LIFE GOES ON~
Group Blog
 
All blogs
 
~...คิด และ พูด...~

จากblogเก่าๆ ที่เคยสัญญากาดอกจันไว้ว่าจะเขียนเรื่อง "การที่คนเราไม่พูด ใช่ว่าจะไม่คิดอะไร" ทิ้งร้างไว้นานจนลืมๆความรู้สึกตอนนั้นไปแล้ว จนมีdie heart fanชื่อคุณหมูดีมาทวงว่าอยากอ่านมุมมองของดิฉันเรื่องนี้ เลยมานั่งทบทวนแล้วเขียนออกมาได้ดังนี้...

เมื่อก่อนดิฉันเป็นคนคิดแล้วพูดเลยนะ พูดตรงมากด้วย แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นคิดแล้วไม่ค่อยพูดหรือคิดแล้วก็คิดต่อไปอีกชั้นว่าถ้าพูดแล้วจะเป็นยังไง สุดท้ายก็เลยไม่ค่อยเหลือเรื่องให้พูด (แต่ถ้าได้พูดก็ยังเป็นคนที่พูดตรงมากอยู่เหมือนเดิม) ...ก็ขอโยนให้เป็นเรื่องของการเรียนที่ทำให้เป็นคนพูดตรงแล้วกัน เพราะสมัยเรียนนั้นงานทุกชิ้นที่เราทำจะต้องเอามาขึ้นกระดานหน้าห้องแล้วให้ทั้งอาจารย์และเพื่อนๆวิจารณ์ เพราะฉะนั้นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะต้องพูดสิ่งที่คิดออกมา ทั้งชมเชย และติติง ชี้ข้อเสีย สอบถามข้อสงสัยต่างๆ ...แล้วนิสัยแบบนี้ก็ติดตัวมาอีกหลายปี

พอโตขึ้น อยู่ร่วมกับคนอื่นๆในสังคม ไอ้นิสัยพูดแรง พูดตรงนี่บางครั้งมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นนะ แถมจะทำให้มันแย่ลงซะด้วยซ้ำ ก็เลยสงบปากสงบคำมากขึ้น เจออะไรไม่พอใจก็เฉยบ้าง โวยบ้าง แล้วแต่อารมณ์ เฉยอย่างเดียวก็เก็บกดตายน่ะสิ แต่จะพูดไปเรื่อยติโน่นตินี่ก็ดูจะขาดวุฒิภาวะมากไปหน่อย ...ก็ต้องใช้ทั้งเวลาและจำประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีมาปรับปรุงตัวเองค่ะ อะไรที่เคยพูดออกไปแล้วมาเสียใจทุกครั้งที่นึกถึงก็จำเอาไว้ กัดปากตัวเองเอาไว้ อย่าให้ได้หลุดคำพูดแบบนั้นออกมาอีก อะไรที่พูดออกไปแล้วเรายิ้มๆ คนรอบข้างยิ้มๆ อืม...นั่นแหล่ะ ใช้ได้...^^

คุณหมูดี... ถ้าตอนนี้มีเรื่องในหัวมากนัก ก็เอาแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนแล้วกัน ลองแยกว่าอะไรต้องพูด อะไรช่างมัน เคยให้คำปรึกษาพี่คนนึงที่ออกจะคิดมากซักหน่อย เค้ามักจะมาถามว่าพี่ไปเคลียร์เลยดีมั้ย? ไปถามให้รู้เรื่องเลยดีมั้ย? ก็ตอบว่า "เอางี๊นะพี่ ถ้าพี่คิดว่ายังต้องพบเจอ ร่วมงานกันต่อไป พี่ก็เคลียร์ซะ แต่ถ้าจะไม่ต้องเจอ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกต่อไปแล้ว ก็ช่างมันเหอะ ไม่ต้องไปเคลียร์หรอก เค้าจะคิดยังไง เข้าใจถูกผิดยังไงก็ไม่มีผลกับเรา"

เรื่องที่คิดว่าถ้าเป็นคนที่คิดแล้วพูดๆๆๆ ออกไปแล้วมันจะโล่งหัว โล่งใจ ดิฉันว่ามันเป็นบางเรื่องนะ บางเรื่องพูดแล้วอธิบายให้คนอื่นเข้าใจดีขึ้นก็โอเคอ่ะ แต่บางเรื่องพูดไปแล้วเราอาจจะโล่ง แต่คนอื่นรู้สึกแย่ก็ไม่ไหว หรือเรื่องที่พูดแล้วมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องพูด (อันนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องที่มันมีถูกหรือผิดเข้ามาเกี่ยวนะคะ)

หลายครั้งที่มีเรื่องงอนๆ ไม่พูดกับเพื่อน พอนานๆเข้าก็จำไม่ได้ว่าใครงอนใคร จำไม่ได้ว่างอนกันเรื่องอะไร พอกลับมาคุยกันก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องที่งอนกันอีก ไม่เคยกลับไปหาเหตุ ไม่เคยเคลียร์ ปล่อยมันผ่านไป แค่ตอนนี้คุยกันเหมือนเดิมก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาแจกแจงเรื่องที่เราชอบ ไม่ชอบในตัวของกันและกัน คบกันไป ปรับตัวกันไป เพื่อนคนไหนมากไปก็ค่อยๆห่างๆไป

น้าคนนึงของดิฉันเคยบอกว่า ถ้าเจอคนที่ใส่เสื้อผ้าไม่สวยเลย แต่งหน้าเข้มไป รองเท้าไม่เข้ากับกระเป๋า เราก็เริ่มทักเค้าด้วยคำว่า "ต่างหูสวยดี" มันหมายถึงเรามองเห็นทั้งด้านที่ดีและไม่ดีในตัวคนคนนึง แต่เราเลือกได้นี่ว่าจะพูดด้านไหนออกมา เลือกที่จะพูดในสิ่งที่ทำให้เราและเค้าสบายใจ เลือกที่จะพูดแต่ข้อเสีย (โดยไม่ได้มาจากความเมตตา เพื่อให้แก้ไข) หรือสุดท้าย ถ้าเลือกที่จะพูดในด้านดีไม่ได้ การเงียบคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

อีกกรณีนึง ถ้าเป็นเรื่องระหว่างคู่รักคงต้องพูดกันชัดๆไปเลยล่ะมั้ง จะมัวมาคิด มาน้อยใจคนเดียวว่าทำไมไม่อย่างนั้น ทำไมเป็นอย่างนี้ แต่ไม่พูด แล้วใครจะไปรู้ ไม่ใช่หนังสือการ์ตูนนี่ที่เวลาคิดอะไรจะได้มีก้อนกลมๆ ลอยอยู่บนหัวให้อ่านได้

ไม่รู้ว่าที่คุณหมูดีบอกว่ามีเรื่องคิดมากมายในหัว มันเป็นเรื่องอะไรบ้าง แต่ดิฉันว่าเรื่องพูดหรือไม่พูดนี่คงแล้วแต่คน แล้วแต่กรณี ไม่มีทางออกสำเร็จรูปหรอกมั้ง???

เรื่องคิดและพูดนี่พอดีกว่า! ยิ่งเขียนยิ่งออกทะเล... วันนี้สมาธิกระเจิดกระเจิงยังไงไม่รู้?








อยากพูดถึงเพลงนี้



"Like a child"

After saying you love me when you accept me
I say to myself confidently that I have nothing else I need
Although I am embarrassed of my growing greed
I worry thinking about you all day and night

I am very jealous (like a child)
I have lots of fears (like a fool)
I can't believe that right now you are next to me
smiling at me

It is too good and too overwhelming
I am so happy that it's overwhelming to me
I fear that when I open my eyes everything will disappear
I can't fall asleep

I want to give you (everything)
I want to feel (your heart)
Like others I want to share everything with you
I feel anxious, I feel nervous
That everything will disappear I am worried

Laugh in front of me (like a child)
Cry in my embrace (like a fool)
Let me feel the love again in my life
Please believe me, give me strength
When I open my eyes The first word I want to say is
Thank you so much

You are here by my side Like a dream
Its you who gives "US" as a present
I love you


เพลงเกาหลี คนร้องชื่อ Kim Dong Ryul ดิฉันไม่รู้จักและไม่เคยฟังเพลงเค้ามาก่อน แต่บังเอิญว่าชอบ Alex Chu หนึ่งในสมาชิกของ >>Clazziquai Project<< (เคยเอาเพลงของClazziquaiมาใส่ในblogบ่อยๆ เพลงภาษาเกาหลีปนๆอังกฤษที่เคยได้ยินนั่นแหล่ะค่ะ) เพลงนี้ในอัลบั้ม Alexเป็นคนร้องประสานให้ ไปเจอ>>คลิปแสดงสดในyoutube<<แล้วมีคนแปลเนื้อเป็นภาษาอังกฤษไว้ด้วย กับอีกคลิปเป็น >>MV<< คำแปลต่างกันนิดหน่อย(ดิฉันว่าแปลดีกว่า) เนื้อเพลงก็หวานๆดี อ่านเนื้อที่แปลแล้วในคลิปแสดงสดยังไม่รู้ว่า "แล้วมัน..like a child..ตรงไหน?" จนมาอ่านเนื้อที่แปลในคลิปที่เป็นMVถึงได้รู้ และนอกจาก "I love you" แล้วคำที่ฟังแล้วซาบซึ้งไม่แพ้กันคงเป็น "ขอบคุณ" (ความเห็นส่วนตัวนะคะ)

ตอนนี้Alex ออกอัลบั้มเดี่ยวมาแล้ว เป็นบัลลาดหวานๆธรรมดา ไม่น่าสนใจเท่าสมัยเป็นClazziquai ไม่ถูกจริตก็เลยไม่ฟัง อีกงานของAlexคือไปเป็นดีเจรายการวิทยุชื่อ Blue Night สามารถฟังออนไลน์ได้ แต่ก็ไม่เคยฟัง จะให้เปิดรายการเพื่อฟังเสียงดีเจอย่างเดียว...มันก็ไม่ใช่เรื่องนะ...^^

ปกติไม่ค่อยพูดถึงเรื่องเพลงหรือบอกรายละเอียดคนร้อง แต่วันนี้อยากเล่า เพราะ...ดิฉันชอบแมวของAlex...^^





Create Date : 24 ตุลาคม 2551
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:39:43 น. 8 comments
Counter : 506 Pageviews.

 
คลิกเข้ามาตอนที่ยังต้องนั่งปั่นงานเย็นวันศุกร์
ที่สุขไม่ค่อยเยอะนัก แถมฝนตกอีกต่างหาก

เข้ามาฟังเพลง (เศร้าซ๊ะ) แล้วย่องออกไปก่อน

ขอบคุณนะคะ
แต่เดี๋ยวจะมานั่งอ่านรายละเอียดอีกทีค่ะ ^^


โดย: moodee IP: 203.121.139.98 วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:19:10:13 น.  

 
เขียนอะไรห่วยๆออกมาวะเนี่ยฉัน...

ปล. สมาธิยังกระเจิดกระเจิงเหมือนเดิม


โดย: Q.NUH วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:10:30:18 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ
ปล* ชอบแมวเหมือนกันค่ะ น่ารัก ~~


โดย: a r i t s u m e m o o n วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:20:30:07 น.  

 
"ถ้า[..]คิดว่ายังต้องพบเจอ ร่วมงานกันต่อไป [..]ก็เคลียร์ซะ แต่ถ้าจะไม่ต้องเจอ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกต่อไปแล้ว ก็ช่างมันเหอะ ไม่ต้องไปเคลียร์หรอก เค้าจะคิดยังไง เข้าใจถูกผิดยังไงก็ไม่มีผลกับเรา"

^
^

ดีจังค่ะ จะจำไว้และนำไปใช้บ้าง

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีดีนะคะ

มีความสุขมากมากค่ะ


โดย: discipula วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:4:44:50 น.  

 
รู้สึกนับวันพูดน้อยลงเพราะมีอะไรที่เราไม่ควรจะพูดออกมาเต็มไปหมดเลย ถ้าต้องเลือกจะโกหกหรือเลือกพูดความจริง คงต้องขอเลือกที่จะเงียบแทน เพราะดูจะขัดแย้งกะชาวบ้านน้อยหน่อย ^^"

เพลงเพราะดีนะคะ
ส่วนแมว น่ารักมากกกก


โดย: Hobbit วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:12:52:00 น.  

 
หลายๆเรื่อง ปล่อยให้เลยตามเลย...ได้ค่ะ


แต่เดี๋ยวนี้สงสัยพี่ สวพูด หรือ บอก



ช่างล่ะ เราคิดเองว่า หวังดี

ไม่ได้ให้ร้ายเขา ก้อจะบอกไป...



วันนี้มีข้อความ รักนะคนโง่


หลานสาวพี่เอง...ฮ่วย


โทรกลับไปถามเขาบอกว่า


หนูหา ไอ้ตัวที่เหมือนเลข 8 ไทยไม่เจออ่ะป้าแหม๋ว


เออ...ป้าเลยกลายเป็นคนโง่ ทีหลังเขียนว่า


รักนะป้าโง่ ก้อได้


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:14:08:57 น.  

 
จริงๆแล้วประสบการณ์ในการใช้ชีวิต
ช่วยสอนให้เรารู้จักปรับตัวในการคิดและพูด

เมื่อก่อนตอนอายุน้อยๆ ก็พูดทุกอย่างที่คิด
แต่ตอนนี้(พยายาม)คิดทุกอย่างก่อนจะพูดค่ะ

แมวน่ารักมากๆค่ะ


โดย: nanida วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:11:15:32 น.  

 
ขำก้อนกลมๆบนหัวของการ์ตูนที่บอกว่าเราคิดอะไร

ถ้าทุกคนเดินไปเดินมาแล้วมีก้อนกลมๆแบบนี้ลอยอยู่ในอากาศ คงไม่รู้จะอ่านอะไรก่อนดี
ท่าทางจะตีกันจนไม่รู้ว่าใครคิดอะไร


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:12:45:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Q.NUH
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




.
.
. .
Friends' blogs
[Add Q.NUH's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.