ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ข่าวจับมือปืนยิงการ์ดหน้าผับ แต่คอมเมนท์คนร้ายหล่อมาเต็ม!

จากกรณีที่มีรายงานข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจพิษณุโลกจับกุมนายภานุพงศ์ หรือ ตั้ม ทองประกอบ ผู้ต้องหาคดี ยิงหัวการ์ดหน้าผับดังได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยตำรวจได้คุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

60C957806076489789777483F0CD856A

ซึ่งปรากฎว่าหลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ลงบนสังคมออนไลน์และมีการแชร์ภาพของคนร้าย ได้มีสมาชิกเฟซบุ๊คหลายคนเข้ามาชื่นชมในความหล่อล่ำของคนร้ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายคนก็เข้าใจว่าเป็นเพียงสีสันและพิมพ์เล่นๆเท่านั้น โดยงานนี้มีหลายคนอยากจะเป็นฝ่ายยื่นประกันตัวคนร้ายหนุ่มหล่อรายนี้ หรือ บางคนขั้นหนักจนอยากถูกขังร่วมคุกกับนายตั้มกันเลย

ทั้งนี้สำหรับอาการล่าสุดของนายนาย วีรเดช ขำนาค ผู้ถูกยิง ขณะนี้รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลพุทธชินราช ห้องไอซียู เนื่องจากมีอาการสาหัสกระสุนบริเวณด้านหลังศีรษะทะลุเบ้าตาขวา

01-vert

ที่มา: //news.mthai.com/hot-news/422351.html
ภาพจาก Post Today




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2558   
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2558 21:56:19 น.   
Counter : 950 Pageviews.  

หมอแอร์ โพสต์สวน ไฮโซตั๋ม บอกไม่เคยปิดบังเรื่องแต่งงาน


หมอแอร์ โพสต์สวน ไฮโซตั๋ม บอกไม่เคยปิดบังเรื่องแต่งงาน

หมอแอร์ โฆษก รพ.ตำรวจ โพสต์เฟซบุ๊กสวนกลับ ไฮโซตั๋ม วิชชุดา ลีนุตพงษ์ ยันไม่เคยปิดบังเรื่องแต่งงาน และไม่ใช่เรื่องเสียหาย บอกรักไปต่อไม่ได้ก็ต้องทำใจ

 จากกรณีที่ พ.ต.ท. หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือหมอแอร์ โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใช้นามแฝง TumLeenutaphong โพสต์ข้อความและคลิปเสียงกล่าวให้ร้ายว่า ตนแย่งแฟนคนอื่น ลงบนเฟซบุ๊กนั้น ทำให้ไฮโซสาวชื่อดัง ตั๋ม วิชชุดา ลีนุตพงษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว แต่ได้เปลี่ยนมาใช้เฟซบุ๊กชื่อ Vitchuda Leenutaphong โพสต์ข้อความตอกกลับ หมอแอร์ ว่า แอ๊บแบ๊วเคยแต่งงานมาก่อน  ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น

            ล่าสุด วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท. หญิง พญ. อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือหมอแอร์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อว่า หมอแอร์ ตอบโต้ไฮโซตั๋มถึงกรณีดังกล่าว โดยมีข้อความระบุว่า...

"หมอแอร์ไม่เคยปิดบังเรื่องที่เคยแต่งงานนะคะ และไม่คิดว่าผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานแล้วต้องเลิกรากันจะเป็นเรื่องเสียหายด้วย เมื่อความรักไปต่อไม่ได้ก็ต้องทำใจค่ะ ไม่โทษใครและไม่เคยออกมาแฉ มีแต่ขอบคุณที่เค้าเคยรักและดูแลเรามา 10 กว่าปีค่ะ เมื่อถึงวันที่ต้องจากกันก็ขอให้เค้ามีความสุข มีชีวิตที่ดีกับคนที่เค้ารักค่ะ ยังส่งความรักและความปรารถนาดีไปให้เค้าเสมอ ทำบุญก็ส่งบุญไปให้เค้าและครอบครัว แม้ในวันที่เค้าไม่รักเรา เราก็ยังมีพ่อแม่พี่น้องและเพื่อน ๆ ที่รักเราค่ะ แล้วชีวิตก็ดำเนินต่อไป (วันนี้ขอเวิ่นนิดนึง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่ผิดหวังในความรักค่ะ)"

หมอแอร์ โพสต์สวน ไฮโซตั๋ม บอกไม่เคยปิดบังเรื่องแต่งงาน


ภาพจาก เฟซบุ๊ก หมอแอร์




 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2558   
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2558 22:28:53 น.   
Counter : 1278 Pageviews.  

ไอเอสจุดประกายให้ต้องทบทวน "ค่านิยมอิสลาม" หรือไม่

วิดีโอที่กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสเผยแพร่ภาพการสังหาร ร.ท.โมแอซ อัล คาซัสเบห์ นักบินชาวจอร์แดน ด้วยการเผาทั้งเป็น ไม่เพียงแสดงถึงความโหดเหี้ยมทารุณ แต่จุดประกายคำถามว่าเหตุใดไอเอสถึงนำหลักคำสอนของอิสลามมาเป็นเดิมพันจุดชนวนสงคราม และถึงเวลาที่จะต้องทบทวนการตีความความหมายของอิสลามในโลกยุคปัจจุบันแล้วหรือยัง

นสพ.อัล อาห์ราม ของรัฐบาลอียิปต์ ชี้ก่อนหน้านี้ว่าการตายของ ร.ท.อัล คาซัสเบห์ ส่อชัดว่าเป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอิสลาม เพราะทั้งในวรรณกรรม คำพิพากษาและคำวินิจฉัยทางศาสนาที่บัญญัติขึ้นมาหลายศตวรรษนั้น น่าจะเป็นแนวคิดที่บริสุทธิ์ที่อาจเป็นที่ยอมรับได้ในยุคก่อน แต่ขัดกับแก่นของหลักอิสลาม

ในที่ประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกเมื่อเดือนมกราคม ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ของอียิปต์ เรียกร้องให้ชาวมุสลิมหันมาทบทวนความคิดเกี่ยวกับศาสนาของตัวเองเสียใหม่ เขาเห็นว่าอิสลามเป็นศาสนาแห่งความอดทนอดกลั้นและให้อภัย ไม่ควรถูกนำมาตีค่าผ่านการกระทำเยี่ยงอาชญากรรมเช่นนี้ ประธานาธิบดีอัล ซิซี บอกว่าไม่มีใครควรยอมอ่อนข้อให้คนกลุ่มน้อยมาบิดเบือนประวัติศาสตร์ของอิสลาม

พระราชินีราเนียแห่งจอร์แดน ทรงมองไม่ต่างกัน ทรงเห็นว่าจอร์แดนเองไม่เพียงแต่จะต้องสู้รบกับกองทัพไอเอสเท่านั้น แต่ยังต้องต่อสู้ทางความคิดและดึงเอาความเป็นอิสลามกลับคืนมา

แน่นอนว่าไอเอสมองไปคนละอย่าง ทอม ฮอลแลนด์ นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ บอกว่าไอเอสนั้นมองตัวเองเสมือนเป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง เข้ามากำจัดธรรมเนียมปฏิบัติอันยาวนานที่เห็นว่าไม่จำเป็นทิ้งเสีย เพื่อเผยธรรมเนียมและเนื้อแท้ของอิสลาม แต่จริง ๆ แล้ว ทอม ฮอลแลนด์ เห็นว่าไอเอสนั่นเองที่เข้ามาทำลายรากฐานของอิสลาม ทำลายวัฒนธรรมที่สลับซับซ้อน เปี่ยมไปด้วยวิชาการและปรัชญาอันสูงส่ง แนวคิดสุดโต่งของกลุ่มไอเอสคือการเหยียดหยามในสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นอารยธรรมอิสลาม หลักที่ไอเอสยึดนั้นไม่ได้เดินตามแนวของศาสดามูฮัมหมัด

อิหม่าม อาห์เม็ด อัล ตาเย็บ ผู้นำสูงสุดของอิสลามสายซุนนีย์แห่งมัสยิดอัลอัซฮาร์ เป็นอีกคนที่ออกมาประกาศว่าแท้จริงแล้วไอเอสนั้นสมควรที่จะถูกลงโทษอย่างรุนแรงหรือด้วยการตัดแขนตัดขา ตามที่คัมภีร์กุรอ่านบัญญัติไว้

แต่นอกเหนือจากบุคคลเหล่านี้แล้ว ชาวมุสลิมทั่วไปรู้สึกนึกคิดอย่างไรกับการคงอยู่ของอิสลามในสังคมร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายการ Talking Point ของบีบีซีภาคภาษาอาหรับ ถามความเห็นคนฟังว่าทุกวันนี้นักการศาสนา ทำหน้าที่ของตัวเองเพียงพอหรือยังที่จะทัดทานแนวคิดของไอเอส คนฟังรายการบางส่วนตอบชัด ๆ ว่าไม่พอ และเห็นว่านักการศาสนาเองมีส่วนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น นักการศาสนาไม่ใส่ใจปรับแนวคิดอิสลามให้เข้ายุคเข้าสมัย แต่ยังยึดติดกับการตีความที่กำหนดขึ้นมาช้านาน บางคนเห็นว่าสถาบันทางศาสนาถูกทำให้กลายเป็นขนบธรรมเนียม ที่มีจุดประสงค์เดียวคือสนับสนุนกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดและสร้างขอบเขตอำนาจที่เป็นประโยชน์เฉพาะในวงการศาสนาเท่านั้น

แต่ว่าสิ่งที่เกิดนี้จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ฮัสซัน ฮัสซัน นักวิเคราะห์แห่งสถาบันเดลมา ในอาบูดาบี บอกว่าได้และบางคนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือรัฐอิสลามเป็นผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงแต่ไปในแนวทางอื่น

ฮัสซัส ฮัสซัน บอกว่า แนวคิดที่ว่าอุมมะห์ หรือชุมชนอิสลามรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันนั้นกลายเป็นสิ่งคร่ำครึไปเสียแล้ว กลุ่มรัฐอิสลามมองว่าพวกตนต่างหากที่เป็นแนวหน้าของภราดรภาพแห่งศาสนา แนวคิดในอดีตที่ถือว่าคนทุกคนไม่ว่าจะมีพฤติกรรมอย่างไรก็ถือเป็น “มุสลิม” กำลังถูกท้าทาย อิสลามสายกลางกำลังถูกกดดันให้เป็นฝ่ายตั้งรับ

ท่ามกลางความขัดแย้งในซีเรีย ลิเบีย อิรัก และเยเมนที่ยังดำเนินอยู่จึงดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมีเวลาพอจะทัดทานกระแสที่ว่านี้ได้เสียแล้วในเวลานี้





 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2558   
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2558 22:19:41 น.   
Counter : 1035 Pageviews.  

(จีนอีกแร๊วสิ) สื่อจีนรายงาน “วัดร่องขุ่น” ห้าม “นักท่องเที่ยวจีน” เข้าครึ่งวัน


ห้องสุขาวัดร่องขุ่น จ.เชียงราย

เอเจนซีส์ – สื่อออนไลน์จีน encs.cn รายงานข่าวนักท่องเที่ยวชาวจีนถูกห้ามเข้าวัดร่องขุ่น จ.เชียงราย ที่ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศไทยเป็นเวลาครึ่งวันเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาหลังพบว่า มีการใช้สุขาของวัดไม่เหมาะสมด้วยการทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้วลงในถังน้ำสำหรับทำความสะอาด และปฎิเสธที่จะเก็บขึ้นมา


       สื่อออนไลน์จีน encs.cn รายงานว่า มีผู้ใช้แอกเคาท์ weibo ได้ตั้งหัวข้อ “ไทย” รายงานถึงการที่นักท่องเที่ยวจีนถูกห้ามไม่ให้เข้าชมวัดร่องขุ่น จ.เชียงราย หลังพบว่านักช่องเที่ยวชาวจีนมีการใช้ห้องน้ำสีทองที่มีการตกแต่งอย่างวิจิตรไปในทางไม่เหมาะสม อ้างอิงจากเดลีไชน่า ออนไลน์ในวันศุกร์(6)

       และเมื่อสื่อจีนตรวจสอบไปที่วัดร่องขุ่น ที่ออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อก้อง ทางวัดยอมรับว่า ทางวัดร่องขุ่นประกาศ “สั่งห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวจีน” เข้าชมในครึ่งเช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้จริง หลังพบว่า นักท่องเที่ยวจีนมีการใช้สุขาของทางวัดอย่างไม่เหมาะสมบ่อยครั้ง ซึ่งสุขาชายและหญิงนี้ตั้งอยู่ภายในอาคารสีทองตกแต่งอย่างวิจิตรรับกับสถาปัตยกรรมของวัดที่เป็นสีขาวล้วนทั้งหมด และทางวัดร่องขุ่นเปิดเผยว่า พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นมากโดยเฉพาะในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่นักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนได้ทิ้ง “กระดาษชำระที่ใช้แล้ว” ลงไปในถังน้ำสำหรับชักโครกอย่างจงใจ และปฎิเสธที่จะนำออกมา และทำความสะอาดถึงแม้ทางเจ้าหน้าที่วัดร้องขอ

       จากเหตุการณ์นั้นทำให้ผู้ที่ดำเนินการเกี่ยวกับวัด คาดว่า น่าจะเป็นอาจารย์ เฉลิมชัย ประกาศสั่งขึ้นป้ายงดรับนักท่องเที่ยวจากจีนในวันรุ่งขึ้นทันที อย่างไรก็ตามสื่อจีนรายงานเพิ่มเติมว่า ทางวัดประกาศห้ามนักท่องเที่ยวจีนเข้าชมวัดเพียงครึ่งวันเช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์เท่านั้น เพราะอาจารย์ เฉลิมชัย ที่เห็นความผิดหวังของบรรดานักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ยืนรออยู่นอกรั้ว

       และหลังจากนั้น ทางวัดร่องขุ่นออกกฎใหม่ เรียกหัวหน้าทัวร์คณะจากจีนมาเข้าพบ และแจ้งว่า หากลูกทัวร์ใช้ห้องน้ำของทางวัดอย่างไม่เหมาะสม ไกด์ต้องรับผิดชอบโดยการทำความสะอาดห้องน้ำให้แทน

       สื่อจีนรายงานตบท้ายว่า วัดร่องขุ่น จ.เชียงรายนี้เป็นวัดที่มีเอกชนเป็นเจ้าของคือ อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาวัดแห่งนี้จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด และได้เปิดให้เข้าชมโดยไม่คิดค่าผ่านประตูตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา 

สื่อจีนรายงาน “วัดร่องขุ่น” ห้าม “นักท่องเที่ยวจีน” เข้าครึ่งวัน หลังทิ้ง “ทิชชูเช็ดก้นใช้แล้วลงในถังน้ำชักโครก” ในสุขาสีทอง

สื่อจีนรายงาน “วัดร่องขุ่น” ห้าม “นักท่องเที่ยวจีน” เข้าครึ่งวัน หลังทิ้ง “ทิชชูเช็ดก้นใช้แล้วลงในถังน้ำชักโครก” ในสุขาสีทอง

สื่อจีนรายงาน “วัดร่องขุ่น” ห้าม “นักท่องเที่ยวจีน” เข้าครึ่งวัน หลังทิ้ง “ทิชชูเช็ดก้นใช้แล้วลงในถังน้ำชักโครก” ในสุขาสีทอง





 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2558   
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2558 21:25:12 น.   
Counter : 858 Pageviews.  

สังคมสุดเสื่อม!! แม่พาลูกสาวแท้ๆ วัย 14 ค้ากาม ตีหน้าซื่ออ้างลูกสาวสมัครใจขายเอง

สังคมสุดเสื่อม!! แม่พาลูกสาวแท้ๆ วัย 14 ค้ากาม ตีหน้าซื่ออ้างลูกสาวสมัครใจขายเอง
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจ สภ.สะเดาได้ทำการวางแผนเข้าล่อซื้อ และจับกุมการลักลอบค้าประเวณีเด็ก หลังจากที่สืบทราบว่า มีแม่นำลูกสาวแท้ๆ วัย 14 ปี ของตัวเองมาค้าประเวณี ด้านแม่ตีหน้าซื่ออ้างลูกสาวสมัครใจขายเอง

       วันนี้ (5 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะเดา จ.สงขลา นำโดย พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา พ.ต.ท.วีระศักดิ์ เดชประมวลพล รอง ผกก.สส.สภ.และ พ.ต.ท.ภูวดล อาบทิพย์ สว.สส. วางแผนเข้าล่อซื้อ และจับกุมการลักลอบค้าประเวณีเด็กหลังจากที่สืบทราบว่ามีแม่นำลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองมาค้าประเวณี 

สังคมสุดเสื่อม!! แม่พาลูกสาวแท้ๆ วัย 14 ค้ากาม ตีหน้าซื่ออ้างลูกสาวสมัครใจขายเอง
        โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งสายตำรวจปลอมเป็นนักท่องเที่ยว พร้อมนำเงินสกุลริงกิตมาเลเซีย จำนวน 200 ริงกิต คิดเป็นเงินไทย จำนวน 2,000 บาท ติดต่อล่อซื้อโดยมีการตกลงค่าตัวเด็กสาวในราคา 2,000 บาท และนัดส่งตัวในห้องพัก หมายเลข 208 ของโรงแรมพราเทล ซอยไทย-จังโหลน 32 อ.สะเดา จ.สงขลา

ต่อมา ได้มี น.ส.น้ำผึ้ง มั่งคงดี อายุ 52 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี ได้นำเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆ มาส่งให้ที่ห้องพัก 208 เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวจับกุม และควบคุมตัวไปตรวจค้นยังห้องพักเลขที่ 104 โชคชัยแมนชั่น ซอยไทย-จังโหลน อ.สะเดา ซึ่งเป็นห้องพัก ของ น.ส.น้ำผึ้ง พบอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ 1 ชุด,ยาไอซ์ 1 หลอดเล็ก น้ำหนัก 0.07 กรัม

สังคมสุดเสื่อม!! แม่พาลูกสาวแท้ๆ วัย 14 ค้ากาม ตีหน้าซื่ออ้างลูกสาวสมัครใจขายเอง
        แต่จากการสอบสวน น.ส.น้ำผึ้ง ยังให้การปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่ได้บังคับลูกสาวให้ค้าประเวณีแต่ทุกครั้งที่ลูกสาวออกรับแขกจะนำเงินมาให้ครั้งละ 500 บาท ขณะที่เด็กสาวรายนี้บอกว่าสมัครใจที่จะค้าประเวณีเองโดยที่แม่ไม่ได้บังคับโดยทำมาแล้ว 3 ครั้ง และจะรับจะเพราะแขกที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม แม้ น.ส.น้ำผึ้ง จะปฏิเสธ แต่มีส่วนรู้เห็น และนำลูกสาวไปค้าประเวณี เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาในหลายข้อหาหนักเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาเพื่ออนาจารซึ่งชาย-หญิง (ตาม ป.อาญา ม.283 วรรค 1 ) เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอม (ตาม ป.อาญา ม.283 วรรค 3) และการค้ามนุษย์โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี (ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551) มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ส่วนเด็กสาวรายนี้ตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับตัวไปดูแลต่อไป





 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2558   
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2558 22:43:48 น.   
Counter : 695 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]