LIFE GOES ON~
Group Blog
 
All blogs
 
~...ตัดช่องน้อยแต่พอตัว...~

ตอนนี้บ้านเพื่อนดิฉันสร้างใกล้เสร็จแล้ว สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเราก็เลยไปเดินซื้อพวกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวกัน (เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวก็หมายถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ใช่built-inนั่นแหละค่ะ...^^") ดิฉันแฮปปี้มากที่ได้ซื้อซะที เพราะก่อนหน้านี้ดิฉันไปช่วยดูกับเพื่อนทุกร้าน ทุกยี่ห้อ ทุกที่ๆมีเฟอร์นิเจอร์แล้ว...เบื่อสุดๆ ไม่ใช่เบื่อที่ไปเดินดู แต่เบื่อที่เพื่อนเลือกไม่จบซะที ตัดสินใจไปแล้ว แต่พอเจอแบบใหม่ก็เปลี่ยนใจ เจอแบบใหม่กว่าก็เปลี่ยนใจอีก...เฮ้อ

มันก็เหมือนการทำอะไรซ้ำๆนั่นแหละค่ะ ...เห็น ---> ถูกใจ ---> เลือก... แต่แทนที่มันจะจบแค่นั้นแล้วไปจัดการอย่างอื่นต่อ มันกลับมาวนเวียนที่ ...เห็น ---> ถูกใจ ---> เลือก... ...เห็น ---> ถูกใจ ---> เลือก... ...เห็น ---> ถูกใจ ---> เลือก... กับของสิ่งเดียวไม่จบซะที มันเสียเวลาและที่สำคัญพอเราเปลี่ยนอะไรซักอย่าง ส่วนอื่นๆมันก็ต้องเปลี่ยนไปด้วยไม่มากก็น้อย ดิฉันเลยดีใจที่ถึงเวลาตัดสินใจซื้อซะที จะได้ไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจอีก...^^ เย่!

อาทิตย์ที่แล้วนอกจากโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ยี่ห้อต่างๆแล้วเรายังไปวัดสวนแก้วกันด้วยค่ะ เป็นที่ที่เพลิดเพลินทีเดียวสำหรับคนที่ไม่รังเกียจของเก่า เพื่อนดิฉันได้โต๊ะทานข้าวไม้สักแบบพับและกางออกได้สองข้าง เท่มากๆ (ดิฉันเลือกให้เองแหละ...อิ๊...อิ๊...) กับcounter barไม้สักทำสีเดียวกับโต๊ะทานข้าว แล้วยังได้เก้าอี้ไม้สักแบบไม่มีพนักพิงเอามาเป็นเก้าอี้ทานข้าวอีกตัว ส่วนดิฉันได้เก้าอี้ทำงานคุณภาพดี ราคาถูกมากๆมาตัวนึง และถูกใจมากกับฉากกั้นห้องไม้สักแบบโปร่งๆ แต่ไม่ได้ซื้อมาเพราะมันไม่เข้ากับบ้านดิฉัน ...ดิฉันนึกภาพออกเลยนะว่ามันเหมาะที่จะวางในบ้านแบบไหน

ส่วนเก้าอี้ทานข้าวเราไปดูของ index เป็นม้านั่งยาวแบบนั่งได้สองคน เบาะนั่งเป็นหนังสีดำขาสแตนเลส 1 ตัว กับม้านั่งขาไม้เบาะหนังสีดำ 1 ตัว สรุปว่าถ้าทานข้าวคนเดียวก็กางโต๊ะออกมาด้านเดียว แต่ถ้ากางทั้งสองด้านจะนั่งได้ 4 คน ข้างละสอง และเก้าอี้แต่ละตัวไม่เหมือนกันเลย...เหมาะกับบุคลิกเพื่อนดิฉันมากๆ และวันอาทิตย์นี้เรามีนัดกันอีกค่ะ ที่หมายคือสวนจตุจักร วัดสวนแก้วและงานเฟอร์นิเจอร์ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี...ไปด้วยกันมั้ยคะ?





อีกเรื่องนะ...

ดิฉันอยากเล่าเรื่องเล็กๆที่มันรบกวนจิตใจและสั่นคลอนคุณธรรม จริธรรม ความคิด ความเชื่อและ...ฯลฯ...(เว่อร์!) ของดิฉันมากๆ คือเยื้องกับบ้านจะมีร้านขายอาหารตามสั่งที่ดิฉันฝากท้องไว้ประจำอยู่ร้านนึง ปกติดิฉันจะเดินข้ามไปสั่งอาหาร บางครั้งก็รอถือจานเดินกลับมาทานที่บ้าน บางครั้งถ้าคิวยาวก็กลับมารอที่บ้าน เดี๋ยวเด็กที่ร้านก็เอามาส่งเอง เรื่องเงินค่าอาหารบางทีก็จ่ายไว้ตั้งแต่ตอนสั่ง บางทีก็จ่ายไปกับเด็กที่มาส่งอาหาร ดิฉันไม่เคยจำว่าค่าอาหารแต่ละอย่างมันราคาเท่าไหร่ คิดมาแค่ไหนก็แค่นั้น

วันนึงเด็กมาส่งอาหารที่บ้าน เป็นข้าวผัดกับต้มจืดเต้าหู้หนึ่งถ้วย ค่าอาหาร 80 บาท ดิฉันให้แบงค์ยี่สิบไป 4 ใบ แต่เธอกลับขอแลกแบงค์ยี่สิบใบนึงเป็นเหรียญสิบบาทสองเหรียญ o_O!?! ดิฉันว่ามันไม่มีเหตุผลนะ แต่ก็ให้แลกไป แล้วเก็บความแปลกใจไว้ อีกวันดิฉันเดินข้ามไปสั่งข้าวผัดกับต้มจืดเต้าหู้เหมือนเดิม แต่คราวนี้รอเอามาเอง พออาหารเสร็จก็ถามราคาเพื่อที่จะจ่ายสตางค์ น้าแก้วเจ้าของร้านบอกว่า 70 บาท!

อืม...นี่ล่ะมั้งเหตุผลของเหรียญสิบบาทสองเหรียญ แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดสำหรับดิฉันเลยนะ...

เด็กที่มาส่งอาหารผิดมั้ย? - ในความคิดของดิฉัน ...ผิดแน่ๆ

แล้วเราจะทำยังไง - บอกน้าแก้วดีมั้ยว่าลูกน้องเค้าแอบบวกเพิ่มกับลูกค้า

บอกแล้วจะเป็นยังไง - ถ้าน้าแก้วโกรธแล้วไล่ลูกน้องออก...ใครจะช่วยงานน้าแก้ว?
- ถ้าลูกน้องน้าแก้วโกรธที่โดนจับได้แล้วออกไป...ใครจะช่วยงานน้าแก้ว?

เด็กคนนี้ทั้งทำอาหารและดูแลร้านตอนที่น้าแก้วไม่อยู่ เรียกว่าเป็นแม่ครัวมือสองทำแทนได้ทุกอย่าง ลูกน้องแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีเด็กคนนี้ช่วยซักคนน้าแก้วคงเดือดร้อนแน่ๆ... ดิฉันก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เพราะเรื่องนี้มันขัดกับความคิดของดิฉันจริงๆ ถ้าเป็นลูกน้องดิฉันเอง ดิฉันคงไม่ลังเลที่จะเรียกเค้ามาพูดตรงๆว่าถ้าทำอย่างนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่ เค้าเป็นลูกน้องคนอื่นและเห็นชัดว่าขาดเค้าไปแล้วมันจะวุ่นแค่ไหน

สิ่งที่รบกวนจิตใจไม่ใช่ที่ดิฉันต้องเสียเงินเพิ่มอีกสิบบาท แต่ดิฉันจะปล่อยให้ความไม่ซื่อสัตย์นี้มันผ่านไปเฉยๆจริงๆเหรอ? ...มันไม่ถูกต้องอ่ะ

ทุกวันนี้ดิฉันหาทางออกให้ตัวเองด้วยการเดินข้ามไปสั่งอาหารแล้วจ่ายสตางค์ที่ร้านเลย แต่มันก็เป็นทางออกที่ "ตัดช่องน้อยแต่พอตัว" เป็นการเอาตัวเองรอดคนเดียว และจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย เค้ายังเป็นคนไม่ซื่อสัตย์เหมือนเดิม ลูกค้าคนอื่นๆก็ยังโดนบวกเพิ่มอีกต่อไป ดิฉันนึกไม่ออกจริงๆว่าจะทำยังไงให้มันดีกว่านี้ บางทีบางเรื่องมันก็ไม่ได้มีแค่ถูกกับผิด ขาวกับดำ แต่มันยังมีเหตุผลแวดล้อมอื่นๆ มีอะไรที่มันเป็นสีเทาๆ ที่มันทำให้เราตัดสินใจได้ยากด้วย

และเรื่องนี้คงจะรบกวนจิตใจดิฉันไปซักพักแหละค่ะ






Create Date : 16 มีนาคม 2551
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:48:09 น. 13 comments
Counter : 933 Pageviews.

 


โดย: CrackyDong วันที่: 16 มีนาคม 2551 เวลา:2:04:43 น.  

 
ถ้าเป็นดิฉันอาจจะไปเล่าเหตุการณ์จำลองให้น้าแก้วฟัง
แบบเพลงคุณครูครับของน้องพลับ ถ้าอย่างงั้น...แล้วอย่างงี้... น้าแก้วคิดว่าไง
แต่ไม่ได้สรุปเรื่องราว แค่เรื่องสมมุติเรื่องนึง


โดย: ตรีนุช3903 วันที่: 16 มีนาคม 2551 เวลา:4:24:37 น.  

 
อันนี้ก็น่าคิดเหมือนกันนะคะเรื่องกวนใจ
ถ้าจะว่าไปแล้วเราเองก็คงตัดสินใจแทนคนอื่น
หรือว่าจะไปบอกให้เค้าเปลี่ยนนิสัยก็ไม่ได้
เราว่าทำแบบ จขบ. ทำก็ดีแล้วอ่ะคะ อย่างน้อยๆ
ก็คือว่า ไม่เดือดร้อนกันมาก อย่างเรารู้ทันเค้า
ก็ไปจ่ายเงินให้กับน้าแก้วเค้า เพราะว่าจะได้
ไม่ต้องจ่ายเพิ่มให้กับเด็กมาส่ง หรือว่าไม่ถ้าบอก
น้าแก้วเค้าๆ ก็อาจจะไล่เด็กออก เด็กก็เดือดร้อน
อีก น้าแก้วก็ด้วยที่จะต้องหาเด็กใหม่ ..

พูดมาพูดไปก็ลำบาก เราว่าตัดช่องน้อยแต่พอตัวแบบนี้
อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีล่ะมังค่ะ ..


โดย: JewNid วันที่: 16 มีนาคม 2551 เวลา:11:07:13 น.  

 
เพื่อนพี่อีกคนกำลังจะเป็นเจ้าของห้องเล็กๆในคอนโด...

ขี้เกียจแต่งห้องเองว่ะ

แล้ว...พี่คราง


ชั้นว่าจะจ้างที่บริษัทื้เขารับทำทั้งหมด


แก๊แพงน๊ะเว้ย...พี่ครางต่อ


แล้วไงจะให้ชั้นไปเดินๆท่อมๆหา

แหมแกชั้นไม่พูดแล้วค่ะ

จ้ามีเงินก้อจงใช้เงิน

ส่วนเพื่อนพี่อีกคนเป็นแบบหนูเลยค่ะ

เดิน หา ถูกใจ ซื้อ จัดเองยกเองประกอบเอง


เรื่องน้าแก้ว

ของแบบนี้อยู่ไม่นานค่ะ คือธรรมชาติจะมีวิธีลงโทษคนแบบนี้

เรารอฟังข่าวได้เลยค่ะ


ตัดปัญหาแบบหนูดีที่สุด ระวังอย่างเดียว

เหนื่อยเดินไปมาเอง จะทำให้กินข้าวได้เย๊อะ

แถวบ้านพี่เขาเรียกเจริญอาหาร...


โดย: พี่แหม๋ว IP: 58.10.65.224 วันที่: 16 มีนาคม 2551 เวลา:11:14:25 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณ Q

ไม่ up blog ตั้งนาน...ที่แท้ช่วยเพื่อนจัดบ้านใหม่นี่เอง


เป็นเรา....เราจะคุยกับเด็กคนนั้นแบบส่วนตัวค่ะ.....ประมาณว่าเรารู้นะว่าเค้าทำแบบนั้น...สอนเค้าว่ามันไม่ดี( ขู่นิดหน่อยก็ดีค่ะ...ว่าไม่เลิกทำจะบอกเจ้าของร้าน)....เราว่าเด็กสอนง่ายกว่าผู้ใหญ่....เคยมีนักเรียนที่ดื้อมากๆแบบพูดไม่รู้เรื่อง....ต้องเรียกมาคุยส่วนตัวค่ะ


เฟอร์นิเจอร์เก่า....น่าจะเกร๋ดีนะคะ....แต่ส่วนตัวคงไม่เอา....ไม่ได้ติดความหรูหราไฮโซใดๆหรอกค่ะ


กลัวเจ้าของเก่าเค้ามาคุยด้วยตอนกลางคืน



โดย: Nankipooh IP: 58.8.172.22 วันที่: 16 มีนาคม 2551 เวลา:13:28:13 น.  

 
มีดอกไม้มาฝาก


เพิ่มมาอีก 10 บาท อาจจะเป็นค่าส่งอาหารมั้งครับ


โดย: 9A วันที่: 16 มีนาคม 2551 เวลา:21:33:40 น.  

 

เห็นรูปแล้วยิ้ม อารมณ์ดี
GuGu ขาสั่นแขนสั่น
แต่เจ้านายหน้าผ่อง แขนเป็นปล้อง

เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณ Q ทำ สำหรับร้านข้าวค่ะ
แต่ถ้ามันขัดจริยธรรม คุณธรรม ...ธรรม ฯลฯ
ก็อาจจะหาเวลาคุยกับเด็กคนนั้น
จะได้ไม่ผ่านไปเฉยๆให้คาใจ

แต่เอ! หลังจากนั้น เวลาส่งข้าวให้คุณ
เขาจะแอบเอานิ้วโป้งเลอะๆ จุ่มลงไปในแกงจืดให้หรือเปล่านะ



โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:15:10:01 น.  

 
อิอิ...เราเดินสวนกันบ้างรึเปล่านะ ที่งานนั้นน่ะ...เห็นสาวงาม ที่เดินคนเดียวลากรองเท้าสานไปทั่วงาน แวะดูแทบทุกบู้ธมั่งอ๊ะป่าวคะ ไปงานมาสองวัน เดินตั้งแต่บ่ายยันเย็น ...หมดไปเกือบสองหมื่นแน่ะ หุหุ

เพื่อนคุณโชคดีนะ มีคุณไปเป็นเพื่อน...ข้าพเจ้าไปคนเดียว กินคนเดียว ช็อปคนเดียว ....ก็สบายดีไม่ต้องมีใครมาขัดใจ อิอิ แค่ลำบากใจตอนซื้อเก้าอี้ตัวเดียว ทั้งขอลดจากที่ลดอยู่แล้ว ทั้งขอให้ไปส่งที่รถ โดนคนขายมองหน้าเรยยย....ก็แหม...เก้าอี้ไม่หนักเท่าไหร่ก็จริง...แต่ให้คนหน้าตาดี เดินลากเก้าอี้ไปคนเดียวเนี่ย...เสียสถาบันความงามกันพอดี....ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ปล. แกงจืดเต้าหู้ชามละ 70 บาทก็แพงอยู่แล้วนา....ปาเข้าไปตั้ง 80 บาทเชียวเหรออ....ง่า


โดย: Life's like that IP: 58.64.101.144 วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:21:35:38 น.  

 
^
^
ถ้าคุณเห็นคนที่แต่งตัวเหมือนในรูปข้างบนนั้นเป๊ะ เราก็คงเดินสวนกันแล้วล่ะค่ะ

เรื่องลากของมาใส่รถนี่เคืองมากๆ เพราะดิฉันกับเพื่อนต้องช่วยกันประคับประคองกล่องโคมไฟ 4 กล่อง กับถุงใส่มือจับหนึ่งถุงใหญ่ เดินออกจากhallมาที่รถเพราะ "ห้ามนำรถเข็นออกจากงานครับ" เฮ้ย! งี๊คนซื้อของหนักๆจะทำไงอ่ะ บ้าไปแล้ว!

ที่พูดถึงนี่งานโฮมโปรที่อยู่hallตรงข้ามนะคะ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ในงาน TIFF สวยมาก แล้วดิฉันกับเพื่อนก็ตาถึงเหลือเกิน ถูกใจแต่ละชิ้นนี่ใช้ได้เลย ...เห็นราคาแล้วต้องคิดดังๆว่า "ปล่อยให้มันสวยอยู่ตรงนั้นเถอะ"

หมดไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้เพราะเพื่อนจ่าย ข้าพเจ้าเดินชื่นชมชิ้นโน้นชิ้นนี้ ถามราคา ลองนั่ง ลองนอน ลั้ลลาไปเรื่อย...ชอบ~~~


โดย: Q.NUH วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:23:55:26 น.  

 


โดย: พี่แหม๋ว IP: 58.10.65.10 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:10:46:33 น.  

 
อยากได้โต๊ะไม้สักยืดได้หดได้มาตั้งนานแล้ว อิจฉาเพื่อนคุณ Q จัง


โดย: พี่หมูน้อย วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:21:12:14 น.  

 
อุ๊ย 16 มีนา วันเกิดเรานี่นา อิอิ


สิ้นเดือนนี้จะเจียดโบนัสอันน้อยนิด
มาตบแต่งบ้านหลังเก่าให้ดูใหม่
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:18:27:07 น.  

 
สวัสดีครับ

ไม่ทราบว่าคุณ Q ยังจะเข้ามาดูอยู่หรือเปล่า

ผมแค่จะมาเล่าว่า ผมเคยเจออะไรแบบนี้ที่มัน
"มากกว่า 10 บาทหลายๆๆๆๆๆๆๆเท่า"
(แต่ไม่ใช่ร้านอาหาร และคนเสียหายก็ไม่ใช่ผมโดยตรง แต่เป็น Organization)
ถึงว่าสิ ผมถึงเครียดๆ ขนาด 10 บาทยังเครียดเลยใช่มั้ยล่ะครับ

จริงๆมันก็ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินหรอก แต่มันอยู่ที่แนวความคิดมากกว่า

บางทีมันก็บอกได้นะว่า "วิญญาณ" ของคนสักคน มันมีราคาเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ ถ้ายอมขาย ก็แย่ด้วยกันทั้งนั้น


โดย: ทิฐิเป็นพิษร้ายต่อความรัก วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:54:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Q.NUH
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




.
.
. .
Friends' blogs
[Add Q.NUH's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.