LIFE GOES ON~
Group Blog
 
All blogs
 

~...กลับจากทะเลแล้ว..แล้ว...แล้ว....แล้ว.....~

กลับมาแล้วค่ะ กลับมารับผลแห่งเหตุที่อยู่ๆก็หายไปหัวหินซะ 3 วัน...^^" งานยุ่งหัวหมุน ยังดีที่ชาร์จแบตมาเต็ม นี่ถ้าแบตอ่อนคงเดี้ยงไปตั้งแต่ครึ่งวันแล้ว

สามวันที่หัวหิน ได้ทำอะไรๆที่ควรทำเวลาไปทะเลแล้ว ทาครีมกันแดด (เพื่อนถามว่าไม่มีครีมกันแ_กติดมามั่งเหรอ? เออ...ฉันก็อยากให้มันมีขายเหมือนกันแหละ) เล่นน้ำ นั่งริมหาด นินทาหุ่นฝรั่งใส่บิกินี่ ไปกินอาหารทะเล กินไอติมที่ตลาดโต้รุ่ง (กินกะปิหวานแทนให้แล้วนะคะคุณฮันนี่ แต่ไม่เจอร้านกาแฟเปิดใหม่ค่ะ) นอนตื่นสาย ถ่ายรูปท่าประหลาดๆ ...และอีกหลายๆอย่าง อ้อ...วาดรูปนี้มาด้วยค่ะ




มีเรื่องผิดพลาด ไม่ได้มุข ไม่ได้หาเรื่องมาเล่า แต่...ดิฉันลืมเอาสตางค์ไป! ดิฉันไม่มีกระเป๋าสตางค์ แต่ใช้ที่หนีบแบงค์ ตอนที่เตรียมของก็เอาใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กไว้แล้ว แต่พอเช้าวันเดินทาง รู้สึกว่าข้าวของมันเยอะแยะรุงรังเกินไปเลยเปลี่ยนใจไม่เอากระเป๋าสะพายไป ก็ย้ายของออกมาใส่กระเป๋าใหญ่ และดิฉันก็ลืมเอาสตางค์ที่อยู่ในช่องที่มีซิปออกมา...เวร!

กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อไปถึงที่พักเข้าห้องเรียบร้อย ว่าจะเอาสตางค์ออกมาให้เพื่อนเป็นคนถือแล้วจ่ายทุกอย่างให้ แต่หาสตางค์ไม่เจอ ที่รอดจากบ้านมาถึงหัวหินได้นี่เพราะมีกระเป๋าใบเล็กที่ใส่เศษเหรียญกับแบงค์เล็กๆ นับรวมกันได้สามร้อยกว่าบาทติดตัวมาด้วย ตอนซื้ออะไรระหว่างทางก็เปิดเอาในนี้ใช้ เล่าให้เพื่อนที่ไม่ได้ไปด้วยฟัง เพื่อนถามว่าไม่อึดอัดเหรอ ไม่มีเงินติดตัว ดิฉันตอบว่าไม่รู้สึกอะไรเลย สบายดี...

สรุปว่าตลอดทริปนี้เพื่อนเป็นคนจ่ายทุกอย่าง ตอนแยกกันกลับบ้าน ตบไหล่แล้วบอก...ขอบใจนะ เพื่อนไม่ตอบ แต่จดหมายเลขบัญชีกับยอดเงินส่งให้แทน ...แกอ่ะ! ใจร้าย...TT_TT~

เอาล่ะ... กลับไปหัวหมุนรอบบ่ายต่อแล้วค่ะ


โฮะ...โฮะ...แบตเต็มค่ะ แบตเต็ม...เย่!




 

Create Date : 24 มีนาคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:47:28 น.
Counter : 665 Pageviews.  

~...เตรียมตัวไปทะเล..เล...เล.....เล.......~

ศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์นี้ดิฉันจะไปหัวหินค่ะ ก็เลยต้องจัดของกันหน่อย



เริ่มจากของใช้จำเป็น





และสิ่งที่ขาดไม่ได้




ครบแล้ว...^^



((( เอ.....~ เหมือนลืมอะไรไปอย่างนึงนะ? )))






 

Create Date : 20 มีนาคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:47:50 น.
Counter : 498 Pageviews.  

~...ตัดช่องน้อยแต่พอตัว...~

ตอนนี้บ้านเพื่อนดิฉันสร้างใกล้เสร็จแล้ว สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเราก็เลยไปเดินซื้อพวกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวกัน (เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวก็หมายถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ใช่built-inนั่นแหละค่ะ...^^") ดิฉันแฮปปี้มากที่ได้ซื้อซะที เพราะก่อนหน้านี้ดิฉันไปช่วยดูกับเพื่อนทุกร้าน ทุกยี่ห้อ ทุกที่ๆมีเฟอร์นิเจอร์แล้ว...เบื่อสุดๆ ไม่ใช่เบื่อที่ไปเดินดู แต่เบื่อที่เพื่อนเลือกไม่จบซะที ตัดสินใจไปแล้ว แต่พอเจอแบบใหม่ก็เปลี่ยนใจ เจอแบบใหม่กว่าก็เปลี่ยนใจอีก...เฮ้อ

มันก็เหมือนการทำอะไรซ้ำๆนั่นแหละค่ะ ...เห็น ---> ถูกใจ ---> เลือก... แต่แทนที่มันจะจบแค่นั้นแล้วไปจัดการอย่างอื่นต่อ มันกลับมาวนเวียนที่ ...เห็น ---> ถูกใจ ---> เลือก... ...เห็น ---> ถูกใจ ---> เลือก... ...เห็น ---> ถูกใจ ---> เลือก... กับของสิ่งเดียวไม่จบซะที มันเสียเวลาและที่สำคัญพอเราเปลี่ยนอะไรซักอย่าง ส่วนอื่นๆมันก็ต้องเปลี่ยนไปด้วยไม่มากก็น้อย ดิฉันเลยดีใจที่ถึงเวลาตัดสินใจซื้อซะที จะได้ไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจอีก...^^ เย่!

อาทิตย์ที่แล้วนอกจากโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ยี่ห้อต่างๆแล้วเรายังไปวัดสวนแก้วกันด้วยค่ะ เป็นที่ที่เพลิดเพลินทีเดียวสำหรับคนที่ไม่รังเกียจของเก่า เพื่อนดิฉันได้โต๊ะทานข้าวไม้สักแบบพับและกางออกได้สองข้าง เท่มากๆ (ดิฉันเลือกให้เองแหละ...อิ๊...อิ๊...) กับcounter barไม้สักทำสีเดียวกับโต๊ะทานข้าว แล้วยังได้เก้าอี้ไม้สักแบบไม่มีพนักพิงเอามาเป็นเก้าอี้ทานข้าวอีกตัว ส่วนดิฉันได้เก้าอี้ทำงานคุณภาพดี ราคาถูกมากๆมาตัวนึง และถูกใจมากกับฉากกั้นห้องไม้สักแบบโปร่งๆ แต่ไม่ได้ซื้อมาเพราะมันไม่เข้ากับบ้านดิฉัน ...ดิฉันนึกภาพออกเลยนะว่ามันเหมาะที่จะวางในบ้านแบบไหน

ส่วนเก้าอี้ทานข้าวเราไปดูของ index เป็นม้านั่งยาวแบบนั่งได้สองคน เบาะนั่งเป็นหนังสีดำขาสแตนเลส 1 ตัว กับม้านั่งขาไม้เบาะหนังสีดำ 1 ตัว สรุปว่าถ้าทานข้าวคนเดียวก็กางโต๊ะออกมาด้านเดียว แต่ถ้ากางทั้งสองด้านจะนั่งได้ 4 คน ข้างละสอง และเก้าอี้แต่ละตัวไม่เหมือนกันเลย...เหมาะกับบุคลิกเพื่อนดิฉันมากๆ และวันอาทิตย์นี้เรามีนัดกันอีกค่ะ ที่หมายคือสวนจตุจักร วัดสวนแก้วและงานเฟอร์นิเจอร์ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี...ไปด้วยกันมั้ยคะ?





อีกเรื่องนะ...

ดิฉันอยากเล่าเรื่องเล็กๆที่มันรบกวนจิตใจและสั่นคลอนคุณธรรม จริธรรม ความคิด ความเชื่อและ...ฯลฯ...(เว่อร์!) ของดิฉันมากๆ คือเยื้องกับบ้านจะมีร้านขายอาหารตามสั่งที่ดิฉันฝากท้องไว้ประจำอยู่ร้านนึง ปกติดิฉันจะเดินข้ามไปสั่งอาหาร บางครั้งก็รอถือจานเดินกลับมาทานที่บ้าน บางครั้งถ้าคิวยาวก็กลับมารอที่บ้าน เดี๋ยวเด็กที่ร้านก็เอามาส่งเอง เรื่องเงินค่าอาหารบางทีก็จ่ายไว้ตั้งแต่ตอนสั่ง บางทีก็จ่ายไปกับเด็กที่มาส่งอาหาร ดิฉันไม่เคยจำว่าค่าอาหารแต่ละอย่างมันราคาเท่าไหร่ คิดมาแค่ไหนก็แค่นั้น

วันนึงเด็กมาส่งอาหารที่บ้าน เป็นข้าวผัดกับต้มจืดเต้าหู้หนึ่งถ้วย ค่าอาหาร 80 บาท ดิฉันให้แบงค์ยี่สิบไป 4 ใบ แต่เธอกลับขอแลกแบงค์ยี่สิบใบนึงเป็นเหรียญสิบบาทสองเหรียญ o_O!?! ดิฉันว่ามันไม่มีเหตุผลนะ แต่ก็ให้แลกไป แล้วเก็บความแปลกใจไว้ อีกวันดิฉันเดินข้ามไปสั่งข้าวผัดกับต้มจืดเต้าหู้เหมือนเดิม แต่คราวนี้รอเอามาเอง พออาหารเสร็จก็ถามราคาเพื่อที่จะจ่ายสตางค์ น้าแก้วเจ้าของร้านบอกว่า 70 บาท!

อืม...นี่ล่ะมั้งเหตุผลของเหรียญสิบบาทสองเหรียญ แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดสำหรับดิฉันเลยนะ...

เด็กที่มาส่งอาหารผิดมั้ย? - ในความคิดของดิฉัน ...ผิดแน่ๆ

แล้วเราจะทำยังไง - บอกน้าแก้วดีมั้ยว่าลูกน้องเค้าแอบบวกเพิ่มกับลูกค้า

บอกแล้วจะเป็นยังไง - ถ้าน้าแก้วโกรธแล้วไล่ลูกน้องออก...ใครจะช่วยงานน้าแก้ว?
- ถ้าลูกน้องน้าแก้วโกรธที่โดนจับได้แล้วออกไป...ใครจะช่วยงานน้าแก้ว?

เด็กคนนี้ทั้งทำอาหารและดูแลร้านตอนที่น้าแก้วไม่อยู่ เรียกว่าเป็นแม่ครัวมือสองทำแทนได้ทุกอย่าง ลูกน้องแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีเด็กคนนี้ช่วยซักคนน้าแก้วคงเดือดร้อนแน่ๆ... ดิฉันก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เพราะเรื่องนี้มันขัดกับความคิดของดิฉันจริงๆ ถ้าเป็นลูกน้องดิฉันเอง ดิฉันคงไม่ลังเลที่จะเรียกเค้ามาพูดตรงๆว่าถ้าทำอย่างนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่ เค้าเป็นลูกน้องคนอื่นและเห็นชัดว่าขาดเค้าไปแล้วมันจะวุ่นแค่ไหน

สิ่งที่รบกวนจิตใจไม่ใช่ที่ดิฉันต้องเสียเงินเพิ่มอีกสิบบาท แต่ดิฉันจะปล่อยให้ความไม่ซื่อสัตย์นี้มันผ่านไปเฉยๆจริงๆเหรอ? ...มันไม่ถูกต้องอ่ะ

ทุกวันนี้ดิฉันหาทางออกให้ตัวเองด้วยการเดินข้ามไปสั่งอาหารแล้วจ่ายสตางค์ที่ร้านเลย แต่มันก็เป็นทางออกที่ "ตัดช่องน้อยแต่พอตัว" เป็นการเอาตัวเองรอดคนเดียว และจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย เค้ายังเป็นคนไม่ซื่อสัตย์เหมือนเดิม ลูกค้าคนอื่นๆก็ยังโดนบวกเพิ่มอีกต่อไป ดิฉันนึกไม่ออกจริงๆว่าจะทำยังไงให้มันดีกว่านี้ บางทีบางเรื่องมันก็ไม่ได้มีแค่ถูกกับผิด ขาวกับดำ แต่มันยังมีเหตุผลแวดล้อมอื่นๆ มีอะไรที่มันเป็นสีเทาๆ ที่มันทำให้เราตัดสินใจได้ยากด้วย

และเรื่องนี้คงจะรบกวนจิตใจดิฉันไปซักพักแหละค่ะ






 

Create Date : 16 มีนาคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:48:09 น.
Counter : 932 Pageviews.  

~...ดิฉันไม่ได้ใจร้ายนะคะ...จริงๆ...~

เล่าเรื่องเล็กๆแก้ขัด อ่านขำๆ(หรือเปล่า?)ไปก่อน ยังนึกเรื่องมีสาระไม่ออก...เพราะมันไม่ค่อยมี...^^


ปกติดิฉันไม่ค่อยมีปัญหากับบรรดาลูกค้าเท่าไหร่ เพราะเอาแต่ใจ ลูกค้าคนไหนชอบมีปัญหา เรื่องมาก ผิดนัด...ฯลฯ....ก็จะตัดออกไปเลย แต่เมื่อเร็วๆนี้ก็ยังมีหลุดตะแกรงร่อนตาถี่ยิบของดิฉันมารายนึงจนได้

ไม่เล่าที่มาที่ไป ข้ามไปตอนที่ดิฉันส่งลูกน้องไปเก็บเงินที่ค้างอยู่เลยดีกว่า (ฟังดูเป็นเจ้าแม่มาเฟียจังเลย...แฮะๆๆ) ลูกน้องดิฉันไปเก็บเงินทีไรลูกค้ารายนี้ก็ผลัดผ่อนเรื่อยมา อ้างเหตุผลโน่นนี่สารพัด พ่อตาตาย แม่ยายป่วย ลูกเข้าโรงพยาบาล น้องชายแปลงเพศไปเรื่อย...

ดิฉันน่ะเฉยๆเพราะเงินมันไม่ได้มากมายอะไร ตั้งใจว่าไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ลูกค้าแบบนี้ตัดทิ้งอยู่แล้ว แต่ลูกน้องดิฉันคงเห็นเป็นเรื่องสนุกที่ได้ไปเก็บเงินลูกค้าคนนี้ บางทีว่างๆก็มาบอกว่า "ไปเก็บเงินดีกว่า" พอกลับมาก็มาเล่าว่าวันนี้ไปรับทราบปัญหาครอบครัวอะไรเค้ามาอีก ฟังแล้วก็หัวเราะหึหึ ~เออหนอคนเรา ไม่มีก็บอกว่าไม่มี จะมาแต่งเรื่องทำไม ก็รู้ๆกันอยู่ทั้งคนเล่าคนฟังว่าโกหก~

ครั้งหลังสุดนี่ลูกค้ารายนั้นนัดลูกน้องดิฉันมาเอง แต่พอไปแล้วก็ไม่ได้อีกเหมือนเดิม ดิฉันรำคาญลูกน้องที่กลับมาอารมณ์เสียบ่นอะไรงึมงำก็ไม่รู้เลยบอกไปว่า...

"ไปเก็บเงินคราวหน้า ถามชื่อจริงกับนามสกุลเค้ามาด้วย เวลาไปทำบุญจะอุทิศส่วนกุศลให้ หนี้น่ะไม่ต้องใช้แล้ว"

หลังจากนั้นลูกน้องไปเก็บเงิน...ได้มาครบเลยแฮะ!...^^

ดิฉันเล่าให้เพื่อนฟัง บอกว่าฉันนี่ใจร้ายเนอะ เพื่อนบอกว่า...

"เปล่าหรอก แกไม่ได้ใจร้าย แต่แกมันกวนteen!"

"เออ...ฉันยอมรับ"




I FEEL SO GOOD~~~





 

Create Date : 04 มีนาคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:48:31 น.
Counter : 973 Pageviews.  

~...Like Mother, Like Daughter...~

เมื่อวันอาทิตย์ไปทำบุญครบรอบปีให้แม่มาค่ะ จริงๆครบ 1 ปีวันที่ 23 กุมภาแต่วันนั้นไม่ว่างก็เลยเลื่อนมาทำบุญวันอาทิตย์ที่ 24 แทน ดิฉันไปถวายเพลที่วัดกับป้า แล้วก็ขึ้นไปเปลี่ยนดอกไม้หน้าเจดีย์บนเขาที่เก็บกระดูกของตา ยายและแม่ไว้รวมกัน ก็ไม่ได้มีพิธีอะไร ไม่ได้จุดธูปด้วยซ้ำ ได้แต่ยกมือไหว้ "สวัสดี" ...ไม่รู้ซิ? ดิฉันยังมีความเชื่อแบบที่ครอบครัวเราคุยกัน ตายก็คือตาย ก็คือจบ ไม่รับรู้อะไร เพราะฉะนั้นดิฉันจึงไม่คิดที่จะจุดธูปคุยกับแม่ ได้แต่คิดในใจว่า ~ ปีนึงแล้วนะแม่ ~ มันเป็นเวลาหนึ่งปีของคนที่อยู่ค่ะ สำหรับคนที่จากไปจะครบรอบกี่ปีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


ช่วงนี้มีเรื่องที่ทำให้นึกถึงแม่อยู่บ้างเหมือนกัน...

เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนโน้นคิดว่าจะจัดการกับข้าวของในห้องตัวเองซะที แต่พอถึงวันอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำเพราะมีนัดวันเกิดเพื่อน คืนนั้นกลับมานอนแล้วฝันว่าแม่มาเก็บกวาดทำความสะอาดห้อง ก็เหมือนตอนที่เค้ายังอยู่ค่ะ เวลาห้องรกๆแม่จะไม่บอกให้ทำหรอก แต่จะกดดันด้วยการลงมือเองเลย ซึ่งมันก็ทำให้ลูกที่น่ารักอย่างดิฉันละอายใจมาก...^^" ในฝันก็เหมือนกัน ดิฉันต้องรีบลุกมาเก็บโน่นเก็บนี้ในห้องตัวเองใหญ่เลย แต่พอตื่นมาแล้วก็ขอผลัดไปก่อนแล้วกัน เอาไว้ถึงวันอาทิตย์ค่อยทำ...^^

เล่าเรื่องที่ฝันให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่า ~...เป็นฉันนะ ตื่นมาทำตั้งแต่ตีสี่แล้วแก๊...~


อีกครั้งเป็นตอนที่อินเตอร์เนตที่บ้านเพื่อนดิฉันมีปัญหา โทร.ไปcall centerแล้วก็แก้ไม่หาย เค้าก็เลยให้เบอร์ของคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงมา เพื่อนดิฉันจดเบอร์ติดต่อและชื่อเสร็จแล้วก็มายื่นให้ดิฉันแล้วบอกว่า "เค้าให้ฉันโทร.หาแม่แกว่ะ" ...บังเอิญว่าคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ชื่อเหมือนแม่ดิฉัน...

"ฉันว่าเบอร์มันผิดนะ เอาของฉันโทร.มั้ย เบอร์แม่ยังอยู่เลย"

"บ้า...~ จะไปรบกวนแม่แกทำไม แล้วถ้าโทร.แล้วมีคนรับล่ะ"

"ลองดูดิ ถามด้วยว่าสบายดีมั้ย?"

...ฮี่ ฮี่ ฮี่...




" ช่วยกัน...ช่วยกัน "



อีกเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่เคยนึกถึงเลยคือเรื่องต่างหูเพชรของแม่ ต่างหูเพชรเม็ดเล็กๆที่แม่ใส่ติดหูอยู่ประจำ ตอนที่แม่ป่วยเข้าโรงพยาบาล ดิฉันถอดออกจากหูแม่มาใส่หูตัวเองแทน แล้วก็ไม่เคยถอดมาสามปีแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะเก็บเป็นที่ระลึกอะไร แค่ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนก็เลยใส่ไว้เท่านั้นเอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ไปทำบุญให้แม่ ดิฉันใส่เชิร์ตขาว ดูเรียบไปหน่อยเลยไปหยิบเอาสร้อยหินแกะเป็นรูปสัตว์เล็กๆมาใส่ เพื่อนทักว่าไม่เข้ากับต่างหู "อืม...เพชรมันก็หินก้อนหนึ่งเหมือนกันแหล่ะเพื่อนเอ๊ย เราไปให้ค่ามันเอง"



สร้อยรวมสัตว์ของดิฉัน มีหมีด้วย...^^





ปกติแล้วดิฉันไม่ใส่เครื่องประดับ แม่ก็เหมือนกัน ต่างหูเพชรเล็กๆนี้เป็นของชิ้นเดียวที่ดิฉันรับต่อจากแม่มา อ้อ...มีพระองค์เล็กๆอีกองค์ที่ดิฉันเอาใส่มือแม่ตอนที่อาการเริ่มแย่ หัวใจเต้นช้าลง จนสิ้นใจไป ดิฉันเก็บพระองค์นั้นไว้ ส่วนของอื่นๆมีอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้ แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรซักเท่าไหร่ เพราะแม่กับดิฉันเป็นพวกไม่ชอบสะสมเหมือนกัน ดิฉันว่ามรดกจริงๆที่แม่ทิ้งไว้คงเป็นความคิดอะไรหลายอย่างในหัวดิฉันนี่แหล่ะ


Like Mother, Like Daughter

Like Father, Like Son



HA...HA...




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 7:48:57 น.
Counter : 1196 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

Q.NUH
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




.
.
. .
Friends' blogs
[Add Q.NUH's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.