* 7 วัน.... ที่หายไป *


ภาพแห่งความทรงจำจากกระทู้นี้ค่ะ

//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7335242/W7335242.html

สวัสดีพี่น้อง...............ชาวถนน
หนูหิ่ง ฯ คนสับสน.......กลับแล้ว
ลาไปเพื่อฝึกตน.........ให้สงบ
เมื่อจิตเริ่มผ่องแผ้ว......จึ่งได้กลับมา ๚ะ๛

ไป Defragm จิตแล้วก็กลับมาด้วยโคลง 1 บทเพื่อไม่ให้ผิดกฎของห้องบทกวี แง้ว ๆ ๆ

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 51 หนูหิ่ง ฯ ได้ตระเวนไปตามวัดและสถานปฏิบัติธรรมหลายแห่ง
เพื่อหาที่เรียนธรรมและรักษาศีล ๘ ให้กับตัวเองและน้อง (ญาติห่าง ๆ อ่ะจ้า....ก้อ....มีปัญหาทั้งคู่นิ)
สุดท้ายก็ตกลงใจเลือกที่สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ (โทร. 08 - 4804 - 2040)
ด้วยเหตุผลที่ว่าที่นี่มีภิกษุณี, สามเณรรี และแม่ชี คอยให้ความรู้ในหลาย ๆ เรื่องที่หนูหิ่ง ฯ อยากเรียนรู้
และที่นี่ไม่มีป้อจาย ^__^ หนูหิ่ง ฯ จึงบอกน้องว่าไม่มีเวลาหาแล้ว ตกลงก็เลยเลือกที่นี่

การเตรียมตัวก็เตรียม ชุดผ้าถุงสีขาว + สไบ + เสื้อกันหนาว + หมวก + ถุงเท้า + ถุงมือ + ไฟฉาย + นาฬิกาปลุก
ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น เช่น สบู่, แชมพู, แปรงสีฟัน และยาสีฟัน
สิ่งที่ห้ามนำมาใช้ เครื่องสำอางค์ - โทรศัพท์มือถือ - ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ

ตอนไปติดต่อแม่เณร (สามเณรรี)

แม่เณร : คิดยังไงมาปฏิบัติธรรมฤดูหนาว
หนูหิ่ง ฯ : ไม่ทันได้คิดอะไรเลยค่ะ *_~ งื้อ ! ลืมคิดว่าตัวเองขี้หนาว ได้แต่นึกในใจ.... ตายแน่ ๆ ๆ ๆ ๆ

ตารางในแต่ละวัน (จำมาคร่าว ๆ อ่ะค่ะ เปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์)

03.30 น. ทำความดี (ภาระกิจส่วนตัว)
04.00 น. ทำวัตรเช้า ฟังธรรมะ ปฏิบัติ (นั่งสมาธิ - เดินจงกรม) รวมกลุ่ม
06.00 น. ไปบิณฑบาต (ไป - กลับ 8 - 10 กม.)
08.00 น. รับประทานอาหาร (มังสะวิรัติ)
09.30 น. ปฏิบัติ ฯ เอง ดู VCD ธรรมะ
11.30 น. รับประทานอาหาร (สำหรับผู้ที่ทานมื้อเดียวไม่ได้)
13.30 น. ปฏิบัติ ฯ เอง หรือรวมกลุ่ม (ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ไปปฎิบัติ) และดู VCD ธรรมมะ
16.00 น. เวลาน้ำปาณะ (เครื่องดื่มที่ไม่มีกาก) และทำความดี
18.00 น. ทำวัตรเย็น ฟังธรรมมะ ปฏิบัติ ฯ รวมกลุ่ม
21.00 น. ปฏิบัติ ฯ เอง
22.00 น. พักผ่อน

และแล้วหนูหิ่ง ฯ กับน้องก็ได้อยู่ปฏิบัติและเรียนรู้หลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้ความรู้มาใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย ก่อนลาศีล ๘ หนูหิ่ง ฯ บอกแม่เณรไว้ว่า.... หนูหิ่ง ฯ ยังตัดทางโลกไม่ได้
แต่จะขอวิ่งเข้าวิ่งออกระหว่างทางโลกกับทางธรรม แม่เณรบอกว่าไม่เป็นไร แค่นำหลักธรรมคำสั่งสอนไปปฏิบัติก็เป็นกุศลแล้ว
ถ้ามีโอกาสหนูหิ่ง ฯ ก็จะเข้าไปสนทนาธรรมกับแม่เณรให้บ่อยขึ้น เท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวย

หนูหิ่ง ฯ คิดว่าการศึกษาเรียนรู้แล้วนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อปรับความคิดให้มีความสุขสม่ำเสมอ
การเข้าไปฝึกจิตใจให้สงบ ฝึกวิธีการคิด ฯลฯ ดีกว่านำเวลาไปทำอย่างอื่นตั้งเยอะ.... เนาะ ^___^

7 วัน 7 คืนที่เพียรฝึกจิตใจอยู่ในวัด ยังไม่วายเกิดเรื่องจนได้
เนื่องจากน้องที่มาด้วยมีปัญหา ทางครอบครัวของน้อง ได้ฝากให้น้องมาปฏิบัติธรรมกับหนูหิ่ง ฯ
จริง ๆ แล้วหนูหิ่ง ฯ ไม่อยากรับมาด้วย แต่ผู้ปกครองของน้องก็ขอร้องแล้วขอร้องอีก
หนูหิ่ง ฯ จนใจที่จะปฏิเสธ งื้อ ! จำต้องเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นให้น้อง >__<

วันที่ 4
คืนแรกก็มีปัญหาเลยคือน้องเป็นโรคหืดหอบแพ้ฝุ่น (ผ้าห่มของวัด) หนูหิ่ง ฯ จึงต้องยกผ้าห่มของตัวเองให้น้องไป (นู๋พกไปด้วย 2 ผืน)
ไม่งั้นอาการหอบของน้องก็กำเริบ วันต่อ ๆ มาจึงต้องเก็บผ้าห่มของวัดมาซักวันละ 2 ผืน เนื่องจากอากาศหนาวต้องห่มหลายผืนอ่ะค่ะ

วันที่ 5
และคืนที่สองเหตุการณ์ปกติ

วันที่ 6
พอคืนที่ 3 เวลา 21.45 น้องจะโทร.หาแฟน แต่หนูหิ่ง ฯ ได้รับคำสั่ง (จากผู้ปกครองของน้อง) ให้ถอดซิมทิ้ง
เนื่องจากน้องโกหกว่าไม่ได้เอาโทรศัพท์มา แต่แม่ของน้องแอบกระซิบว่าโทรศัพท์หายไป 1 เครื่อง (ทั้งหมดมี 5 เครื่อง)
เวง & กำ จะมีทำไมเยอะแยะขนาดนั้น (ฟะ) แถมยังต้องเดือนร้อนข้าพเจ้าอีก (แง้ ๆ ๆ ๆ ๆ ทำไมถึงต้องเป็นเรา....)

เมื่อไม่มีซิม.... น้องก็โทร.ไม่ได้.... จากนั้นก็อาละวาด ค้นกระเป๋ากระจุยกระจาย แล้ว (ดัน) เจอมีดพับเล็ก ๆ ในกระเป๋าของหนูหิ่ง ฯ
แล้วก็ปาดข้อมือตัวเอง (ไม่ลึกจ้า เลือดออกจี๊ดเดียวคงกลัวเจ็บเหมือนกันหละ) กว่าน้องจะสงบหนูหิ่ง ฯ ต้องไปนิมนต์ (ปลุก) แม่เณรให้มาเทศน์
คืนนี้กว่าจะได้หลับก็ปาเข้าไป 24.00 น. (แง้ ๆ ๆ ๆ กำของเวน) ^^"

วันที่ 7
เช้าวันที่ 4 แม่เณรถามน้องว่าจะโทร.หาแฟนไหม ? น้องก็บอกว่าไม่โทรค่ะ
ตามกฎของวัด จะไม่ให้ผู้ที่ไปปฏิบัติธรรมใช้โทรศัพท์ กรณีจำเป็นสามารถยืมของแม่เณรโทร.ได้ (แต่ก็มีหลายคนที่พกไปค่ะ)

วันที่ 8 - 9
วัน - เวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก (นิ)

วันที่ 10
จนถึงเช้าวันที่ 7 ปรากฎว่าน้องแอบขอยืมโทรศัพท์ของผู้ที่มาปฏิบัติธรรมโทร.ไปหาแฟน
แล้วแฟนก็เข้ามาหาในวัด โอย ๆ ๆ ๆ อยากจะบ้าตาย อีกแค่วันเดียวก็ผ่านการทดสอบแล้วแท้ ๆ

วันที่ 11
เช้าวันที่ 8 ลาสิกขาบท แม่ - พ่อ - พี่ และหลานของน้องมารับกลับบ้าน
หนูหิ่ง ฯ รู้สึกเหมือนยกภูเขาลูกโต ๆ ออกจากอก (เล็ก ๆ ^__^) ยังไงอย่างงั้นเลยค่ะ

ตกลงหนูหิ่ง ฯ ก็เลยไม่รู้ว่าที่หนูหิ่ง ฯ ไปปฏิบัติธรรมคราวนี้เพื่อตัวเอง หรือน้องกันแน่ แง่ง ๆ ๆ ๆ ๆ

หนูหิ่ง ฯ คิดว่าสิ่งที่หนูหิ่ง ฯ ได้มาครั้งนี้
1. ได้ความรู้เพิ่มขึ้น (แหงอยู่แล้น)
2. ได้รู้จักญาติธรรมเพิ่มขึ้น
3. ใจเย็นมากขึ้น (แฮ่....ไม่งั้นมีหวังกระโดดถีบน้องไปแล้ว)
4. มีเหตุและผลมากขึ้น
5. ทำบุญมากขึ้น
6. ทำใจได้ดีขึ้น
7. มีความเพียรและความอดทนเพิ่มขึ้น
8. รู้อดทนอดกลั้นมากขึ้น
9. ปล่อยวางได้มากขึ้น
10. ฯลฯ สิ่งที่ได้มา แม่เณรสอนให้นำกลับมาใช้ในชีวิตประจำวัน วันใดที่เริ่มล้า ให้กลับมาเพิ่มพลังอีกครั้ง


กราบขอบพระคุณท่านภิกษุณี, สามเณรรี และแม่ชีทุกท่านแห่งนิโรธารามที่ให้ความกรุณาหนูหิ่ง ฯ กับน้อง
หนูหิ่ง ฯ จะเป็นเด็กดี ปฏิบัติตามคำสั่งสอนเจ้าค่ะ


แล้วหนูหิ่ง ฯ ก็ขึ้นไปหาคุณแม่ที่ดอยแม่โถ ถือโอกาสเยี่ยมญาติ และลูกค้าบนดอยไปด้วยในตัว
เพิ่งลงมาถึงเมืองเจียงใหม่วันนี้เองเจ้าค่ะ








ศาลาปฏิบัติธรรมเจ้าค่ะ

สำหรับทำวัตรเช้า - เย็น และปฏิบัติ (นั่งสมาธิ - เดินจงกรม)





ทางไปกุฎิเจ้าค่ะ
ตอนเช้า ๆ และดึก ๆ มืดตึ๊บ ต้องพกไฟฉายค่ะ มิฉะนั้นท่านจะไปไหนมะได้เด้อ





ไปบิณฑบาตทุกเช้าค่ะ (เป็นเด็กวัดนิ)





คุณตา & คุณยายใส่บาตร


คุณตาบอกว่า

ดีใจมาก ๆ ที่เห็นแม่ขาว (พราหม์) มากันเยอะ ๆ

วันไหนที่แม่เณรไม่ได้แวะเข้าไปบิณฑบาตในบ้าน คุณตาและคุณยายจะรอจนถึง 10.00 น.

จนลูกสาวโทร.ไปบอกว่าวันนี้มีรถออกไปรับแม่เณรกลับวัดแล้ว
(ระยะทางค่อนข้างไกล บางวันจะมีรถโดยสารมารับกลับค่ะ)







คุณยาย 2 ท่านนี้ใจดีมาก ๆ ใส่บาตรแม่เณรทุกวัน
แถมยังเตรียมขนม & นมสำหรับใส่ย่ามให้พราหม์น้อย ๆ แบบหนูหิ่ง ฯ อีกด้วย (น่ารักจริง ๆ เลยค่ะ)








คุณยายเดินไม่ค่อยไหวแล้ว แม่เณรต้องเข้าไปบิณ ฯ ถึงในบ้านเลยค่ะ

เป็นภาพที่ประทับใจจริง ๆ







ครอบครัวอบอุ่น

ใส่บาตรกันทั้งบ้าน

3 เจเนอเรชั่นเลยค่ะ (พิมพ์ถูกป่าวเนี่ย)







ไปขนก้อนหินมาใช้ประโยชน์ที่วัดค่ะ

2 ลำรถ

กลับถึงวัด ต่างคนต่างหมดแรง ปวดเหมื่อยกันทั่วหน้า *_~







ร่วมด้วยช่วยกันปั้นพญานาค ^_^

(เสียดาย.... พญานาคตัวนี้พ่นไฟไม่ได้....แง้ว ๆ ๆ )






นั่งสมาธิใต้ต้นโพธิ์บนลานวิมุตติ







เดินจงกรม รอบลานวิมุตติ






ต้องขอบคุณน้องต่าย (ญาติธรรม) ที่พบกันในวัดที่กรุณา (แอบ) ถ่ายรูปให้หลายรูป

จึงมีรูปมาแบ่งปันให้พี่ ๆ น้อง ๆ ดูกัน เผื่อใครจะอยากไปสงบจิตสงบใจบ้าง ^__^

สาธุค่ะ




จากตารางประจำวัน หนูหิ่ง ฯ จะชอบช่วงสนทนาธรรมกับแม่เณรมากที่สุด

ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่แม่เณรสอนให้เข้าใจธรรมะแบบง่าย ๆ ด้วยภาษาชาวบ้าน
พร้อมทั้งยกตัวอย่างให้ฟัง

บางครั้งก็อ่านพระพุทธพจน์ให้ฟัง พร้อมทั้งอธิบายให้เข้าใจ

มีการถาม - ตอบ ขำ ๆ ด้วย ทำให้ไม่ง่วง (ปรกตินู๋เป็นเด็กแบบว้า....นิ่งเป็นหลับอ่ะ)

บางครั้งก็เล่าพุทธประวัติให้ฟัง (เหมือนเล่านิทานอ่ะจ้า) สนุกมากเลย
แถมแม่เณรยังจำชื่อโบราณยาก ๆ แม่นอีกต่างหาก (จนถึงตอนนี้นู๋ลืมไปแย้วอ่ะจิ)
จริง ๆ แล้วอยากเล่าสู่กันฟังเหมือนกันนะเจ้าคะ แต่.... อย่าดีก่า (เดี๋ยวเรื่องเดิมเขาจาเสียหาย คิก ๆ ๆ ๆ )

บางครั้งก็เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ฟัง พร้อมทั้งแทรกคำสอนเข้าไปด้วย

มีอยู่วันหนึ่งท่านภิกษุณี (อาจารย์) ไม่อยู่ หนูหิ่ง ฯ และญาติธรรม ขอให้แม่ ๆ แต่ละท่านเล่าให้ฟังว่า.... ทำไมจึงมาบวช
ทั้ง ๆ ที่หลาย ๆ ท่านอายุหน้อยเดียวเอง แม่ ๆ ท่านก็เล่าให้ฟังในช่วงสนทนาธรรม

ท่านที่ 1 (ตอนนี้เป็นภิกษุณีค่ะ) สมมุติว่าชื่อแม่หนึ่งละกันเนาะ ^___^
ตอนนี้อายุประมาณสี่สิบปลาย ๆ (ก็หมองหน้อย ๆ จำตัวเลขมะได้นิ)
เมื่อเกือบ ๆ ยี่สิบปีก่อนเป็นแม่ค้าขายทุเรียน ไม่รู้หนังสือ มีลูกสาว 1 คน
ตอนเช้า ๆ ชอบซื้อหนังสือพิมพ์ใส่บาตร (จะให้พระทำผิดศีลอีกต่างหาก เพราะพระห้ามอ่านหนังสือพิมพ์ ห้ามฟังเพลง ห้ามดูหนัง ฯลฯ)
เพราะคิดว่าจะช่วยให้ตนเองอ่านหนังสือออก
แม่หนึ่งเดิมทีเป็นคนโมโหร้ายมาก ๆ (โดยมีหนามทุเรียนเป็นอาวุธ แง่ง ๆ ๆ ๆ)

มีอยู่วันหนึ่ง หลังจากเลิกขายทุเรียน แม่หนึ่งก็พาลูกสาวไปเดินห้าง ฯ
ก็ตามประสาแม่ค้านั่นแหละ เสื้อมอม ๆ (อาจมีรอยสกปรกนิดหน่อยมั้ง....เดาเอาง่ะ)
กางเกงซีด ๆ คาดกระเป๋าตังค์หนัก ๆ ไว้ที่เอว (สงสัยหนักเหรียญเนาะ)
พอเดินไปแถว ๆ ชุดนอน ลูกสาวก็อยากได้ แต่....
พนักงานขายมอง ๆ ๆ ๆ ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า พร้อมทั้งพูดว่า
ถ้าไม่มีเงินก็ดูห่าง ๆ นะ เดี๋ยวผ้าจะเปื้อน เท่านั้นแหละ !
แม่หนึ่งก็กลายร่างเป็นแม่เสืออาละวาดทันที !
อาวุธนั่นหรือ.... กระเป๋าตังค์คาดเอวไง เหวี่ยงเข้าไป เหวี่ยงจนไปถูกกระจกแตกทั้งบาน
พร้อมทั้งเรียกผู้จัดการมา ~@&$%{-&*$@~฿$#@_$*- (นึกเอาเองเนาะ)
จากนั้นก็คว้ามือลูกสาวไปซื้อร้านฝั่งตรงข้าม....ซะงั้น (สะจายยยยยยยยยยยยย)

ต่อมาแม่หนึ่งก็ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง Sysmetic Lupus Erythematosus : SLE
หรือที่เราเรียกง่าย ๆ ว่าโรคพุ่มพวงอ่ะค่ะ จนคุณหมอที่รักษาบอกว่า....
ให้ไปหาที่ชอบ ๆ (ตาย) เถอะ อยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน
เนื่องจากมีโรคแทรกซ้อน ทั้งความดัน เบาหวาน ฯลฯ
แม่หนึ่งจึงหยุดขายทุเรียน หยุดทุกอย่าง แล้วก็ขึ้นเชียงใหม่ไปอยู่กับญาติผู้พี่
เพราะไม่อยากให้ลูกสาวเห็นแม่ที่ใกล้จะตาย มีอยู่วันหนึ่งญาติผู้พี่ก็ชวนไปวัด
แม่หนึ่งก็ไป ในใจคิดว่าอีกไม่นานก็ตายแล้ว ไปตายเอาดาบหน้าละกัน
แล้วก็เจอแม่รุ้ง (ท่านภิกษุณีนันทญานี หรือแม่รุ้งเดือน) จึงได้อยู่วัดมาจนปัจจุบันนี้
ผ่านไปร่วม 20 ปีก็ยังไม่ตาย (นายแน่มากเลย ^__^)

แม่หนึ่งจึงบอกว่า อาจเป็นเพราะ
1. จากการทำสมาธิ
2. จากการปล่อยวาง ไม่เครียด
3. จากอาหารมังสวิรัติ
4. จากการฉันมื้อเดียว
ทั้งนี้และทั้งนั้นก็เนื่องมาจากศีล และธรรม ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

พี่ ๆ หลายท่านอาจจะสงสัยว่า.... เหตุใดแม่หนึ่งที่ไม่รู้หนังสือ จึงได้ไปบวชเป็นภิกษุณีถึงประเทศศรีลังกา....
จริง ๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่ว้า.... ตอนที่เขาถ่ายรูป แม่หนึ่งก็แต่งตัวเป็นสามเณรรีไปถ่ายรูปด้วย
หลังจากนั้นก็ถูกต้อนเข้าไปยังสถานที่ประกอบพิธีทางสงฆ์ ฝ่ายภิกษุณี
จึงกลายเป็นภิกษุณีมานับแต่นั้น แล้วก็อยู่มาจนทุกวันนี้ ๚ะ๛


โปรดติดตามตอนต่อไป.... พรุ่งนี้จ้า

เล่าสักวันละเรื่องดีกว่าเนาะ นู๋ต้องไปทำงานแย้วอ่ะ ^___^






ท่านที่ 2 (เป็นสามเณรรีค่ะ) สมมุติว่าชื่อแม่สองนะคะ ^___^

แม่สองก็สี่สิบปลาย ๆ ค่ะ ทำกับข้าวอร่อยมั๊ก ๆ ขอบอก แถมมือเย็นปลูกต้นไม้ขึ้นอีกต่างหาก
จริง ๆ แล้วแม่สองมาปฏิบัติธรรม แล้วก็อยู่ช่วยงานที่วัดเนื่องจากมีเด็ก ๆ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาอบรม
ช่วยไปช่วยมา ก็เลยอยู่มาเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้หละค่ะ แม่สองบอกให้หนูหิ่ง ฯ พาหลาน ๆ มาช่วงปิดเทอม
เพราะช่วงปิดเทอมจะมีเด็ก ๆ มาเยอะมาก ๆ ประมาณ 150 - 200 คนเลยทีเดียวค่ะ
หนูหิ่ง ฯ ก็เลยถือโอกาสฝากหลาน ๆ อีกประมาณ 10 คนให้แม่ ๆ ช่วยอบรมช่วงปิดเทอมด้วยซะเลย
ดีกว่าไปอบ ฯ เองเพราะเวลาอบ ฯ เองเนี่ย ถูกเด็กย้อนให้งงเล่นบ่อย ๆ (อายหลานอ่ะ)
หลานหนูหิ่ง ฯ แต่ละคนก็เซียน ๆ กันทั้งนั้น ทั้งดื้อ ทั้งซน (แม่จาไหวไหมเนี่ย ^__^)

แม่สองบอกหนูหิ่ง ฯ ว่า ไม่ต้องกลัวไม่มีคนเลี้ยงนะ อีกหน่อยให้มาอยู่กับแม่ >__<
ฟังเหมือนแช่งเลยเนาะ งี้นู๋ก็หาแควนมะได้อ่ะจิ ^^"
หนูหิ่ง ฯ ก็ยังมึน ๆ งง ๆ กับตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่พี่สาวสุดที่รักของหนูหิ่ง ฯ บอกว้า....
" ทำรายได้ให้ถึงเดือนละ 500,000 จะให้ไปบวชตลอดชีพเลย "
แง่ง ๆ ๆ ๆ คำแป๊ง.... คำแปง (คำแปง : ชื่อพี่สาวนู๋เองจ้า) แล้วชาติไหนนู๋จาทำได้ล่ะเนี่ย....







ท่านที่ 3 (เป็นสามเณรรีค่ะ) สมมุติว่าชื่อแม่สาม ^___^

แม่สามอายุสี่สิบต้น ๆ ใจดีมาก ๆ ยิ้มเก่ง จนถูกเรียกว่า "แม่ยิ้มแย้ม"
อดีตเป็นพนักงานการไฟฟ้าค่ะ แม่รุ้งไปสอนธรรมะให้กับพนักงานการไฟฟ้าทุกปี
ด้วยการที่เป็นพนักงานการไฟฟ้า เงินเดือน 50,000 UP เป็นสาวสังคม แต่งตัวเก่ง
ทำให้มีอุปสรรค์ในการบวชค่ะ กว่าจะไปบวชได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร
ครั้งแรกที่แม่สามยื่นใบลาออกเพื่อไปบวช ปรากฎว่าผู้ใหญ่ไม่อนุมัติ
แต่ให้ลาพักร้อนแทน เพื่อน ๆ ในที่ทำงานต่างก็ไม่เชื่อว่าแม่สามจะบวชได้
ครั้งที่สองยื่นอีก ก็ไม่อนุมัติอีก แม่สามจึงได้แต่ลาพักร้อนเพื่อไปช่วยตอนที่มีการอบรมเด็กนักเรียนยังที่ต่าง ๆ
อาทิ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก, ชมรมผู้สูงอายุบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน, การไฟฟ้าบางกรวย ฯลฯ
ท้ายที่สุดแม่สามก็ได้บวชสมใจ (ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่ หมองปลาทองจำม่ายด้ายจ้า)
แม่สามต้องโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้ญาติ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน, รถ, หุ้น ตลอดจนเงินฝากในบัญชีธนาคาร
เพื่อน ๆ ทุกคนไม่มีใครคิดว่าแม่สามจะบวชได้ แต่แม่สามก็อยู่มาเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้

ตอนเกิดเหตุที่น้องของหนูหิ่ง ฯ เชือดข้อมือตัวเอง หนูหิ่ง ฯ ก็ไปนิมนต์ (ปลุก) แม่สามนี่หละค่ะ

เกิดเหตุเวลาประมาณ 21.45 น.
หนูหิ่ง ฯ เอาไม่อยู่ น้องอาละวาดอย่างหนัก (อยากจะบ้าตายวันละหลาย ๆ รอบ)

เวลา 22.25 น.

หนูหิ่ง ฯ : แม่ขาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
แม่สาม : ใครน่ะลูก ?
หนูหิ่ง ฯ : หนูหิ่ง ฯ เองค่ะ
แม่สาม : มีอะไรลูก (ง่วงเฟ้ย)
หนูหิ่ง ฯ : หนูหิ่ง ฯ ขอนิมนต์แม่ไปเทศน์ให้น้องหนูฟังสักนิดอ่ะค่ะ (ดึก ๆ เนี่ยแหละค่ะ)
แม่สาม : ไปลูกไป (หยิบนั่น หยิบนี่ กุลีกุจอ)

น้อง : ร้องให้ & ฟ้อง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
แม่สาม : เทศน์ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
หนูหิ่ง ฯ : ฟังเงียบ ๆ ๆ ๆ ๆ นั่งนิ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ
น้อง : ฟ้อง ๆ ๆ ๆ ๆ ร้อง ๆ ๆ ๆ ๆ
แม่สาม : เทศน์ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
หนูหิ่ง ฯ : นั่งนิ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฟังเงียบ ๆ ๆ ๆ ๆ

กว่าแม่สามจะเทศน์ ๆ ๆ ๆ ให้น้องสงบลงได้ เวลาก็ผ่านไปเกือบเที่ยงคืน งื้อ !
เช้าวันต่อมาตาหนูหิ่ง ฯ บวมอย่างกะถูกต่อย >__<
ชาติที่แล้วนู๋ไปทำกรรมอะไรไว้เนี่ย แง่ง ๆ ๆ ๆ




ฝากถึงพี่ ๆ ทุกท่านที่เมตตาหนูหิ่ง ฯ มาโดยตลอด
ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ



ในวันนี้จะเดินตามฟ้าลิขิต
เพื่อพิชิตปัญหาที่ถาใส่
หากแม้นว่าต้องการกำลังใจ
จะเข้าไปอ้อนพี่ที่อาทร

อุปสรรคปัญหาต้องต่อสู้
หากไม่รู้กรุณาแวะมาสอน
เพราะชีวิตทางโลกคล้ายละคร
ทุกบทตอนต้องผ่านด้วยปัญญา

กว่าจะถึงฝั่งฝันอันสดใส
กำลังใจคือสิ่งปรารถนา
เมื่อความทุกข์ระทมโถมเข้ามา
เพียงเมตตาปลอบบ้างระหว่างทาง

พยายามฝึกฝนให้พ้นทุกข์
เพิ่มความสุขสดใสใจกระจ่าง
ยึดพระธรรมเป็นที่พึ่งไม่ปล่อยวาง
เดินสายกลางไว้ก่อนท่านสอนมา


กำลังใจที่พี่ ๆ มีให้สม่ำเสมอ นู๋จะไม่มีวันลืมเจ้าค่ะ ^___^



แม่สี่ ^__^ (สมมุติอีกแระ)

แม่สี่เล่าให้ฟังว้า.....
แต่ก่อนแม่สี่เป็นคนขี้หงุดหงิด เปลี่ยนงานบ่อยมาก ๆ เพราะเมื่อลองทำแล้ว ปรากฎว่าไม่ใช่งานที่ชอบ
หลาย ๆ ครั้งที่แม่สี่นึกรำคาญตัวเอง เฝ้าถามตัวเองว่าเมื่อไหร่จะหยุดสักที
ทำงานที่ไม่ชอบก็เป็นทุกข์ ทำไมคนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้ จะทำยังไงดี ? ? ?

จนกระทั่งวันหนึ่ง ก็ได้มาเที่ยวทางเหนือ แล้วก็ได้มาเที่ยวที่วัด ก็มาเจอกับแม่รุ้ง
ปรากฎว่าชอบวิธีการสอนของแม่รุ้ง จึงได้หาเวลามาปฏิบัติธรรมที่นิโรธารามบ่อย ๆ
นานเข้า ๆ ก็คิดว่า.... ถ้าเราอยู่ทางโลก เราก็ไม่สงบเหมือนเดิม ก็ไม่มีความสุขเหมือนเดิม
แล้วทำไมจะต้องทนให้ตัวเองมีแต่ความทุกข์ สุดท้ายก็ตัดสินใจไปบวช
และก็อยู่ช่วยงานในพระพุทธศาสนามาจนทุกวันนี้ ^___^

จากการที่อยู่วัด 7 วัน หนูหิ่ง ฯ ก็รู้สึกว่าแม่สี่เป็นคนเก่งมาก กระฉับกระเฉงว่องไว
ทำงานเร็ว รักเด็ก ขยันทำคอม ฯ ไลท์ CD ธรรมมะแจกสบัด



หากพี่ ๆ ท่านใดต้องการ CD ธรรมมะ แจ้งหลังไมค์ได้เลยนะคะ หนูหิ่ง ฯ จะจัดส่งให้
แจ้งชื่อเรื่อง และที่อยู่มาด้วยค่ะ ฟรีค่ะ

แผ่นที่ 1. MP3 ธรรมะคืออะไร (แม่รุ้งเทศน์ มีทั้งหมด 15 เรื่อง)

แผ่นที่ 2. MP3 ธรรมะเพิ่มสุข (แม่รุ้งเทศน์ มีทั้งหมด 15 เรื่อง)

แผ่นที่ 3. MP3 บทสวดมนต์ (อัดที่วัดนี่เองค่ะ 45 บท ทำวัตรเช้า - เย็น, พาหุง, ชินบัญชร, อิติปิโส ฯลฯ)

นี้หนูหิ่ง ฯ เปิดแผ่นที่ 3 ให้หลานอายุขวบครึ่งฟัง หลานชอบฟังอิติปิโสมากเลยค่ะ ^__^

แผ่นที่ 4. เจตนาเป็นตัวกรรม (VCD แม่รุ้งเทศน์)

แผ่นที่ 5. ทาน ศีล ภาวนา (VCD แม่รุ้งเทศน์)

แผ่นที่ 6. เทคนิคดับทุกข์ใจ ฉบับวัยรุ่น (VCD แม่รุ้งเทศน์)

แผ่นที่ 7. สอนนั่งสมาธิ (VCD แม่รุ้งเทศน์)

แผ่นที่ 8. พ่อแม่คือพรหมของลูก (VCD แม่รุ้งเทศน์)

แผ่นที่ 9. รู้สึกเรื่องความรัก (VCD แม่รุ้งเทศน์)

แผ่นที่ 10. อัตตา - อนัตตา (VCD แม่รุ้งเทศน์)

จริง ๆ แล้วมีมากกว่านี้ แต่หนูหิ่ง ฯ ขอมาแล้วเหลือเท่านี้เองค่ะ แจก ๆ ไปแล้ว อ้าว ! ลืมไลท์ไว้ซะงั้น



ปล. ช้านิด ช้าหน่อยอย่าว่ากันเด้อ นู๋เป็นเด็กทำงานช้าอ่ะ ^___^






หลังจากที่น้องอาละวาด คืนต่อมาหนูหิ่ง ฯ กับน้องก็ได้คุยกันเพราะ....
ตอนที่น้องอาละวาด น้องก็ต่อว่าหนูหิ่ง ฯ หลายอย่างว่า....
"เมื่อก่อนทำไมไม่มาดูแล เพิ่งจะมาสนใจทำไมป่านนี้ หลายสิ่งหลายอย่างที่พี่สอนมา ถึงแม้ว่าพี่จะทำได้ แต่หนูทำไม่ได้"
ทำให้หนูหิ่ง ฯ อึ้งไปพักใหญ่ ๆ ตอบน้องไม่ถูกว่าทำไมเมื่อก่อนไม่ใส่ใจน้องเท่าที่ควร

หนูหิ่ง ฯ นอนคิดทั้งคืนว่า.... จะตอบน้องยังไงดี ถ้าตอบไม่ดีก็กลัวน้องเสียใจ
คืนต่อมาหนูหิ่ง ฯ ก็บอกน้องว่า
"พี่ขอโทษที่เมื่อก่อนไม่ค่อยได้ใกล้ชิดน้อง แต่พี่ก็เข้าใจว่าน้องมีคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ ๆ ที่น่ารักคอยดูแลอยู่แล้ว"
"อีกอย่าง เมื่อก่อนพี่ก็ไม่สามารถสอนน้องได้ เพราะพี่ก็ดื้อและเกเรพอสมควร พี่รู้ตัวดีว่าไม่ดีพอที่จะสอนน้องได้"
"แต่ที่มาดูแลน้องช่วงนี้เพราะคุณแม่ คุณพ่อ และพี่ ๆ ของน้องเห็นว่าพี่พบอุปสรรคมาเยอะและพี่ก็ใจเย็นพอที่จะพูดคุยกับน้องได้"

คืนนั้นก็คุยกับน้องค่อนข้างดึก งื้อ ! ดึกสองคืนติด ๆ กัน ตื่นเช้ามาอีกวัน ตาปูดยังกะถูกต่อยอีกรอบ


ปล.1
กว่าจะเป็นเด็กดีได้ หนูหิ่ง ฯ ก็เป็นเด็กไม่ดีมาก่อนเหมือนกันค่ะ

ปล.2
หนูหิ่ง ฯ คิดอยู่เสมอว่า.... สิ่งไหนที่สอนน้อง หนูหิ่ง ฯ ต้องทำให้ได้ก่อน
ถ้าสิ่งไหนที่ทำไม่ได้ หนูหิ่ง ฯ จะไม่สอน ^__^
แฮ่....เดี๋ยวถูกย้อนให้เกิดกิเลส (อยากตึบคน) อีกอ่ะ




แม่ห้า (เป็นสามเณรรีค่ะ) นามสมมุติอีกแระ ^__^

แม่ห้าท่านเป็นชาวออสเตรเลียอายุแค่ 23 ปีเท่านั้นเอง
เมื่อ 3 ปีก่อนท่านมาประเทศไทย เพราะว่าสนใจจะศึกษาเกี่ยวกับศาสนาพุทธ
แล้วท่านก็ได้บวชเป็นแม่ชี อยู่ที่ประเทศไทยประมาณปีเศษ ๆ แต่ก็มีกลับไปอยู่วัดป่าที่ออสเตรเลีย
ขณะที่อยู่ออสเตรเลีย ในใจก็นึกอยากกลับมาที่ประเทศไทยตลอดเวลา
เพราะวัดป่าที่ออสเตรเลียไม่เหมือนที่ประเทศไทย แม่ห้าบอกว่าพระที่โน่นดูแลบาตรไม่เป็น
และมีอีกหลาย ๆ สาเหตุที่อยู่แล้วไม่มีความสุข (แม่ห้าไม่ได้เล่าให้ฟังอ่ะจ้า)
จนกระทั่งต้นปี'51 คุณแม่และพี่ชายอนุญาตให้มาประเทศไทย แม่ห้าจึงได้มาบรรพชาเป็นสามเณรรี
อยู่ที่นิโรธารามมาจนถึงวันนี้

แม่ห้า ไม่เคยเรียนภาษาไทย แต่หัดเรียนภาษาไทยจากพระไตรปิฏก
จนถึงวันนี้อ่าน - เขียนภาษาไทยได้ดีมาก
สามารถอ่านภาษาบาลีได้อย่างคล่องแคล่ว (นู๋ยังอ่านผิด ๆ ถูก ๆ เลยอ่ะ อายจัง *_~)
แสดงให้เห็นว่าแม่ห้า มีความเพียรและความอดทนสูงมาก ๆ (นู๋ขอยอมแพ้อย่างราบคาบ....)

ในอนาคตแม่ห้าคงได้ไปบรรพชาเป็นภิกษุณี (แต่ต้องไปทำพิธีที่ประเทศศรีลังกานู่นแน่ะ !)





มาถึงแม่หก (เป็นภิกษุณีค่ะ)

แม่หกจะให้ธรรมะเก่งมาก แถมยังสนุกอีกต่างหากทำให้ทุกคนที่ไปปฏิบัติไม่เบื่อ
แม่หกบวชมานานมากน่าจะประมาณยี่สิบปีเศษ ๆ ทำให้แม่หกมีประสบการณ์มาก
มีเรื่องเล่าให้ฟังมากมาย แม่หกมาบวชเพราะอะไรก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เพราะแม่หกไม่ได้เล่า
เนื่องจากถูกแม่พราหม์น้อย ๆ รบเร้าให้เล่าเรื่องแม่ชี "อิเมะ"

หนูหิ่ง ฯ จะเล่าให้ฟังเท่าที่จำได้นะคะ

แม่ชีอิเมะ เป็นคนอังกฤษค่ะ ครอบครัวฐานะดี นับถือศาสนาคริสต์ คุณพ่อเป็นบาทหลวง
ทำให้แม่ชีอิเมะต้องไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ แต่พอเริ่มรู้ความ แม่ชีอิเมะก็ไม่อยากไปเลย
เพราะรู้สึกทุกข์ทรมาณกับรูปปั้นพระเยซูขณะถูกตรึงกางเขนที่อยู่ในโบสถ์
เมื่อถึงวันอาทิตย์แม่ชีอิเมะจะร้องให้ไม่ยอมไปโบสถ์ นู๋ไม่ไป นู๋ไม่ไป นู๋ไม่ไป
แต่คุณพ่อและคุณแม่หาได้สนใจไม่ บังคับให้ไปจนได้ พออายุประมาณ 5 ขวบ
เริ่มรู้มากขึ้น พอถึงวันอาทิตย์ต้องไปโบสถ์แม่ชีอิเมะจะร้องให้ และบอกคุณแม่ว่าปวดท้อง
จนกระทั่งท่านเกิดปวดท้องขึ้นมาจริง ๆ ทุกครั้งที่จะต้องไปโบสถ์ก็จะปวดท้อง
พอคุณพ่อพาไปหาหมอ ก็หาย พอจะพาไปโบสถ์ก็ปวดท้องทุรนทุรายอีก
จนกระทั่งแม่ชีอิเมะอายุมาณ 14 - 15 (น่าจะอยู่ชันมัธยมเนาะ)
ก็ยังถูกบังคับให้ไปโบสถ์ (แหม ๆ ๆ ๆ คุณพ่อก็ช่างพยายามจัง *__~)

อยู่มาวันหนึ่ง แม่ชีอิเมะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของโรงเรียน
แล้วก็ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง จึงหยิบมาดู หน้าปกหนังสือเล่มนี้เป็นรูปของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธรูป)
หน้าปกหนังสือเขียนภาษาอังกฤษไว้ว่า Buddha ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข และมีเมตตา
ทำให้แม่ชีอิเมะเกิดปิติ ดูรูปแล้วก็กอดไว้กับอก มีความสุข Buddha ๆ ๆ แล้วก็น้ำตาไหล ดูแล้วดูอีก
จนต้องยืมหนังสือเล่มนั้นกลับบ้าน พอถึงบ้านแม่ชีอิเมะก็ขลุกอยู่แต่ในห้อง บ่อยเข้า ๆ ๆ ๆ
พอถึงวันอาทิตย์ก็ปวดท้อง ไม่ยอมไปโบสถ์ จนกระทั่งคุณพ่อสงสัยว่าลูกเป็นอะไร ไม่ยอมออกจากห้อง
จึงเข้าไปดู พอเห็นหนังสือเล่มนี้ คุณพ่อก็เอาทิ้งทันที ทั้งตีและดุด่าแม่ชีอิเมะ แม่ชีอิเมะก็ร้องให้
ตามไปเก็บหนังสือแล้วเอาไปคืนห้องสมุด

เมื่อแม่ชีอิเมะอายุ 20 ก็มีชายหนุ่มที่เป็นญาติห่าง ๆ มาชอบพอ คุณพ่อ - คุณแม่ก็เห็นดีด้วย
แม่ชีอิเมะยังไม่มีแฟนก็เลยไม่คัดค้าน แต่มีข้อแม้ว่า.... จะขอไปฮันนีมูนคนเดียว (อ่ะจึ๊ย !)
เจ้าบ่าวเป็นงง หนูหิ่ง ฯ เองก็งง แต่เจ้าบ่าวก็ตกลง เนื่องจากแม่ชีอิเมะสวยมาก ๆ (แม่หกบอกจ้า)

พอแต่งงานเสร็จแม่ชีอิเมะก็บินไปประเทศอินเดีย เพราะอยากศึกษาเกี่ยวกับศาสนาพุทธ
ก็ได้ไปเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิดูแลผู้ยากไร้ในประเทศอินเดีย
แล้วก็ไปรู้ว่า เงินที่ส่งไปช่วยไม่ถึงมือผู้รับ จึงได้แอบโทรศัพท์ส่งข่าวกลับประเทศอังกฤษ
แต่ถูกจับได้ แม่ชีอิเมะจึงหนี วิ่ง ๆ ๆ ๆ ไปขึ้นรถแท็กซี่ แล้วก็บอกให้ขับไปเร็ว ๆ เพราะมีคนตามฆ่า
แท็กซี่เห็นคนกลุ่มใหญ่วิ่งตามมาจริง ๆ ก็เลยออกรถไปทันทีเหมือนกัน แต่แม่ชีอิเมะไม่รู้จะไปที่ไหน
พอรถแท็กซี่ถามก็บอกไม่ถูก ได้แต่พูดว่า Buddha คนขับแท็กซี่จึงเลี้ยวเข้าวัดแห่งหนึ่ง
แม่ชีอิเมะจึงได้เข้าไปอยู่ในวัด แล้วก็เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พระที่วัดฟัง พระท่านก็ให้หลบอยู่ในนั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง เป็นวันเข้าพรรษา แม่ชีอิเมะก็ได้ยินเสียสวดมนตร์อยู่ข้างนอกวัด
จึงได้เดินออกไปดู เห็นผู้คนมากมาย หลายชาติ หลายภาษา ทั้งผู้ชาย - ผู้หญิงมาเดินเวียนเทียน
ที่บริเวณลานกว้างนอกวัดรอบ ๆ เจดีย์ แล้วก็สวดมนตร์ ที่น่าแปลกใจก็คือ ทุกคนสวดเหมือนกันหมด แปลกดีแท้ ๆ
แม่ชีอิเมะจึงเดินออกไปดู แล้วก็เดินเวียนไปกับกลุ่มด้วย ขณะนั้นแม่ชีอิเมะรู้สึกเหมือนไม่ได้เดิน
เหมือนกับลอย ๆ ไปกับกลุ่มคน พอก้มดูเท้าตัวเองก็เดินอยู่บนดิน แต่ก็เหมือนกับไม่ได้เดิน
แม่ชีอิเมะสวดมนตร์ยังไม่เป็นก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ แล้วก็มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ตามฆ่าตนเอง
จึงวิ่งกลับเข้าไปในวัด พระที่วัดท่านก็เลยบอกว่าให้ไปที่ประเทศไทย เพราะอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว
หลังจากนั้นพระท่านก็หาทางส่งแม่ชีอิเมะขึ้นเครื่องมาที่ประเทศไทย ก็มีคนแนะนำให้ขึ้นมาเชียงใหม่
ก็เลยเป็นเหตุให้มาเจอกับแม่รุ้ง และแม่หกที่เชียงใหม่

แม่ชีอิเมะจึงได้บวชพราหม์อยู่ที่เชียงใหม่ พร้อมทั้งฝึกปฏิบัติ เดินจงกรม และนั่งสมาธิ
ท่านเป็นคนที่สมาธิดีมาก ๆ นั่งได้หลาย ๆ ชั่วโมง ปรกติท่านชอบไปนั่งที่หน้าผา
ถ้าหากว่าง่วง หรือเผลอเมื่อไหร่ มีหวังตกหน้าผา !

ต่อมาท่านก็ส่งข่าวไปบอกสามีที่อังกฤษว่าอยู่ประเทศไทย พร้อมทั้งบอกว่าจะขอบวชชี
ถ้าหากสามีไม่อนุญาตก็จะบวชไม่ได้ ปรากฎว่าสามีก็ไม่อนุญาตให้บวช เพราะถ้าบวชก็ต้องโกนผม
ผมของเธอสวยมาก อย่าบวชเลย จะอยู่ก็อยู่ แต่ไม่ให้บวช พอได้ยินดังนั้น....
เช้าวันถัดมา แม่ชีอิเมะมาขอออกไปข้างนอก พร้อมทั้งถือกล่องหนึ่งใบ ทรงผมก็เว้า ๆ แหว่ง ๆ
โอ้ ! คิดได้ไงเนี่ย แม่ชีอิเมะตัดผมสวย ๆ ใส่กล่อง ส่งไปให้สามีที่อังกฤษ เพราะสามีชอบผมของเธอจนไม่ยอมให้บวช >__<

หลังจากนั้นสามีก็อนุญาตให้บวช 3 เดือน แล้วก็ต้องไปบวชที่วัดอื่นเพราะที่นี่บวชไม่ได้
แม่ชีอิเมะก็ไป โอย.... กว่าจะบวชได้ยากเย็นแสนเข็ญ นั่นก็ไม่มี นี่ก็ไม่พร้อม
ทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ เขาบวชแป๊บเดียว แม่ชีอิเมะใช้เวลาทั้งวันกว่าจะบวชเสร็จ ^___^


แล้วพอครบ 3 เดือนแม่ชีอิเมะก็สึกกลับไปอังกฤษ เนื่องจากยังมีกรรมเก่าที่ต้องชดใช้
แต่แม่ชีอิเมะก็กลับมาที่นี่ทุกปีค่ะ มากราบหลวงพ่อสุชิน ที่วัดถ้ำตอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่


จอ บอ จบ จ้า



ปล.ของแถม

ที่โรธาราม สอนวิธีเดินจงกรมแบบนี้ค่ะ (ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อเลย)
เพราะมัวแต่ท่อง ๆ ๆ ๆ (คนอื่นเขาท่องถูก เราท่องผิดอยู่คนเดียว แง้ ๆ ๆ ๆ )


ก่อนเดิน ท่องว่า

มีสติไม่หลงลืมว่า กายคือกองดิน น้ำ ไฟ ลม เกิดจากกรรม จิต อุตุ อาหาร
วิญญาณ คือสิ่งที่รู้อารมณ์ เกิดจากอารมณ์ภายนอก กระทบวัตถุภายใน
ล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
แต่ควรฝึกฝน คุ้มครอง รักษา


เริ่มเดิน ท่องว่า

หลงเพลิดเพลิน (ขวา) เหตุเกิดทุกข์ (ซ้าย) ดับเพลิดเพลิน (ขวา) ดับทุกข์ใจ (ซ้าย)

แต่หนูหิ่ง ฯ จะสับสน เนื่องจากตอนเรียนรด. เวลาเดินเริ่มด้วยเท้าซ้าย
หนูหิ่ง ฯ ก็จะเดินไม่ตรงกะคนอื่น งื้อ ! กว่าจะเดินถูกก็ผ่านไปหลายวัน


ตอนนั่งสมาธิ

หายใจเข้าเต็มปอด ท่องว่า พุทธ (หรือพองหนอ)
หายใจออก ท่องว่าโธ (หรือยุบหนอ)



^/^


โคลงห่อกลอนชุดนี้เขียนให้น้องชิน & แชมป์ค่ะ มาแปะเก็บไว้ที่นี่ด้วย อื่อ เข้ากันดี ^__^


จากคนละฟากฟ้า.........ฝั่งฝัน
ยังกลับมาพบกัน.........ชาตินี้
บุญ - กรรมเก่าผูกพัน.....มาก่อน
แม้ห่างหลายหมื่นลี้........บ่แคล้วคลาดกัน

ตลอดเส้นทางเดินของชีวิต
อาจทำผิด - ถูกบ้างเมื่อสร้างฝัน
บททดสอบคือปัญหาสารพัน
ผ่านคืนวันจึ่งรู้ว่าเลว - ดี

มีอดีตเป็นครูให้รู้ก่อน
ทุกเรื่องสอนให้เดินทางอย่างสุขี
หลากเรื่องราวเข้ามาในชีวี
เป็นเครื่องชี้นำสู่ประตูชัย

เพียงเดินทางอย่างรอบคอบตอบใจตน
อย่าสับสนในคำกระหน่ำใส่
เราคือเราอย่าเป็นอย่างเช่นใคร
สร้างแรงใจคว้าฝันสวยด้วยสองมือ ๚ะ๛






Create Date : 19 ธันวาคม 2551
Last Update : 24 ธันวาคม 2551 20:58:06 น.
Counter : 541 Pageviews.

41 comments
  
โดย: wbj วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:0:45:22 น.
  
แจ่มเลย

ไป Defragment จิตใจ

อนุโมทามิ ด้วยจ๊ะ
โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:8:59:14 น.
  
สถานที่ปฎิบัติธรรมดูสงบเงียบดีจังเลยค่ะ
โดย: แมงหวี่@93 วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:13:50:01 น.
  
เห็นกระทู้ที่ถนนฯ แว้บๆ ยังไม่ได้เข้าไปอ่าน เลยมาได้อ่านที่นี่แทน อนุโมทนาด้วยนะจ๊ะ ถึงจะมีเหตุสยองขวัญและชวนรำคาญใจ แต่นึกดูอีกที นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกตน สะสมบารมีเหมือนกันนะ (สงสารก็แต่แม่เณรต้องคอยมาช่วยดูด้วย) หวังว่าน้องเขาก็คงจะได้อะไรไปบ้างเหมือนกัน หนูหิ่งน่ะได้มาเยอะเชียว (รูปถ่าย... เอ๊ย ไม่ช่าย อิๆ)
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:20:38:32 น.
  
โมทนาสาธุค่ะ
โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:11:36:56 น.
  
แม่ผมก็เป็น sle ครับ ต้องดูแลตัวเองอย่างดีเลยทีเดียว
อนุโมทนากับคุณหิ่งห้อยนะครับ
อยากไปปฏิบัติธรรมมั่งจังครับ
โดย: h@-more วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:17:51:21 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: like 2 hear from u วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:11:43:49 น.
  
มีความสุขมากๆนะคะ หนูหิ่งฯ
โดย: teansri วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:11:18:14 น.
  
คุณหิ่งห้อยรักษาสุขภาพด้วยนะครับ
มีความสุขทุก ๆ วันครับ ^^
โดย: h@-more วันที่: 28 ธันวาคม 2551 เวลา:1:23:38 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: like 2 hear from u วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:16:38:46 น.
  
เอาการ์ดมาส่ง เลยได้อ่านต่อ นึกว่าจะขึ้นบล็อกใหม่ เลยต้องมองหาเล็กน้อย เจอจนได้ว่าอ่านไว้ถึงตอนไหน ตรงแม่สองนี่เอง

เอ่อ หนูหิ่งเรียน ร.ด. ด้วยเร้อ

สุขสันติปีใหม่จ้า
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:19:12:21 น.
  
ปีใหม่แล้ว


สุขสันต์วันเกิดนะคะ
เกิดในวันปีใหม่พอดีเลย


ขอให้มีความสุข
ไม่เจ็บ ไม่จน
ทุกคนเลยค่ะ


ไช...โย

โดย: โสดในซอย วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:0:17:33 น.
  








โดย: นู๋หญิงจ๋า วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:1:26:04 น.
  


สวัสดีปีใหม่ 2552
ขอให้ จขบ. มีความสุขมากๆ นะคะ







สุขสันต์วันเกิดค่ะ
ขอให้ จขบ . มีความสุขมากๆ
มีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง
ปรารถนาสิ่งได ขอให้สมปรารถนานะคะ
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:1:30:50 น.
  



...ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ...
โดย: doctorbird วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:2:43:29 น.
  
02.38 น.

๏ วันเกิดหิ่งห้อย นุช.............นวลงาม
ปีใหม่ วันยิ้มสยาม...............หยาดฟ้า
สุขทวี ทรัพย์ทวี สาม............โลกส่ง สู่แม่
โชคประเสริฐ เลิศหล้า...........รับล้วนเลอสรวง

๏ ดวงขวัญ วันเกิดแก้ว..........กัลยา
เทพประทานพร มหา.............โชคให้
ผิวผ่อง ดั่งทองทา................ธิดาเทพ สวรรค์เอย
คิดประสงค์ใด ได้.................ดั่งฟ้าประทานพร ๚ะ๛

02.58 น.

โดย: นกโก๊ก วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:3:13:53 น.
  



โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:8:00:42 น.
  
สุขสันต์วันครบรอบวันเกิด และสวัสดีปีใหม่ 2009 ค่ะ เจนนี่ขอให้คุณเจ้าของวันเกิดวันนี้ มีความสุขมากๆน่ะคะ คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมหวังดังใจปรารถนา เจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงานน่ะคะ เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง สุขภาพแข็งแรงตลอดปีและตลอดไปค่ะ เพี้ยง เพี้ยง เพี้ยง

ป.ล. ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าของบล็อคค่ะ ว่างๆก็แวะมาทักทายเจนนี่ได้เสมอน่ะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ





โดย: สาวอิตาลี วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:8:12:20 น.
  
สุขสันต์วันเกิดค่ะ
สุขสันต์วันคริสต์มาสและสวัสดีปีใหม่ด้วย

ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ ^^
โดย: Charlotte Russe วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:8:16:56 น.
  





- สวัสดีปีใหม่ ปี พ.ศ. 2552-



~~ HapPy NeW YeaR 2009 ~~

ขอให้วันเวลาที่ผ่านไป จงสร้างความเข้มแข็งให้กับจิตใจ

ท้อได้แต่อย่าถอย ก้าวต่อไปสำหรับชีวิตในวันข้างหน้า

ทุกข์คือธรรมดา สุขคือธรรมดา

ขอให้ทุกข์อยู่ไม่นาน สุขอยู่ด้วยเสมอ

ขอให้มีสติ - - ความสุขจะอยู่ข้างในใจเราเอง



โดย: อิ๋วค่ะ (ปตัญชลี ) วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:9:46:39 น.
  
อะจ๊าก วันก่อนเอาการ์ดมาส่ง แต่ลืมแปะรูป ฮ่าๆๆ เอาใหม่ๆๆ วันนี้วันเกิดพอดีเลยเหรอ สุขสันต์วันเกิดด้วยนะจ๊ะ และสุขสันติปีใหม่อีกรอบจ้ะ



NewYearCard2552.jpg
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:11:24:31 น.
  
โดย: โสมรัศมี วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:14:27:55 น.
  


ป้าเชิญนางฟ้า..มาอวยพรวันเกิดค่ะ
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดี
และเหตุการณ์ดีๆรวมทั้ง...
ความรักที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ
หวังว่าคงจะไม่ช้าไปนะคะ
*********
*****


โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:20:15:36 น.
  
โดย: joblovenuk วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:22:19:40 น.
  
แวะมาเยี่ยมเจ๋ยๆ
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 3 มกราคม 2552 เวลา:18:14:28 น.
  



...
โดย: Shaleebow วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:16:38:46 น.
  
เก็บความหนาว มาฝาก
ไม่น้อยไม่มาก จากคนไกลๆ
เก็บความคิดถึง ความห่วงใย
ส่งข้ามฟ้ามาให้ ถึงคนไกลกัน

เป็นยังไงบ้าง สบา ย ดีมั้ย
ถามด้วยห่วงใย ถึงใครตรงนั้น
ดูแลตัวนะ ฝากไว้ ยามไกลกัน
ถึงคนๆนั้น จากคนๆนี้ ที่อยู่แสนไกล..


Happy New Year จ๊า คนสวย
โดย: like 2 hear from u วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:8:59:41 น.
  
มาเตร็ดเตร่ เห็นทู้ใหม่ในถนนฯ ยังไม่ไ่ด้แวะเยย
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:20:30:41 น.
  
คุณนู๋หิ่ง ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
มอร์ดูข่าวเค้าบอกว่ามันจะหนาวขึ้นอีก
ดูแลสุขภาพอย่าหักโหมมากนะครับ ^^
โดย: h@-more วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:1:20:54 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: like 2 hear from u วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:14:20:38 น.
  
แวะมาเดินเกะกะง่ะ
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 16 มกราคม 2552 เวลา:20:34:30 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: like 2 hear from u วันที่: 21 มกราคม 2552 เวลา:11:30:12 น.
  


โดย: Shaleebow วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:8:11:47 น.
  
ชาวศาลาถามหามาหลายวันแระ หนูหิ่งไปไหนน้า
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:21:02:02 น.
  
หลายเดือนโผล่มาอีกที อิๆๆ
โดย: คุณเฮีย (ลายปากกา ) วันที่: 29 เมษายน 2552 เวลา:19:37:26 น.
  
ดองมั่กมาก นานกว่าเราอีก ฮ่าๆ
โดย: คุณเฮีย (ลายปากกา ) วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:21:40:24 น.
  
ประกาศคนหายดีมั้ยหว่า...
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:21:18:15 น.
  
หนูหิ่งหายข้ามปี บล็อกนี้มีการ์ดปีใหม่สองปีเลย อิๆ

บัตรอวยพรรวมหมู่จากเพื่อนๆ ชาวลายปากกาจ้า


ลายปากกา

แค่ก้อนหินที่อยากบินได้

เฒ่าสายลับ

ธาร นาวา

น้ำตาค้างฟ้า

Bellbomb

BestChild

ปลายอ้อย

พรายทราย

เหมือนพระจันทร์

พิญาดา

วรบรรณ

พิธันดร
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:13:16:29 น.
  
นานๆ ก็โผล่มาดูที...
โดย: คุณเฮีย (ลายปากกา ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:18:36 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หิ่งห้อยน้อยใจ
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Bloggang.com : หิ่งห้อยน้อย.... ใจ TreBle Tree หิ่งห้อยน้อยใจ บินไปทุกถิ่น ท่องทั่วแผ่นดิน กว่าสิ้นเรี่ยวแรง





แสงระยิบ กระพริบจากใจ

หิ่งห้อย T_T น้อยใจ

ใครหนอเปรียบ หิ่งห้อย ว่าด้อยค่า
อย่าได้มา หาญสู้ แสงอาทิตย์ส่อง
มีแสงเพียง น้อยนิด คิดลำพอง
มาผยอง เชิดหน้าอยู่ สู้ตะวัน

รู้ตัวดี มิบังอาจ ไปหาญสู้
ดำรงอยู เยี่ยงนี้ ไม่มีผัน
เหมือนดาวเดือน ที่ได้อยู่ เคียงคู่กัน
ดังเช่นฉัน รู้อยู่ คู่นภา

ก็ชื่อฉัน นั้นแปล ว่าหิ่งห้อย
ตัวน้อยน้อย น่ารัก เป็นนักหนา
ถูกเปรียบเทียบ ว่าด้อย ด้วยราคา
จากหน้าตา มิใช่ จากจิตใจ

ชีวิตหมุน เวียนตาม ธรรมชาติ
หิ่งห้อยพลาด หลงดอย คอยร่ำให้
ถูกเขาบ่น ว่าเรา จนเศร้าใจ
ทนเก็บไว้ ด้วยจิต คิดระทม

ชาตินี้มี กรรมมา บดบังไว้
ส่องแสงได้ ริบหรี่ สุดขื่นขม
ต้องทนอยู่ เชิดหน้าใส่ ในอกตรม
เกิดมามี ปมจาก ปากผู้คน

ไม่เป็นไร ตามใจ ใครจะคิด
ทุกชีวิต วันหนึ่ง ต้องหลุดพ้น
เกิดมาต้อง ต่อสู้ ! รู้ดิ้นรน !
ว่ายเวียนวน กลับสู่พื้น ปฐพี๚ะ๛



เสียงขาน จากบ้านป่า

สายลมหนาว พัดพา มาอีกแล้ว
ในโสตแว่ว ยินเสียง คล้ายเรียกขาน
จากพี่น้อง ผองเพื่อน เถื่อนลำธาร
ว่าถึงกาล โผผิน กลับถิ่นไพร

หวนคิดถึง วันเก่า รวดร้าวเหลือ
ยามเยาว์เมื่อ เหมันต์ พานสมัย
ช่างหนาวเหน็บ เจ็บลึก ถึงทรวงใน
กลางป่าใหญ่ ขาดแสง อุ่นกรุ่นตะวัน

แม่ขนี้ง โปรยปราย กระจายทั่ว
ท้องฟ้ามัว มืดมิด ปิดแนวสัน
สายลมยัง พัดซ้ำ กระหน่ำกัน
บ้างหนาวสั่น จับไข้ วายชีวี

กว่าจะพ้น ผ่านฤดู หฤโหด
ธาตุพิโรธ ชนบท สลดศรี
แทบมอดม้วย มรณา ลาพงพี
ชีวิตนี้ ไม่ลืมวัน ซึ่งผันไป

ชนชาวดอย คอยอยู่ หมู่ลูกหลาน
วันคืนผ่าน ด้วยจิต พิสมัย
ความคิดถึง ตรึงตรา และอาลัย
ท่านห่วงใย อยากรู้ ว่าอยู่ดี

รู้รักผืน แผ่นดิน ถิ่นก่อเกิด
ทั้งผู้ให้ กำเนิด นะบุตรศรี
หวนกลับไป ดูแล บุพการี
ท่านผู้มี พระคุณ การุณย์เรา

คงยังจำ กันได้ ใช่ไหมเพื่อน
ก่อนจะเคลื่อน กายา จากป่าเขา
เป็นความหวัง ของใคร เมื่อวัยเยาว์
อย่ามัวเมา ลืมเลือน เถื่อนที่มา๚ะ๛



คิดถึงบ้าน

ค่ำคืนฟ้า มืดมิด ดูเหงาเหงา
โอ้ตัวเรา นั่งคิดถึง คณึงหา
บ้านหลังน้อย ในป่า ที่จากมา
ผ่านเวลา จะเปลี่ยน เป็นเช่นไร

บ้านน้อย น้อยหลังนั้น ช่างอบอุ่น
ยามรุ่งอรุณ แดดส่อง สว่างไสว
มวลบุบผา ชูช่อ แตกหน่อใบ
หรีดหริ่งเรไร ส่งเสียงร้อง ก้องพนา

เหล่าแมลง ภู่ผึ้ง ผกโผผิน
กางปีกบิน วนเวียน กลางเวหา
ดอกหญ้าโผล่ พ้นพื้น พสุธา
ไหวไปมา ยามต้อง แรงลมโชย

เห็นสายฝน รินร่วง จากท้องฟ้า
ชุบชีวา ชีวิตให้ ไม่ระโหย
มวลดอกไม้ ชูช่อสวย ไม่ลาโรย
แผ่นดินโดย ธรรมชาติ สะอาดตา

กลิ่นพืชพรรณ นานา ขจรทั่ว
ทั้งดอกบัว ทั้งพรรณไม้ และใบหญ้า
ขึ้นผสม กลมกลืนไกล สุดสายตา
ภายใต้ฟ้า ผืนใหญ่ ใบเดียวกัน

ช่างห่างไกล กันนัก กับทางนี้
อยู่ที่นี่ พบแต่ การห้ำหั่น
ทั้งแก่งแย่ง แข่งขัน ประลองกัน
ทุกทุกวัน ต้องแข่ง แย่งความดี

มันช่างเหงา และล้า เป็นนักหนา
จะขอลา พักร้อน เช้าพรุ่งนี้
กลับคืนสู่ บ้านน้อย คอยนานปี
พักฤดี ให้หายเหมื่อย เหนื่อยใจกาย

จะชาร์ตแบต เพิ่มพลัง ให้เต็มที่
ความเหงามี จักลบทิ้ง ให้เหือดหาย
แทนด้วยความ สดใส ใจแพรวพราย
ทอประกาย กลับคืน สู่ตัวเรา

พักปัญหา ทุกอย่าง ของทางนี้
กลับไพรี ระหว่าง กลางหุบเขา
บ้านหลังน้อย ยังคอยอยู่ ซึ่งตัวเรา
ภูมลำเนา บ้านเกิด ที่จากมา

แล้วจะกลับ มาทำงาน สร้างฐานะ
ด้วยสัจจะ ของคน แห่งภูผา
จักทำงาน ให้ดีขึ้น ขอสัญญา
ด้วยหน้าตา สดใส ไร้กังวล

คงจะทน ทานได้ ในทุกสิ่ง
ชีวิตจริง เริ่มต้นใหม่ ได้อีกหน
จักต่อสู้ หมู่มารที่ มาผจญ
รวมถึงคน ปากร้าย ทั้งหลายเอย๚ะ๛



ลมหนาว กับชาวดอย

สายลมหนาวพัดผ่านมาอีกครั้ง
แผ่พลังแห่งฤดูสู่ขุนเขา
หวนคิดถึงแต่ก่อนตอนยังเยาว์
ผองพวกเราทนอยู่สู้สายลม

ยังจดจำคืนวันที่ผันผ่าน
ฤดูกาลนี้ให้ใจขื่นขม
พาความแล้งส่งไว้ได้ระทม
ยอดดอยจมอยู่ในสายเหมันต์

แม่ขนิ้งเกาะเล็มเต็มยอดหญ้า
บนท้องฟ้าไร้แสงแห่งสีสัน
ความเหน็บหนาวถาโถมถึงทั่วกัน
ต้องอดทนจนผ่านวันอันตราย

ถึงตอนนี้ยังคงโหมกระหน่ำ
แสงแดดล้ำเลือนลางจนจางหาย
ทั่วท้องฟ้าเมฆหม่นหล่นกระจาย
หนาวมากมายในยามนี้ที่ยอดภู

อยากจะส่งความอบอุ่นสู่ขุนเขา
เพื่อพ้องเราชาวไพรทุกชนหมู่
ได้อดทนจนผ่านพ้นฤดู
ร่วมกันสู้ความหนาวที่เข้ามา

ของส่งใจไปถึงซึ่งบนนั้น
ยอดดอยอันไกลห่างหว่างภูผา
ความห่วงใยแทรกใส่ให้ลมพา
ไปส่งหน้าบ้านเขาเราอาลัย

เพื่อให้ผู้อาศัยอยู่ในนั้น
มียิ้มอันพริ้มพรายใจสดใส
หนูหิ่ง ฯ จะได้มีกำลังใจ
ทำงานไปเพื่อเขาที่เฝ้ารอ๚ะ๛



สายลมหนาว

สายลมหนาว พัดแผ่ว แอ่วเมืองเหนือ
แสงแดดเรื่อ พลันเลือน ลางลับหาย
บนท้องฟ้า มีเมฆหมอก เกลื่อนกระจาย
หนาวมากมาย ในยามนี้ ที่ยอดดอย

เสียงหรีดหริ่ งเรไร วังเวงแว่ว
นกเค้าแมว บินลับ กลับถ้ำน้อย
ดอกไม้บาน ยามเช้า เฝ้ารอคอย
น้ำค้างผล็อย ร่วงลง ส่งความเย็น

แสงอาทิตย์ มองไม่เห็น ในยามนี้
ยอดดอยมี แต่หมอก เมฆลอยเด่น
บนยอดหญ้า ขนิ้งเกาะ ให้เห็นเป็น
ความเยือกเย็น ฤดูหนาว เวียนเข้ามา

จึงส่งความ อบอุ่น ละมุนฝัน
ถึงดอยอัน ไกลห่าง หว่างภูผา
ความคิดถึง ห่วงใย สายลมพา
พัดผ่านหน้า กระท่อมน้อย ปล่อยวางไว้

หวังเพียงผู้ อาศัยใน กระท่อมน้อย
แต่งแต้มรอย ยิ้มแย้ม ที่แจ่มใส
หิ่งห้อยน้อย จะได้ มีแรงใจ
ทำงานไป เพื่อเขา ที่เรารัก๚ะ๛



คืนเหงา

ในคืนเหงา แม้เดือนดาว เจ้าเป็นเพื่อน
ส่งแสงเลือน คอยกลบ ลบรอยเหงา
ความหม่นหมอง ครอบครอง ใจของเรา
รู้สึกเศร้า ในยามที่ ไม่มีใคร

อยู่แสนห่าง ขวางคั่น กั้นขอบฟ้า
ผ่านเวลา ฤดูกาล ผันสมัย
มิตรภาพ แต่ก่อนเก่า เราจริงใจ
เลือนแล้วหรือ อย่างไร สายสัมพันธ์

อยู่ทางนี้ แม้เห็น ดาวเด่นสวย
ก็ไม่ช่วย ให้ใจ ได้สุขสันต์
บนท้องฟ้า สว่างใส ไร้หมอกควัน
ในใจนั้น กลับมืดมิด ผิดที่เคย

สายลมหนาว พัดมา เวลานี้
ผืนพงพี ปกคลุม ด้วยกลุ่มเหมย
ทั้งมวลหมอก กลอกกลิ้ง ขนิ้งเชย
หนาวจังเลย ในยามนี้ ที่ยอดดอย

นั่งวิงวอน ดาวเดือน เกลื่อนเวหา
กระพริบพา ความคิดของ น้องหิ่งห้อย
ไปส่งไว้ หน้าบ้าน วานลมคอย
พัดไปปล่อย ในใจ ใครสักคน

ให้รับรู้ ว่าใคร ที่ในป่า
เขาห่วงหา ห่วงใย ใจสับสน
ความคิดถึง รุมเร้า เข้าเวียนวน
จำฝืนทน ฝืนอยู่ ไม่รู้ทำไม

นั่งรำพึง คอยอยู่ สู้ลมหนาว
มีเดือนดาว บนฟ้า นภาใส
อยู่เป็นเพื่อน ท่ามกลาง หว่างพงไพร
คอยคนไกล ตอบสาร นั้นกลับคืน๚ะ๛



รู้อย่างนี้...

ก่อนนั้นเรา คงมีพ่อ อยู่เคียงข้าง
ทุกทิศทาง พ่ออยู่ คู่เสมอ
อยากพบพ่อ เมื่อใหร่ ก็ได้เจอ
ไม่ต้องเพ้อ ละเมอถึง ซึ่งลวงตา

ยามเล็กเล็ก พ่อเฝ้า คอยสอนสั่ง
ตั้งความหวัง ไว้ที่ลูก สุขนักหนา
ลูกเติบใหญ่ ให้พ่อได้ ชื่นอุรา
วันนี้ลา จากลูกไป ไม่หวนคืน

รู้อย่างนี้... จะไม่ทำตัวเหมือนก่อน
รู้อย่างนี้... จะตั้งใจเรียนหนังสือ
จะตั้งหน้า ตั้งตา หมั่นฝึกปรือ
จะไม่ดื้อ ! ไม่ซน ! ไม่ถือดี !

เพิ่งรู้ซึ้ง ถึงความเศร้า ที่ยิ่งใหญ่
พ่อจากลา ไปลับ นับจากนี้
จะรำลึก ถึงคุณพ่อ ชั่วชีวี
ถึงความดี พ่อสร้างไว้ ให้ทบทวน

จากนี้ไป ไม่มีพ่อ คอยว่ากล่าว
พ่อจากเรา ไปแสนไกล ไม่อาจหวน
ถึงจะร่ำ ! ร้องให้ ! คร่ำครวญ !
ไม่อาจทวน คืนสู่เหย้า ที่เฝ้า... รอ...๚ะ๛



ซึ้งแล้ว...

ต่อแต่นี้ เหลือเพียงแม่ คอยเคียงข้าง
ทุกทิศทาง แม่เฝ้าดู ลูกเสมอ
อยากพบแม่ เรียกหา เป็นต้องเจอ
ไม่ใช่เพ้อ ละเมอถึง ซึ่งลวงตา

ตั้งแต่เล็ก แม่เจ้า เฝ้าถนอม
คอยเห่กล่อม ด้วยรัก ลูกนักหนา
ส่งเสียให้ เจ้าได้ มีวิชา
ด้วยกายา อ่อนล้า น่าเหนื่อยแทน

เฝ้ามองลูก ด้วยดวงตา อุ่นไอรัก
คอยพิทักษ์ ปกป้อง ด้วยหวงแหน
มีแต่ให้ ไม่เคยหวัง สิ่งตอบแทน
แม้ยากแค้น ลำเค็ญสู้ สุดทนทาน

สิบนิ้วมือ พนมกราบ อภิวาท
ลงแทบบาท แสดง กตัญญูท่าน
ทำตอนนี้ ใช่วันที่มี เพียงวิญญาณ
แล้วเรียกขาน ท่านให้มา ปรากฏกาย

รู้ซึ้งแล้ว… แสดงให้ ท่านรับรู้
รู้ซึ้งแล้ว… ท่านยังอยู่ ไม่หนีหาย
เคียงข้างเจ้า จวบจนชีพ สิ้นมลาย
ก่อนจะสาย กลับไปอยู่ ดูท่านเทอญ๚ะ๛








MY VIP Friends