LIFE GOES ON~
Group Blog
 
All blogs
 

~...กล้วยๆ...~


เพลงในblogนี้ชื่อเพลงว่าอะไรก็ไม่รู้ค่ะ อ่านไม่ออก ฟังไม่ออก ทั้งเพลงก็ฟังรู้เรื่องอยู่แค่...

" give me your banana , let me take your banana "

อ้อ...กับอีกคำนึง " yum yum yum! " ...^^ ดิฉันก็เลยตั้งชื่อเอาเองว่าเพลง "กล้วยยำ" แล้วถ้าจะให้เดาเนื้อร้อง ...สงสัยเป็นเพลงที่เอาไว้ร้องเวลาป้อนกล้วยบดให้เด็กกินล่ะมั้ง?...(ก็มันมี yum yum yum ด้วยอ่ะ)

ความจริงดิฉันไม่ชอบกินกล้วยนะ คงไม่มีวันไปร้องขอกล้วยใครแน่ๆ แต่เพลงนี้น่ารักดี ก็เลยชอบ ถ้าจะพูดสำนวนแบบ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ หนึ่งในนักเขียนคนโปรดของดิฉัน คงต้องพูดว่า...

"ดิฉันไม่กินกล้วย แต่ก็ไม่รังเกียจคนรักกล้วยค่ะ"

อันที่จริงจะว่าไม่กินเลยก็ไม่ใช่ เพียงแต่เลือกกินเป็นบางประเภท เช่น กล้วยสุกธรรมดา...กินเฉพาะกล้วยไข่กับกล้วยหอม (ซึ่งถ้าวางรวมๆอยู่กับผลไม้ชนิดอื่นๆ ดิฉันก็ไม่เลือกหยิบกล้วยทั้งสองชนิดนี้อยู่ดี) กล้วยบวชชี...ก็ต้องแบบที่กล้วยยังเป็นชิ้นแข็งๆ แบบสุกๆ นิ่มๆ ไม่กิน , กล้วยเชื่อม...เหมือนกล้วยบวชชี , กล้วยกวน...กินได้ ชอบ , กล้วยปิ้ง...ขอแบบห่ามๆนะ , กล้วยฉาบ...หวานไป ไม่ชอบ...ฯลฯ...

นอกจากกล้วยแล้วดิฉันยังมีข้อแม้เกี่ยวกับการกินของบางอย่างอีกด้วย ยกตัวอย่าง แตงกวา...ดิบเท่านั้น ผัด-ไม่กิน ยัดใส้หมูสับแล้วต้มจืด-ไม่กิน , ต้นหอม...กินเฉพาะส่วนที่เป็นสีเขียวๆ ถ้าเป็นตรงที่ขาวๆต้องซอยละเอียดๆ , มะระ...ต้มจืด-กิน ดิบ-ไม่กิน... เป็นต้น

ดิฉันว่าการเลือกกินอะไร แบบไหนของดิฉันมันก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร เพราะไม่ได้จำเพราะเจาะจงว่าต้องทำอย่างนี้มาให้ฉันนะ คือจะมีอะไรมาก็กิน อันไหนไม่กินก็เขี่ยๆออกไป...ก็เท่านั้น ไม่เคยบ่น ไม่เคยไปสั่งอาหารแล้วกำหนดว่าอันนั้นไม่เอา อันนี้ไม่ใส่ นอกจากเวลาทำกินเอง ชอบแบบไหนทำแบบนั้น อันไหนไม่กินก็ไม่ใส่ เพราะฉะนั้น ดิฉันไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนเรื่องมากนะ

ตอนแม่ยังอยู่และทำอาหารให้กิน แม่ชอบบ่นว่าพี่ชายดิฉันกินยาก ทำอะไรให้ก็ไม่กิน กินแต่ผัดกระเพากับไข่ดาวสุกๆ พี่ดิฉันเถียงมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนกินยากตรงไหน ทำผัดกระเพาให้กินทุกมื้อก็อยู่ได้แล้วแม่... เออ! ก็ถูกของเค้านะ







คุณเห็นด้วยกับที่ดิฉันเขียนข้างบนมั้ย? ถ้าคุณเห็นด้วย ดิฉันก็อยากบอกว่าอย่าไปเชื่อที่ดิฉันเขียน คนเราน่ะหาข้ออ้าง ข้อแก้ตัว แล้วก็คิดเข้าข้างตัวเองได้เสมอแหละ ตัวเองเรื่องมากขนาดนี้ก็ยังหาเหตุมาอ้าง มาเข้าข้างตัวเองได้ว่า "ที่ฉันเป็นอยู่นี่มันถูกแล้ว ดีแล้ว ไม่ได้เดือดร้อนใคร ฉันเป็นตัวของตัวเองนะ ...โอ๊ย! เท่ห์ว่ะ..." เพราะฉะนั้นรู้อะไรเห็นอะไรทั้งในตัวเองและคนรอบข้าง ก็มองมันด้วยสายตาว่างๆเถอะ มองมันด้วยใจเป็นกลาง แล้วคุณจะเห็นทุกอย่างกระจ่างขึ้น

เขียนเอง อ่านเอง แล้วก็เตือนตัวเองว่า อย่าเรื่องมาก อย่าหาข้ออ้างในเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ อย่าหาเหตุผลมารองรับเรื่องที่ทำไปแล้ว อยู่มานานขนาดนี้ผิด ถูก ดี ชั่ว อะไรควรทำ-ไม่ควรทำก็รู้อยู่ อะไรไม่ดีก็ยอมรับว่ามันไม่ดี มันพลาดไปแล้ว อย่ามาข้างๆคูๆเพื่อปลอบใจตัวเอง อย่าโทษว่าเพราะคนนั้นเป็นอย่างนี้ คนนี้เป็นอย่างนั้น อย่าโทษว่าเพราะมันร้อนไป หนาวไป ฝนตกเยอะไป ...และที่สำคัญ อย่าโทษตัวเอง!



สำหรับคนที่รออ่านเรื่องที่ดิฉันบอกไว้ว่าจะเขียนถึง ดิฉันมีข้ออ้างร้อยแปดที่ยังไม่ได้เขียน แต่คุณคงไม่อยากฟังหรอก...ใช่มั้ย?




 

Create Date : 25 กันยายน 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:41:33 น.
Counter : 365 Pageviews.  

~...เรื่องสัพเพเหระ...~

มีคนหลังไมค์มาทวงว่าเมื่อไหร่จะเขียนblogใหม่ซะที...^^"

ก็ไม่ใช่ว่าblogนี้จะฮอตฮิตอะไรหนักหนา แต่คนที่เขียนมาคงเป็นห่วงว่าหายหน้าหายตาไปไหน เพราะถ้าไม่ได้เจอกันผ่านตัวหนังสือในblogนี้ ก็ไม่ได้เจอกันที่ไหนๆอีกแล้ว

เหตุผลเดิมๆค่ะ กลุ่ม Blogของดิฉันมันชื่อว่า "มีเรื่องเล่า" พอไม่มีเรื่องอะไรมาเล่ามันก็เลยไม่มีอะไรจะเขียน บางเรื่องที่อยากเขียนก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นซะก่อน สถานการณ์พลิกผัน...ก็เลยไม่ได้เขียน ขอนึกก่อนว่าที่่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง...

- เพื่อนคนนึงมีหนุ่มมาจีบ แล้วเพื่อนๆสงสัยว่ายังมีผู้ชายหล่อ รวย หน้าที่การงานดี เป็นโสดมาจนอายุ 38 จริงเหรอ? เก้ง กวาง กระจง ละอง ละมั่ง ไบ โบ๊ธ...หรือเปล่า? ...ว่าจะเขียนเรื่องนี้ แต่เมื่อวานคุยกับเพื่อนในกลุ่ม ความคืบหน้าล่าสุดบอกว่า...เลิกกันแล้ว สาเหตุเพราะเค้าเจ้าชู้มาก (ไม่ได้ถามว่าเจ้าชู้นี่กับสาวๆ หรือ ชายหนุ่ม?) ...งั้นคงไม่เขียนเรื่องนี้แล้วล่ะ

- ได้คุยกับพี่แถวบ้านที่เคยพูดถึงในblogก่อนโน้นๆๆ ที่ไปบวชชีแล้วตอนนี้กลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ยังนุ่งขาวห่มขาวอยู่ ความคิดเค้าน่าสนใจมาก ...อยากเล่า แต่ขอเรียบเรียงก่อน

- เด็กหญิงไวตามิลค์ของดิฉันหายหน้าไป 5 วัน ไม่มาเอาสตางค์ไปโรงเรียนตอนเช้าเหมือนเคย สอบถามได้ความว่าย่าพาไปหาป้าที่ต่างจังหวัด (อือ...ก็พอมีญาติพี่น้องนี่นา ยังไม่ได้คิดว่าจะทำยังไงต่อไปกับเด็กคนนี้ ยังไม่เขียนเรื่องนี้แล้วกัน)

- ไปกินข้าวกับเพื่อน ขากลับเดินตากฝนกัน ดิฉันบ่นว่าหนาว เพื่อนบอกว่า "รู้ร้อนรู้หนาวกับเค้าด้วยเหรอแก?" ...อยากเขียนเรื่องการที่บางครั้งคนเราไม่พูด ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร... ***กาดอกจันไว้ว่าต้องเขียนเรื่องนี้***

- เพื่อนที่น่ารักส่งแผ่นละครเกาหลีเรื่อง "คิมซัมซุน" (แผ่นแท้) มาให้ไรท์เก็บ เพราะดูในทีวีกี่ครั้งก็ชอบ แต่สุดท้ายก็...ทำไม่ลง ขอซื้อแผ่นจริงดีกว่า อีกด้านนึงเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆตัวกลับเอา เดี่ยว7 แผ่นผีมาให้ดู ...เฮ้อ~ พูดไม่ออก และยังไม่ได้ดู สำนึกของคนที่เรียนเรื่องการออกแบบ ครูบาอาจารย์สั่งสอนมาให้คิด ให้สร้างสรรค์งานของตัวเอง ให้มีจินตนาการ... มันรับไม่ได้กับการเลียนแบบ การลอกงาน หรือการใช้"ของปลอม"...เรื่องนี้ผิดถูกยังไงทุกคนก็รู้อยู่ ไม่ต้องเขียนหรอกเนอะ

- อืม... หมดแล้วมั้ง? ชีวิตทั่วไปก็สุขสบายดี ใส่เสื้อขาวบ้าง ดำบ้าง ไม่แดง ไม่เหลือง ออกไปยืนหน้าบ้านมองไปทางซ้าย หันกลับมามองไปทางขวา ชาวบ้านร้านตลาดทั่วไปก็ยังทำมาหากินใช้ชีวิตเหมือนทุกวัน ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำกันไป... เอ๊ะ! หรือว่าดิฉันจะ "ไม่รู้ร้อนรู้หนาว" อย่างที่เพื่อนบอกจริงๆ?...^^

จบแล้วค่ะ จบมันดื้อๆห้วนๆอย่างนี้แหละ ไม่มีข้อคิด ไม่มีคติสอนใจ อ่านแล้วไม่ได้อะไรก็ถูกต้องแล้ว ใครอ่านแล้วได้อะไรก็ยินดีด้วยค่ะ





 

Create Date : 13 กันยายน 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:42:03 น.
Counter : 472 Pageviews.  

~...เรื่องที่ดิฉันไม่รู้...~

เคยสงสัยว่าเราจะเขียนถึงเรื่องที่ไม่รู้ได้ยังไง เพื่อนคนนึงบอกว่า "ก็เขียนแบบไม่รู้ไง" และวันนี้ดิฉันก็จะเขียนเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ค่ะ...^^


เมื่อวันอาทิตย์ดิฉันถามเพื่อนว่า...

" ตอน ม.ปลาย เราเรียนเรื่องศาสนาพุทธใน วิชาพุทธศาสนา หรือ วิชาศีลธรรม? "

" วิชาพุทธศาสนา "

" แล้วเราได้อะไรมั่ง? "

" ........... (-- -- ")a ..........."

มันเริ่มมาจากเราชวนกันไปจตุจัก ระหว่างนั่งในรถก็คุยกันไปเรื่อยๆ เพื่อนเล่าถึงเรื่องนักร้องคนนึงที่ชีวิตเธอพบกับเรื่องแย่ๆครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเธอก็บอกว่า...สุดท้ายเธอก็หันหน้าเข้าหาธรรมะ...

เพื่อนทำหน้าสงสัย แล้วก็ถามว่า " ธรรมะช่วยได้จริงเหรอ? "

" ก็คงจริง! เห็นใครมีปัญหาก็หันหน้าไปพึ่งธรรมะนี่ " ดิฉันตอบ แล้วก็คิดในใจว่า ...แล้วช่วยยังไง?

เออ...นั่นซิ ธรรมะช่วยยังไงเหรอ? ดิฉันไม่ได้ดูรายการที่เธอให้สัมภาษณ์วันนั้น เลยไม่รู้ว่าเธอได้ขยายความว่าธรรมะช่วยเธออย่างไร? และไม่รู้ว่า "ธรรมะ" ของดิฉัน กับ "ธรรมะ" ของคนอื่นๆหมายถึงสิ่งเดียวกันหรือเปล่า?


ความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาของดิฉันเริ่มตั้งแต่อ่านหนังสือพุทธประวัติเล่มบางๆของยาย ตอนเพิ่งจะอ่านหนังสือออก หน้าปกหนังสือเล่มนั้นเป็นภาพวาดตอนพระพุทธเจ้าประสูติ แล้วทรงก้าวเดินโดยมีดอกบัวบานรองรับ ซึ่งตอนนั้นดิฉันเรียกว่าหนังสือ "พระเจ้าเจ็ดก้าว" ...ก็อ่านสนุกเหมือนอ่านนิทานเรื่องนึงเท่านั้นเอง (นี่คงไม่ใช่ "ธรรมะ" หรอกมั้ง?)

ช่วงปิดเทอมหรือเสาร์-อาทิตย์ที่ไปอยู่บ้านยายก็จะตื่นมาใส่บาตรทุกเช้า เหตุผลเดียวที่ยอมตื่นเพราะพอใส่บาตรแล้ว หลวงตาที่มารับบาตจะหยิบขนมในย่ามของท่านส่งให้ทุกครั้ง วันพระก็ได้เดินหิ้วตะกร้าตามยายไปวัดและขากลับก็ได้ขนมใส่ตะกร้ากลับมาด้วย (นี่ก็คงไม่ใช่ "ธรรมะ" อยู่ดี ...^^ )

อยู่ที่โรงเรียน ก่อนเริ่มเรียนวิชาแรกเราจะต้องนั่งสมาธิ 15 นาทีทุกวัน (ใช่ "ธรรมะ" หรือยังนะ?)

แต่ก็เป็นอย่างนั้นจนถึงแค่จบชั้นประถม เพราะพอเรียนมัธยมก็โตพอที่จะดูแลตัวเอง อยู่บ้านเองได้ในช่วงวันหยุดหรือปิดเทอม และไม่ต้องนั่งสมาธิก่อนเริ่มเรียนแล้ว ชีวิตดิฉันก็ห่างจากวัดไปโดยสิ้นเชิง ทั้งทางด้านพิธีกรรมและคำสอน

วิชาพุทธศาสนาในชั้นมัธยมของดิฉันไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้ถอดรองเท้าเข้าไปนั่งเรียนบนพื้น ล้อมรอบตั่งสี่เหลี่ยม จดตามที่อาจารย์บอกด้วยภาษายากๆ สะกดไม่ถูก และไม่ได้ใช้ในการสอบเอ็นทรานซ์

ถ้าถามว่าตลอดชีวิตที่เกิดมาเป็นชาวพุทธ "ธรรมะ" คืออะไร ธรรมะ คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าสอนอะไร .......( " -- --)a.......อ่า...ดิฉันจำได้แค่คำสั้นๆ อย่าง...

ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

สะอาด สว่าง สงบ

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...

ส่วนพรหมวิหารสี่ , มรรคแปด , ศีลแปดมีอะไรบ้าง? และ ฯลฯ ...ดิฉันขอเวลาหาข้อมูลในgoogleค่ะ...^^"


เชื่อว่า "ธรรมะ" เป็นสิ่งดี สิ่งวิเศษจริง ช่วยผู้คนได้จริง แต่ดิฉันก็ยังไม่รู้ว่าธรรมะช่วยเราได้ยังไงอยู่ดี

เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วดิฉันเคยมีปัญหาหนักหนาสาหัส แต่ก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องธรรมะเลย เท่าที่จำได้ดิฉันเพียงแค่คิดว่าปัญหามันเกิดจากตรงไหน มีวิธีแก้ไขมั้ย? แล้วก็ใช้ชีวิตผ่านช่วงนั้นมาได้ด้วยการปล่อยให้เวลาผ่านไป เวลาไม่ได้ทำให้ปัญหาหายไปค่ะ แต่มันช่วยให้เบาลง ซักพักนึงเมื่ออารมณ์มันไม่พลุ่งพล่านเหมือนตอนที่เกิดเรื่องใหม่ๆแล้ว กลับมามองตัวเองก็เห็นว่ามันไม่ได้ทุรนทุรายเท่าเมื่อก่อน ไม่ทุกข์ ไม่เจ็บมากเท่าเมื่อก่อน สุดท้ายมันก็หายไป

แล้วปัญหาที่ว่าได้แก้ไขมั้ย? ...ไม่ได้แก้ค่ะ แค่ปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนั้นและมันทำให้ชีวิตเปลี่ยนมาจนถึงวันนี้คือ มันไม่มีอะไรถาวร ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ คน สัตว์ สิ่งของ มันมาแล้วก็ไป เวลามีเรื่องให้ทุกข์ ให้โกรธ ให้โมโห เศร้าโศกเสียใจ ก็คิดไปว่าเดี๋ยวอีก 10 นาทีข้างหน้า หรืออาจจะพรุ่งนี้เช้า อีกสามวัน เจ็ดวัน อารมณ์เหล่านี้ก็จะหายไปแล้ว แล้วเราจะมาเสียเวลาอยู่ทำไม จะรอให้ถึงสามวัน เจ็ดวันทำไม ข้ามช่วงเวลานั้นไปเลยดีกว่า

แล้วมันใช่ "ธรรมะ" มั้ย? ...ไม่รู้ค่ะ

เวลาอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกเหงา ก็คิดว่า...เรื่องธรรมดา อยู่คนเดียวอารมณ์เหงามันก็จะเกิด

เวลามีคนมาทำอะไรดีๆให้แล้วรู้สึกชอบ ก็คิดว่า...แหงอยู่แล้ว ใครจะไม่ชอบคนดีๆ น่ารักๆ...^^

เวลาดูหนังดูละครหรือฟังเพลงแล้วดีเหลือเกิน เพราะเหลือเกิน ก็คิดว่า...อ่า อันนี้ถูกจริต

เวลาเจอคนที่น่ารักๆ แต่ดันมีแฟนแล้ว ก็คิดว่า...โ ล ก นี้ ม่ า ย ยุ ติ ธ า ม ม ม ม ม ~ ~ ~ ~ ~ ~

แล้วมันใช่ "ธรรมะ" มั้ย? ...ไม่รู้ค่ะ

แต่ดิฉันก็ใช้ชีวิตมาด้วยสายตาที่มองโลกแบบนี้แหละ ชีวิตก็ไปได้เรื่อยๆนะ สุขบ้างทุกข์บ้าง มีปัญหาบ้างแต่ไม่เคยหนักหนาจนอยาก"หันหน้าเข้าหาธรรมะ" ดิฉันก็เลยยังไม่ได้คำตอบว่า "ธรรมะช่วยเราได้ยังไง?" ซักที

จบเรื่องที่ดิฉันไม่รู้(แบบงงๆ)แค่นี้




ปล. ดิฉันต้องบอกว่า ...อ่านแล้วงง ก็รู้ว่างง ใช่มั้ยคะ...^^ แบบที่คุณเจ้าของรางวัล Best Dhama blog บอกอยู่บ่อยๆ (... ฮ่า ฮ่า... )




 

Create Date : 30 สิงหาคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:42:23 น.
Counter : 351 Pageviews.  

cos I'm in su su su....sugar town.

ไม่ได้อัพบล็อกมาเดือนนึงแล้วนะเนี่ย ฟังเพลงก่อนแล้วกัน...




Sugar Town

Rita Calypso

I got some troubles but they won't last
I'm gonna lay right down here in the grass
and pretty soon all my troubles will pass
cos I'm in su su su, su su su,
su su su su su su sugartown.

I never had a dog that liked me some
I never had a friend or wanted one
so I just lay back and laugh at the sun
cos I'm in su su su, su su su,
su su su su su su sugartown.

yesterday it rained in tennessee
I heard it also rained in talahassee
but not a drop fell on little old me
cos I was in su su su, su su su,
su su su su su su sugartown.

if I had a million dollars or 10
I'd give it to your world and then
you'd go away and let me spend
my life in su su su, su su su,
su su su su su su sugartown.






ช่วงนี้ชีวิตสบายดีจังแฮะ การงานก็ราบรื่นดีไม่มีปัญหา ใช้ชีวิตสนองความอยากของหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจไปวันๆ ดูหนังดูละคร หาเพลงเพราะๆฟัง โทร.ไปบอกเพื่อนให้ทำอาหารที่อยากกินให้ ปลูกต้นไม้...

ก็มีความสุขดี และตราบใดที่ยังไม่อยากสุขมากกว่านี้ ก็คงไม่มีทุกข์เพิ่มค่ะ...^^

*** เพิ่มเติม ***

ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เวลาฃีวิตมันสงบราบเรียบ จะรู้สึกระแวงว่ามันดีเกินไปหรือเปล่า เหมือนทะเลสงบก่อนจะมีพายุใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแล้ว เพราะเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่เป็นเหตุให้ต้องมาคอยหวาดระแวงถึงผลที่จะตามมา ก็เหมือนกับที่ทุกคนเคยได้ยินประโยคที่ว่า "ถ้าไม่ได้ทำผิด จะกลัวอะไร?" นี่นแหละ...มันเริ่มจากตรงที่ "ไม่ทำผิด" ถ้าเราไม่ได้ก่อเหตุซะอย่าง จะมีผลที่ตามมาได้อย่างไร

.............................

วันก่อนเพื่อนแวะมาหาตอนบ่ายๆ นั่งคุยไปซักพัก พอเริ่มมีเด็กนักเรียนเดินผ่านมาหลังโรงเรียนเลิก เพื่อนก็ถามว่า "ลูกแกกลับมาหรือยัง" (เพื่อนหมายถึงมิ้น : เด็กที่ดิฉันให้เงินไปโรงเรียนทุกวัน) ได้ยินแล้วหยึยๆ ความจริงก็รู้สึกหยึยๆทุกครั้งเวลาได้ยินเพื่อนคุยกับหลานแล้วเรียกหลานว่าลูก "ใหม่เหรอ ว่าไงลูก?" "พีทกินข้าวหรือยังลูก?" "ให้อาไปรับมั้ยลูก?" ...อ่า ขนลุก!...

ดิฉันว่าตัวเองคงไม่มีสัญชาตญาณของความเป็นแม่ ไม่เคยคิดจะมีลูกหรือเรียกใครว่าลูก พวกน้องๆ หลานๆ หรือลูกเพื่อนก็พอเล่นด้วยได้แต่จะให้จ๊ะจ๋าเจ๊าะแจ๊ะ หรือให้เลี้ยงเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่เอา ไม่ได้เกลียดเด็ก ใจเย็นพอจะอยู่ด้วยได้ แต่ไม่ชอบพูดไม่ชอบสอน ซึ่งถ้าอยู่กับเด็กแล้วเลี้ยงดูอย่างเดียวโดยไม่สั่งสอน มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นความรับผิดชอบของดิฉันคงมีไม่มากพอที่จะเป็นแม่ของเด็กคนไหนๆได้

ความจริงก็เคยช่วยพี่ข้างบ้านเลี้ยงลูกนะ เวลาพี่เค้ามีงานยุ่งๆ อุ้มได้ ป้อนนมได้ แต่พอร้องมากๆหรือจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมก็จะเอาไปคืน...ทำไม่ได้อ่ะ -- --"


ไม่มีอะไรค่ะ มาบ่นๆเรื่องอะไรก็ไม่รู้ให้ฟังแล้วก็ไปละ

bye bye~~~ จนกว่าจะมีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ...^^

....................................................




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:42:43 น.
Counter : 908 Pageviews.  

~...ข้าพเจ้าคือจอมขี้เกียจ...~

จากblog "เรื่องของมิ้น...อีกที" ที่ดิฉันเขียนเรื่องจะรับดูแลเด็กคนนึงดีมั้ย คุณ"พี่หมูน้อย"ได้กรุณาเข้ามาเขียนcommentเล่าประสบการณ์การเลี้ยงหลานในช่วงเวลาสั้นๆให้ฟังเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าหลานไม่ยอมช่วยงานอะไร ก็เลยนึกถึงวิธีที่แม่สอนเด็กขี้เกียจอย่างดิฉันขึ้นมาได้...

ตอนเด็กๆดิฉันก็คงไม่ต่างกับหลานพี่หมูน้อยเท่าไหร่ บ้านดิฉันจะมีเด็กๆอยู่สามคน มีดิฉัน , พี่ชาย และจะมีญาติรุ่นๆเดียวกันมาอยู่ด้วยอย่างน้อยคนนึงตลอด งานบ้านทั้งหมดเราจะหมุนเวียนกันทำคนละอาทิตย์ค่ะ งานหลักๆก็คือซักผ้า , ล้างจาน , ถูบ้าน ถ้าอาทิตย์นี้เป็นเวรล้างจาน อาทิตย์หน้าก็เปลี่ยนเป็นถูบ้าน อาทิตย์ถัดไปก็ไปซักผ้า ส่วนใหญ่แล้วพี่ชายกับญาติจะไม่มีปัญหา หน้าที่มีอะไรก็ทำไปตามนั้น มีแต่ดิฉันนี่แหละที่ผลัดผ่อนไปเรื่อย จวนตัวจริงๆถึงได้ลงมือทำ

วันนึงแม่คงทนไม่ไหวก็เลยพูดกับดิฉันว่า...

~ ไม่มีใครขยัน ไม่มีใครชอบทำงาน แม่ไม่ใช่คนขยัน พี่ๆก็ไม่ใช่ แต่ที่เราต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ เราต้องมีความรับผิดชอบ ไม่มีใครทำแทนเรา ถ้าเราไม่ทำ งานมันก็ไม่เสร็จ ถ้าขี้เกียจก็ต้องรีบๆทำให้มันเสร็จไป จะได้เหลือเวลาขี้เกียจเยอะๆ ~

ดิฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนปุ๊บปั๊บทันทีทันใดจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆก็เห็นว่าที่แม่พูดนั้นถูกต้อง มันเป็นหน้าที่ค่ะ ไม่ใช่แค่อยากทำหรือไม่อยากทำ คุณขี้เกียจได้ ง่วงนอนได้ เบื่อ เซ็ง อกหัก เสียใจ เศร้า อากาศร้อนไป หนาวไป ฝนตกเยอะไป จะเจอเจ้านายงี่เง่า เพื่อนร่วมงานห่วยแตกยังไง...คุณก็ต้องทำส่วนของคุณให้จบไปค่ะ

ถึงตอนนี้ดิฉันก็ยังเป็นคนขี้เกียจอยู่ ถึงจะอยู่คนเดียว ดิฉันยังขี้เกียจซักรีดเสื้อผ้าเอง เลยจ้างเค้าซัก จะมีบางเวลาที่อยากนอนสระผมสบายๆ ก็จะขนพวกเครื่องนอนไปซักในตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ แล้วก็ไปสระผมรอเวลาซักเสร็จ, ดิฉันขี้เกียจทำงาน...ตอนนี้ก็เลยต้องหาเงินเยอะๆ จะได้เลิกทำงานเร็วๆ , ขี้เกียจทำงานวันอาทิตย์...ก็เลยต้องทำงานทุกอย่างให้เสร็จภายในวันเสาร์ แล้ววันอาทิตย์ก็นอนทั้งวัน หรือไม่ก็เที่ยว...^^ , ขี้เกียจคิดเรื่องโน่นนี่นั่นนานๆ...ก็เลยคิดให้มันจบไป แล้วก็ไม่หวนกลับไปคิดซ้ำอีก ก็เลยไม่ค่อยมีอะไรค้างๆในหัว , ดิฉันไม่ใช้บัตรเครดิต เพราะขี้เกียจต้องมาจ่าย มาเช็ครายการทุกเดือน ผลก็คือดิฉันไม่เคยมีหนี้สะสม ...

...ยังมีเรื่องขี้เกียจอีกมากในชีวิตดิฉัน ที่ทำให้รู้สึกว่าการขี้เกียจนี่มันก็ดีเหมือนกันนะ...





อีกเรื่อง...

เมื่อวานเย็นน้องสาวโทร.มา ถามว่ากินข้าวหรือยัง ตอบว่ากำลังรอเพื่อนมารับอยู่ น้องถามต่อว่ากินข้าวด้วยกันทุกเย็นเลยเหรอ? ...ก็เกือบทุกวัน... แล้วก็เล่าเรื่องตลก เม้าท์ๆเพื่อนไปเรื่อย น้องสาวหัวเราะแล้วก็บอกว่า ...พี่สองคนเหมือนเป็น "โซลเมท" กันเลย... กินข้าวด้วยกัน ช่วยกันเลือกของ ไปเที่ยว เม้าท์กัน งอนกัน (ส่วนมากเพื่อนเป็นฝ่ายงอน ดิฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องเล็กน้อย ก็เลยไม่มีเรื่องให้งอน ส่วนเพื่อนมันก็งอนเพราะดิฉันไม่ค่อยสนใจรายละเอียด...^^" ) ...ได้ยินแล้วก็... ~อ่า...ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากเป็นโซลเมทกับมัน~





*** เพิ่มเติม...แทมมี่สู้ๆ V(^o^)V ***




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:43:03 น.
Counter : 654 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

Q.NUH
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




.
.
. .
Friends' blogs
[Add Q.NUH's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.