดตั้งสุสานฯ (สำหรับนิติบุคคล)
สฌ 3 คำขอรับใบอนุญาตดำเนินการสุสานและฌาปนสถาน
สฌ 4 ใบอนุญาตดำเนินการสุสานและฌาปนสถาน
สฌ 5 คำขอต่ออายุใบอนุญาตจัดตั้งสุสานและฌาปนสถาน
สฌ 6 คำขอต่ออายุ ใบอนุญาตดำเนินการสุสานและฌาปนสถาน
การล้างป่าช้า
มีผู้ประสงค์จะทำการล้างป่าช้า ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบสำนักทะเบียนกลาง ว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2535
รวมฉบับแก้ไขเพิ่มเติมทั้งฉบับ 4 พ.ศ. 2545) ข้อ 69 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “หากจะเปลี่ยนแปลงการจัดการศพผิดไปจากที่แจ้งไว้เดิม
ถ้าศพนั้นอยู่ในท้องที่ใด ให้แจ้งของอนุญาตต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่นั้น โดยให้เรียกมรณบัตรหรือใบรับแจ้งการตายจากผู้แจ้งแล้ว
บันทึกการอนุญาตได้”และเมื่อจะทำการเผาก็ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. สุสานฯ
บทลงโทษ
1. ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 6 วรรคหนึ่ง (ห้ามผู้ใดจัดตั้งสุสานฯ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น) มาตรา 7 วรรคหนึ่ง
(เมื่อได้จัดตั้งสุสานฯ แล้วห้ามมิให้ดำเนินการเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น) หรือ มาตรา 10 (ห้ามมิให้ผู้ใด เก็บ ฝัง หรือเผาศพ
ในสถานที่อื่น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น) หรือผู้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงสุสานฯ ตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ตามมาตรา
16 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษไม่เกิน สองพันบาท
2. ผู้ใดขัดขวาง หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานสาธารณสุข พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เข้าไปในบริเวณสุสานฯ ระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก) ต้องระวางโทษ
ปรับไม่เกินห้าร้อยบาท



Create Date : 29 กรกฎาคม 2551
Last Update : 29 กรกฎาคม 2551 10:39:27 น. 0 comments
Counter : 6892 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tingnoy
Location :
มหาสารคาม Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




สวัสดีคะผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อคแห่งสาระดีๆ และความรู้หลากหลายแห่งนี้คะ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม และผู้ที่เตรียมตัวในการสอบที่มีเวลาน้อยสามารถนำแนวข้อสอบเหล่านี้ไปใช้ประกอบในการสอบได้นะคะ รวมทั้งเจ้าของบล็อคเอง ก็กำลังพยายามสู้ๆ กับการสอบคะ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะสอบได้กันทุกคนคะ*-*
ปล.จะพยายามอัพข้อมูลลงเรื่อยๆนะคะ ติดตามเข้ามาชมได้ตลอดคะ..........
สำหรับผู้ที่เข้าเยี่ยมชมบล็อคกันแล้วขอแค่คำขอบคุณนะคะผู้ทำจะได้มีกำลังใจหาเนื้อหามาลงให้ค่ะ
Wellcome to my blog
Friends' blogs
[Add tingnoy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.