ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

รู้หรือไม่!! 8 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับเทคโนโลยี ที่หลอกคุณมาตลอดชีวิต

“8 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับเทคโนโลยี ที่หลอกคุณมาตลอดชีวิต” มาตีแผ่ ซึ่งนี่คือข้อมูลที่ผู้เชี่ยวชาญจากเว็บธุรกิจชั้นนำของโลก Business Insider นำมาเล่าให้ฟัง ส่วนจะมีอะไรบ้างตามหมีมาดูให้ไวเลย แล้วอย่าลืมบอกต่อด้วยล่ะจ้ะ…

lol1

1.คอมพิวเตอร์จาก Mac ไม่มีวันติดไวรัส (แต่ที่จริงติดได้)

ในช่วงที่ผ่านมาเกิดกระแสที่เชื่อกันว่า “Mac ไม่มีวันติดไวรัส” แต่กูรูเทคโนโลยีต่างประเทศได้เผยว่า ในปัจจุบันแม้แต่คอมจากบริษัท Apple อย่างเจ้าMac ทั้งหลายก็สามารถติดไวรัสและอาจปะทะเข้ากับมัลแวร์ได้เช่นกัน ซึ่งครั้งหนึ่ง Mac เคยโฆษณาว่า “คอมของเราต้านไวรัสได้” แต่ในปี 2012 พวกเขาได้ถอดคำโฆษณานั้นออกจากระบบ หลังจากที่ถูกโทรจันบุกซะเครื่องพรุนนั่นเอง

technology1

2.ปุ่ม Private/Incognito ใน Google Chrome สามารถปกปิดตัวตนคุณได้

Private/Incognito อาจเป็นฟังก์ชั่นที่ฟังดูไม่คุ้นหูสำหรับใครหลายคน แต่หมีขาวจะอธิบายสั้นๆว่านี่เป็นปุ่มที่เมื่อกดแล้ว ตัวบราวเซอร์อินเทอร์เน็ตของเรา(อาทิ Google Chrome) จะไม่เก็บข้อมูลการท่องเว็บไซต์นั้นลงใน History แต่หลายคนมักเข้าใจว่ามันใช้ปกปิดตัวตนได้ (เผื่อเอาไว้ป่วนชาวบ้าน) แต่ที่จริง มันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และหากคุณก่อเรื่องป่วนใดไว้ คนก็สามารถตามหา IP และแบนคุณได้เหมือนเดิม

technology2

3.เสียบสายชาร์ตมือถือทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ (ทั้งที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดยืนยัน)

นี่กลายเป็นความเชื่อที่ระบาดไปทั่วโลกว่า การเสียบสายชาร์ตทิ้งไว้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อม แต่กูรูเทคโนโลยีเผยว่า นี่เป็นความเชื่อที่ยังไม่มีหลักฐานใดรองรับอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้แบตเตอรี่ในปัจจุบันยังเป็นแบบ “Lithium-ion” ที่มีศักยภาพในการหยุดชาร์ตอัตโนมัติเมื่อเต็มแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีผลกระทบใดตามมา

technology3

4.ยิ่งพิกเซลมาก กล้องนั้นยิ่งเทพ

จริงอยู่ว่าพิกเซลมีผลต่อภาพ แต่ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถามได้อย่างน่าสนใจว่า “คุณคิดว่ากล้องที่มีความละเอียด 8 Megapixel กับ 12 Megapixel ต่างกันมากมั้ย??” และเขาได้เฉลยคำตอบว่าคุณภาพของภาพแทบไม่ต่างกัน อย่างที่หลายคนคาดคิด เพราะแท้จริงแล้วคุณภาพของภาพวัดกันที่ “แสง” และตัว “เซนเซอร์” จับภาพมากกว่า ฉะนั้นหากกล้องไหนที่สามารถรับแสงได้มาก และมีเซ็นเซอร์ที่มีคุณภาพชั้นดี ก็จะย่อมทำให้เราได้ภาพที่เหนือชั้นเช่นกัน

technology4

5.อย่าชาร์ตแบตเด็ดขาด จนกว่ามันใกล้จะหมด

นี่ก็ถือเป็นอีกความเชื่อฝังใจที่แพร่กระจายทั่วโลก ซึ่งผู้ใหญ่มักบอกกันว่า “รอให้แบตเตอรี่ใกล้หมดก่อน แล้วค่อยชาร์ต ไม่งั้นมันจะเสื่อม” แต่ที่จริงช่วงจังหวะที่ชาร์ตไม่เคยทำให้คุณภาพของแบตเตอรี่เสื่อมแม้แต่น้อย แต่สาเหตุหลักที่เสื่อมก็เพราะแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานของมัน และทำให้ประสิทธิภาพตกลงตามอายุซะมากกว่า

technology5

6.การเลือก Display Resolution สูงๆบนสมาร์ทโฟนจะทำให้ภาพคมชัด

ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า Display Resolution สูงไม่ได้หมายถึงคุณภาพระดับพระเจ้าเสมอไป และนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมทาง Apple จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาให้มือถือแต่ละรุ่นมีความโดดเด่นในเรื่องแสง (Brightness) มากกว่า Display Resolution ที่ไม่ได้ทำให้คุณภาพแตกต่างจากเดิมเท่าใดนัก

technology6

7.ที่ชาร์ตของ iPad ไม่ควรเอามาใช้กับ iPhone

นี่ยังคงเป็นข้อสงสัยที่หลายคนรู้สึกคลุมเคลือว่ามีผลหรือไม่ เพราะแม้ทาง Apple เองก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตัวชาร์ตขนาด 12 วัตต์ของ iPad สามารถใช้ชาร์ตได้ทั้ง iPhone และ iPad แต่ทางบริษัท AEi Systems ได้ออกมาเผยว่าการใช้ที่ชาร์ตร่วมกันเช่นนั้นจะอาจมีผลกระทบกับ iPhone เช่นกัน หากทำบ่อยและมันอาจใช้เวลายาวนานนับปี ถึงจะเห็นความแตกต่างว่าแบตเตอรี่ได้เสื่อมลง

technology7

8.อย่าชัทดาวน์คอมพิวเตอร์ทุกวัน

แวบแรกที่หมีขาวฟังก็ถึงกับเงิบว่า นี่มีคนที่ไม่ชัทดาวน์คอมพิวเตอร์ตัวเองอยู่ด้วยเรอะ แต่มันก็มีอยู่จริงๆ ซึ่งขอบอกเลยว่าการชัทดาวน์เครื่องนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีต่อคอมพิวเตอร์มาก และดียิ่งกว่าโหมด “Sleep” เสียอีก เพราะการชัทดาวน์จะทำให้เครื่องกินไฟน้อยกว่าเดิม และยังช่วยรักษาสภาพอะไหล่ฮาร์ดแวร์ให้มีอายุยาวนานขึ้นด้วยล่ะจ้ะ

ที่มา: businessinsider




Create Date : 18 ตุลาคม 2557
Last Update : 18 ตุลาคม 2557 12:58:49 น. 0 comments
Counter : 1419 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]