Volume 1 Part 5
Part V

“ระวัง!!!”ผมร้องขึ้น พร้อมกับกระชากร่างของคนที่ยืนอึ้งให้พ้นจากการถูกร่างยักษ์สองร่างที่พรวดพราดออกมาจากพุ่มไม้ เฉียดร่างพวกเราไปนิดเดียว

“กี๊ชชชชชชชชชชชชช” เสียงร้องที่ฟังดูน่าสยดสยองยิ่งกว่าเจ้าฮิปโปกริฟขี้โมโหเมื่อกี้ทำให้ผมและมัลฟอยเขยิบถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว

ร่างที่ยืนรายล้อมพวกผมอยู่เป็นสิ่งมีชีวิตที่หาได้ทั่วไป แม้ว่ามันจะเป็นที่น่ารังเกียจสำหรับมักเกิ้ลธรรมดา แต่เท่าที่รู้ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลี้ยงญาติ ๆ ของเจ้าพวกนี้ไว้ดูเล่น แม้แต่ผมกับพวกเฟรด จอร์จ ก็เคยใช้ไปแกล้งขู่รอน ตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก (และเจ้านั่นก็กลัวจนขึ้นสมองมาถึงตอนนี้).....ที่ผมอยากจะบอกก็คือตัวผมเองไม่ได้เกลียดสัตว์ชนิดนี้ซักเท่าไหร่ ถ้า.......ถ้า...มันจะไม่ได้มีขนาดเท่ากับม้าลากรถน่ะนะ!!!!!

แมงมุมยักษ์รูปร่างประหลาดสองสามตัวส่ายแผงขาที่ดูแล้วเกือบๆสิบห้าฟุตไปมา ขนสีดำยุบยับปกคลุมไปทั่วลำตัวยกเว้นตรงดวงตาวาว ๆ สี่คู่ที่อยู่บนหัว ดูน่าขยะแขยงยิ่งกว่าแมงมุมที่เฟรดกับจอร์จเคยใช้แย่งตุ๊กตาจากรอนพันเท่า

แก็ก แก็ก แก็ก

ที่แท้เสียงที่ได้ยินในตอนแรกคือเสียงก้ามแหลมๆของเจ้าพวกนี้กระทบกันนั่นเอง ดูจากท่าทางที่มันเอียงคอไปมาเหมือนกับสื่อสารกัน พวกมันอาจจะกำลังคิดว่าจะจัดการยังไงกับพวกผมก็ได้!!

มัลฟอยเอื้อมมือมาเกาะแขนผมไว้แน่น และผมก็เผลอกุมมือเล็ก ๆ เย็นชืดที่ค่อนข้างสั่นนั้นไว้โดยไม่รู้ตัว

“พอตเตอร์”

แก็ก แก็ก แก็ก

เสียงก้ามของแมงมุมยักษ์กระทบกันด้วยจังหวะที่รัวเร็วและดังขึ้นเหมือนกับอาการขู่ผู้บุกรุก................ผู้บุกรุก?เส้นไยเมื่อกี้คงเป็นไยแมงมุมพวกนี้......งั้นที่นี่ก็เป็นรังของมันน่ะสิ เฮ้ย!!!!!!!!!

ระหว่างที่เรายังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไงต่อไป เจ้าแมงมุมยักษ์ตัวที่เข้ามาเป็นตัวแรกก็ทำในสิ่งที่ผมคิดว่าเหลือเชื่อที่สุด!

“ใคร.....แก็ก แก็ก.....ใครเข้ามาในรังของอาราก็อก.....แก็ก แก็ก.....”

แมงมุมพูดได้!?!?ถึงจะฟังค่อนข้างยาก เพราะมันพูดไปก็ขยับก้ามกระทบกันไป แต่ผมก็มั่นใจว่ามันพูดภาษามนุษย์แน่ๆ

มัลฟอยเองก็ดูจะตกใจพอๆกัน เพราะแทนที่เราจะพูดตอบอีกฝ่ายไปว่าเราไม่ได้ตั้งใจเข้ามาในรังของพวกมัน พวกผมกลับยืนนิ่งฟังแมงมุมเถียงกัน!?

“เด็ก...พ่อมด.....พวก...พ่อมด”

“กินซะเลย....แก็ก แก็ก.....กินมานนนนนนน!”

“ไม่....ไม่ได้....แก็ก....พ่อมด.....อันตะ......อันตราย....แก็ก แก็ก...ต้องพา...พาไปหาอาราก็อก...แก็ก...”

เสียงพูดแผ่ว ขาดเป็นช่วงๆ พอมารวมกับเสียงก้ามยักษ์กระทบกันแล้ว ยิ่งทำให้ฟังไม่รู้เรื่องหนักกว่าเก่า ผมตัดสินใจเผ่นไปอีกด้าน เรื่องหลงทางไว้ค่อยคิดทีหลัง!

แต่ยังไม่ทันได้ทำตามแผนการที่คิดไว้ แมงมุมยักษ์อีก 5- 6 ตัวก็โผล่พรวดเข้ามาล้อมไว้อีกชั้น ทำให้ผมและมัลฟอยหมดทางหนี!!!!

“ระ....เรา....เราไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุกรังของพวกนายนะ.....เราแค่...เอ่อ.....หลงทางน่ะ”ผมรีบบอกพร้อมกับฉีกยิ้ม (ที่คงจะแหยเต็มที่) ให้เจ้ากลุ่มใหม่ที่เพิ่งมาสมทบ

พวกแมงมุมดูเหมือนจะหยุดปรึกษาอะไรกันครู่หนึ่ง

ผมพยายามเหลือบตาคอยดูทางหนีทีไล่......แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีทางรอดสำหรับพวกเราเลยซักนิด.....จำนวนมันต่างกันเกินไป! ถึงผมจะเคยฝึกคาถากับพ่อ รีมัสแล้วก็ซีเรียสมาเยอะก็เหอะ แต่พ่อมด (ที่อายุยังถึง 20) กับแมงมุมยักษ์ที่น่าจะหาที่อื่นไม่ได้อีกแล้วเป็นสิบ.....นี่ยังไม่รวมถึงตัวถ่วงที่เกาะหนึบอยู่ที่แขนผมด้วย

“แก็ก แก็ก กลิ๊ก กลิ๊ก”เสียงดังลั่นพร้อมๆกันทำเอาผมสองคนสะดุ้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้.....ถ้าจะให้ผมเลี้ยงไอ้ตัวประหลาดพวกนี้ (ถึงจ้างล้านเกลเลียนก็ไม่เอา!) ผมคงต้องตัดก้ามพิลึกๆนั่นออกก่อนแน่

“ต้อง....ต้องพาไปหา....อาราก็อก....”

แมงมุมตัวเดิมที่ดูจะแก่ที่สุดในกลุ่มพูดขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงรับต่อเป็นช่วงๆเหมือนเสียงเอคโค่

“พา...แก็ก...พาไปหาอาราก็อก”

“แก็ก แก็ก ไปหาอาราก็อก”

“แก็ก....หา....หาอาราก็อก”

ก่อนที่พวกเราจะได้ปฏิเสธหรือเผ่น แมงมุมทุกตัวก็ล้อมเข้ามาประชิดทันที!!!!

แขนขายาวๆของแมงมุมที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ พยายามจะจับตัวผมไว้ แต่สัญชาติญาณทำให้ผมลืมตัว ใช้เท้าเตะออกไปสุดแรง จนแมงมุมผู้โชคร้าย (หรือผมเองที่จะโชคร้ายก็ไม่รู้) กระเด็นถอยหลังออกไปหลายก้าว เจ้าตัวใหญ่รีบโดดเข้ามาแทน ผมผลักร่างมัลฟอยที่อยู่ใกล้ตัวออกไป

“พอตเตอร์!” เสียงหมอนั่นเรียกก่อนที่ร่างของผมจะโดนขาหน้าของไอ้ยักษ์นั่นดึงตัวไว้ได้ พร้อมกับเส้นไยสีเงินที่ถูกพ่นออกมาจากปาก เส้นใยเหนียวพันแขนและคอจนกระชากไม่หลุด!!!!!

“สตูเปฟาย!!”

แสงสว่างวาบในระยะประชิด ทำเอาผมตาพร่าไปแป๊บนึงก่อนจะรู้สึกว่ามีร่างๆหนึ่งมายืนกันอยู่ข้างหน้า

“มัลฟอย....?”ผมพึมพำ ผู้ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเข้ามาช่วยยืนหอบ หน้าซีด มือกำไม้กายสิทธิ์ของตัวเองไว้แน่น

ถึงความช่วยเหลือของมัลฟอยเมื่อครู่จะทำให้ผมรอดตายมาได้ แต่มันก็ทำให้แมงมุมยักษ์ที่เหลือเกรี้ยวกราดมากขึ้น

“มันจะฆ่า......ฆ่าเรา......พวกพ่อมด.....ต้องจัดการ.....”

“ต้องจัดการ.....ให้หมด.....”

แก็ก แก็ก แก็ก

“กี๊ชชชชชชชช” พวกแมงมุมประสานเสียงกันลั่น ฟังดูเหมือนกับเป็นการ.....เรียกพวกพ้อง......?

แก็ก แก็ก

เสียงกิ่งไม้ลั่นมาจากทุกทิศทุกทาง ผมชักจะสังหรณ์ไม่ค่อยดี....

แมงมุมยักษ์‘ฝูง’ใหญ่ตรงเข้ามาก่อนที่พวกผมจะทันตั้งตัว!!!!!

ที่จริง.....พวกเราแค่ถูกทำโทษให้มาช่วยงานแฮกริด เพราะการเล่นสนุกนิดๆหน่อยๆในห้องเรียนเท่านั้นนี่นา........แต่..........สถานการณ์แบบนี้ท่าจะไม่ค่อยดีซะแล้ว...ไม่ดีมากๆเลยด้วย.........

ในสมองของผมตอนนี้คิดอะไรไม่ออกนอกจาก‘เผ่น’!!!!!

“เร็ว!!!!!!” ผมหันขวับบอกร่างที่ยืนข้างๆ แล้วรวบข้อมือบางของมัลฟอยด้วยมือหนึ่ง อีกมือก็คว้าไม้กายสิทธิ์ที่เพิ่งได้คืนออกมา........เหนียวหนึบติดมือชะมัดเลยเว้ย....ผมเอี้ยวตัวกลับไปทั้งที่ยังวิ่งอยู่

เปรี้ยง!!!!!!! ลำแสงจากไม้กายสิทธิ์สว่างวาบ สาดใส่เจ้ากลุ่มสัตว์ยักษ์ที่ตามหลังจนพวกมันผงะ โอเค อย่างน้อยไม้กายสิทธิ์ก็ใช้การได้เหมือนปกติล่ะ

“แฮ่ก แฮ่ก พอต...พอตเตอร์ เราจะไปไหน?” มัลฟอยที่วิ่งตามแรงดึงของผมถามหอบๆ เสียงแกรกกรากที่ตามหลังมาบอกให้รู้ว่าพวกแมงมุมกำลังเข้ามาใกล้เรามากขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่รู้เหมือนกัน !” ผมตะโกนบอก ให้ตายเหอะ วันซวย วันซวยแน่ๆ ถ้ารู้อย่างงี้เมื่อเช้านอนซุกอยู่ที่หอดีกว่า!

“พอตเตอร์ ฉัน...” เสียงคนที่อยู่ข้างหลังผมพูดแผ่ว ขาดๆหายๆ

“อะไรอีกล่ะ!!”ผมหันไปดูแบบรำคาญทั้งที่ยังคงวิ่งสุดฝีเท้า แล้วก็เห็นว่าหน้าของมัลฟอยซีดเผือด เหงื่อซึม ปากก็ซีดจนขาว “นายเป็นอะไรน่ะ?”

“ปล่ะ..ปล่าว” เสียงปฏิเสธทั้งที่ยังหอบปากสั่น ลืมไปเลยว่าหมอนี่มันคุณหนูซะขนาดนั้น เคยออกกำลังมากๆ กับเขาซะที่ไหน

“เหนื่อยเรอะ?” ผมถาม

มัลฟอยพยายามปฏิเสธแต่เสียงไม่ออกจากปากเสียแล้ว ท่าทางแบบนั้นดูน่าสงสารอยู่หรอก แต่นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ “อดทนหน่อย!” ผมกระชับมือที่จับมือของหมอนั่นแล้วออกแรงดึงให้วิ่งตาม สมองพยายามคิดหาทางรอด แต่....

ปึ่ก!!!

ขาขวาของผมสะดุดรากไม้ที่โผล่ขึ้นมาจากดิน

“ชิบ!!...” ผมล้มหน้าคว่ำไปพร้อมกับดึงเอามัลฟอยที่ตามมาข้างหลังให้เซถลาไปด้วย ด้วยสัญชาติญาณหรืออะไรก็ไม่รู้ ผมหมุนตัวมารับร่างหมอนั่น หลังเลยกระแทกพื้นเสียงโครมสนั่น

“พอตเตอร์ นายเป็นไงบ้าง?” คนที่ล้มมาทับรีบลุกขึ้นนั่งเรียกผมเสียงสั่น

“ไม่เป็นไร ไปต่อเร็ว” ผมพยายามจะลุกขึ้น พร้อมกับความเจ็บปวดที่ข้อเท้าแล่นขึ้นมาจนต้องทรุดฮวบลง

“บ้าเอ๊ย! ข้อเท้าแพลง” ผมกัดฟันกรอดเงยหน้ามองคนที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ “มัลฟอย!นายหนีไปก่อน เร็ว!”

“แล้ว...แล้วนายล่ะ?” คนถามหน้าค่อนข้างซีด เหงื่อเกาะพราวตามใบหน้าและลำคอ แต่เจ้าตัวไม่ค่อยใส่ใจอาการของตนเองเท่ากับเมื่อครู่

“เดี๋ยวฉันตามไปเอง ไปสิ!” เสียงแซ่กแซ่กดังเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที

มัลฟอยมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะลุกพรวดขึ้น แต่.......แทนที่หมอนั่นจะหนีอย่างที่ผมบอก มัลฟอยกลับคว้าแขนผมขึ้นพาดไหล่ ข้ามศีรษะตัวเอง ทำท่าจะพยุง(หรือลาก?)ไปด้วยกัน...........แต่ดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่ซักหน่อย...ก็.....เรื่องเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของหมอนี่แหละ

มัลฟอยพยายามพยุงผมให้ลุกขึ้นหนีไปอีกด้านที่ไม่มีเสียงกิ่งไม้ลั่นตามหลังมา แม้ว่าจะล้มลุกคลุกคลานอยู่พอสมควร แต่หมอนั่นก็ไม่หนีไปอย่างที่ผมมั่นใจในตอนแรก

“นายจะบ้ารึไง!รีบไปซะ!ขืนทำอย่างนี้มีแต่จะไม่รอดทั้งคู่.....หวา!!”

ยังไม่ทันขาดคำ ผมและมัลฟอยล้มโครมไปด้วยกัน..บ้าชะมัด!ผมกะจะหันไปสวดหมอนี่ซักรอบก่อนที่จะไล่คุณหนูจอมหยิ่ง ท่ามากนี่ไปให้พ้นหน้าพ้นตา แต่.....

ดวงตาสีซีดคู่นั้นคลอไปด้วยหยาดน้ำที่เจ้าตัวพยายามกลั้นไว้ไม่ให้ไหลลงมา ใบหน้าที่ปกติจะมีแต่คอยหาเรื่องเด็กคนอื่นๆ(โดยเฉพาะบ้านกริฟฟินดอร์)......เวลานี้กลับมีแต่ความกลัวและ......อะไรบางอย่างที่เจ้าของดวงหน้าสวยคงไม่รู้ตัว

มัลฟอยฝืนดึงแขนผมขึ้นอีกครั้ง

แกร่ก แกร่ก

..........!!!!!!!......

ฝูงแมงมุมยักษ์โผล่พรวดออกมาจากเงามืดของหมู่ไม้ พุ่งตรงมายังพวกผม!!!!

ผมฝืนลุกทรงตัวลุกขึ้น เตรียมตอบโต้(หรือไม่ก็เผ่นอีกรอบ) .......จะทำยังไงดี.....จำนวนของฝ่ายตรงข้ามดูจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเก่า คาถาโจมตีธรรมดาๆ คงจะใช้ไม่ได้ผลอย่างเมื่อครู่ ........นอกจาก...เสี่ยงชะมัด เพิ่งเคยฝึกนะเว้ย จะใช้ได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ผมคิดสลับไปมาหลายตลบ.....ลังเล...แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางเลือก

ไม่มีเวลาคิดอะไรมากกว่านั้นเพราะร่างของฝ่ายตรงข้าม(หลายตัว)พุ่งเข้าหาพวกผม หวังจะจัดการขั้นเด็ดขาด!!!

โธ่เว้ย..........ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!!

ผมดันร่างของมัลฟอยหลบไปข้างหลัง

“Expectopatronum!!!!”

แสงสีขาววาบขึ้น ก่อนจะมีร่างสีเงินพุ่งออกมาจากไม้กายสิทธิ์ ผ่านแสงสว่างจ้า ตรงเข้าหากลางกลุ่มแมงมุมยักษ์เหล่านั้นอย่างรวดเร็ว!!!!!

ครืน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

แก็ก แก็ก แก็ก

ผู้ตามล่าทั้งหลายกระจายกันดิ้นรนถอยหนีออกไปทุกทิศทุกทาง!!ทิ้งไว้เพียงเสียงร้องลั่นป่า และพวกผมที่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ก่อนที่ร่างสีเงินของกวางตัวผู้ขนาดใหญ่จะวิ่งช้าๆอย่างสง่างามกลับมาหาผมและค่อยๆจางหายไป..........

.....................................

“.......????.........”

“.......................”

มัลฟอยทำเสียงประหลาดๆในลำคอก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น “เมื่อกี้นายทำอะไรน่ะ?”

“...............”

“.....พอตเตอร์?”เสียงที่ถามคราวนี้ดูจะกังวลและเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เจ้าของที่ที่เราบุกรุกเมื่อกี้พากันวิ่งหนีไปหมด และร่างของกวางประหลาดหายไปแล้ว ผมก็เหมือนกับหมดแรง ขาทรุด นั่งก้มหน้านิ่ง มือบอบบางแตะหลังมือของผมที่ยังคงสั่นและเย็นอย่างกับน้ำแข็ง

คราวนี้ก้มลงมองหน้าผมนิดนึง “นาย.......ไม่เป็นไรแน่นะ?”

ไม่แปลกที่เขาจะถามอย่างนั้น ผมคิดว่าสีหน้าของผมตอนนี้มันคงไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้อย่างที่สุดแหงๆ

“YES!!!!!!!”ผมเงยหน้าที่ฉีกยิ้มกว้างแบบร่าเริงเกินเหตุ เอื้อมมือไปคว้าร่างตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่น ซุกแก้มข้างนึงกับผมสีทองนุ่มโดยไม่ฟังเสียงท้วงจากเจ้าของร่าง!

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำได้แล้ว ทำได้แล้วววววว!!!!”ผมหัวเราะด้วยความดีใจ.....แม้เสียงจะยังหอบๆ ..

จะไม่ดีใจได้ไงล่ะ คาถาผู้พิทักษ์นี่รีมัสเพิ่งสอนให้เมื่อตอนปิดเทอมคราวก่อน แถมพูดปลอบใจตอนที่ผมเสกออกมาได้แค่ลำแสงเล็กๆ กับควันบางๆ ว่า มีแต่พ่อมดเก่งๆเท่านั้นแหละที่ทำได้ ขนาดพวกพ่อกว่าจะทำได้ยังฝึกตั้งนาน......

ฮ่า ฮ่า กลับไปต้องเยาะเย้ยซะหน่อย แล้วก็ไปทวงรางวัลที่พนันไว้กับซีเรียสด้วย

“ไอ้บ้าพอตเตอร์!ปล่อยนะ!” มัลฟอยดิ้นขลุกขลักอยู่กับอกผม ถ้าเป็นอย่างโช เวลาถูกกอดแบบนี้เธอคงแก้เขินด้วยการดันตัวออกห่างเล็กน้อย แต่สำหรับเดรโก มัลฟอย นางฟ้าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนของผมน่ะเหรอ....พอโดนกอดแขนขาขยับไม่ได้แบบนี้ก็เลย...

ปั่ก!!!

เจ้านั่นเอาหน้าผากเนียนๆ โขกโป๊กลงมาลงมาตรงหน้าผากของคนที่บาดเจ็บอยู่เต็มแรง!!@#$^&*)#$+=!!!!!!

“โอ๊ย!ทำได้ไงเนี่ย ?!” ทำลงไปได้ เดรโก อูย.....

มัลฟอยลุกขึ้น ถอยห่างไปสองสามก้าว อย่างที่เจ้าตัวคิดว่าปลอดภัยแล้ว (แน่ใจเรอะ?) มือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ คงเจ็บพอกันแหละ “ก็...ก็....นายอยากมาลวนลามคนอื่นก่อนทำไมล่ะ!”แสงจันทร์ส่องสว่างทำให้เห็นผิวหน้าที่ค่อนข้างซีดอยู่เสมอขึ้นสีเรื่อนิดๆ เสียงต่อว่าที่พยายามแสดงออกว่าโกรธจัด แต่หน้าตาแบบนั้น......

“ลวนลาม?”ผมละมือที่กำลังลูบหน้าผากตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาแบบไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคเมื่อครู่
“นาย.....เชื่อเลย!....เลือกคำมาใช้แต่ละคำ.....อุ๊บ ฮ่า ฮ่า....นะ..นาย....นายนี่.....ฮึ ฮึ....ไม่เหมือนคนอื่นที่ฉันเจอมาจริงๆ” คนที่เขินแล้วทำเป็นโกรธแถมมีปฏิกิริยาตอบสนองทันใจ.....ไม่น่าเบื่ออย่างคนที่น้ำตาร่วงและขี้งอนประจำอย่างโช

มัลฟอยเลิกทำท่าโกรธเพราะงงอยู่อึดใจ ก่อนที่หน้าเหวอๆ นั่นจะเปลี่ยนเป็นฉุนอีกรอบ “........เรื่องของฉัน!”
พอเห็นผมไม่เลิกขำ ใบหน้าเรียวๆ ขาวๆ ก็ทำแก้มป่องแบบขัดใจ “เลิกหัวเราะได้แล้ว!หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”คราวนี้หมอนั่นก้าวเร็วๆเข้ามาทรุดตัวลงนั่งในระดับเดียวกัน มือบางปิดปากของผมที่กำลังหัวเราะไม่หยุดไว้แน่น

เพียงแค่อีกฝ่ายทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ผมก็ดึงมือเรียวขาวนั้นออก แต่ยังไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ สายตาของผมจ้องลึกลงไปยังดวงตาแวววาวที่ผมเข้าใจมาตลอดว่าเป็นสีเทา....แต่ความจริงแล้วมันดูเป็นสีฟ้าซีดๆมากกว่า ตาสีฟ้าที่ตะลึงมองตาของผม ก่อนที่จะหลุบตาลง ใบหน้าขาวนั้นเริ่มเรื่อขึ้นอีก แต่ก็ไม่ได้ขยับหนี

ปากของผมกำลังจะพูดอะไรบางอย่างขณะที่ก้มลงไปหาใบหน้าที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ...........

“อ้าว แฮร์รี่!มัลฟอย!มาอยู่ที่นี่เอง!”แสงสว่างจ้าทำให้เราต้องหรี่ตาลงครู่หนึ่ง

ร่างสูงใหญ่ของแฮกริดโผล่เข้ามาพร้อมกับตะเกียงและร่มสีสดใสคันเก่า

พลั่ก! โครม !

มัลฟอยผลักผม(อีกแล้ว)พร้อมกับผละออกห่างไป2-3เมตรทันที

“แฮกริด!”ผมร้อง ข่มเสียงไม่ให้เจือความหงุดหงิดนิดๆไม่ได้........เอ๋?...ทำไมล่ะ? “คุณมาทำอะไรที่นี่เนี่ย?”ถามๆไปก่อนแล้วกัน

แฮกริดมองหน้าผมแบบงงๆ “พูดอะไรของเธอน่ะ แฮร์รี่? ฉันก็มารับพวกเธอน่ะสิ นี่มัน 5 ทุ่มกว่าแล้วนะ ฉันบอกแล้วไงว่าให้ไปรวมกันที่เดิมตอน 3 ทุ่ม แล้วนี่เป็นอะไรกันรึเปล่า?.....มัลฟอย?”ประโยคสุดท้ายแฮกริดหันไปถามมัลฟอยที่เงียบผิดจากที่เคย

เออ ใช่!เราออกมาเดินหาบอคบีคกันนี่นา.....นี่ 5 ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย? ผมเพิ่งนึกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงออกว่าเรามาช่วยงาน ไม่ได้มาผจญภัย(อย่างที่เราเจอมาตลอดทาง)

“แล้วบอคบีคล่ะฮะ? จะปล่อยไปเหรอ?”ผมถามขณะที่พยายามยันตัวลุกขึ้น แม้ว่าจะรู้สึกขัดๆขาเล็กน้อย

แฮกริดยิ้มปากแทบกลืนแตงโมได้ซักครึ่งลูก ก่อนจะผิวปากเป็นจังหวะสองสามครั้ง “บัคบี้คต่างหากล่ะ” ยังมีอารมณ์มาแก้อีก.....

ยังไม่ทันได้ถามต่อ......โจทก์เก่าของผมกับมัลฟอยก็โผล่เข้ามาคลอเคลียแฮกริด!!

“เฮ้ย!!!”ผมกับมัลฟอยร้องออกมาพร้อมกัน เกือบจะขยับวิ่ง ถ้าแฮกริดไม่พูดต่อ

“นี่ไงบัคบี๊คกับแฟนของมัน....ฉันก็เพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้หลงป่าหรอก แต่ออกมาหาสาวต่างหาก”แฮกริดหัวเราะ พลางลูบหัวฮิปโปกริฟ 2 ตัว ที่วิ่งไล่ล่าพวกผมเมื่อตอนค่ำ “มันมีลูกด้วยนะ ฉันเดินไปเจอเมื่อกี้เอง ตอนแรกก็นึกว่าลูกของฮิปโปกริฟที่ไหน อยู่รอจนเจ้าสองตัวนี้มันกลับมาเนี่ยแหละ ลูกมันน่ารักมากเลย พวกเธออยากไปดูก่อนกลับมั้ย?”

พวกผมส่ายหัว........เจอมารอบนึงแล้ว พอเหอะ.....ว่าแต่.......พวกแก......ตอนฉันกับมัลฟอยเข้าไป ยังไม่ทันแตะลูกแกเลยซักนิด แล้วจะวิ่งไล่หาอะไรฟะ!

“แล้วพวกเธอไปทำอะไรมา แฮร์รี่?ขาเธอเป็นอะไรน่ะ?”……ส่วนนึงก็เพราะสัตว์เลี้ยงของคุณนั่นแหละ

“พวกเรารีบเดินไปหน่อยน่ะฮะ ผมเลยไปสะดุดรากไม้เข้า”

“งั้นรีบกลับกันเถอะ....เอ่อ.....”แฮกริดทำท่าลำบากนิดหน่อย เพราะไม่รู้จะพาผมกลับยังไง ก็มือต้องจูงเจ้ายักษ์สองตัวนั่นนี่ ผมเลยถือโอกาส (?)โบกมือว่าไม่เป็นไร “งั้นมัลฟอยช่วยพยุงแฮร์รี่หน่อยแล้วกัน”......ว่าแล้ว....

“หา?”มัลฟอยร้องเสียงสูง แต่เพราะรู้ว่าไม่มีทางท้วงอะไรได้ เพราะคนเห่อทายาทฮิปโปกริฟตัวใหม่หันหลังเดินนำไปเรียบร้อยแล้ว จึงได้แต่เข้ามาหาผมแบบจำใจสุดขีด


“ถึงจะลำบากไปนิด แต่ก็สนุกดีนะ”ผมบอกขณะที่เราเดินตามหลังแฮกริดและสองฮิปโปกริฟไปช้าๆจนเกือบจะถึงหน้าปราสาท

“ขนาดนี้นายยังว่าสนุกอีกเรอะ?”

“ก็มีเรื่องดีๆบ้างแหละน่า.......ไว้คราวหน้าฉันหาเรื่องนายในคาบของสเนปอีกดีกว่า”

“เชอะ! เรื่องดีบ้าอะไร ถ้าต้องมาทำงานกับคนอย่างนายอีก ฉันกลั้นใจตายดีกว่า!!......เดี๋ยว!เมื่อกี้นายว่าไงนะ?.....หาเรื่องฉันในคาบสเนป?อีก?.......หมายความว่าคราวนี้....คราวนี้เป็นฝีมือนาย.....!”มัลฟอยหันขวับมาทันทีที่ทบทวนคำพูดของผมได้หมด ทำหน้าจะกินเลือดกินเนื้อกันอีกแล้ว

“........”ผมยิ้ม ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ

โครม!!

“โอ๊ย”

เสียงร้องนั่นเสียงผมเองแหละ หลังจากโดนมัลฟอยทิ้งโครมลงพื้น อีกแล้วนะ นางฟ้าของผม....คนเจ็บนะเนี่ย

“ไอ้บ้าพอตเตอร์!!!คราวหน้าขอให้นายโดนไอ้แมงมุมพวกนั้นกินซะเหอะ!!”มัลฟอยทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในปราสาท ท่ามกลางสายตางุนงงและเสียงตะโกนถามของแฮกริด

หึหึหึ~นายโกหกฉันไม่ได้อีกแล้วล่ะ เดรโก.....ถ้าต้องอยู่กับฉันอีกกลั้นใจตายดีกว่าเลยเหรอ?

อืม น่าเชื่อจะตายล่ะ.....ฉันไม่ให้นายทำอย่างนั้นหรอกน่า...

จากนี้ไป.........สนุกแน่~

Volume 1 : END

Please wait for Volume 2 (soon)
เรื่องนี้เราสองคนตั้งใจว่าจะทำเป็น volume นะค๊า แบบว่าไม่อยากแต่งเป็นเรื่องยาวๆ เพราะกลัวจะจบยาก เป็นตอนๆ แบบนี้ก็อ่านง่ายดี (มั้ง) Vol 2 คราวหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องเดรก็ม่ายรู้ โดนตัวกวนป่วนแสบหมายตาจริงจังซะแล้ว น่าสงสารจริง จริ๊ง (อิอิ)



Create Date : 10 มกราคม 2548
Last Update : 18 มกราคม 2548 9:45:53 น.
Counter : 847 Pageviews.

0 comment
Volume 1 Part 4
PART IV

ร่างของผมร่วงผลุบลงไปในบ่อนั้นอย่างช่วยไม่ได้!!!

ซวยแล้ว!!!!

นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมแว่บคิดตอนที่หล่นตูมลงมาสู่บึงน้ำลึกไร้ที่หยั่ง ซวยจริง ๆ ด้วย ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องบอกกันตรง ๆ...

...ผมว่ายน้ำไม่เป็นครับ...

เพราะพ่อนั่นแหละตัวดี! ซีเรียสด้วย! พยายามหัดผมว่ายน้ำตั้งแต่ผมยังตัวกะเปี๊ยก แถมไม่หัดที่แบบธรรมดาหรอกนะ พวกตัวกวนทั้งหลายเขาโยนผมโครมลงไปในบ่อแล้วนั่งดูผมตะเกียกตะกาย พยายามขึ้นจากน้ำหน้าตาเฉย!!! ดีว่าแม่กับรีมัสมาเห็นเข้าเสียก่อนเลยช่วยไว้ (แถมว้ากซะพวกพ่อหูชาไปเลย) แต่ก็เล่นเอาผมกลัวน้ำไปพักใหญ่จนไม่กล้าลงน้ำในที่ที่หยั่งไม่ถึงอีก ทำให้ผมยังคงว่ายน้ำไม่เป็นมาจนอายุ 16 เนี่ย (ผมเล่าแล้วก็อย่าเอาไปบอกใครล่ะ!)

ดึงตัวเองกลับมาที่เดิมก่อน....ผมชักหมดแรงกระเสือกกระสนแล้ว เบื้องหน้ามืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น น้ำเย็น ๆ พาเอาขาจะเป็นตะคริวแม้จะพยายามตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำ อ่อก อ่อก หายใจไม่ค่อยออกแล้วแฮะ ผมต้องมาตายที่นี่เนี่ยนะ!? ขายหน้าชะมัด! หัวหน้าตัวกวนรุ่นทายาทจมน้ำตาย ยังไม่ได้แข่งควิชดิระดับชาติ ยังควงสาวได้ไม่ครบร้อย ยังป่วนโรงเรียนได้หน่อยเดียว (เอง) แถมที่สำคัญ...ยังไม่ทันได้แกล้งไอ้มัลฟอยได้สมใจเลย

นี่มันเวรกรรมอะไรฟะ!

ด้วยสติที่เริ่มลางเลือน ผมรู้สึกว่ามีมือนิ่ม ๆ มาฉุดร่างขึ้น....มีคนมาพาไปข้างบนแล้ว! หรือจะไปสวรรค์? โอ ตัวกวนอย่างเราก็ได้ขึ้นสวรรค์ด้วยเหรอเนี่ย

โอย...แว่นหลุดไปไหนแล้ว? หนังตาก็หนักจนมองใบหน้าที่ก้มลงมาใกล้นั่นไม่ชัดเลย

รู้แต่ว่า....คงสวย...หน้าเรียว ผิวออกขาว ๆ เนียน ๆ แบบนั้นเหมือนจะสะท้อนแสงจันทร์ได้แน่ะ ดวงตาก็วาวหยั่งกับอัญมณี ผมสีบรอนด์ที่ละเอียดราวเส้นไหมเปียกระ ๆ อยู่รอบกรอบหน้าก็น่าดูหลงใหลจนไม่อยากละสายตา ....

ว้าว บนสวรรค์มีนางฟ้าจริงๆ ด้วยแฮะ แต่...นางฟ้าคนนี้ทำไมขมวดคิ้วทำหน้าเครียดจัง?

แปะ แปะ

นางฟ้าเอามือนิ่ม ๆ มาตบแปะ ๆ ที่แก้มผมแล้วพูดอะไรบางอย่าง....?....เหมือนจะเรียกชื่อ...แต่ผมหมดแรงลุกแล้ว

นัยน์ตาสีซีดดูจะมีแววลังเลก่อนจะถอนใจเฮือก แล้วอยู่ดีๆ นางฟ้าก็เอามือบีบจมูกผมที่นอนอยู่ ใบหน้าที่ตรึงสายตาของผมมาตั้งแต่แรกเห็นนั้นค่อย ๆ เลื่อนเข้ามาใกล้...ใกล้....จนถึงระยะที่ทำให้ผม (ซึ่งใกล้ตาย เอ๊ย!ตายแล้ว) รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะค่อยประกบลงมาบนริมฝีปาก...

...อืม ปากนางฟ้านี่นิ่มชะมัด... ผมรู้สึกถึงอากาศที่เข้ามาภายในปอด ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะผละออกแล้วประกบลงมาใหม่ .....เอ ค่อย ๆ มีแรงมากขึ้นแล้วแฮะ

คราวนี้ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายก้มลงมาหา ผมเอื้อมมือไปดึงศีรษะที่ทำท่าจะผละออกไปอีกครั้งลงมาแนบชิด ประกบริมฝีปากกับปากนิ่ม ๆโดยไม่ปล่อยจังหวะให้มีโอกาสหลบ!ไหน ๆ ก็ตายแล้วขอจูบนางฟ้าสวย ๆ ให้หายเศร้าใจก่อนละกัน

“อุ๊บ!”

เสียงอุทานจากคนที่โดนจู่โจมแบบไม่ตั้งตัว ดวงตาสีเทาตรงหน้าผมเบิกโพลง ท่าทางคงตกใจน่าดู พยายามดิ้นหนีอีกต่างหาก แต่ไปไหนไม่ได้หรอก ก็มืออีกข้างของผมรวบเอวคอด ๆ นั้นไว้นี่ครับ พยายามรั้งร่างบางที่ก้มอยู่ให้เข้ามาแนบอกแบบกะไม่ให้หลุด

เอ... เสียงนางฟ้านี่คุ้นชอบกลแฮะ...แต่ช่างเหอะ!

ผมเงยหน้าขึ้นอีกนิดเพื่อให้ปากสัมผัสกับปากนิ่ม ๆ ด้านบนได้ถนัดขึ้น แล้วก็ผละจากริมฝีปากนั้นนิดหน่อยก่อนจะกดลงมาใหม่ สัมผัสแผ่วเบาที่คิดว่าเป็นไปการส่งท้ายหลังตายในตอนแรก...แต่เมื่อรู้สึกถึงร่างนิ่ม ๆ อุ่น ๆ ที่อยู่ในอ้อมกอด...ทำให้ผมลืมความตั้งใจแรกเสียหมดเลย

มือข้างหนึ่งย้ายมายึดที่ท้ายทอยของอีกฝ่าย พร้อมกับกดเบา ๆ ให้ใบหน้าเนียนที่เบี่ยงหนีก้มต่ำลงอีก สายตาของผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ตื่นตระหนกคู่นั้นเหมือนถูกสะกด ก่อนจะประทับริมฝีปากแนบแน่นอีกครั้ง คราวนี้ดันลิ้นผ่านริมฝีปากนิ่ม ๆ เข้าไป

อือ...สำหรับจูบครั้งแรกอาจจะดูรุกรานมากไปนิด แต่นางฟ้าใจดีคงไม่ว่าหรอกมั้ง

ดูเหมือนผมจะคิดผิดแฮะ ตอนนี้นางฟ้าคงหายตกใจแล้ว แถมพยายามดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดผมอีกรอบ คราวนี้ดิ้นแรงกว่าครั้งแรกด้วย

แค่จูบเองน่า อย่าใจแคบสิ ผมคิดแต่ไม่ได้บอกเพราะกำลังพยายามไล้ลิ้นเข้าไปภายในโพลงปากนุ่มๆหอม ๆ ว้าว อย่าว่างั้นงี้เลยนะ ผมเคยจูบแบบลึกซึ้งมาก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยมีสาวคนไหนมีจูบที่หวานเท่านางฟ้าคนนี้เลย

“อึ๊ ฮือ อือ” ท่าเธอจะเริ่มหายใจไม่ออกแล้วล่ะครับ แขนเรียวที่พยายามผลักดันร่างออกห่างจากผมในตอนแรกเริ่มอ่อนแรง ผมว่าผมผละออกก่อนดีกว่า แต่เอ นางฟ้านี่ยังต้องหายใจด้วยเหรอ

ผมคลายมือที่ยึดท้ายทอยกับเอวคนข้างบนไว้ ปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ ทันใดนั้นมือนิ่ม ๆ ที่แตะหน้าผมเบา ๆ เมื่อครู่ก็ชกเปรี้ยงเข้ามาทันทีทันที

“โอ๊ย!”

หูย เจ็บนะเนี่ย หมัดหนักชะมัด เป็นนางฟ้าชกคนได้ไง!

เอ๊ะ เจ็บเหรอ?....ไหนเค้าว่าตายแล้วจะไม่เจ็บ...

หันไปทางผู้โจมตี ฝ่ายนั้นผละหนีออกห่างหยั่งกับกลัวว่าผมจะดึงเข้ามาหาอีกงั้นแหละ เสียงหอบหายใจฮักๆปนกับเสียงคำรามลอดไรฟัน “แก........”

มีใครสอนเจ้าหล่อนไหมนะว่านางฟ้าที่ดีน่ะเค้าไม่คำรามกันหรอก...ยิ่งเสียงห้าว ๆ แบบนี้ยิ่งไม่....

เอ๊ะ เสียงห้าว ?

“เอ่อ เธอ....” ผมพยายามเพ่งมองร่างตรงหน้าให้ชัดขึ้น แต่ด้วยสายตาที่พร่าเลือนทำให้ลำบากไม่ใช่เล่น....

ร่างนั้นดูเหมือนจะเข้าใจอาการ แว่นซึ่งตกอยู่ทางหนึ่งถูกเขวี้ยงมาตกบนตัก ผมหยิบมันมาสวมและ...

“อ้าว มัลฟอย”

เดรโก มัลฟอยที่นั่งหอบอยู่ตรงหน้าผม เสื้อผ้าสีเข้มของหมอนั่นชุ่มโชก ผมสีบลอนน์ก็เปียกลู่กับใบหน้าซึ่งตอนนี้กำลังแดงก่ำ ริมฝีปากของหมอนั่นก็ดูเรื่อ ๆ ช้ำๆ ยังไงพิกล แล้วยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็ไม่ใช่จะโกรธก็ไม่เชิงอีก (ดูจะทั้งสองอย่างเลยล่ะฮะ) แต่ที่สำคัญสายตาเนี่ย....หยั่งกับจะเข้ามาฉีกอกผมแน่ะครับ

“พอตเตอร์....ไอ้....” หมอนั่นพยายามเค้นเสียงออกมาทีละคำ “ไอ้...ฮึ่ย....”

ดูเหมือนหมอนี่กำลังพยายามสรรหาคำมาด่าผมแต่นึกไม่ออก รีบเบรกก่อนดีกว่า

“เดี๋ยว ๆ คนที่ช่วยฉันเมื่อกี้คือ...นาย...งั้นเหรอ?”

พอได้ยินคำถามของผม ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วดูเหมือนจะแดงขึ้นไปอีกฮะ เฮ่ย! จริงดิ่...

มัลฟอยหอบหายใจฮึดฮัด ดูเหมือนน้ำตาจะคลอหน่อย ๆ ก่อนที่หมอนั่นจะรีบปาดมันออกแล้วเอาหลังมือขยี้ริมฝีปากตัวเองแรงๆ หยั่งกับอยากจะลบความรู้สึกเมื่อกี้ให้หมด สายตาอาฆาตยังจ้องมาที่ผม...น่ากลัว...แต่ก็...

ว้า...จะให้บอกด้วยไหมว่าท่าทางแบบนี้มันดูน่ารัก...จังเลย....

ผมคงจ้องใบหน้านั้นนานไปหน่อย มัลฟอยเลยลุกพรวดขึ้น หันหลังให้แล้วพูดเสียงเย็นทั้งที่ฟังก็รู้ว่ายังสั่นอยู่

“พลุสัญญาณอยู่ไหน ฉันจะเรียกแฮกริดมารับ”

“อ้อ” ผมดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ มือควานไปในกระเป๋าเสื้อคลุม พลุสัญญาณอยู่ไหนนะ

“เร็วๆสิ” เสียงคนยืนกอดอกอยู่ข้างบนเร่งอย่างหงุดหงิด

“ฉันกำลังหาอยู่น่า...” ผมคุ้ยกระเป๋าเสื้อคลุม เมื่อกี้ยังหยิบมันออกมาอยู่เลยนี่นา หยิบออกมาก่อนที่จะตกลงไปในบ่อ

ใช่แล้ว พลุสัญญาณอยู่ในมือผมตอนตกลงไปในบ่อพอดี และมันก็คง...

“สงสัย จะอยู่ก้นบ่อแล้วแหง” ผมงึมงำ

มัลฟอยหันกลับมา หน้าหมอนั่นหายแดงแล้วกลับมาซีด “นายว่าไงนะ!”

ผมลุกขึ้นยืน ชี้หัวนิ้วมือไปด้านหลัง “ฉันว่า พลุสัญญาณมันคงตกลงไปกับฉัน ป่านนี้นอนอยู่ก้นบ่อแล้วมั้ง”

ริมฝีปากบางตรงหน้าผมเม้มแน่น “บ้าที่สุด” มัลฟอยทำท่าร้อนใจ“แล้วหยั่งนี้เราจะออกจากป่านี้ได้ยังไง! พอตเตอร์...นายนี่มัน...ให้ตายสิ! ฉันไม่น่ายอมแบ่งกลุ่มมากับนายตั้งแต่แรก” ดวงตาสีเทาตวัดขึ้นมองผมแบบโยนความผิดให้เต็มที่

“ใจเย็นน่า” ผมมองไปรอบ ๆ “เราค่อย ๆ คลำทางกลับไปแถวแนวชายป่าเดี๋ยวก็เจอแฮกริดเอง”

“มืดขนาดนี้เนี่ยนะ!” มัลฟอยไม่เห็นด้วย “ดึกขนาดไหนแล้วก็ไม่รู้”

ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดวงจันทร์เพ็ญกระจ่างส่งแสงนวลสว่างจนพอมองเห็นเงาของป่าได้ราง ๆ โชคดีละ ผมหันกลับมา

“พระจันทร์ขึ้นแล้ว มีแสงสักหน่อยฉันก็พอคลำทางได้......บอกแล้วไงว่าฉันเคยมาสำรวจที่นี่กับพวกแฝดวิสลีย์”ผมย้ำในตอนท้ายเมื่อเห็นสายตาไม่แน่ใจของอีกฝ่าย

“งั้นนายนำไป!”

ผมเลยออกเดินลัดเลาะผ่านพุ่มไม้หนาออกไปอีกด้านหนึ่งที่เป็นทางโล่งกว่า พลางหันกลับไปมองคนที่ตามมาเป็นระยะๆ

“ทำไมต้องเดินห่างขนาดนั้นด้วยล่ะ มัลฟอย?”ผมถามเพราะหมอนั่นเดินห่างจากผมประมาณ2เมตรได้ แถมยังทำท่าหยั่งกับผมจะเข้าไปกัดงั้นแหละ

“ช่างฉันเหอะ!!!หุบปากแล้วเดินนำไปซะ พอตเตอร์!”มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

ผมได้แต่ยักไหล่แล้วหันหลังกลับ ออกเดินต่อ
...............................................

เอ่อ........ไม่อยากจะทบทวนอะไรหรอกนะ......แต่.......เมื่อกี้นี้........เดรโก มัลฟอย?.........หมายความว่า เมื่อกี้นี้ผม....มัลฟอย.............บ้าชะมัด!เห็นหมอนั่นเป็นนางฟ้าไปได้ยังไง แหวะ!!........แต่......บางครั้ง....พอไม่ทำท่าน่าหมันไส้ หมอนั่นก็น่ารักจริงๆแหละ..........แปลกชะมัด นี่ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองมองเจ้าคู่อริคนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมเหรอ?.........

เอาเถอะ! คิดไปก็ปวดหัว ปล่อยไว้เดี๋ยวก็รู้เอง
.................................................

กลับเข้าสถานการณ์ข้างหน้านี่ก่อนดีกว่า...หลังจากเดินต่อมาอีกพักใหญ่ โดยไม่มีใครเริ่มบทสนทนาขึ้น....ที่ผมบอกมัลฟอยว่ารู้ทาง.........ชักไม่ค่อยมั่นใจซะแล้วสิ สงสัยเราจะเข้ามาลึกกว่าที่ผมกับเฟร็ด จอร์จ เคยเข้ามาสำรวจ...........ท่าจะแย่...

ผมลองเดินมั่วๆไปตามทางที่คิดว่าไม่อันตราย ไม่มีต้นไม้สูงกับกองใบไม้ทึบๆอย่างแบบแถวบ่อน้ำนั่น ชายป่าน่าจะอยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก

“พอตเตอร์”มัลฟอยเรียก

ผมหยุดชะงัก เอี้ยวตัวกลับไปมองแทนคำถาม

“นี่ไม้กายสิทธิ์ของนายรึเปล่า?”มัลฟอยว่า มือชี้ไปที่พุ่มไม้ข้างตัว ผมมองตามจึงได้เห็นไม้กายสิทธิ์ของตัวเองเกี่ยวอยู่กับกิ่งเล็กๆของพุ่มไม้

“ใช่จริงๆแหละ เราคงมาถูกทางแล้ว”

“หา? นี่นายไม่ได้รู้ทางหรอกเรอะ!?”มัลฟอยทำท่าจะโวยต่อแต่ผมไม่ได้สนใจ ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคือรีบเอาไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วรีบออกจากป่าต้องห้ามซะที

เอ............อะไรเนี่ย?

ผมพยายามดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา แต่.....มันมีเส้นไยสีเงินบางเฉียบติดมาด้วย...อะไร ? พอคิดจะดึงให้หลุดก็ปรากฏว่าเส้นไยที่ว่ามันยาวกว่าที่ผมคิดมาก ทั้งยาวทั้งเหนียวอย่างกับติดกาว พยายามดึงเท่าไหร่ เส้นไยนั้นก็เหมือนจะยาวยืดมากขึ้น มากขึ้น

“เฮ้ย!อะไรเนี่ย?”ผมร้อง มันชักจะไม่ชอบมาพากลแฮะ

มัลฟอยหันมาสนใจทันทีที่ผมพูดจบ “อะไร? เส้นด้าย?”หมอนั่นไม่มีความคิดที่จะช่วยผมแกะไม้กายสิทธิ์เลยสักนิด กลับเดินตามสายเส้นไยนั่นเข้าไปหลังกลุ่มพุ่มไม้แห้งๆใกล้ตัว

แก๊ก แก๊ก

เสียงประหลาดๆดังขึ้นมารอบด้าน ก่อนที่ผมและมัลฟอยจะทันตั้งตัว เงาร่างหลายร่างก็โผล่พรวดเข้ามา!!!!!!!





Create Date : 10 มกราคม 2548
Last Update : 18 มกราคม 2548 9:45:28 น.
Counter : 771 Pageviews.

0 comment
Volume 1 Part 3
Part III

ป่าต้องห้ามในเวลานี้มีแต่เสียงกิ่งไม้ใบไม้กระทบกัน เห็นเงาราง ๆ ของสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนเริ่มออกจากรัง ดูวังเวงยิ่งกว่าปกติเข้าไปอีก ไม่มีใครบอกได้ว่าป่านี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมคิดว่าคงจะหลายปี....อาจจะมีมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งฮอกวอร์ตก็ได้ละมั้ง ถึงแม้จะเป็นป่าโปร่งแต่หมู่ต้นไม้นี้ก็ทึบทะมึนมากกว่าในบริเวณอื่น ตอนนี้ค่ำแล้วแหง เพราะอยู่ดี ๆ อากาศมันก็หนาวยะเยือก แถมดูท่าอุณหภูมิจะลดต่ำลงอีก แสงสว่างค่อย ๆ จางไปจนเกือบหมดไป กลายเป็นว่าแถวนี้แทบจะมืดสนิท

ผมกับมัลฟอยเดินเข้าป่าต้องห้ามเงียบๆมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมง พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว เราเลยต้องจุดตะเกียง มัลฟอยรีบยึดตะเกียงไปถือไว้.......ท่าทางบอกว่ากลัวเห็นชัดเลย

“งี่เง่าที่สุด ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ!”.......หมอนี่หวังใช้เสียงเป็นเพื่อน ตลกชะมัด ฮึฮึ

“............”

“เพราะนายแท้ๆเลยนะ พอตเตอร์!!” ...........อือ....ดวงตาหมอนี่สีซีดจริงๆแฮะ สี...เทาล่ะมั้ง พอมาสะท้อนอยู่ใต้แสงไฟแบบนี้เลยทำให้ดูวาวๆอย่างกับอัญมณี....สวยดี.....ยิ่งมีแววตื่นกลัวแบบนี้ยิ่งน่ามองอย่างประหลาด

“...........”

“ซวยชะมัด! การบ้านก็ยังไม่ได้ทำ”ใบหน้าเนียนได้รูปนั้นดูหวาดๆ ระแวงสองข้างทางอยู่ตลอดเวลา

“.............”

“พอตเตอร์?” ทั้งใบหน้าและดวงตาที่กำลังนึกถึงหันกลับมามองผม ทำเอาไม่ทันตั้งตัว

“หา?เอ้อ...อะไร?”

“นายเงียบไปทำไม?”

“อ้าว? ไม่บอกล่ะว่าอยากชวนคุย?กลัวเหรอ?”พอตั้งสติได้ปากมันก็อดรวนคนตรงหน้าไม่ได้น่ะครับ...นิสัยนี้มันฝังแน่นซะแล้ว

“นายว่าใครกลัวห๊า พอตเตอร์!” เสียงสั่นๆนั้นตวาดกลับ

“อึ๊.....”ผมพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ตอนเห็นสีหน้าทั้งฉุนทั้งหวาดของหมอนั่น “ตกลง ๆ ไม่มีใครกลัวหรอก ฉันมั่วไปเอง”เสียงผมพลอยสั่นไปด้วยแล้ว ไม่ใช่เพราะกลัวนะ แต่เป็นเพราะกำลังพยายามไม่ให้เสียงหัวเราะลอดออกมาทำคุณหนูขี้หงุดหงิดโมโหเอาอีกรอบต่างหาก

“อ๊ะ!มัลฟอย....”

“นายเงียบไปเลยดีกว่า!”

“.............”

โครม!!

อา...เวลาแบบนี้อยากให้เฟร็ดกับจอร์จมาเห็นด้วยจังเลย

เดรโก มัลฟอยแห่งบ้านสลิธิรินสะดุดรากไม้ล้มป้าบลงไปบนทางดินข้างหน้าที่มีระดับต่ำกว่า....โอ้ โยนมาดคุณหนูผู้หยิ่งผยองตอนอยู่ในโรงเรียนทิ้งไปได้เลย

แล้วพอตะเกียกตะกายขึ้นมาได้...โดยผมไม่ทันได้ยื่นมือเข้าไปช่วยน่ะนะ “ไอ้บ้าพอตเตอร์!ทำไมไม่เตือนวะ!”

มัลฟอยนั่งว้ากอยู่กับพื้น มือกุมหน้าผาก ตะเกียงหลุดจากมือ วางคว่ำอยู่ใกล้ๆ

“ก็นายบอกให้ฉันเงียบนี่”

“….#%&*%@....”เสียงสบถงึมงำในลำคอ ก่อนที่เขาจะดึงมือที่กุมหน้าผากออกมาดู

ของเหลวสีแดงสด...ที่ปลายนิ้วเรียวทำเอาหน้าของคนที่นั่งอยู่ซีดมากขึ้น

“เลือด!”

ทันทีที่ได้ยินคำนั้น ผมรีบก้าวข้ามรากไม้ลงไปยังที่ที่เจ้าของเสียงนั่งอยู่

“เป็นไงบ้าง”ผมถามขณะที่รีบเดินเข้าไปทรุดลงนั่งข้าง ๆ “สงสัยคงไปกระแทกกับรากไม้อีกอันตรงโน้น”

ผมพยักหน้าไปทางรากไม้ใหญ่ด้านที่มัลฟอยล้มลงไปเมื่อครู่

แผลของหมอนี่ดูท่าก็ไม่น่าหนักหนามากไปกว่าแผลที่ผมเคยได้รับจากการแข่งควิดดิชอยู่บ่อยๆ แม้ว่าเลือดจะออกบ้าง แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าคือ ใบหน้าที่ก้มต่ำลงนั่นดูเหมือนจะช็อกไปแล้วฮะ ช็อกยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าต้องเข้ามาในป่าต้องห้ามซะอีก

“ฉัน....เลือด...ออก.....” เสียงเริ่มระโหย

“มัลฟอย? ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เฮ้ย แผลนิดเดียวเองนะ.........ผมคิดอย่างรำคาญ.........

เจ้าคนที่ทำท่าจะเป็นลมเอามือไปกุมแผลอีกรอบ เหมือนกับกลัวว่าเลือดมันไหลโชกออกมายังไงยังงั้น ผมเห็นแล้ว ด้วยความหงุดหงิดปนรำคาญก็เลยเอื้อมมือไปกระชากแขนออก.....ไหนดูให้ชัด ๆ ซิ แผลมันใหญ่แค่ไหนเชียว......

“โธ่เอ๊ย! ก็แผลนิดเดียวจริงๆนี่หว่า....เอ๊ะ!”

เอ่อ....ที่ชะงักเนี่ยไม่ใช่ว่าแผลของหมอนี่มันหนักหนาสาหัสอะไรนักหรอกนะครับ ไอ้แผลกะจิ๊ดริดเท่าแมวข่วนแค่เนี้ย แต่ว่า....

ไม่เห็นมีใครบอกผมเลยว่าลูกกะตาสีเทา ๆ ของมัลฟอยเวลามีหยาดน้ำตาชุ่ม ๆ แบบนี้...มันน่าดูชะมัด มองดี ๆ ผมสีทองอ่อนของหมอนี่ก็นุ่มน่าจับมาพันนิ้วเล่น จมูกโด่งปลายรั้นเชิดนิด ๆ แบบคุณหนูเอาแต่ใจน่าหยิกไม่หยอก ปากบางๆสีชมพูอ่อนนั่นก็....ก็น่า......

เฮ่ย.....อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก นายเป็นอะไรไปแล้ว แฮร์รี่!!!เจ้าหมอนี่มันเดรโก มัลฟอยนะโว้ยยยย หมอนี่เป็นมัลฟอย !เป็นพวกสลิธิริน! เป็นไอ้คุณหนูจอมหยิ่ง! เป็นไอ้ขี้เก๊ก! เป็น เป็น เป็น …#%&@*&@

ผมร่ายยาวจนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

“เอ้า รีบลุกเร็วเข้า อย่าบอกนะว่าแค่นี้นายจะเป็นลมน่ะ!” เฮ่อ! ได้ปั่นหัวหมอนี่แล้วค่อยยังชั่ว

ผมฉุดเขาให้ลุกขึ้น มือของหมอนี่เย็นเฉียบเลยแฮะ

มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาสีซีดยังคงมีน้ำใสๆคลอนิดๆ แต่เจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นเอาไว้เต็มที่จนต้องกัดริมฝีปากแน่น

“เรียกเจ้ายักษ์แฮกริดมา ฉันจะกลับแล้ว!” เสียงโวยวายนั่นสั่นเชียว

เฮ้ย!จะทำงั้นได้ไงล่ะ นี่เพิ่งเดินเข้ามาได้แค่ชั่วโมงเดียวเอง “เรายังไม่เจอฮิปโปกริฟตัวที่ว่าเลย แฮกริดบอกให้กลับออกไปตอน 3 ทุ่ม นี่ยังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบ 2 ชั่วโมง เดินหาต่ออีกนิดแล้วกัน”

“ไม่!ฉันจะกลับแล้ว การลงโทษอะไรนั่นมันไม่น่าจะเกี่ยวกับฉัน ทั้งหมดมันก็เพราะนายนั่นแหละ พอตเตอร์!”เสียงกับหน้าตาของมัลฟอยบอกความโกรธสุดขีด เขาหันขวับออกเดินจ้ำพรวดๆ ไปโดยไม่รอผม

“เฮ้ มัลฟอย นายจะรีบไปไหน” ผมว่าพลางจ้ำตามให้ทัน “ไปทางนั้นระวังตกบ่อน้ำนะ” ผมอุตส่าห์ตะโกนบอกเมื่อเห็นมัลฟอยเดินลิ่วๆไปตามทางที่ลาดลง

คนถูกเรียกไว้หันเดินกลับมา ก่อนจะชะงักเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“ทำไมนายรู้”

“ตอนปีแรกๆ ฉันกับพวกเฟรด จอร์จ เข้ามาสำรวจนิดหน่อย ไปไม่ไกลเท่าไหร่ เคยเจอบ่อน้ำกว้างอยู่เลยไปจากนี่ มีใบไม้แห้งบังไว้แยกไม่ค่อยออกว่าเป็นบ่อน่ะ แต่ก็ลึกพอดูเลย นายระวังด้วยล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นผีเฝ้าป่าไม่รู้ตัว”ผมร่ายยาว

“สำรวจ? มันผิดกฎโรงเรียนไม่ใช่เรอะ?ฉันจะบอกศาสตราจารย์!” เฮ้ย อุตส่าห์เตือนเพราะหวังดีนะ

“โอ้โห คุณหนูมัลฟอยขี้ฟ้องจังนะ ทำอย่างกับพวกผู้หญิง ~” ผมว่าไปงั้นเอง....รู้อยู่หรอกว่าถ้าหมอนี่จะฟ้อง ก็คงเพราะอยากเห็นผมเจอดีบ้างก็เท่านั้น

มัลฟอยโกรธจนหน้าแดง เดินกลับไปอีกทางโดยไม่รอผม(อีกแล้ว)

เพิ่งจับกบมาหยกๆ ยังจะอวดเก่งอีกนะ เจ้าบ้าเอ๊ย! แต่ทำไงได้ ขืนแยกกันแล้วขากลับไปสเนปไม่เห็นลูกศิษย์คนโปรดล่ะก็ผมถูกสั่งให้มาอยู่ในป่าแทนหอนอนตลอดเทอมชัวร์...เฮ้อ

ผมเดินจ้ำตามไป จนเจอหมอนั่นยืนนิ่งอยู่หน้าโพรงดินกว้าง มีกิ่งไม้แห้งบังอยู่ทั้งสองด้าน

“มองอะไรอยู่ล่ะ มัลฟอย ฉันก็อยากกลับปราสาทเหมือนกันแหละ รีบมาทางนี้สิ!”ผมบ่นก่อนถึงตัวอีกฝ่าย แล้วก็พลอยพูดไม่ออกไปด้วย

ภาพตรงหน้าพวกเราคือ........

ร่างของสัตว์ชนิดหนึ่ง ขนาดเท่าๆกับลูกวัว หัวเป็นนกอีนทรีแต่ตัวเป็นสิงโต ปีกขนาดเล็กสองอันแนบราบไปกับลำตัวด้านข้าง

“ตัวอะไรน่ะ?” ผมถาม

มัลฟอยก้มตัวลงใกล้เจ้าสัตว์ตัวน้อย “ฮิปโปกริฟ”

“นายรู้ได้ไง มัลฟอย? ไม่เห็นแฮกกริกเคยสอนในวิชาดูแลสัตว์วิเศษเลย ?”

หมอนั่นตาขุ่นขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะทำท่าเหมือนกับจะบอกว่า‘อย่าเอาสมองฉันไปเทียบไปก้อนเนื้อเน่าๆในหัว นาย’

“ดูซะ!ทั้งหัวเหมือนนกอินทรี แล้วก็ช่วงลำตัวเหมือนสิงโต แถมยังมีปีกนี่อีก”มัลฟอยจิ้มที่ปีกคู่เล็กๆนั้นเบาๆ “ถึงเจ้านี่จะยังเด็กอยู่มากก็เถอะ”

“เห.....เด็กเหรอ? ตัวมันเกือบเท่าลูกวัวเนี่ยนะ เด็ก?”

“อือ เพิ่งเกิดได้ไม่กี่ชั่วโมงเองมั้ง”มัลฟอยตอบ แถมด้วยสายตาดูถูกเหมือนจะบอกว่าคนที่ไม่รู้กะอีแค่เรื่องแบบนี้น่ะ...

“เพิ่งเกิด?”ผมคงทำหน้าแบบที่หมอนั่นเห็นว่าโง่เต็มที เลยได้รับรอยยิ้มเยาะเย้ยมาอีกอย่าง

“เออสิ ฮิปโปกริฟฟ์จะบินได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่มันเกิด แต่เจ้าตัวเล็กนี่กระดูกที่ปีกยังอ่อนอยู่มาก คงยังไม่เคยบินเลยมั้ง” ได้ทีละร่ายยาวเชียวนะ

“อ้อ.....”ผมยังคงยืนอยู่ห่างออกมานิดหน่อย“เออ....งั้น..เจ้าเนี่ยเหรอ.....เอ่อ....อะไรนะ?.....เบคบี้ค?”ผมว่าอย่างไม่ค่อยแน่ใจซักเท่าไหร่......ก็อุตส่าห์นึกภาพฮิปโปกริฟขนาดยักษ์ไว้ซะดิบดี

“ฉันจะรู้มั้ยล่ะ! ฉันก็ฟังเจ้ายักษ์แฮกริดบอกมาเท่าๆกับนายนั่นแหละ อย่าถามอะไรโง่ ๆ ได้ไหมพอตเตอร์”

ผมถอยห่างออกจากหมอนั่นหน่อยนึง พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ชกหน้าสวยๆนั่นก่อนจะพ้นป่า.....พูดกวนมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะโว้ย ทีตอนหกล้มละจะเป็นจะตาย ไม่น่าห่วงมันเลยจริง ๆ

“เจ้านี่ไม่น่าจะใช่บ๊อคบี๊คที่ว่าหรอก พอตเตอร์ มันเพิ่งจะเกิดนะ ไม่มีทางหนีเจ้ายักษ์แฮกริดมาเที่ยวได้หรอก”

……แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า....เอ้อ.....บ๊าคบี๊ค?....นั่นแหละ....เป็นตัวไหน?รู้งี้น่าจะให้แฮกริดบอกรายละเอียดมากกว่านั้นหน่อย .......แต่ก็จริงอย่างมัลฟอยว่า ฮิปโปกริฟที่หนีมาเที่ยวเองได้คงไม่ใช่รุ่นจิ๋วแบบนี้หรอก.......มันน่าจะ......

ผมยืนอยู่ทางด้านหลังของเจ้าฮิปปี้จิ๋วกับมัลฟอย......เลยได้เห็นอะไรที่ 1 คนกับ1ตัว ไม่ทันได้มอง.....

“นายน่าจะถามมาให้ดีกว่านี้หน่อยนะ พอตเตอร์ แบบนี้จะหาแบคบี๊คบ้าบอคอแตกอะไรนั่นได้ไง”

“เอ่อ.....ฉันว่าฉันรู้แล้วล่ะ”ผมตอบ ไม่ได้หันไปมองคนที่มาด้วย เพราะภาพตรงหน้า....ที่จริงมันแทบจะทำให้ผมไม่กล้าขยับตัวเลยด้วยซ้ำ!!

“หือ? นายว่า.......!!!!”เสียงมัลฟอยถามกลับมา ฟังดูค่อนข้างฉุนเฉียว ก่อนที่จะสะดุดกึก เมื่อได้รับคำตอบ

“คว่ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”

สิ่งมีชีวิตที่รูปร่างไม่ต่างจากเจ้าตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าพวกผม ผิดกันแค่....เจ้าตัวนั้นขนาดเท่าลูกวัว แต่ตัวตรงหน้านี่มัน.........มันใหญ่กว่าม้าซะอีกนะ!!!

ยังไม่ทันได้ขยับตัว พุ่มไม้อีกด้านก็ส่งเสียงดังแกรกๆ ผมแทบไม่อยากจะหันกลับไปดู....

“แคว๊กกกกกกก” อีกตัว....แทบจะเหมือนกันเปี๊ยบ....ก้าวออกมาจากหลังพุ่มไม้

มัลฟอยนั่งอ้าปากค้าง ตาเบิกโพล่ง!ผมเห็นท่าทางที่พึ่งอะไรไม่ได้แบบนั้น เลยต้องฉุดแขนหมอนั่นลุกขึ้นทันที!!!!

“วิ่งเร็ว!!!!”

“#%*&@$%=!!!!!!!!!!”

ความมืดทำให้ผมมองทางไม่ค่อยเห็น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ส่วนไหนของป่า กิ่งไม้เล็กๆที่ขวางหน้าอยู่เกี่ยวถูกหน้าและเสื้อจนเป็นรอยไปหมด แต่ไม่ใช่เวลามาสนใจ ก็เสียงฝีเท้าหนักสองคู่มันตามมาไม่ลดละ!!!

ให้ตายเถอะ!ไหนลูกแก้วของศาสตราจารย์ทีลอว์นีย์บอกว่าตลอดสัปดาห์นี้จะมีแต่เรื่องดีๆไง!?!? ยัยป้านั่นเชื่อถือไม่ได้จริงๆด้วย!!

“พลุ!...พอตเตอร์!พลุสัญญาณ!”มัลฟอยตะโกนบอก

ใช่!พลุสัญญาณ!

ผมวิ่งพลางฉุดคนวิ่งที่ตามมาข้างหลังด้วยมือหนึ่ง อีกมือล้วงหยิบไม้กายสิทธิ์กับพลุสัญญาณออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม ความเร่งรีบทำให้ไม้กายสิทธิ์ในมือผมพลัดร่วงลงไปข้างทาง

“ชิบ....” ผมสบถรีบหมุนตัวจะไปหยิบแต่...

“แคว่กกกกกก!!!!” “คว่ากกกกกกก!!!!” เจ้าสัตว์ยักษ์สองตัวตามมาติด ๆ โว๊ย! จะซวยไปถึงไหน!

ผมวิ่งกลับพร้อมกับลากมัลฟอยตามมา เดี๋ยวค่อยกลับไปเอา ตอนนี้ต้อง.... “มัลฟอย เอาไม้กายสิทธ์ของนายออกมา!” ผมหันกลับไปบอก แต่มัลฟอยตะโกนขึ้นก่อน

“เฮ้ย! เดี๋ยว! พอตเตอร์!ข้างหน้านั่นมัน....”

หา?อะไร?

พรุ่บ!!!!!

สวบ!!!!

เฮ้ย!

รอบด้านที่แสงสว่างมีน้อยอยู่แล้วกลับวูบลงเป็นความมืดมิดและความเย็นเฉียบ ภาพที่ผมมองเห็นคือ.............





Create Date : 10 มกราคม 2548
Last Update : 18 มกราคม 2548 9:44:56 น.
Counter : 806 Pageviews.

0 comment
Volume 1 Part 2
PART II

“พอตเตอร์!นายไม่เข้าเรียนตลอดเช้าเลยใช่ไหม”เสียง‘เจ้าแม่’ประจำตัวรอนบ่นลั่นโต๊ะของกริฟฟินดอร์ในห้องโถงจนเพื่อนๆหันมามอง

“เอาน่า แกรนเจอร์ วันนี้ฉันไม่ได้ไปก่อเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่นเลยนะ”ผมตอบด้วยสีหน้าที่คิดว่าซื่อบริสุทธิ์

“นายอย่านึกว่าฉันจะไม่รู้เรื่อง ทั้งระเบิดเหม็นที่ทางเดิน,เสกให้คุณนายนอริสกลายเป็นเป็ด,ขังพีฟไว้ในตู้กับบ๊อกกาต แล้วยังลูกสนิชปลอมที่บินว่อนไปทั่วห้องของศาสตราจารย์ทีลอว์นีย์....ผลงานของนายตลอดเช้านี้ แล้วนายยังจะว่าไม่ได้ก่อเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่นอีกรึไง พอตเตอร์”

“อืม ไม่ได้ก่อเรื่องเดือดร้อนให้‘คนอื่น’จริงๆ ก็....พวกนั้นเป็นคนอื่นที่ไหน เราออกจะสนิทกัน จริงมั้ยรอน?”ผมหันไปถามลูกชายของคุณหนูแกรนเจอร์

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”รอนหัวเราะออกมาเต็มเสียงอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อแฟนสาวเป็นฝ่ายจนแต้ม แล้วหมอนั่นก็สะดุ้ง หน้าซีดลงซีดลงด้วยสายตาคมจากคนข้างตัว “เอ่อ....”

เอาเข้าไป!เจ้ารอนนี่ท่าทางจะหือไม่ขึ้นตลอดชาติแน่ แถมเดี๋ยวนี้ไม่รู้ทำไมคุณนายวีสลีย์ในอนาคตถึงได้มาทำตัวเป็นผู้ปกครองผมไปด้วยก็ไม่รู้ ผมถอนหายใจ ก้มหน้าก้มตาทานอาหารกลางวันต่อไป

“ตกลงๆ แกรนเจอร์ เดี๋ยวตอนบ่ายฉันเข้าห้องเรียนแน่ๆ” แกรนเจอร์ยิ้ม......หึหึ ประมาทไปหน่อยนะ คุณพรีเฟ็คจอมเฮี๊ยบ


วิชาตอนบ่าย.....วิชาปรุงยาของศาสตราจารย์สเนป ที่บ้านกริฟฟินดอร์ต้องเรียนร่วมกับบ้านสลิธิริน

“เจ้าบ้าพอตเตอร์!ไหนบอกว่าจะเข้าเรียน!”สาวโหดแกรนเจอร์นั่งบ่นไปถึงเด็กหนุ่มคนดังอันดับหนึ่งแห่งฮอกวอร์ต ขณะที่คิ้วขมวดแทบจะติดกัน ทำให้แฟนหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับตัวสั่นงันงก

“แฮ...แฮร์รี่คงกำลังมาล่ะมั้ง”รอนตอบ พยายามทำสีหน้าร่าเริงเพื่อดึงอารมณ์สาวเจ้าจากจุดเดือด

พร้อมกับเพื่อนๆกริฟฟินดอร์คนอื่นๆ บางคนก็หัวเราะกับภาพปกติของทั้งสอง ส่วนอีกหลายคนแอบส่ายหน้าปลงชะตาชีวิตแทนรอน

.....จบการรายงานโดยผู้สื่อข่าวพอตเตอร์.....

อา....ครับ...ตอนนี้ผมอยู่ในห้องปรุงยานั่นแหละ เพียงแต่อยู่ในผ้าคลุมล่องหนเท่านั้นเอง แกรนเจอร์นี่ไม่ไหวเลย ใส่ความกันชัดๆ ถึงผมจะก่อเรื่องนิดๆหน่อยๆแต่ก็ไม่ผิดคำพูดนะครับ ก็บอกไปแล้วนี่ว่าจะเข้าห้องเรียนน่ะ ไม่ได้บอกว่าจะเข้าเรียนซะหน่อย และตอนนี้ผมก็นั่งอยู่ทางซ้ายมือของเธอนี่เอง

สเนปสอนสูตรปรุงยาตัวใหม่อยู่หน้าชั้น ไม่รู้วันนี้เจ้าหัวเมือกไปอารมณ์ดีมาจากไหน ถึงไม่สังเกตว่าผมไม่อยู่

ผมเบื่อฟังแกรนเจอร์กับรอนแล้ว เลยเดินเลาะไปตามที่ว่างระหว่างโต๊ะ ไปยังที่นั่งฝั่งซ้ายของพวกสลิธิริน......เจอแล้วครับ.........เดรโก มัลฟอยนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหลังสุดของพวกสลิธิริน

........แปลกแฮะ หมอนี่ชอบนั่งข้างหน้าห้องนี่นา ผมมองไปทางที่นั่งประจำของเขาแล้วก็เข้าใจ....สาวหน้าหมาจูจอมตื๊อ แพนซี่ พาร์คินสันครองเก้าอี้ข้างๆที่ตรงนั้นอยู่.....อืมม งานนี้ใครไม่เผ่นก็คงเป็นโรคประสาทล่ะ

ผมเตะขาเก้าอี้ของเครบ..หรือกอยย์ก็ไม่รู้นะ จำหน้าไม่ได้ จนบอดี้การ์ดของมัลฟอยล้มโครมไปพร้อมเก้าอี้เสียงดังสนั่น ทำให้สเนปหันขวับมามองทางนี้ด้วยสายตาที่เริ่มขุ่น เอ่ยปากตัดคะแนนสลิธิรินเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี..ตั้ง.....5 คะแนน.....

น่าสงสารเจ้าอ้วนนิดๆ ถูกมัลฟอยกับเพื่อนคนอื่นๆจ้องซะ... แต่ก็ดีไปอย่าง หมอนั่นลุกจากเก้าอี้ตัวเดิม ย้ายไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดไป เพราะเข้าใจว่าที่ตรงนี้ต้องคำสาปอะไรซักอย่าง ผมเลยทรุดตัวลงนั่งแทน อืม....มัลฟอยเก่งวิชานี้จริงๆแหละ ไม่มีพลาดเลยซักนิด ......นานๆทีพลาดสักหน่อยดีกกว่ามั้ง......

ว่าแล้ว ผมก็หยิบเล็บมังกรใส่ลงไปอีกนิด....

“เฮ้ย!”มัลฟอยอุทาน เมื่อยาในหม้อเปลี่ยนจากสีเขียวกลายเป็นสีม่วง แต่ก็ไม่โวยวายอย่างที่คิด เหยื่อของผมรีบไปหยิบส่วนผสมอีกอย่าง ที่คาดว่าเป็นหางน็อกเทล ข้างๆตัวใส่ลงไปเพิ่ม ทำให้น้ำยาค่อยๆกลับเป็นสีเขียวตามเดิม

แต่อย่านึกว่าจะหยุดแค่นี้.....ผมหันไปหยิบผงเกร็ดงูใส่ลงไปเกือบเต็มกำมือ

“เหวอ!”มัลฟอยร้องเมื่อน้ำยาของเขาสีเข้มขึ้นพร้อมกับมีฟองปุดๆขึ้นมาเหมือนกับจะระเบิด รีบหยิบหญ้าน้ำจากตู้ด้านหลังใส่ลงไปในปริมาณที่พอๆกับผงเกร็ดงู.........น้ำยากลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง

มัลฟอยหันไปเล่นงานเครบกับกอยย์ “เครบ กอยย์ แกมายุ่งอะไรกับหม้อยาของฉันรึเปล่า”

เจ้าทึ่มสองตัวอ้าปากค้างอยู่เหนือหม้อยาสีน้ำตาลของตนเอง รีบส่ายหน้าปฏิเสธ

มัลฟอยจ้องตาสองคนนั้นเขม็ง แต่คงนึกถึงระดับความโง่ของบอดี้การ์ดส่วนตัวออก จึงได้แต่บ่นอาฆาตไปตามเรื่อง ทำเอาผมแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่

ผมมองภาพตรงหน้าอย่างสนุกสนาน......ความน่าเบื่อของวันนี้ค่อยลดลงนิดหน่อย

......หิวจัง.....เมื่อกลางวันมัวแต่หาทางโต้กลับแกรนเจอร์ เลยไม่ได้กินอะไรเท่าไหร่ ยังดีที่ผมชอบพกขนมไปไหนมาไหนอยู่แล้ว.......

ผมหยิบขนมปังกรอบออกมาจากกระเป๋า ตั้งท่าจะกินแต่......

เครบหรือกอยย์ไม่รู้เดินผ่านด้านหลังเข้ามาหามัลฟอยพร้อมกับชนไหล่ผมดังพลั่ก!!!

ขนมปังกรอบอบน้ำผึ้งของโปรดลอยลิ่วไปตกใส่หม้อปรุงยาของมัลฟอย!!!!!

ตูม!!!!!!

ไม่รู้จะบรรยายยังไงถูกกับเสียงระเบิดดังสนั่น พร้อมกับน้ำยาที่เปลี่ยนเป็นสีฟ้าใสในชั่วพริบตา(ที่ขนมปังตกลงไป)ระเบิดจากหม้อกระจายไปทั่ว

ผ้าคลุมล่องหน!!!! ด้วยความเป็นห่วงของที่พ่ออุตส่าห์ให้มาฉลองวันเปิดเรียนปีแรก ผมจึงรีบถอดผ้าคลุมล่องหนออก ยัดใส่ไว้ใต้ตู้ด้านหลังทันทีโดยไม่ทันได้นึกถึงผลที่จะตามมา....

ผลหรือครับ?เครบกับกอยย์ไวอย่างไม่น่าเชื่อ หลบเข้าไปใต้โต๊ะทันก่อนที่น้ำยาสีฟ้าใสนั่นจะอาบร่าง แต่.....ผมกับมัลฟอยยืนอยู่ท่ามกลางสายตาของนักเรียนทั้งชั้นและสเนปที่จ้องมายังพิกซี่ร่างยักษ์สองตัวด้านหลังห้อง

“แฮร์รี่?” “พอตเตอร์?” “มัลฟอย?” เสียงเรียกเหมือนไม่แน่ใจจากเพื่อนๆในชั้น

ผมสีบรอนด์ของมัลฟอยกลายเป็นสีฟ้า ผิวซีดๆและเครื่องแบบเขียว-ขาวของสลิธิรินก็ถูกเคลือบด้วยน้ำยาเหนียวๆสีฟ้าใสจนมองไม่ออกว่าสภาพเดิมเป็นอย่างไร

ส่วนผมเองก็ไม่ดีไปกว่ากันซักเท่าไหร่ นอกจากเนคไทที่ไม่เปื้อนไปด้วยเพราะไม่ได้ใส่มาตั้งแต่แรก

เราสองคนยืนจ้องกันเอง ก่อนที่มัลฟอยจะได้สติโวยวายใส่ผม

“พอตเตอร์ นายอีกแล้ว!!!นายมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”

“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ คุณหนูมัลฟอย ~”ผมทำเสียงกวนประสาทกลับไป พยายามไม่ให้เสียงมีพิรุธน่ะฮะ “นี่มันห้องเรียนนะ ไม่มีใครกำหนดซักหน่อยว่าห้ามเข้ามาตรงนี้”

“นาย!นายแกล้งเอาอะไรใส่หม้อยาของฉันใช่มั้ย!”

“ขอโทษเถอะ นายเห็นเหรอว่าฉันยื่นมือเข้าไปใกล้หม้อยาของนายน่ะ?”ผมตอบอย่างใจเย็นต่อ“ไม่มีหลักฐานก็อย่ามาใส่ความคนอื่นดีกว่านะ”

“เงียบ!!!”สเนปตวาดเสียงดัง ออร่าความโกรธกลับมาอีกแล้ว

ทั้งชั้นเงียบกริบ

“มิสเตอร์พอตเตอร์ เธอแกล้งใส่ส่วนผสมผิดๆลงไปในหม้อของมิสเตอร์มัลฟอยใช่มั้ย”

“เปล่าครับ”ผมตอบด้วยความมั่นใจ สองอันแรกที่ผมใส่ลงไปน่ะเป็นส่วนผสมที่ต้องใช้อยู่แล้ว เพียงแต่ใส่หนักมือไปหน่อยเท่านั้น ส่วนอันสุดท้ายนี่มันอุบัติเหตุต่างหาก ผมก็เสียดายขนมปังกรอบนั่นเหมือนกันนะ

“แล้วเธอไปทำอะไรอยู่ตรงที่นั่งของมิสเตอร์มัลฟอย?”

“ผมแค่มาหยิบของที่ตู้นี่”ผมชี้ไปที่ตู้ด้านหลัง ขออย่าให้ใครเกิดอยากไปค้นใต้ตู้ขึ้นมาเล้ย ไม่งั้นเสร็จแน่

สเนปทำหน้าเหมือนภูเขาไฟใกล้ปะทุ“ฉันให้ทุกคนเตรียมของตั้งแต่ต้นชั่วโมงแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุผลของเธอน่าสงสัยเกินไป หักกริฟฟินดอร์ 30 คะแ....”

ยังไม่ทันที่สเนปจะพูดจบก็มีเสียงฮือฮาอย่างไม่พอใจมาจากฝั่งกริฟฟินดอร์

“อาจารย์ครับ แต่ไม่มีใครเห็นนะครับว่าพอตเตอร์เป็นคนทำให้หม้อยาระเบิด มัลฟอยอาจจะทำพลาดเองก็ได้”เซมัสพูดขึ้น .......โอ้ นายกล้ามากเซมัส....

“อย่าเอาสมองของเดรโกไปเทียบกับนายดีกว่านะฟินิกัล ต้องเป็นเพราะพอตเตอร์แน่!”เสียงฝั่งสลิธิรินโต้ กลับบ้าง .....อืม น่าสนุกขึ้นทุกที....

ความวุ่นวายในห้องเรียนยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับความสนุกสนานของผม จนกระทั่งเสียงของสเนปตวาดขึ้นอีกรอบ

“เงียบเดี๋ยวนี้!”เขารอจนเสียงโวยวายซาลง “หักทั้งสองบ้าน10คะแนนสำหรับการทำให้ห้องเรียนวุ่นวาย และเธอทั้งสองคน มิสเตอร์พอตเตอร์ มิสเตอร์มัลฟอย ไม่มีการหักคะแนนสำหรับเรื่องนี้จนกว่าจะรู้ตัวการ แต่พวกเธอต้องถูกลงโทษ!”

เอ่อ.....ผมว่ามันชักจะเกินความสนุกแล้วสิ.....สายตาสเนปเหมือนกับจะเอาผมไปฆ่าอย่างนั้นแหละ


กว่าผมและมัลฟอยจะล้างไอ้น้ำยาประหลาดนั่นออกหมดก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ยังดีที่.....ไม่รู้เพราะฤทธิ์น้ำผึ้งรึเปล่า ที่ทำให้น้ำยานั่นไม่มีผลอะไรเลย แถมพอลองชิมปรากฏว่ามีรสหวานๆซะด้วยสิ.....อืม..บางทียาที่มีฤทธิ์มากที่สุดของฮอกวอร์ตคงเป็นขนมปังกรอบอบน้ำผึ้งแหงๆ

การลงโทษที่สเนปว่าก็คือการไปช่วยงานแฮกริดในตอนเย็นวันนั้น

ผมเปลี่ยนชุด เดินออกจากหอนอนด้วยความสบายใจ......โธ่เอ๊ย นึกว่าจะลงโทษอะไร ถ้าแค่นี้ก็สบาย จะได้มีเวลาแกล้งเหยื่อของวันนี้มากขึ้นด้วย..... ขณะที่กำลังเดินออกนอกปราสาทไปยังบ้านแฮกริด ผมก็เห็นใครคนหนึ่งในชุดเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาว ยืนวางท่าพิงต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ใกล้ๆทางออก......ถึงจะไม่เคยเห็นหมอนั่นในชุดอื่นนอกจากเครื่องแบบของโรงเรียน แต่ท่าทางแบบนั้น........

“มัลฟอย”

พอได้ยินคนเรียก หมอนั่นก็หันกลับมานิดนึง ก่อนจะเมินหน้าหนี เดินไปยังบ้านของแฮกริดโดยเร็ว…เสียมารยาทชะมัด..ทำอย่างกับเห็นหน้าผมแล้วจะโชคร้ายอย่างนั้นแหละ ผมยังไม่ทันทำไรให้ซักหน่อย.....

เราเดินไปถึงหน้าบ้านแฮกริด...โอเคๆ ผมเดินตามหลัง...แฮกริดรออยู่ที่หน้าประตู แสงจากพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินทำให้เห็นร่างของแฮกริดสูงใหญ่กว่าเดิมเข้าไปอีก

แฮกริดเคยเป็นนักเรียนของฮอกวอร์ต เมื่อหลายปีก่อน แต่ถูกไล่ออกเนื่องจากแอบเลี้ยงแมงมุมยักษ์ไว้ในโรงเรียน เขาสนิทกับพ่อแม่ของผมดี ผมเลยพลอยได้รับความเอ็นดูไปด้วย

“เด็กๆ วันนี้ช่วยงานฉันหน่อยนะ เจ้าบัคบี๊ค ฮิปโปกริฟของฉันมันหลงเข้าไปในป่าเมื่อวันก่อน ฉันอยากให้พวกเธอช่วยเข้าไปหาดูหน่อย”

มัลฟอยทำหน้าเบ้ ถ้าผมดูไม่ผิด มีแววตื่นกลัวอยู่ในดวงตาสีซีดคู่นั่น.....โฮ่ สนุกล่ะสิ

“ถ้าเราเจอแล้วจะให้ทำยังไง จะให้พามันกลับมาที่นี่เหรอ?”

“ไม่ต้องๆ พวกเธอแค่จุดพลุให้สัญญาณก็พอ แล้วฉันจะรีบไปที่นั่น ฮิปโปกริฟจะค่อนข้างดุอยู่สักหน่อยกับคนไม่คุ้น แต่ถ้าเธอจะเข้าใกล้มันเธอต้องมองสบตามันไว้ แล้วก้มหัวให้มัน ถ้ามันก้มหัวตอบแสดงว่ามันยอมรับเธอ เธอก็จะเข้าใกล้มันได้”

“อืมๆ แล้วตกลงจะแบ่งกลุ่มกันเข้าไปยังไง?”มัลฟอยถาม น้ำเสียงยังน่าหมันไส้เหมือนเคย ....ทั้งๆที่กลัวแท้ๆ

“ฉันจะไปกับแฟงก์ เธอไปด้วยกันสองคน ถ้าไม่เจอ ก็มารวมกันที่นี่ก่อนสามทุ่ม”

“โอเคครับแฮกกริก” ผมยิ้มให้เขาแบบสบาย ๆ ขณะที่มัลฟอยทำหน้าเหมือนแฮกกริกเพิ่งบังคับให้เขากินหนอนฟลับเบอร์เข้าไปงั้นแหละ

“เดี๋ยวก่อน ทำไมฉันต้องไปกับพอตเตอร์ด้วย” เสียงค้านไม่เป็นผล เพราะแฮกกริกหันหลังเดินจากไปก่อนเขาจะทันพูดจบ

เหลือแต่ผมกับเขาสองคน โอ๊ะโอ๋ เดรโกที่น่าสงสาร........




Create Date : 10 มกราคม 2548
Last Update : 18 มกราคม 2548 9:44:36 น.
Counter : 882 Pageviews.

0 comment
Volume 1 Part 1
อธิบายโครงการ
Project IF นี้ เป็นการทดลองแต่งฟิก HP ที่หลุดจากกรอบของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาคปกติทั้งหมด
เริ่มต้นจากการตั้งคำถามว่า“จะเป็นยังไงนะ? ถ้า.....”เช่น IF project “Harry Potter, the Marauder of Hogwarts”แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตัวกวนป่วนฮอร์กวอร์ต(ชื่อไทย+555+ เผื่อมีคนอยากเรียก)คือ การตั้งโจทย์ของโอคุงกับชาว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีโวลดี้ ถ้าพ่อแม่แฮร์รี่ไม่ตาย เด็กชายผู้รอดชีวิตของเราจะเป็นยังไง

ฟิกนี้เป็นผลงานที่นะโอแต่งร่วมกับน้อง(อคาชา) ค่า

มันเป็นฟิกสั้นๆ อันเนื่องมาจากบทสนทนาของเราสองคนในวันหนึ่งว่า จะเป็นยังไงถ้าไม่มีโวลเดอร์มอร์ พ่อแม่แฮร์รี่ไม่ตาย เด็กชายผู้รอดชีวิตคนนี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นยังไงหนอ ถ้าได้รับการเลี้ยงดูจากสุดยอดจอมวางแผนแห่งฮอร์กวอร์ด แถมมีพ่อทูนหัวเป็นสมาชิกตัวกวนอีก 3

แล้วบทสนทนานั้นก็กลายมาเป็นฟิกเรื่อง IF เนี่ยแหละ

PART I

ผมขยับพลิกตัวซุกหน้าลงกับผ้านวมนุ่ม ให้ตายเหอะ เคราเมอร์ลิน หน้าหนาวปีนี้อากาศหนาวชะมัด ไม่อยากลุกไปเรียนเลย เอ นอนต่อแล้วหาเรื่องชวนรอนแอบโดดไปฮอกมี๊ดกันตอนบ่ายดีมั้ยนะ อย่าดีกว่า หมอนั่นต้องกลัวแฟนสาวคนเก่งปาดคอเอาแหงๆ ก็คุณหนูเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์สุดยอดนักเรียนดีเด่นแห่งฮอร์กวอร์ด ฟรีเฟ็คสองปีซ้อนยามโกรธน่ะน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร

เอาล่ะ ผมว่าผมลุกจากที่นอนดีกว่า ฮ้าว ขี้เกียจชะมัดเลย เอ แว่นตาอยู่ไหนนะ นั่งบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงสองสามทีแล้วก็ค่อยลุกเดินเข้าห้องน้ำ

สวัสดี ผมแนะนำตัวกับคุณหรือยังนะ ผมแฮร์รี่ พอตเตอร์ นักเรียนปีหกของโรงเรียนคาถาและเวทมนต์ฮอร์กวอร์ด ซีกเกอร์ที่อายุน้อยที่สุดของในรอบศตวรรษของโรงเรียน แล้วอะไรอีกล่ะ...อ้อ เจ้าของตำแหน่งหนุ่มฮอตขวัญใจของสาว ๆ

เท่านี้พอจะทำให้คุณรู้จักผมมากขึ้นหรือยัง

ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เฮ้อ คิดถึงเฟร็ดกับจอร์จชะมัด ตั้งแต่สองคนนั่นตัดช่องน้อยแต่พอตัวบินออกจากโรงเรียนไปทำร้านเกมกลวิเศษหน้าตาเฉยเมื่อปีที่แล้ว เล่นเอาผมหมดอารมณ์แกล้งเจ้าฟิลช์ภารโรงโรคจิตไปหลายวัน ก็จะไม่ให้ฉุนได้ยังไงล่ะครับ พวกเขาบอกว่าผมเด็กเกินไปที่จะออกจากโรงเรียนทั้งที่อยู่แค่ปี 5 (แล้วพวกนายน่ะแก่นักรึไงฟะ) แล้วก็ทิ้งผมไว้กับน้องชายสุดหงอกับแฟนสาวจอมจู้จี้ของหมอนั่น

โอ้ย ยิ่งคิดยิ่งเซ็ง เอาเหอะ ผมทำอย่างพวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว ผมไม่ใช่ลูกชายคนที่ 4-5 ของครอบครัวนี่นา ขืนลูกชายคนเดียวออกจากโรงเรียนทั้งที่เรียนไม่จบ ผมได้โดนคุณแม่สุดที่รักฉีกอกตายแน่

อ้อ พูดถึงพ่อแม่ ลืมบอกคุณไปสินะ พ่อผม เจมส์ พอตเตอร์ประธานนักเรียนและซีกเกอร์ของทีมกริฟฟินดอร์ (ตำแหน่งเดียวกับผมนั่นแหละ) สมาชิกของเหล่าตัวกวนรุ่นแรก (พวกผมกับสองแฝดน่ะเรียกกว่า รุ่นทายาท) ส่วนคุณแม่ของผมก็ ลิลลี่ พอตเตอร์ ประธานหญิงกับนักเรียนดีเด่น....ดูแล้วก็คล้าย ๆ ยัยหนูเกรนเจอร์นั่นแหละ (มิน่าถึงรู้สึกเย็นสันหลังวาบๆ เวลาโดนยัยนี่ว้ากใส่)

ผมกำลังสวมเสื้อคลุมทับเสื้อเชิ้ต ไอ้เนคไทน่ะลืม ๆ มันไปเหอะ กระจกตรงหน้าส่องให้เห็นเด็กหนุ่มผมสีดำดูยุ่งๆ ใครๆก็บอกว่าผมถอดแบบมาจากพ่อเด๊ะ ยกเว้นตาสีเขียวที่ได้มาจากแม่น่ะฮะ

“แฮร์รี่ นายตื่นแล้วเหรอ” เสียงเรียกดังมาจากประตูหอนอน รอนนั่นเอง ท่าทางเขาแปลกใจที่เห็นผมตื่นเช้า

“อือ นายมีอะไรเหรอ” ผมถาม

“คือ...ฉันว่าจะแวะมาดูนายก่อนไปกินข้าวเช้า” รอนยิ้มแหย ๆ “ถ้านายตื่นแล้วก็ไปห้องโถงด้วยกันสิ”

“กับเกรนเจอร์ด้วยเหรอ” ผมหรี่ตา “อย่าดีกว่า ฉันขี้เกียจเป็นก้างขวางคอพวกนาย”

ใบหน้าตกกระของรอนแดงขึ้นมานิดๆ “ไม่เป็นไรหรอกน่า เฮอร์ไมโอนี่อยากจะคุยอะไรกับนายหน่อย”

กะแล้วไม่ผิด ลงรอนมาตามผมถึงหอนอนนี่ต้องเป็นเพราะบัญชาของคุณหนูเจ้าระเบียบนั่นชัวร์ เขาตามใจแฟนมาตั้งแต่เริ่มคบกันตอนปี 3 แล้ว เอาเหอะ วันนี้ผมอารมณ์ดี จะยอมให้สักหน่อยก็ได้ “โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ห้องนั่งเล่นรวม”

รอนหายไปแล้ว ผมเดินเลยไปเปิดหีบของใช้ส่วนตัว หยิบผ้าคลุมล่องหนของพ่อออกมาเก็บไว้ในเสื้อคลุม ไม่มีใครรู้ยกเว้นสองแฝด ว่าพ่อให้ผ้าคลุมนี่เป็นของขวัญวันเกิดปีแรกที่ผมเข้าเรียนที่ฮอร์กวอร์ด พอปีสองพ่อก็ให้แผนที่ตัวกวนที่เขา
กับซีเรียส รีมัสแล้วก็ปีเตอร์เคยใช้สมัยเรียน แน่ละพวกพ่อแน่ใจว่า ผม เฟร็ด แล้วก็จอร์ชได้ใช้มันอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับที่พวกเขาเคยใช้

แต่ตอนนี้เหลือผมคนเดียวแล้ว ไม่ต้องบอกละมั้งว่ามันน่าเซ็งขนาดไหน

พอผมลงมาถึงห้องนั่งเล่นก็เจอรอนกำลังคุยกับเกรนเจอร์พอดี แม่สาวหัวฟูนี่ความจริงก็น่ารักดีนะ ถ้าเจ้าหล่อนไม่จู้จี้ จุกจิก แล้วก็ทำหน้าที่พรีเฟ็คเต็มขั้นขนาดนั้น ผมคงจีบเธอไปแล้วล่ะ ไม่ปล่อยมาให้รอนหรอก พูดไปก็เสียดาย

“อรุณสวัสดิ์เกรนเจอร์ เช้านี้ก็น่ารักอีกแล้วนะ” ผมแกล้งเย้า

เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ย่นจมูก “ไม่ต้องมาพูดหวานหรอก พอตเตอร์ นายใช่มั้ยที่เอาน้ำยาติดหนึบไปใส่ที่ประตูของศาสตราจารย์ควีเรลเมื่อวาน อาจารย์เลยออกจากห้องไม่ได้ มาดามฮู๊ทต้องเอาไม้กวาดไปรับที่หน้าต่าง” สีหน้าหล่อนเอาเรื่องอยู่แฮะ

“โอ๊ะ โอ๋ ใส่ความกันแบบนี้ไม่ดีนะจ๊ะ” ผมแกล้งทำหน้าซื่อ “ไม่มีหลักฐานมาปรักปรำกันแบบนี้ฉันเสียใจแย่” แถมสีหน้าออดอ้อนสำนึกผิดอีกหน่อยก็ได้เอ้า

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ พอตเตอร์ ฉันไปตรวจที่ห้องสมุดมาแล้ว คนที่ยืมหนังสือตำราปรุงยาเล่มใหม่ที่มีสูตรยานี่ไปคือนาย” เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่ลดเสียง “ไปหาศาสตราจารย์แมกกานากัลด้วยกันเสียดีๆ”

“ไม่เอาน่าเกรนเจอร์” ผมว่าผมชิ่งดีกว่า ชักหิวข้าวแล้วสิ “คนที่ยืมหนังสือต่อจากฉันไปก็มีตั้งเยอะน่า อย่างน้อยก็คุณหนูมัลฟอย เด็กบ้านสลิธิรินไง”

“ถึงมัลฟอยจะหยิ่งยะโสท่าทางกวนประสาท แต่เขาก็ไม่มีประวัติเสียแบบนายหรอก” ใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้าผมชักโมโหมากขึ้น “อย่าปัดความผิดให้คนอื่น พอตเตอร์”

“โอเคๆ ไม่ปัดก็ได้ แต่ไว้หาหลักฐานให้แน่นกว่านี้ก่อนค่อยมาคุยกับฉันใหม่ดีกว่านะ เฮ้อ ฉันหิวข้าวแล้วล่ะ ถ้าพวกนายจะยังคุยกันต่อ ฉันขอตัวไปห้องโถงกลางก่อน”

“พอตเตอร์ นายนี่มัน” เกรนเจอร์เดือดแล้วครับ ผมชอบจังเวลาผู้หญิงน่ารักๆ แบบนี้โกรธ

“เฮอร์ไมโอนี่ ใจเย็น” รอนพยายามมาดึงแฟนเขาไว้ ผมเลยใช้จังหวะนี้แวบหนีออกมาจากห้องนั่งเล่น

ความจริงผมก็ไม่ได้ตังใจจะแกล้งศาสตร์จารย์ควีเรลที่สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดเท่าไหร่หรอก แค่รำคาญท่าทางจ๋องๆ ซึมๆของเขาเท่านั้นเอง ใครเป็นคนจ้างหมอนี่มาสอนวิชานี้ฟะ ให้รีมัส เพื่อนสนิทของพ่อผมมาสอนยังดีกว่าอีก ตอนปิดเทอมผมไปค้างที่บ้านของเขากับซีเรียสบ่อย ๆ รีมัสติวให้จนผมเรียนเลยไปถึงตำราของปี 7 โน่น เขาเป็นครูที่ดี ผมว่าผมได้อะไรเยอะกว่าที่เรียนกับควีเรลมาทั้งปีเสียอีก แต่ก็นะ แค่รีมัสเป็นมนุษย์หมาป่า พ่อแม่ของพวกคุณหนูที่โรงเรียนนี้ก็ขยาดแล้ว

ผมไม่ได้เข้าไปกินอาหารที่ห้องโถงหรอก แต่แวะสั่งเจ้าพวกเอลฟ์ที่กำลังเก็บโต๊ะให้เอาอาหารไปให้ผมที่ระเบียงชั้น 3 ด้านหลังโรงเรียน เรื่องวิชาเรียนคาบแรก (ประวัติศาสตร์เวทมนต์) น่ะ ลืมไปได้เลย แหม เช้าที่อากาศสดใสแบบนี้ใครจะอยากเข้าไปนั่งหลับล่ะครับ

ผมจัดการอาหารเช้าเรียบร้อยกำลังยืนชมวิวแล้วคิดว่าวันนี้จะไปหาเรื่องสนุกอะไรทำดี ก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง

“แฮรรี่” เสียงแผ่วๆ หวานๆแบบนี้ผมไม่มีทางลืมหรอก

“โช” ผมหันไปยิ้มให้เธอ แฟนสาว เอ้ย อดีตแฟนสาวสินะ เราเลิกกันตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วนี่นา

เธอเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าหวานมีแววเศร้า “ไม่ไปเรียนเหรอ”

“ขี้เกียจน่ะ แล้วเธอล่ะ” ผมถามกลับ

“ฉันกำลังจะไปห้องพยาบาล” เสียงตอบแผ่ว

“ไม่สบายเหรอ” ผมแตะหลังมือที่หน้าผากกลมมนเบา ๆ ถึงเราจะเลิกกันแต่ก็จากกันด้วยดีน่า “ตัวร้อนนิดๆนะ รักษาสุขภาพหน่อยสิ”

หยาดน้ำตาเอ่อคลอดวงตาคู่สวย โอ้ ไม่นะ เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย

“แฮร์รี่ ฮึก ฮึก” โชเริ่มสะอื้น “ฮึก เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ” น้ำตาไหลพรากจากดวงตาลงมาสู่แก้มเนียน

“ไม่เอาน่า” ผมพยายามปลอบ จะให้บอกไหมเนี่ยว่าผมขอเลิกกับเธอก็เพราะนิสัยเจ้าน้ำตาของเธอเนี่ยแหละ “ไหนว่าเราจะจากกันด้วยดีไง” ผมกอดร่างบางแล้วลูบผมยาวของเธอเบาๆ “เธอน่ะดีเกินไปที่จะอยู่กับคนแบบฉันนะ”

“แต่...ฮือ...แต่ว่า” โชยังไม่หายสะอื้น

“ดิกกอรี่เขาก็เอาใจใส่เธอดีไม่ใช่เหรอ” ผมเอ่ยถึงรุ่นพี่ที่เพิ่งจบไป เขาแวะเวียนมาหาโชทุกวันสุดสัปดาห์ตั้งแต่ผมเลิกกับเจ้าหล่อน

“เขาไม่เหมือนเธอนะแฮร์รี่ ไม่มีใครเหมือนเธอ” อดีตแฟนสาวของผมย้ำ จะมีอะไรน่าภูมิใจไปกว่านี้ไหมเนี่ย

“แล้วเธอจะชอบเขา ฉันพนันได้เลยล่ะ” ผมต้องปลอบเธอไปถึงเมื่อไหร่นะ “โชคนดี ไปห้องพยาบาลแล้วนอนพักนะจ๊ะ” ผมแตะริมฝีปากกับแก้มเนียนที่เปียกชื้น “เธอยังเป็นเพื่อนฉันเสมอนะโช”

“ขอบใจจ้ะ แฮร์รี่” โอเค เธอเช็ดน้ำตาแล้วก็เดินจากไปเสียที

เฮ้อ เป็นคนเนื้อหอมมันก็ลำบากแบบนี้ล่ะครับ ผมได้แต่ส่ายหน้า

“แฮร์รี่ แฮร์รี่”เสียงรอนอีกแล้ว...วันนี้มันเป็นยังไงกันนักกันหนานะ... “แฮร์รี่ อยู่แถวนี้รึเปล่า?เฮอร์ไมโอนี่ให้ฉันมาเรียกนายไปเรียน แฮร์รี่?อ้าว...ไม่อยู่เหรอ?”

เสียงฝีเท้ารอนเดินจากไปพร้อมกับที่ผมชะโงกหน้าออกมาจากทางลับที่ผนังใต้คบเพลิง

ใครจะอยากไปเรียนกับยัยป้าประสาทหลอนทีลอว์นีย์ ไว้ค่อยทำงานส่งทีหลังก็ได้ พ่อผมบอกมาตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม(แน่นอนว่าลับหลังแม่)ว่าวิชาเนี้ย แค่เขียนไปว่าเราจะโชคร้ายมากๆก็พอ

วันนี้มันเหมือนมีอะไรขาดไปน๊า เซ็งๆๆๆๆๆ สงสัยจะได้เวลาออกล่า(เหยื่อ)หาความสนุกแล้ว!!!

“อ๊ากกกกกกกก!ใคร!ใครเอาระเบิดเหม็นมาไว้ตรงนี้!!!!!!!!!”เสียงฟิลช์ร้องเสียงหลงมาจากทางเดินชั้นสาม เนื่องจากมีผู้ไม่ประสงค์จะออกนามมาฝากกับดักระเบิดเอาไว้และเมื่อภารโรงคนเก่าพร้อมด้วยแมวสาวผู้ติดตามผ่านมาทางนี้(ตามข้อมูลที่ทำการสำรวจมาอย่างดี) ผลก็คือ...........เสียงดังลั่น(ทั้งระเบิด ทั้งคน ทั้งแมว)ตามด้วยกลิ่นเหม็นชนิดที่คงทำให้ไม่มีใครเดินผ่านแถวนี้ซัก 3 วัน “ไอ้เด็กบ้านั่นแน่ๆ!พอตเตอร์!ฉันรู้ว่าแกอยู่ตรงนี้ ออกมาซะดีๆ!”

เสียงกลุ่มนักเรียนที่ยืนปิดจมูกดูอยู่ห่างๆหัวเราะคิกคัก ....อยากเห็นชะมัดเลย!!!!!!แต่จะออกไปก็ไม่ได้ ต้องแอบมาขำอยู่ในห้องว่างข้างๆ ไม่งั้นผมได้ไปขัดถ้วยรางวัลเป็นรอบที่ 10 ของเทอมนี้แน่ๆ

......ไม่ใช่ ไม่เห็นสนุกเลย เจ้าภารโรงนี่มันก็แค่ตัวฆ่าเวลาเล่น มันน่าจะมีเหยื่อ(?)ซักรายที่น่าสนุกกว่านี้สิ!

ผมครุ่นคิดอย่างจริงจังระหว่างหยุดยืนตรงมุมห่างจากที่เกิดเหตุมาพอสมควร

........น่าจะเป็นคนที่ผมต้องใช้สมองคิดแผนการมากกว่านี้

แล้วก็น่าจะเป็นคนที่ตอบโต้ผมกลับทันทีที่โดนเล่นงาน.....

พลั่ก!!!!

“โอ๊ย”เสียงสองเสียงร้องพร้อมกัน คนหนึ่งคือผมแน่ๆล่ะ ส่วนอีกเสียงนึง.....

“เดรโก มัลฟอย!”ร่างผอมบางของเจ้าคุณหนูผมบรอนด์สายเลือดบริสุทธิ์แห่งบ้านสลิธิรินที่ลงไปนั่งกุมหน้าผาก
อยู่ตรงหน้าผม ข้างตัวเราสองคนมีกองหนังสือกระจัดกระจาย เฮอะ คงไปห้องสมุดมาอีกล่ะสิพ่อนักเรียนดีเด่น

“เดินไม่รู้จักดูทางรึไง” เสียงหงุดหงิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดูผม แน่ละครับ พอเห็นว่าคนที่ชนเป็นผม ไอ้หน้าที่บึ้งอยู่แล้วนั้นยิ่งหงิกหนักขึ้นไปอีก “อ๋อ นึกว่าใคร นายเองงั้นเหรอ พอตเตอร์” หน้าตาเย็นชากับลูกกะตาซีดๆ ที่มองเหยียดๆ นั่นมันอะไรฟะ

“คงก่อเรื่องแล้วหนีมาอีกล่ะสิ” เสียงเย็น ๆ จากไอ้ปากบางๆ นั่นน่าหงุดหงิดสุดๆ

ผมยิ้มนิด ๆ ก่อนจะพูดแบบไม่ยี่หระ แน่นอนครับกะอีแค่พรีเฟ็คบ้านสลิธิริน ใครจะไปกลัว “ก็แค่หาอะไรทำให้หายเบื่อน่ะ มัลฟอย” ผมขยับลุกขึ้น แต่เห็นเจ้าคนตรงข้ามยังนั่งอยู่และพยายามรวบรวมกองหนังสือกลับมาถือ ผมได้ทีเลยจี้ใจดำหมอนี่บ้าง

“ยังขยันเหมือนเดิมนะ หวังว่าเทอมนี้คงเอาที่หนึ่งมาจากเกรนเจอร์ของบ้านฉันได้”

ได้ผลครับ ดวงตาสีฟ้าเงยขึ้นมองผมอย่างหงุดหงิดทันที คุณหนูนั่นลุกพรวด “ไม่ใช่เรื่องอะไรของนาย”

“โอ๊ะ โอ๋ ขอโทษที ก็แค่อยากเอาใจช่วย” กวนประสาทหมอนี่ก็สนุกดีแฮะ ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าพ่อหมอนี่ (เจ้าตระกุลเก่า—เลือดบริสทธิ์ สูงส่งซะเหลือเกิน) ไม่พอใจมากที่ลูกชายคนเดียวเรียนแพ้คนที่เกิดจากพ่อแม่มักเกิ้ลอย่างเกรนเจอร์ เลยสั่งเข้มซะเดรโกแทบจะเป็นโรคเครียดอ่อน ๆ (อันนี้แอบฟังมาดามพอร์มพรีย์ปรึกษากับศาสตราจารย์แมกกานากัลตอนอาจารย์เรียกผมไปฟังเทศน์ประจำสัปดาห์พอดี)

ความจริงก็น่าสงสารมัลฟอยนะ ใครจะไปเรียนชนะแม่สาวอัจฉริยะแห่งกริฟฟินดอร์ได้

“เอาตัวนายให้รอดเถอะ พอตเตอร์” มัลฟอยยิ้มเยาะบ้างแล้วครับ ใครสังเกตบ้างว่าเวลาหมอนี่ทำหน้าตาอย่างอื่นที่ไม่ใช่สีหน้าเย็นชาแบบคุณชายแล้วมันก็น่าดูเหมือนกันนะ “เกรดวิชาปรุงยากำลังตกมิตกแหล่ไม่ใช่เหรอ ศาสตราจารย์สเนปไม่ใจดีเหมือนอาจารย์คนอื่นหรอกนะ”

ดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าผมกลัวอาจารย์ประจำบ้านเขาเสียเหลือเกิน โอเค ผมยอมรับว่าผมโคตรไม่ชอบหน้าสเนป คู่แค้นเก่าสมัยเรียนของพ่อสุด ๆ เหอะ พ่อเล่าให้ฟังเสมอแหละว่าหมอนี่เกลียดพวกตัวกวนของพ่อมาแต่ไหนแต่ไร นับประสาอะไรกับลูกชายอย่างผมเขาจะไม่เกลียด อาจารย์ลำเอียงนั่นตัดคะแนนบ้านกริฟฟินดอร์ไปเท่าไหร่แล้วนะ

ผมคงมัวคิดเรื่องสเนปเพลินไปหน่อย มัลฟอยเลยได้ใจ “ถ้านายสำนึกซะได้ก็ดีนะ พอตเตอร์ ขอทางด้วย” เขาพูดเสียงแข็ง

“เชิญๆ ตามสบายเลย” ผมยิ้มเบี่ยงทางให้เขา อ๊ะ อย่าคิดว่าคนอย่างผมจะยอมใครง่าย ๆ แบบนี้นะครับ ของอย่างนี้มันต้องมีเอาคืนกันบ้าง

ในที่สุดก็เจอจนได้ ‘เหยื่อ’ ของวันนี้ อุตส่าห์ตามหามาตั้งแต่เช้า......หึหึ



Create Date : 10 มกราคม 2548
Last Update : 18 มกราคม 2548 9:44:02 น.
Counter : 1507 Pageviews.

3 comment
1  2  3  

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]