Volume 2 part 1
IF : Harry Potter, The Marauder of Hogwarts


Volumn 2 : Draco’s eyes


Part 1

ผมขยับพลิกตัวซุกหน้าลงกับผ้านวมนุ่ม.....อือ....หนาวจัง ทำไมหน้าหนาวปีนี้ถึงได้หนาวขนาดนี้นะ.....ไม่อยากตื่นเลย.....แต่ไม่ได้หรอก ไม่ใช่วันหยุดสักหน่อย.....

หลังจากทำใจกับอากาศภายนอกผ้าห่มอยู่ 2-3 นาทีผมก็ลุกขึ้น...ไม่ลืมที่จะจัดการกับที่นอนให้เรียบร้อย ที่จริงตอนอยู่บ้านผมก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้หรอกนะ นั่นมันงานของพวกเอลฟ์นี่นา แต่เพราะตอนปี1 ยัยแพนซี่‘พยายาม’เจ้าจี้เจ้าการจะมาจัดห้องให้ ผมเลยต้องเตือนตัวเองว่าต้องเก็บห้องให้เรียบร้อยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

มองออกไปนอกหน้าต่าง “...หิมะเริ่มตกแล้ว...”พึมพำกับตัวเอง อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปชิดขอบกระจก ภายนอกมีแต่สีขาวมัวๆ ของหิมะ สลับกับสีเทาเข้มของท้องฟ้าต้นฤดูหนาว

นั่งดูอยู่เงียบๆ พักนึง ผมก็ลุกเดินเข้าห้องน้ำ.......น้ำอุ่นก็จริง แต่พอรู้ว่าออกมาก็เจออากาศเย็นๆ มันทำให้การอาบน้ำในช่วงนี้ใช้เวลาไม่นานนัก ผมหยิบชุดนักเรียนออกมาใส่

กระจกบานใหญ่ข้างๆตู้เสื้อผ้าส่องให้เห็นร่างค่อนข้างผอม...ผอมเกินไปสำหรับเด็กหนุ่มอายุ 16...ผมคิดอย่างหงุดหงิด ผมสีบลอนด์อ่อนเปียกระกับใบหน้าค่อนข้างเรียว นัยย์ตาสีฟ้าอมเทาจ้องมองมาจากกระจกเงา เค้าหน้าและดวงตาที่ใครๆ ก็บอกว่าคล้ายกับแม่เหลือเกิน นั่นไม่ทำให้ผมดีใจหรอกนะ...ถึงแม้แม่ผมจะได้ชื่อว่าเป็นคนสวยมากที่สุดคนหนึ่งก็เถอะ

.......จำเป็นต้องแนะนำตัวไหม? จำเป็นด้วย?

งั้น....เดรโก มัลฟอย นักเรียนปีหกของบ้านสลิธิริน โรงเรียนคาถาและเวทมนต์ศาสตร์ฮอร์กวอร์ต.......จบ

แค่นี้พอแล้ว ผมจะแต่งตัวล่ะ.....

เสียงขึ้นบันไดกึงกังมา ผมเอียงคอผูกเนคไทอยู่หน้ากระจกโดยไม่หันกลับไปมอง ฝีเท้าหนักขนาดนี้ไม่เจ้าแครบก็เจ้ากอยย์นั่นแหละ สององครักษ์งี่เง่าที่ตามผมมาตั้งแต่ปี 1

“มัลฟอย...” เสียงเจ้าแครบ.. “แต่งตัวเสร็จหรือยัง ไปกินข้าวเช้ากันเถอะ”

“ฉันยังไม่ไปกินข้าวล่ะ, มีธุระนิดหน่อย” ผมว่า “พวกนายไปกินก่อนก็ได้นะ” รีบตัดบทไปซะ

เจ้าอ้วนได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มแป้น คงดีใจที่ไม่ต้องหิ้วท้องรอผม ดี...ผมเองก็มีที่ที่ต้องแวะไปก่อนกินอาหารเช้าเหมือนกัน

หยิบหนังสือที่จะคืนห้องสมุดแล้วก้าวออกมาจากหอ ระเบียงทางเดินตอนนี้คนเริ่มบางตา คงจะไปกินอาหารเช้ากันหมดแล้ว ถ้างั้นข้างนอกก็คงเหมือนกันสินะ.....ดีจริงๆ

พอมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นเมฆสีเทายังคงปกคลุมท้องฟ้า สำหรับหลายคนวันนี้มันคงดูหม่นหมอง แต่ผมว่าอากาศแบบนี้มันก็สงบดีจะตาย....หรือว่าผมจะหมกตัวอยู่ในห้องสมุดกับห้องปรุงยามากเกินไปก็ไม่รู้....

“ช่างเหอะ วันนี้สงบชะมัด” ผมเผลอหลุดออกปากออกเสียงไปเพราะคิดว่าไม่มีคน

แต่ว่า...

“ช่าย วันนี้อากาศแสนจะแจ่มใสนะ เดรโก”

เสียงที่มองไม่เห็นที่มาทักมาจากทางด้านหลัง ผมสะดุ้งหันขวับไปทันที ไม่ทันได้ตั้งตัวว่ามีใครตามมา หน้าเลยแทบจะชนกับอกของไอ้คนที่ยืนแทบจะชิด

ปึ่ก! เพราะคนที่ปะทะตัวสูงกว่า เลยกลายเป็นว่าผมที่เป็นคนชนเสียหลักล้มลงเสียเองอีก...

“โอ๊ะๆ ระวังหน่อย” มือใหญ่เอื้อมมาคว้าแขนผมไว้ประคองไม่ให้ล้ม เสียงทุ้มกวนประสาทแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเงยหน้าขึ้นไปจะเจอใคร

ใบหน้าสีแทนที่คร้ามเพราะแดดจากการเล่นควิชดิชกับผมสีดำยุ่งๆ ดวงตาสีเขียวหลังกรอบแว่นมีประกายสนุกอยู่เป็นนิจ

แฮร์รี่ พอตเตอร์....

“นายมาทำอะไรแถวนี้!” ผมหลุดปากถามเสียงห้วน เจอไอ้หมอนี่แต่เช้า วันนี้ซวยทั้งวันแน่

ทั้งที่โดนทักแบบนั้น แต่ใบหน้ากวนๆ กลับฉีกยิ้มกว้าง....ยิ้มที่สดใสราวกับดวงตะวันทำให้อากาศขมุกขมัวรอบด้านดูสว่างวาบขึ้นมาทันที

แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันจ้าเกินไป....จ้าจนแสบตา....อยากจะเอาหนังสือในมือเขวี้ยงใส่ไอ้พระอาทิตย์นั่นให้มันรีบๆ ตกดินไปซะตั้งแต่เช้า

“ก็....มาทักทายอรุณสวัสดิ์กับนายไง” เสียงพูดตอบ...ฟังหวานจนรู้ว่าแกล้งดัด

“ไม่ต้องก็ได้ ฉันขี้เกียจเจอมลพิษ” ผมพูดเสียงเย็นหลังจากที่ปรับอารมณ์ให้หายตกใจแล้ว พยายามเดินเลี่ยงหนีออกมาแต่เจ้าขายาวนั่นก็ตามทันอยู่ดี

“แหม อย่าตัดรอนอย่างนั้นสิ ฉันอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามารอเพราะรู้ว่านายมีเรียนนะ” เสียงพูดกลั้วหัวเราะ....สมใจที่สามารถทำให้ผมหงุดหงิดได้แต่เช้าละมากกว่า...

“ไม่จำเป็น!” ผมกระแทกเสียงแล้วรีบสาวเท้าเดินหนี เจ้าบ้านี่ดันโผล่มา เช้านี้คงไปที่นั่นไม่ได้แล้ว ช่างเหอะ รีบหนีมันให้พ้นก่อน

ผมคิดแล้วเลี้ยวเข้าห้องโถง แน่ใจว่าพอตเตอร์ไม่ยอมตามเข้ามาแน่ หมอนั่นกำลังหลบหน้าศาสตราจารย์สเนปอยู่ ตั้งแต่เกิดเรื่องหม้อยาผมระเบิดในคาบปรุงยาเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วทั้งผมทั้งเจ้าแสบนั่นโดนโทษเข้าไปในป่าต้องห้าม อาจารย์ประจำบ้านผมก็ดูเหมือนจะ ‘ใส่ใจ’ กับพอตเตอร์มากขึ้น...ขณะที่คนโดนคุมก็ทำตัวสงบเสงี่ยมขึ้นผิดตา...นี่คำพูดของพวกอาจารย์นะ...

แต่สำหรับผม...ผมว่าหมอนั่นมันทำเรื่องยุ่งมากขึ้นเสียมากกว่า...แค่พยายามหลบสายตาพวกอาจารย์กับฟิลช์....

และที่แย่ที่สุดคือ.....ดูเหมือนหมู่นี้เจ้าตัวแสบประจำโรงเรียนจะชอบมาก่อกวนอยู่ใกล้ๆ ตัวผมเนี่ยสิ....ทำไมก็ไม่รู้!


-ห้องโถง-

ตอนนี้ก็เริ่มสายแล้ว ทั้งๆที่ผมอุตส่าห์ถ่วงเวลามากินอาหารเช้าช้าเพื่อไปที่นั่นแท้ๆ แต่......ช่างเถอะ ยังดีกว่าปล่อยให้เจ้านั่นตามไปด้วย

วันนี้ค่อนข้างแปลกจากปกติ โต๊ะของแต่ละบ้านมีคนมาเกือบครบ รวมทั้งโต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์ แม้แต่เจ้าบ้าพอตเตอร์ก็นั่งประจำที่เรียบร้อย ไม่รู้แว่บมาถึงก่อนผมได้ยังไง

ขณะที่ผมนั่งลงตรงที่นั่งประจำ อาหารเช้าก็ปรากฏบนโต๊ะพอดี แต่ก่อนที่จะมีใครลงมือกิน ฝูงนกฮูกก็บินฮือเข้ามาในห้องโถง ที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูง คือนกฮูกเหยี่ยวตัวใหญ่ ปีกสีน้ำตาลเข้มจนดูไกลๆแล้วเหมือนกับสีดำสนิท มันบินตรงเข้ามาที่โต๊ะของบ้านสลิธิริน และหยุดลงบนพื้นโต๊ะตรงหน้าผม

ผมเอื้อมมือไปแกะเชือกที่ยึดซองจดหมายไว้กับขานกฮูกของตระกูลมัลฟอย


ผมค่อยๆเก็บกระดาษแผ่นเล็กนั้นใส่ซอง หลับตาและผ่อนลมหายใจลงช้าๆ มือที่ถือจดหมายค่อยๆ กำแน่นจนซองขนาดเล็กเรียบกริบนั้นผิดรูปร่างไป

..............ก็จดหมายแบบเดิมๆ............น่าแปลกที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ชินสักที.....ถึงจะรู้ว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็อดปวดหัวจี๊ดๆขึ้นมาไม่ได้.............

....................................................................

ผมเดินเข้าคุกใต้ดินไปพร้อมกับเด็กสลิธิรินคนอื่นๆ ความหงุดหงิดในตอนเช้าดูจะลดลงมากแล้ว แต่นั่นก็ยังไว้ใจไม่ได้เท่าไหร่นัก เพราะคาบปรุงยาเป็นวิชาที่บ้านสลิธิรินเรียนกับกริฟฟินดอร์ ห้องเรียนที่มีเจ้านั่นอยู่ด้วย! ผมอยากเห็นหน้าคนที่จัดตารางเรียนของ 2 บ้านนี้จริงๆ!!!

“เปิดหนังสือหน้า 852” ศาสตราจารย์สเนปพูดขึ้นขณะที่มือขยับไม้กายสิทธิ์ให้สูตรยาตัวใหม่ขึ้นไปปรากฏอยู่บนกระดาน “มิสเตอร์พอตเตอร์ เธอจะไม่จดรายละเอียดของส่วนผสมลงไปรึไง?”

“จดเสร็จแล้วครับ”เสียงพอตเตอร์ตอบกลับไปโดยไม่มีการกวนโมโหอย่างเคย

“....”ศาสตราจารย์สเนปดูจะอึ้งด้วยความผิดคาดนิดๆ ก่อนจะเลิกคิ้วถาม “อ้อ ท่าทางงานในป่าต้องห้ามเมื่อคราวก่อนจะทำให้เธอสำนึกถึงหน้าที่ของการเป็นนักเรียนขึ้นมาบ้างสินะ”

ถูกกระทบแบบนี้....เจ้าหน้าเป็นนั่นมันยังยิ้มได้อีก “คงอย่างนั้นครับ....ศาสตราจารย์” ดูเหมือนเสียงคำว่า ‘ศาสตราจารย์’ จะจงใจเน้นเป็นพิเศษ

พอตเตอร์มันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ.....ผมคิดขณะที่มองอาจารย์ประจำบ้านละจากโต๊ะของบ้านกริฟฟินดอร์แล้วใช้ไม้กายสิทธิ์เปลี่ยนรายชื่อตัวยาบนกระดาน..ด้วยความเร็วมากกว่าปกติ และพวกผมก็ต้องปั่นจดรายชื่อเหล่านั้นให้ไวมากกว่าเดิมด้วย ขณะที่เจ้าตัวคนยั่วโมโหนั่นเฉยทำท่าเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่

เมื่อจดเสร็จเรียบร้อย ศาสตราจารย์สเนปก็หันไปอธิบายคุณสมบัติของตัวยาเหล่านั้น ผมเงยหน้าขึ้นฟังอย่างตั้งใจเหมือนทุกที แต่....

วิ้ว......แป่ะ!

นกกระดาษของใครก็ไม่รู้บินล่อนมาตกบนสมุดของผม ใครแอบส่งโน้ตในห้องเรียนงั้นเรอะ.....

มองดูชื่อบนปีก..เดรโก มัลฟอย...ผมนิ่งมองก่อนจะตัดสินใจแกะมันออก

ภาพเขียนเคลื่อนไหว...ลายเส้นห่วยแตกยิ่งกว่าเด็กอนุบาล...แต่ก็ดูรู้เรื่องว่ามันเป็นใบหน้าของเด็กผู้ชายที่กำลังเอามือกุมหน้าผาก แถมมีน้ำตาคลออีกต่างหาก....

ไอ้บ้า! รู้แล้วว่าใครส่งมา ผมขยำนกกระดาษตัวนั้นจนมันกลายเป็นก้อนกลมแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะอย่างไม่ไยดี กลับมาสนใจกับบทเรียนต่อ

วิ้ว....นกตัวที่สองบินมาตกบนโต๊ะ ผมรีบปัดมันไปรวมกับซากของเจ้าตัวแรก

วิ้ว ! แป่ะ! แป่ะ! แป่ะ!

ตัวที่สาม ที่สี่ และที่ห้าลอยตามมา...ชักจะหมดความอดทนแล้วนะเว้ย

นกตัวที่หกบินมา ปากกระดาษของมันจิกที่แก้มผมเบาๆ ราวกับว่าจะเรียกร้องความสนใจ.....โธ่เว้ย ถ้าหมอนั่นมันมีความสามารถขนาดใช้เวทมนต์สั่งนกกระดาษได้ขนาดนี้ ก็น่าจะเอาความสามารถมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์มากกว่านี้หน่อย...ไอ้ตัวกวนไร้สาระ!

นกกระดาษตัวนั้นยังจิกผมไม่เลิก ดีว่านักเรียนคนอื่นมัวแต่สนใจตัวยาใหม่ที่ยุ่งยากเลยไม่ทันได้สนใจ เออ...แค่แกะใช่มั้ย ผมกระชากเจ้านกขี้ตื้อนั่นมาและแกะออก

คราวนี้ภาพในกระดาษกลายเป็นภาพผมกำลังก้มตัวลงหาร่างสูงกว่าที่นอนอยู่.....ภาพตอนที่.....

ตุ่บ! ผมขยำกระดาษนั้นแล้วทุบมันลงกับโต๊ะจนเสียงดังลั่น แทบทุกคนในห้องหันกลับมามอง รวมทั้งอาจารย์ประจำบ้านของผมด้วย โอย....ทำไมรู้สึกว่าหน้าร้อนซู่ขึ้นมาได้ฟะ

“มีอะไรรึเปล่า มิสเตอร์มัลฟอย” ศาสตราจารย์สเนปถามพลางปรายสายตามมองกองกระดาษบนโต๊ะของผม

ให้ใครเห็นภาพพวกนี้ไม่ได้! ผมรีบกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไรครับ ศาสตราจารย์” ว่าพลางรีบผลักไอ้กองนั่นไปรวมๆกันทางหนึ่ง

ลงลูกศิษย์คนโปรดพูด อาจารย์เลยหันกลับไปสอนต่อ ผมรีบหันไปมองตัวการที่นั่งยิ้มระรื่นอยู่ด้านหลัง ไอ้หัวยุ่งนั่นนั่งเท้าคางมองตอบกลับมาพร้อมกับยิ้ม โอ๊ย เกลียดไอ้ลูกกะตาสีเขียววิบวับน่าเกลียดนั่นจริงๆ...

“Chu~”

แถม มันยังทำท่าส่งจูบมาให้อีก!...ท่าทางตาปรอยแบบนั้นสาว ๆ หลายคนเห็นแล้วคงจะบอกว่าเซ็กซี่ แต่สำหรับผมน่ะ...อยากจะอ้วก! ผมถลึงตามองแล้วหันขวับกลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง

ให้ตายเหอะ เมอร์ลิน!...หมอนี่ไม่เข้าห้องเรียนเสียยังดีกว่า!




Create Date : 18 มกราคม 2548
Last Update : 18 มกราคม 2548 9:47:51 น.
Counter : 917 Pageviews.

1 comments
  
แฮร์รีแสบดีจังชอบอ่ะตามมานานได้อ่นซักทีเห็นไม่ปลงที่บอร์ด
โดย: nana IP: 203.209.118.77 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:19:58:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]