Group Blog
 
All blogs
 
มหาเศรษฐีตัวจริง


ดิฉันรู้สึกปลื้มใจ และชื่นชมกลุ่มคนร่ำรวยในสหรัฐอเมริกา ที่รวยทั้งกายและใจซึ่งได้รวมตัวกันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

คนที่เป็นโต้โผระดมเงิน ทุนครั้งนี้คือ สองอภิมหาเศรษฐีติดอันดับของโลก บิล เกทส์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เขาทั้งสองได้บริจาคเงินส่วนตัวไปนับพันล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมิถุนายนที่ ผ่านมา ในการก่อตั้งโครงการ “The Giving Pledge” เพื่อเชิญชวนเพื่อนยอดรวยชาวอเมริกันอีกหลายสิบคนให้เข้ามาร่วมวงช่วยกันทำ การกุศลอีก

บิล เกทส์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ พยายามให้เพื่อนมหาเศรษฐีเหล่านี้แจกจ่ายความร่ำรวยออกมาช่วยมนุษยชาติ โดยการบริจาคทรัพย์สมบัติส่วนตัวไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาให้กับองค์กร การกุศล ไม่ว่าจะเป็นระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่หรือหลังจากเสียชีวิตไปแล้วโดยการทำ หนังสือประกาศวัตถุประสงค์นี้อย่างเป็นทางการแก่สาธารณะ

ผู้ที่โดดเข้ามาร่วมล้วนแต่เป็นมหาเศรษฐีคนดัง ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ลาร์ลี่ เอลิสัน มหาเศรษฐีรวยอันดับหกของประเทศที่มีทรัพย์สินรวมกันประมาณ 28 พันล้านเหรียญสหรัฐ, ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์คคนดัง ไมเคิล บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีรวยอันดับแปดของประเทศที่มีทรัพย์สินรวมกันประมาณ 18 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้เกทส์และเมลินดา (ภรรยา) พร้อมด้วยบัฟเฟตต์ กล่าวว่าเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับมหาเศรษฐีอเมริกันโดยตรงแล้วนับร้อยคน พวกเขาเชื่อว่ามหาเศรษฐีเหล่านี้มีความสนใจมากทีเดียวโดย 40 คนได้ลงนามตอบรับพันธะนี้อย่างเป็นทางการแล้ว มีบางคนลงนามบริจาคถึง 95% ของทรัพย์สินที่มีอยู่ปัจจุบันให้กับการกุศลเลยทีเดียว

บิล เกทส์ และวอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกว่า เราไม่ควรจะรอบริจาคหลังจากเราตาย เพราะการบริจาคขณะที่มีชีวิตอยู่จะทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกในทางดี ขึ้นด้วยตาของเราเอง บางคนถึงกับวิจารณ์ว่า การทิ้งมรดกตกทอดให้ลูกหลาน บางทีก็เป็นผลเสียแก่พวกลูกหลานเหล่านั้นมากกว่าเป็นผลดีอย่างไรก็ตามมีบาง คนเห็นต่างออกไป โดยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า มหาเศรษฐีเหล่านี้ต้องการสร้างภาพ ต้องการผลประโยชน์ในเรื่องภาษีมากกว่า ในขณะที่บางคนเชื่อว่าเงินเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่องค์กรการ กุศลทั้งหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สารพัดนานาจิตตัง คงต้องติดตามผลของโครงการนี้ให้ยาวนานกว่านี้หน่อย

อย่างไรก็ตามผู้ก่อตั้งทั้งสองคนยังได้รณรงค์โครงการนี้อย่างต่อ เนื่อง พวกเขาจะตระเวนจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเชิญชวนมหาเศรษฐีทั้งหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มาเข้าร่วม โครงการนี้มากขึ้น พวกเขาหวังว่าโครงการนี้ จะจุดประกายและกระตุ้นก่อให้เกิดการขยายตัวออกไปอีกหลายๆประเทศ โดยจุดประสงค์หลักคือการกระตุ้นให้เกิดการ “ให้” ประเทศจีนถูกเลือกเป็นประเทศแรกในการตระเวนทัวร์ครั้งนี้ เพราะจีนมีจำนวนมหาเศรษฐีติดอันดับโลกมากเป็นอันดับสองรองมาจากสหรัฐอเมริกา ว่ากันว่าปัจจุบันจีนมีเศรษฐีอยู่มากถึง 55,000 คนทีเดียว แค่ชวนมาได้สัก 10% ก็เริ่ดสุดแล้ว

ที่ผ่านมาได้มีมหาเศรษฐีดินแดงมังกรคนหนึ่ง มิสเตอร์เช็ง ประกาศว่าจะบริจาคทรัพย์สินของเขาทั้งหมดให้กับการกุศลหลังจากที่เขาตายไป เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อโครงการนี้ เขาตัดสินใจประกาศจุดยืนในเรื่องนี้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากได้ข่าวว่ามีมหาเศรษฐีของจีนบางคนปฎิเสธที่จะมาร่วมดินเนอร์กับเกทส์ และบัฟเฟตต์ เพราะเศรษฐีในจีนกลัวจะถูกกล่อมจนใจอ่อน ต้องบริจาคทรัพย์สมบัติให้กับการกุศลนี้ ด้วยบางคนก็กลัวว่าถ้าไม่บริจาคหรือบริจาคน้อยไปจะทำให้เสียหน้า สู้ไม่ไปจะดีกว่า แถมบางคนก็กลัวว่าจะถูกตรวจสอบว่าทำไมถึงได้รวยเร็วนัก บ้างก็ว่าจะการบริจาคเงินอย่างเดียวอาจไม่ใช้คำตอบสุดท้าย เพราะทำอย่างอื่นก็ได้

มิสเตอร์เช็งกล่าวว่า มันเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เขาจะได้มีโอกาสตอบแทนและทำ ประโยชน์ให้กับสังคมเมื่อเขาจากไป และจะเป็นเรื่องน่าอดสูใจที่สุดถ้าเราตายไปพร้อมกับทรัพย์สินที่เรามีอยู่ โดยไม่ทำประโยชน์ให้กับมนุษยชาติเลย มิสเตอร์เช็ง มีทรัพย์สินรวมกันประมาณ 440 ล้านเหรียญสหรัฐ และจัดเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 340 ของจีนในปี 2009

มหาเศรษฐีไทยน่าจะเอาอย่างบ้างเพราะเงินทองที่มีอยู่มากมายเหลือกิน เหลือใช้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แถมยังทำให้เกิดเรื่องราวของมรดกต้องคำสาป ทรัพย์สมบัติที่มีมากมายเหล่านี้ บางครั้งก็ทำให้ลูกหลานบางคนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง มีแต่ก่อเรื่องยิงหรือทำร้ายคนอื่นอยู่เสมอ แถมยังเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงเงินทอง หมดความเป็นพี่เป็นน้อง จนเป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่ตลอดเวลา

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเสียสละทรัพย์สมบัติส่วนตัวบางส่วนออกมาทำ ประโยชน์ให้กับมนุษยชาติและโลกที่เราอยู่สักที บุญกุศลที่ทำนี้อาจช่วยผ่อนคลายทำให้ชีวิตเป็นสุขมากขึ้น แถมโลกจะได้จารึกความดีเหล่านี้ไว้ตลอดไป

“นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา”

แหล่งที่มา ลักขณา ลีละยุทธโยธิน : กรุงเทพธุรกิจ


อยากให้อ่านเรื่องนี้ด้วยครับ



 
ดีค่ะ


โดย: Junenaka1 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:17:31 น.  

 
ความสมัครใจครับ


โดย: jejeeppe วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:15:00 น.  

 
ไม่มีชื่อเศรษฐีใจแคบ คนไทยสักคนเดียว


โดย: เศร้า IP: 202.176.133.170 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:23:56:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

girdpol
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Friends' blogs
[Add girdpol's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.