LIFE GOES ON~
Group Blog
 
All blogs
 
~...อ่านหนังสือกันเถอะ...~




หลายวันก่อนไปทานข้าวกับเพื่อน แต่ระหว่างทางเพื่อนขอแวะเอาของไปให้พี่สะใภ้ก่อน ก็เลยได้เข้าไปนั่งรอในบ้านพี่เค้าแป๊บนึง

พี่สะใภ้เพื่อนเป็นครูประถมค่ะ รับสอนพิเศษตอนเย็นด้วย มีเด็กๆมาเรียน 4 คน ตั้งแต่เด็กป. 1 ถึงป. 4 เป็นเด็กโรงเรียนนานาชาติแล้วภาษาไทยแย่มาก พ่อแม่ก็เลยส่งมาเรียนภาษาไทย ก็เรียนๆเล่นๆสนุกๆ ให้อ่านพาดหัวหนังสือพิมพ์บ้าง เขียนตามคำบอกบ้าง เด็กคนเล็กสุด (เด็กผู้ชายชื่อไฮ...น่ารักมาก ^-^ ) คุณครูให้วาดรูปอะไรก็ได้ แล้วเขียนลงไปว่าตรงไหนเป็นอะไร (วันนั้นไฮวาดรูป "บ้านขอไฮ" จริงๆมันคือ "บ้านของไฮ" แต่ไฮลืมเขียน ง. งู...^-^ )

ดิฉันนั่งเล่นกับเด็กๆแล้วบอกว่าอ่านหนังสือภาษาไทยเยอะๆซิ หนังสืออะไรก็ได้ นิทาน การ์ตูน เรื่องที่อยากรู้ ป้ายข้างทาง เดี๋ยวก็อ่านเก่งเองแหล่ะ เจ้าเด็กผู้ชายคนโตสุดรีบบอกว่าชอบอ่านนารูโตะ ดิฉันก็บอกว่า... ได้ อ่านการ์ตูนก็ได้ อ่านฮิคารุหรือเปล่า โคนันก็สนุกดีนะ เนกิมะล่ะ?.... หันไปอีกทีเจอคุณครูพี่สะใภ้ทำหน้าเหวอๆ ก็จะมีครูซักกี่คนจะชอบใจที่เราไปบอกให้นักเรียนเค้าอ่านการ์ตูนเยอะๆล่ะเนอะ... ^^"

เรื่องนี้ทำให้คิดถึงสมัยมัธยม ตอนนั้นติดการ์ตูนญี่ปุ่นมากเพื่อนๆส่วนใหญ่ก็ติด คุณครูก็คงเบื่อแหล่ะที่เด็กเอาแต่อ่านการ์ตูน ก็บ่นๆตามประสาและหน้าที่ (การบ่นนี่เป็นหน้าที่หนึ่งของครูนะคะ ท่าบังคับค่ะ ไม่ทำ ไม่ผ่าน) แต่มีคุณครูคนนึงบอกว่า อ่านไปเถอะ อ่านอะไรก็ได้ ให้เราเป็นคนรักการอ่านก่อน แล้วเราก็จะเลือกหนังสือที่จะอ่านเอง แต่...ครูที่บอกเป็นครูสอนวิชาสังคมแฮะ ไม่ใช่ครูภาษาไทย! ...แล้วสิ่งที่คุณครูบอกมันก็จริง

ไม่รู้ว่าการรักการอ่านนี่มันถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือเปล่า เพราะทั้งยาย แม่ น้าๆทั้งหลาย ลูกพี่ลูกน้องก็ชอบอ่านหนังสือกันแทบทุกคน และตั้งแต่เด็กภาพที่จำได้คือที่บ้านยายจะมีผนังที่เป็นตู้ยาวตลอดผนังและสูงจากพื้นจรดเพดานอยู่ด้านนึง สองชั้นล่างจะเป็นพวกนิตยสารรายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน อย่างขวัญเรือน สกุลไทย ใกล้หมอ คู่สร้างคู่สม จำได้ลางๆว่ามีBRด้วย...และอื่นๆ ชั้นกลางๆเป็นพวกตุ๊กตาเซรามิก รูปถ่าย มีแจกันใหญ่กับดอกไม้ปลอม ของกระจุกกระจิกแบบที่ห้ามเด็กหยิบมาเล่น (แล้วจะมาวางล่อทำไมเนี่ย?)วางโชว์อยู่ ส่วนชั้นบนสุดเป็นหนังสือเล่มเล็กๆที่ท้าทายให้ปีนขึ้นไปหยิบมาอ่าน เพราะสงสัยว่าทำไมต้องเอาไปไว้สูงๆด้วย ซึ่งพอแอบปีนขึ้นไปเอามาอ่านได้ไม่กี่หน้า ก็ต้องแอบปีนเอาขึ้นไปเก็บอีก เพราะอ่านไม่รู้เรื่อง

จำได้ว่าหนังสือที่ปีนไปหยิบลงมาตอนนั้นเป็นของคนเขียนชื่อ "รงค์ วงษ์สวรรค์ (28 กะรัต)" และ "มนัส จรรยงค์" อ่า...จะมีเด็กประถมคนไหนอ่านหนังสือของสองท่านนี้แล้วรู้สึกสนุกกันล่ะ? ( แทรก : เรื่อง "มนัส จรรยงค์" นี่แม่เล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กๆว่าพี่ชายแม่(ก็ลุงน่ะแหล่ะ)เป็นเพื่อนนักเรียนกับลูกชายของ "มนัส จรรยงค์" เวลาปิดเทอมลุงกลับมาบ้าน เพื่อนคนนั้นก็จะตามมาเที่ยวด้วย เอาหนังสือของ "มนัส จรรยงค์" มาให้อ่าน แล้วก็ทิ้งไว้ที่บ้าน ฟังแล้วก็..."จริงอ่ะ?" จนตอนที่แม่เสีย เลยได้เห็นเพื่อนของลุงคนนั้นมางานศพแม่ด้วย "เออ...แม่พูดจริงแฮะ ไม่ได้โม้" ) ... ก็ปีนกลับลงมาอ่านหนังสือชั้นล่างๆกันต่อไป

ช่วงนั้นนอกจากนิตยสารที่ผู้ใหญ่รับแล้ว ก็จะอ่านการ์ตูนด้วย ทั้งการ์ตูนไทยอย่าง ขายหัวเราะ เบบี้ หนูจ๋า ชัยพฤกษ์ และการ์ตูนญี่ปุ่นอย่าง โดราเอมอน แคนนี้ จอร์จี้ รวมถึงการ์ตูนกีฬาฝรั่งอย่าง ฮาร์มิตตีนระเบิดและการ์ตูนผู้ชาย หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ วีระบุรุษจากลหุโทษ (อ่านตามพี่ชาย)... ก็อ่านพวกนี้มาเรื่อยๆจนถึงม.ปลาย ได้เจอเพื่อนที่ชอบอ่านพวกเรื่องสั้น ได้อ่าน "หมาเน่าลอยน้ำ" ของ ชาติ กอบจิตติ แล้วชอบมาก ความสนใจเลยเปลี่ยนจากการ์ตูนที่เคยอ่านไปเป็นอ่านเรื่องสั้นแบบอัตราส่วน 50 : 50 แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเรียนมหาวิทยาลัยก็แทบจะไม่ได้อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นอีกเลย เรื่องสุดท้ายที่อ่านคือ "อเล็กซานไดรท" อ่านต่อเนื่องมาจาก "ไซเฟอร์" เพราะตัวละครในทั้งสองเรื่องมันรู้จักกัน แต่สุดท้ายก็อ่านไม่จบ เลิกอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นไปโดยสิ้นเชิง

หลังจากนั้นก็อ่านพวกเรื่องสั้น สารคดี ประวัติศาสตร์ ปกิณกะ ( ฝรั่งเจ้านายเก่าดิฉันเห็นหนังสือที่อ่านแล้วถามว่าเป็นหนังสือประเภทไหน นิยาย? เรื่องสั้น? ดิฉันตอบว่า ปกิณกะ เจ้านายถามว่าแปลว่าอะไร เลยเปิดdictionaryให้ดู เพราะดิฉันก็ไม่รู้ว่ามันแปลเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไร พอชี้ให้ดู "miscellaneous" เจ้านายก็ทำหน้าพอๆกับดิฉัน แล้วบอกว่า "no idea!" ...จบข่าว) แต่หนังสือที่อ่านมาจนถึงทุกวันนี้คือ ขายหัวเราะ

ดิฉันอ่านหนังสือแปลน้อยมาก แทบจะนับเล่มได้ แต่หนังสือเล่มที่หยิบมาอ่านซ้ำบ่อยๆกลับเป็น "สิทธารถะ" ของ Hermann Hesse อ่านแล้วเหมือนได้พบอะไรใหม่ๆทุกครั้งทั้งที่เป็นหนังสือเล่มเดิม และหนังสือแปลที่ไม่พลาดเลยคือหนังสือที่แปลโดยคุณเทศภักดิ์ นิยมเหตุ

มีนักเขียนสองท่านที่ดิฉันชอบมากเป็นพิเศษขนาดว่าเก็บหนังสือทุกเรื่องเท่าที่จะหาได้ บางเรื่องเป็นนิยายก็เก็บทั้งที่เป็นคนไม่ชอบอ่านนิยาย สองท่านนั้นคือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ : นักเขียนคนที่ต้องปีนเอาหนังสือไปเก็บเข้าที่เดิมเพราะอ่านไม่รู้เรื่องเมื่อตอนเด็กนั่นแหล่ะค่ะ

มีนักเขียนอีกสองท่านที่ดิฉันไม่เอ่ยชื่อท่านดีกว่า ดิฉันชอบอ่านความคิดของสองท่านนี้เพราะ คนหนึ่งนั้นใช้ชีวิตรื่นรมณ์ สนุกสนาน ทดลอง เรียนรู้ เปิดรับสิ่งใหม่ๆรอบตัวอยู่เสมอ กับอีกหนึ่งนั้นดูจะหงุดหงิดกับการเปลี่ยนแปลง ความไม่เป็นระเบียบ ไม่ถูกที่ถูกทาง อันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ได้ อะไรก็น่ารำคาญไปซะหมด อ่านสองท่านนี้แล้วสนุกดี คนนึงก็สุดๆไปทางนึง อีกคนก็สุดๆไปอีกทาง อ่านแล้วได้ความคิดหลากหลายดี นอกจากมองเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสายตาของตัวเองแล้ว ยังได้เห็นมุมมองของคนสองแบบที่ตรงข้ามกัน ดิฉันว่าสองท่านนี้ทำให้ดิฉันเป็นคนยอมรับความคิดแตกต่างของคนอื่นมากขึ้นเยอะเลย...

แต่ช่วงนี้แย่จัง อ่านหนังสือน้อยลงมาก สงสัยต้องหาเวลาไปนั่งรถเมล์เยอะๆ เพราะเป็นคนชอบอ่านหนังสือเวลานั่งรถเมล์ ตั้งแต่สมัยเรียนจนทำงาน วันนึงๆอ่านหนังสือได้ตั้งหลายชั่วโมงแน่ะ (มันเป็นเรื่องน่าดีใจมั้ยเนี่ย?) เคยอ่าน "ว้าวุ่น" ของ "ปินดา โพสยะ" บนรถเมล์แล้วทรมานเป็นบ้าเพราะขำมากแต่จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้ ได้แต่นั่งตัวกระเพื่อมๆบนรถ โอย...มันอายนะเนี่ย -- -- """

อ้อ...เมื่อไม่นานมานี้กลับไปอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นอีกครั้ง เรื่อง kimi wa petto (You are my pet / คุณผู้หญิงคือเจ้านาย คุณผู้ชายคือสัตว์เลี้ยง )ถึงจะวัยนี้แล้วก็ยังอ่านการ์ตูนได้สนุกอยู่นะจะบอกให้ ไปค้นTouchมาอ่านด้วย และล่าสุดไปอ่านกระทู้ในห้องการ์ตูนเห็นว่าป่านนี้ "คำสาปฟาโรห์" ยังไม่จบเลย โอ้...แครอล ถ้าดิฉันตั้งท้องตอนอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก ป่านนี้ลูกดิฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วมั้ง???

เรื่องหนังสือนี่คุยสามวันไม่จบ หยิบเล่มไหนขึ้นมาก็มีเรื่องเล่าทั้งนั้น

ใครมีลูกมีหลานก็จำคำที่คุณครูสอนวิชาสังคมของดิฉันเคยบอกไว้แล้วกัน...

" อ่านไปเถอะ อ่านอะไรก็ได้ ให้เราเป็นคนรักการอ่านก่อน แล้วเราก็จะเลือกหนังสือที่จะอ่านเอง "



blogนี้ก็ตามประสาดิฉันแหล่ะค่ะ เจ้าของblogอยากเล่า ก็เลยเป็นประโยคบอกเล่าทั้งblog ... ^^ และจบห้วนๆเหมือนเดิม!



ปล. ภาพประกอบเก่าๆที่เคยใช้นะคะ ช่วงนี้ยุ่งมาก ไม่มีเวลาวาดรูปเลย



Create Date : 12 ธันวาคม 2551
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:37:13 น. 18 comments
Counter : 2239 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ
เราก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน ตั้งแต่เด็กเลย แล้วหนังสือที่ทำให้รักการอ่านก็คือโดเรม่อนนั่นเอง
หนังสือหลายเล่มที่คุณคิวเอ่ยถึง เราก็เคยอ่านเหมือนกัน สงสัยรุ่นราวใกล้ๆกันแน่เลย^^


โดย: nanida วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:23:16:03 น.  

 
ชอบจัง
บล็อกที่เล่าเรื่องหนังสือ
เล่าเรื่องการอ่าน
เล่าอะไรก็ได้
เราชอบฟัง ชอบอ่าน
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:0:26:17 น.  

 
โอ้..คุณนี่นักอ่านตัวยงจริงๆ นับถือ นับถือ...

หนังสือเล่มที่คุณเอ่ยนามมาทั้งหมดนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้อ่านซ้ากเล่มเดียว...ฮี่ๆ.. ยกเว้นของท่านหม่อมคึกฤทธิ์ที่อ่านหลายเล่มหน่อย...ชื่นชอบฉากพรรณา +บรรยายโวหารในเรื่อง "พม่าเสียเมือง" มันสุดยอดมากๆๆ กับความรู้สึกเศร้าสุดๆ ในเรื่อง "มอม" โอ้..เศร้าบาดจิตบาดใจ สมัยเรียนมีหนังสือนอกเวลา เรื่อง.."เสื้อราตรีสีเลือดนก"...รึเปล่าน๊อ.. รวมเรื่องสั้นหลายๆ เรื่อง เล่มนี้ก็ดี

หนังสือแปลและที่ทำเป็นหนัง เรื่อง Catch Me If you Can..อ่านแล้วรู้สึกว่าโห..มันเป็นนักโกงที่เจ๋งอ่ะ..

ส่วนใหญ่ข้าพเจ้าไม่ค่อยจดจำรายละเอียดหรือเนื้อหาเท่าไหร่ จำได้แต่ว่าตอนอ่านแล้วรู้สึกยังไง...เป็นความรู้สึกที่ฝังแน่นมากๆ ของการอ่านหนังสือดีๆ แต่ละเล่ม...

ปล. บล้อคข้าพเจ้าไม่มีเรื่องเล่า ขออาศัยแรงบันดาลใจจากที่นี่มาเล่าเรื่องแลกเปลี่ยนแทนแล้วกันนะ ...ฮี่ๆ


โดย: Life's like that (Life's like that ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:10:08:10 น.  

 
^
^

"พม่าเสียเมือง" นี่แนะนำทุกครั้งที่มีคนบอกว่าชอบละครเรื่อง "เพลิงพระนาง" เพราะเรื่องจริงมันสนุกกว่าละคร

"ชุดราตรีสีเลือดนก" อยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง "ฉันอยู่นี่ศัตรูที่รัก" อ่านแล้วน้ำตาตกแทบทุกเรื่อง

พูดเรื่องหนังสือนอกเวลานี่ดิฉันอ่านแบบล่วงหน้าหลายปี เพราะเอาของพี่ๆมาอ่าน ...

ก็บอกแล้ว... เรื่องหนังสือนี่คุยสามวันไม่จบ...^^





โดย: Q.NUH วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:10:23:42 น.  

 

^
^
อ๊า....ใช่ ใช่...ฉันอยู่นี่ศัตรูที่รัก...แหม..ไปจำเรื่องข้างในแทน...หนังสือเล่มนี้แค่คิดถึงก็น้ำจาจุกอกแล้ว....กระซิก กระซิก...หนังสือหายไปไหนแล้วหว่า...เคยไปซื้อมาจากแผงหนังสือเก่า อยากให้หลานอ่าน...แต่ย้ายบ้านแล้วหายไป...ว่าแล้วก็อยากหาหนังสือดีๆ ที่เราได้อ่านให้หลานอ่านเหมือนกันแฮะ..แต่มันก็หายไปเยอะอ่ะ...สงสารหลานจัง ..

อยากทำ list หนังสือดีๆ ที่เด็กๆ น่าจะได้อ่านกัน...ที่เป็นเรื่องร่วมสมัยใช้ได้ทุกยุค..อาทิ..เจ้าชายน้อย ต้นส้มแสนรัก มอม โจนาธาน ลิฟวิงสตัน (อันนี้ชื่อหนังสือหรือชื่อคนแต่งอ่ะ) ฯลฯ ..ข้าพเจ้าว่าเด็กสมัยนี้ แม้จะมีอะไรอยู่รอบตัวเยอะแยะ แต่จะหาอะไรดีๆ เสพสักที นี่ต้องค่อยๆ คิด ค่อยๆ งมหากันเหมือนกันนะ ..ข้าพเจ้าไปแอบอ่านหนังสือคู่มือเกมปลูกผักของหลาน...เป็น game boy ที่ดีมากๆ ภูมิใจหลานเรารู้จักเลือกอ่าน เลือกทำอะไรที่มีประโยชน์อ่ะ


โดย: Life's like that (Life's like that ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:10:58:31 น.  

 
ตอนเด็กๆอ่านนิทาน เพราะพ่อกับแม่ขยันซื้อให้อ่านเป็นกอง
วันดีคืนดี มีน้องลูกของเพื่อนพ่อมาบ้าน ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน
แม่ก็เลยยกนิทานทั้งกองให้ไปอ่านต่อที่บ้านเขา
เราเลยงอนที่บ้านไปหลายวัน

ที่ชอบสุดคือ ปิดเทอม เพราะจะได้ยืมหนังสือห้องสมุดมาอ่านได้ตามชอบใจ
ไม่ต้องห่วงเรื่องตื่นเช้าไปโรงเรียน
ก็อ่านหมด ตั้งแต่เรื่องแปลของเด็ก ขยับไปจนผู้ใหญ่
รวมทั้งหนังสือในตู้ที่บ้าน เรื่องการเมืองยุคเก่าๆ
ชุลมุนวุ่นวายกันมาหลายยุค
พ่อถามว่าอ่านรู้เรื่องจริงเหรอ มีถามทดสอบด้วย


เห็นคุณ Q อ่านว้าวุ่น แล้วอดนึกถึงเพื่อนไม่ได้ทุกที
เธอเล่นอ่าน ขอชื่อสุธีสามสี่ชาติ ในห้องเรียน
แล้วหัวเราะกิ๊กกั๊กๆ ไม่เลิก
โดนอาจารย์ปาแปรงลบกระดานใส่
โชคดีอาจารย์ปาไม่ถึง ตกแถวหน้าๆซะก่อน
ไม่งั้นคงเสี่ยงโดนหัวเราด้วย เพราะเธอนั่งแถวหลังเรา


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:11:24:48 น.  

 
คิดถึงจัง


โดย: พี่หมูน้อย วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:2:21:39 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณ Q.NUH

หนังสือ Siddharta ของ Hermann Hesse นี่ก็เล่มโปรดของเราเหมือนกันค่ะ เล่มนี้อ่านทั้งภาษาไทย อังกฤษ แล้วก็ต้นฉบับภาษาเยอรมันค่ะ ... ตอนเด็กๆอ่านการ์ตูนของฟูจิโกะ ฟูจิโอะ แล้วก็อีกหลายๆอย่าง โชคดีค่ะที่ทางบ้านสนับสนุนให้อ่านมาตลอด ^^

เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณครูสอนสังคมบอกค่ะ


โดย: discipula วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:3:20:21 น.  

 
หนูQ...ราโมน่าก้อน่าจะไม่พลาดหนา




อ่านเรื่องของหนูวันนี้ พี่นึกถึงว่าเราอ่านหนังสือคล้ายๆกันจัง


แต่พี่จะชอบวรรณกรรมแปลมากกว่า

The Reader ...อ่านไป2-3รอบ ตอนนี้รอดูหนังค่ะ



อ้อ...อ่าน ต๊ะ ท่าอิฐ บ้างไหมเล๊า

ไม่ทราบว่ายังเขียนอยู่ไหมหนอ...


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:11:02:23 น.  

 
เพลงน่ารัก my life is su su su sugar aha...ฟังได้ที่นี่ที่เดียว


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:11:05:08 น.  

 
ผมชอบอ่านหนังสือ เพราะน้องสาวครับ ตอนเด็กเธอชอบอ่านการ์ตูนโดเรมอน แมวไมเคิล อ่านไปทานขนมไป เราเห็นบ่อยๆก็ลองทำมั่ง ก็เลยชอบอ่านหนังสือตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขายหัวเราะเนี่ยแต่ก่อนซื้อประจำ จนมีลูกสาวอายุสิบเอ็ดขวบ บอกอยากอ่านขายหัวเราะ เลยเอาที่สะสมไว้ไปให้อ่าน หลานก็อ่านด้วย พอเห็นพ.ศ.ที่พิมพ์แล้วตกใจ น้าๆๆ หนังสือแก่กว่าหนูอีก (หลานอายุ 16 ปี)ที่บ้านหนังสือเยอะมาก แต่หลังๆนิสัยชักเสียไม่ค่อยชอบอ่านแล้ว มีอะไรต้องทำเยอะ จะอ่านเฉพาะที่ชอบจริงๆ นอกนั้นเป็นการซื้อมาสะสม หรือเก็บไว้เฉยๆเพื่อความสบายใจ ไม่รู้ชาตินี้จะอ่านหมดไหม


โดย: walkerahead (Walkerahead ) วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:22:14:04 น.  

 
รูปประกอบสวยมากเลยค่ะ

หนูก็เป็นเด็กที่โตมากับการ์ตูนเหมือนกัน จำได้ว่าตอนเด็กๆ อ่านหนังสือไม่ออกก็พยายามเอาขายหัวเราะ - มหาสนุกไป"ทำท่าว่าอ่าน" (ความจริงคือดูรูป ฮ่าๆ) พออ่านหนังสือออกปุ๊บก็อ่านหนังสือในที่มืด/ นอนอ่านหนังสือ ซะจนสายตาสั้นตั้งแต่ป.2 - -""


ตอนนี้ก็ชอบอ่านหนังสืออยู่ค่ะ โดยเฉพาะการ์ตูนญี่ปุ่น ส่วนนิยายญี่ปุ่นนี่ก็อ่านเป็นบางเรื่องค่ะ เพราะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ (โอตสีอิจิ นี่เป็นนักเขียนคนโปรดเลย) เหอๆ นิยายไทยก็อ่านบ้าง นิยายฝรั่งก็อ่านบ้าง ส่วนใหญ่แล้วจะชอบนิยายญี่ปุ่นมากกว่าค่ะ แต่หนังสือเรียนนี่ ถ้าไม่ใช่วิชาที่ชอบ จะไม่ค่อยชอบอ่านเลยค่ะ - -" ทำให้ไฟลนก้นเวลาจะสอบทุกที

ปล* ความใฝ่ฝันตอนเด็กๆของหนูตลกมากเลยค่ะ มันคือการได้ทานมาม่าไป อ่านการ์ตูนไปด้วย ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นถึงมองว่ามันเท่ห์สุดๆก็ไม่รู้


โดย: aritsumemoon IP: 203.131.208.115 วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:22:04:33 น.  

 
อ่า....การ์ตูนพี่ Q แต่ละเรื่อง รู้รุ่นเลยครับ อิอิ

ผมก็ชอบอ่านการ์ตูนเหมือนกันพี่ ตั้งแต่เด็กจนโตยังคงอ่านอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้ยังหยิบการ์ตูนเก่าๆมาอ่านอยู่เลย ^^"

ผมว่านิสัยรักการอ่าน ต้องมาจากตัวเด็กเองจริงๆนะครับ อ่านอะไรก็ได้ ขอให้อ่านเถอะ มีประโยชน์ทั้งนั้น :-)


โดย: Tony Koon IP: 58.9.198.27 วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:22:41:07 น.  

 
อ่านบลอคคุณคิวแล้วเหมือนนั่งไทม์แมชชีน
แต่ก่อนเรายังไม่เข้าร.ร.จำได้ว่าเห็นแบบเรียนภาษาไทยของพี่มีเรื่องเมขลาแล้วสนใจมากแต่อ่านไม่ออก ขอให้พี่อ่านให้แต่พี่ขี้เกียจเลยไม่ยอมอ่าน เสียใจ+โกรธพี่ชะมัด -_- อยากอ่านพวกหนูจ๋า ชัยพฤกษ์ ขายหัวเราะก็อ่านไม่ออก พออ่านหนังสือออกแล้วเลยตะบี้ตะบันอ่านมันหมดเลย แล้วก็ไม่ผิดหวังเพราะเราชอบแบบเรียนภาษาไทยมากเลย นึกถึงเรื่องการผจญภัยของผ้าขี้ริ้ว แต่ก่อนชอบมาก เดี๋ยวนี้หาอ่านไม่ได้แล้ว เสียดายจัง อย่างเรื่องของเจ้ามอมนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ลืมค่ะ ช่วงนั้นยังเด็กไม่ค่อยสุขทุกข์อะไร แต่บรรยากาถ้อยคำในเรื่องมันเรียกน้ำตาได้เลย

การ์ตูนญี่ปุ่นนี่เริ่มอ่านจากการ์ตูนพวกขวัญผวาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วถึงค่อยเขยิบมาการ์ตูนผู้ชายอย่างพวกหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ อ่านการ์ตูนผู้หญิงครั้งแรกรู้สึกจะปาเข้าไปป.3 เรื่อง จอมแก่นแก้วฮิเมโกะ สนุกดีค่ะ แต่ยาวมากกก จบชุดรู้สึกจะ 50 กว่าเล่ม ตามเก็บบ่ไหว -_- พวกพี่ๆ เราชอบงานของอ.อาดาจิมาก มีเก็บยกชุดเลย รู้สึกว่าหยิบเรื่องไหนมาอ่านก็ยังสนุกได้อีก แม้จะไม่ชอบพวกกีฬาเบสบอลแต่ก็อ่านได้เรื่อยๆ เลย คำสาปฟาโรห์นี่ลุ้นมากกว่าพระเอกนางเอกจะลงเอยกัน นึกว่าจะจบแล้วที่ไหนได้ป่านี้ยังไม่จบเลย -_- พอๆกะเรื่อง หน้ากากแก้ว ไม่รู้คุณคิวอ่านหรือป่าว ป่านนี้เล่ม 43 ยังไม่ได้เห็นเลย T^T

งานนักเขียนไทยชอบหลายเรื่องเลย แต่ไม่ค่อยตามเก็บงานคนไหนเป็นพิเศษ อ่านไปเรื่อยๆ แต่อ่านชีวประวัติกับประวัติศาสตร์ย้อนยุคมากหน่อย เหมือนเปิดโลกที่ยังไม่เคยเห็นดี

ย้อนกลับไปอ่านอีกที โห รั่วได้เพียงนี้ จบดีกว่า
คุยเรื่องหนังสือนี่ไม่จบจริงๆ ด้วยค่ะ


โดย: Hobbit วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:17:52:09 น.  

 
มีเรื่องมิ้นให้เขียนถึง แต่ช่วงนี้ยุ่งเป็นบ้า แปะโป้งไว้ก่อน มีเวลาจะเล่าให้ฟังค่ะ




โดย: Q.NUH วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:21:14:31 น.  

 
ทำให้นึกถึงอดีตเลยค่ะ อ่านการ์ตูนเป็นของว่าง จะอ่านหนังสือสอบ ยังต้องมีการ์ตูนไว้อ่านพักเบรค คลายเครียด "ไซเฟอร์" เป็นหนึ่งในการ์ตูนที่ชอบในสมัยนั้น รู้สึกว่าคนเขียนวาดตัวการ์ตูนออกมาสวยจัง



โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.33.189 วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:23:45:21 น.  

 


หันซ้ายแลขวา รู้สึกว่าเราจะเห่อไปหรือเปล่านะ
ถ้าจะรีบเอาความสุขมาส่งให้ก่อน
ก็เดี๋ยวเผื่อช่วงปีใหม่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แล้วเราก็อาจจะไม่ได้เข้ามานี่นา
ส่งความสุขให้จขบ. รับไว้ด้วยนะคะ
เอว่าแต่ จะไม่เขียนอะไรส่งท้ายปีเก่าหน่อยเหรอคะ
อ่านหนังสือไปหลายเล่มแล้วนะเออ
^^





โดย: I am just fine^^ วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:14:25:46 น.  

 
ไม่สนุกเลย แต่ก็ แตงค์เพราะมันเป็นการบ้าน


โดย: หนูน้อยชมเทพ IP: 119.42.82.134 วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:21:17:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Q.NUH
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




.
.
. .
Friends' blogs
[Add Q.NUH's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.