Group Blog
 
All blogs
 
กับดักของข่าวดี โดย ดร.นิเวศน์


“ข่าวดี” ในแวดวงของนักเล่นหุ้นที่พบมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการที่บริษัท “ชนะ” อะไรบางอย่าง เช่น การประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการที่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานของรัฐเช่นกิจการโทร คมนาคม การชนะประมูลก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ และการชนะประมูลหรือแข่งขันซื้อกิจการของบริษัทจดทะเบียน เป็นต้น เพราะทุกครั้งที่มี “ข่าวดี” ดังกล่าว นักเล่นหุ้นต่างก็จะเข้าซื้อหุ้นไล่ราคาจนขึ้นไปสูง คนคิดว่าการที่บริษัทชนะการประมูลจะทำให้ผลประกอบการในอนาคตของบริษัทเติบโต ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แต่ความเป็นจริงก็คือ การชนะประมูลนั้น ไม่ได้แปลว่าบริษัทจะต้องมีกำไรเพิ่มในอนาคต การชนะการประมูลนั้นหมายความเพียงว่าบริษัทจะมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น มีธุรกิจมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะต้องมีกำไรเพิ่มขึ้น หรือบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นคุ้มค่ากับเงินที่จะต้องลงทุนเพิ่ม อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หุ้นของบริษัทโบรกเกอร์นั้นก็มักจะมีหลักคิดที่อิงอยู่กับความ เชื่อที่มี “หลักการอ้างอิง” และเป็น “ประโยชน์” ต่อโบรกเกอร์เองในการกระตุ้นให้คนซื้อขายหุ้น ดังนั้น นักวิเคราะห์ส่วนมากก็จะคาดการณ์ผลประกอบการที่จะเพิ่มขึ้นอย่างคนมองโลกใน แง่ดี นั่นคือ คาดว่าบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นคุ้มค่าหรือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามราย ได้ที่จะเพิ่มขึ้น ไม่มีใครบอกว่า การ “ชนะ” การประมูลหรือแข่งขันดังกล่าวเป็นสิ่งที่เลวร้ายและจะทำให้บริษัทขาดทุนหรือ จะเป็น “หายนะ” ของบริษัทในอนาคต เหนือสิ่งอื่นใด การที่ “หุ้นวิ่ง” ขึ้นไปทันทีนั้น จะให้อธิบายได้อย่างไรว่าบริษัทกำลังจะเผชิญกับ “ภัยพิบัติ” จากการชนะประมูล?

แต่สำหรับผมเอง การที่บริษัทชนะประมูลหรือชนะในการซื้อกิจการแข่งกับคนอื่นนั้น ผมไม่ได้ถือว่ามันเป็นข่าวดีเสมอไป ว่าที่จริงหลายครั้งผมคิดว่ามันเป็น “ข่าวร้าย” ของบริษัท เพราะ “ราคา” ที่บริษัทเสนอที่จะจ่ายให้กับผู้ให้ใบอนุญาติหรือผู้จ้างหรือผู้ขายนั้น “แพงเกินไป” และถ้าเป็นอย่างนั้น การ “ชนะ” และทำให้รายได้ของบริษัทในอนาคตเพิ่มขึ้นก็ไม่เป็นประโยชน์ แต่กลับเป็นโทษเพราะทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทลดลง หรือในบางครั้งทำให้บริษัทขาดทุนและกลายเป็นหายนะได้ ปรากฏการณ์ที่บริษัท “ชนะ” แต่กลับ “พ่ายแพ้” และเสียหายในภายหลังเนื่องจากการ “จ่าย” หรือ “ต้นทุน” ที่แพงเกินไปนี้เรียกกันว่า “Winner’s Curse” หรือ “คำสาปของผู้ชนะ”

ผู้ชนะต้อง “คำสาป” ได้อย่างไร? สถานการณ์อย่างไรที่มักทำให้ผู้ชนะ “ถูกสาป” ลองมาดูเหตุการณ์สมมุติว่ามีกิจการหนึ่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต เป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตและมีศักยภาพในการทำกำไรดีแต่การประเมินผลประกอบ การในอนาคตก็ไม่แน่นอน ได้ประกาศขายและเปิดให้คนมาประมูลซื้อ ผู้เข้าประมูลมีจำนวนหลายราย แต่ละคนก็ประเมินมูลค่าของกิจการเพื่อเสนอราคาซื้อ และถึงแม้ว่าต่างก็ได้รับข้อมูลเท่า ๆ กัน แต่มุมมองและการวิเคราะห์ก็ต่างกัน ดังนั้น บางคนก็จะให้มูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง แต่บางคนและน่าจะเป็นส่วนมาก ก็มองโลกในแง่ดีและให้มูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง ในที่สุด คนที่เสนอราคาสูงที่สุดก็ชนะและได้กิจการไปพร้อมกับ “คำสาป” นั่นก็คือ เขาจะเสียหายและประสบกับภัยพิบัติในภายหลังเนื่องจากเขาจ่ายแพงเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเขาประเมินรายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสูงเกินไปและ/หรือ ประมาณการต้นทุนต่ำเกินไป เป็นต้น

ลักษณะของ ผู้ชนะที่จะ “ถูกสาป” นั้น มักเกิดขึ้นกับกิจการที่เปิดขายหรือเปิดประมูลดังนี้คือ ข้อแรก เป็นกิจการที่มีจำนวนจำกัดแต่มีคนต้องการมาก ข้อสอง กิจการมีความไม่แน่นอนในอนาคตสูงซึ่งทำให้การประเมินผลการดำเนินงานทำได้ยาก และไม่แน่นอน ข้อสาม ถ้าการขายเป็นดีลที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและผู้ขายกับผู้ซื้อไม่มีความ สัมพันธ์ต่อเนื่อง และสุดท้ายก็คือ ความ “อยากได้” ของผู้ซื้อหรือผู้เข้าประมูลมีมากเนื่องจากเหตุผลบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่อง ของธุรกิจล้วน ๆ มีสูงกว่าปกติ ลักษณะทั้งหมดนี้มักจะทำให้ผู้ชนะก็คือ ผู้ที่จ่ายราคาสูงเกินความเป็นจริงไปมากเพราะเขาอาจจะประเมินราคาผิดพลาด เนื่องจากการมองโลกในแง่ดีหรือมีแรงจูงใจที่อยากจะชนะสูงที่สุด

ข้อสังเกตเพิ่มเติมของผม ก็คือ เนื่องจากการ “ชนะ” ประมูลหรือชนะในการซื้อกิจการนั้น เป็น “ข่าวดี” ที่สำคัญของหุ้นในตลาด ดังนั้น หลายบริษัทโดยเฉพาะที่ผู้บริหาร “เล่น” หุ้นของตนเองด้วยจึงมักมีความโน้มเอียงที่จะเอาชนะในการประมูลหรือซื้อ กิจการ เพราะนั่นหมายความว่าหุ้นจะขึ้นและเขาอาจจะได้ประโยชน์ในระยะเวลาอันสั้น และนั่นก็จะนำมาซึ่ง “คำสาป” ที่จะตามมา ซึ่ง Value Investor จะต้องเข้าใจ

ก่อนที่จะจบผมอยากจะย้ำ ให้เห็นถึงประสบการณ์ Winner’s Curse ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วมากมายในตลาดหุ้นไทยทั้งที่ย้อนหลังไปนับสิบ ๆ ปีและที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ตัวอย่างที่ชัดเจนน่าจะเป็นเรื่องของกิจการโทรคมนาคมที่บางบริษัทได้ใบ อนุญาตทำกิจการซึ่งในช่วงแรกถือเป็นข่าวดีและทำให้หุ้นมีราคาสูงขึ้นไปมาก แต่ในระยะยาวแล้วกลับมีผลประกอบการที่ย่ำแย่ขาดทุนจนราคาหุ้นตกต่ำลงไปมาก แม้แต่ในเรื่องของการชนะประมูลงานก่อสร้างขนาดใหญ่ของทางราชการเองนั้น หลายครั้งก็ไม่ได้สร้างกำไรให้กับบริษัททั้ง ๆ ที่ในช่วงประมูลได้นั้นหุ้นก็วิ่งตาม “ข่าวดี” เช่นกัน ประสบการณ์ของการชนะในการซื้อกิจการก็คล้าย ๆ กัน ในวันที่บริษัทซื้อกิจการสำเร็จนั้น หุ้นก็วิ่งแรง แต่ภายหลังเมื่อบริหารกิจการนั้นกลับพบว่ากำไรไม่ได้มาตามที่คาด ผลก็คือ หุ้นก็หงอยลง คนที่ซื้อหุ้นในช่วงที่มีข่าวดีและถือยาวในที่สุดก็ขาดทุนย่อยยับ ดังนั้น สำหรับผมเองที่เน้นการลงทุนระยะยาวแล้ว การที่บริษัท “ชนะ” ในการประมูลหรือการซื้อกิจการนั้น ผมจะต้องวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งว่านั่นเป็นการชนะที่ดีหรือจะเป็นการชนะที่ “ต้องคำสาป” หากว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นอย่างหลัง ผมก็จะไม่ดีใจและอาจจะขายหุ้นโดยเฉพาะถ้าหุ้นขึ้นไปเพราะ “ข่าวดี” ที่เกิดขึ้นในช่วงสั้น

แหล่งที่มา ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร


อยากให้อ่านเรื่องนี้ด้วยครับ



 
ขอบคุณฮ๊าฟ


โดย: aree09 IP: 223.206.244.166 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:16:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

girdpol
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Friends' blogs
[Add girdpol's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.