Group Blog
 
All blogs
 

Retribution (2006): หลอนทะลุกำแพง


ญี่ปุ่น


Retribution (2006) :
ผลงานของ ผกก.Kiyoshi Kurosawa ที่ถนัดในการทำหนังหลอนแบบมึนๆ อย่าง Kairo (2001) ซึ่งก็มึนมากมึนน้อยเป็นเรื่องๆ ไป แต่ใครดูจบก็มักจะมีอาการดังนี้คือ เกาศรีษะตนเอง ทำหน้าเอ๋อๆ พร้อมอุทานขึ้นมาว่า "อะไรของมันวุ้ย!" เพราะหนังของเขามักจะมีอะไรงงๆ แฝงนัยมาให้ตีความหมายประจำ และเรื่องนี้ก็ไม่ละเว้นที่ดูจบแล้วก็คงจะมีอาการข้างต้นได้ไม่ยากเลยเช่นกัน

.
บรรยากาศหลอนๆ น่ะมีมาให้ตรึม
นักสืบ Yoshioka (Koji Yakusho จาก Tokyo Sonata [2008]) จนท.ตำรวจสุดเก๋าได้เข้าไปสืบสวนคดีฆาตกรหลายคดีที่เหยื่อแต่ละรายล้วนโดนฆ่าโดยวิธีเดียวกันคือขาดใจตายในน้ำ ทั้งในแอ่งน้ำ อ่างอาบน้ำ แต่ที่แปลกคือน้ำในนั้นมันเป็นน้ำเค็ม ซึ่งก็เล่นเอาพระเอกมึนไปเลย แต่ที่มึนขึ้นไปอีกก็คือหลักฐานต่างๆ ก็ชี้มาที่ตัวเขา ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องสงสัยมือวางอันดับหนึ่งไปในที่สุด ยังๆ ไม่พอ ยังมึนได้อีก เพราะอยู่ๆ ผีสาวผมยาวในชุดแดงก็ตามหลอกเขา โอ๊ย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ว่าแล้วคนดูก็มึนตามพระเอกไปจนถึงตอนจบเลย


ผีเรื่องนี้มีมุกมาหลอกได้ครีเอทดีพอสมควร
หนังเด่นในการสร้างบรรยากาศน่าขนลุก แต่ว่าตัวผีชุดแดงเนี่ยสิ ที่โผล่มาจะๆ กลางวันแสกๆ แบบหน้าตาปกติ ดูแล้วไม่ค่อยน่ากลัว ซึ่งเข้าใจว่าบรรยากาศในหนังคงตั้งใจให้ออกมาเหมือนละครเวที หรือหนังสมัยก่อนอยู่พอสมควร ที่เน้นบทสนทนาแบบนิ่งๆ มากกว่าที่จะมาแบร่ๆ หลอกกันแบบหวือหวา แต่ไหนๆ ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังผีของเขาแล้ว ก็ยังมีมุกผีหลอกที่พยายามครีเอทกันเต็มที่มาให้ดูกันอยู่ ซึ่งก็เวิร์คบ้างไม่เวิร์คบ้างไปตามเรื่อง โดยรวมแล้วหนังมีช่วงเวลาที่น่ากลัวๆ อยู่ แม้จะไม่มีอะไรเด็ดๆ มาให้ได้อึ้ง เพราะหลายอย่างเหมือนเคยเห็นมาแล้วจากใน Kairo แต่ก็ยังถือว่าน่าดูอยู่ดีครับ

  • น่าดูเพราะ: มีช่วงเวลาที่น่าขนลุกอยู่บ้าง แฟนหนังผีญี่ปุ่นไม่น่าจะพลาด
  • ไม่น่าดูเพราะ: ยังคงหลอนๆ งงๆ สไตล์ ผกก.คนนี้ และไม่มีอะไรเด็ดๆ มาฝากในเรื่องนี้




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2552    
Last Update : 22 เมษายน 2553 13:07:22 น.
Counter : 1800 Pageviews.  

Ikigami (2008): พรุ่งนี้เตรียมตัวตายนะจ้ะ


ญี่ปุ่น


Ikigami (2008) :
มาอีกเรื่องแล้วครับสำหรับหนังที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน คราวนี้สร้างมาจากการ์ตูนชื่อเดียวกัน (อิคิงามิ สาส์นสั่งตาย) ของ โมโตโร่ มาเสะ ที่ได้รับความนิยมอยู่มากทีเดียวในแวดวงการ์ตูน (ซึ่งก็รวมทั้งในบ้านเราด้วย) เวอร์ชั่นหนังนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ ผกก.โทโมยูกิ ทาคิโมโต้ ที่ร่วมเขียนบทเองด้วยนะจะบอกให้


จะทำยังไงเมื่อร้องเพลงอยุ่ดีๆ ก็มีคนมาบอกว่า "พรุ่งนี้เตรียมตัวตายนะจ้ะ"
เหมือนในหนังสือการ์ตูน หนังว่าด้วยเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ เมื่อรัฐบาล(ญี่ปุ่น?) ได้ออกกฏหมายพิเศษเพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของชาติ โดยเด็กทุกคนที่ขึ้นชั้น ป.1 ในวันแรกจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนชนิดหนึ่ง และหนึ่งในพันคนจะได้รับยาที่มีแคปซูลอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะอายุครบ 25 ปี แคปซูลจะแตกออกใกล้ๆ หัวใจและปลิดชีวิตพวกเขา มีเพียงรัฐเท่านั้นที่รู้ว่าใครได้รับแคปซูลนี้ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการสังคม ฟุจิโมโตะ (โชตะ มัตสึดะ จากหนังทีวี Boys Over Flowers [2005]) มีหน้าที่ส่งจดหมายแจ้งให้ผู้ที่กำลังจะเสียชีวิตเพราะแคปซูลนี้รู้ตัวล่วงหน้า 24 ชั่วโมง จดหมายนี้ คือ สาส์นสั่งตาย อิคิงามิ นั่นเอง


หนังเต็มไปด้วยหนุ่มสาวหน้าตาดี
หนังคัดตอนเด็ดๆ มาดัดแปลงเป็นหนังซะ 3+1 ตอน (มีอีกตอนพ่วงมาด้วยแบบนิดๆ) คือเรื่องของ สองนักดนตรีหนุ่มข้างถนน, สองพี่น้องผู้กำพร้า, ครอบครัวนักการเมืองที่แตกแยก ซึ่งแต่ละตอนนั้นก็เรียกน้ำตาได้ทั้งนั้น นักแสดงก็เต็มไปด้วยหนุ่มสาวหน้าตาดี ซึ่งน่าจะถูกใจหนุ่มๆ สาวๆ แน่ แต่ปัญหาก็คือหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องเป็นตอนๆ ไป ทีนี้แต่ละตอนก็มีตอนจบอันเร้าอารมณ์ ดังนั้นพอจบตอนหนึ่งก็เหมือนกับหนังพาอารมณ์คนดูไปถึงยอดเขา แล้วพอเริ่มตอนใหม่ก็ต้องเริ่มบิ้วท์อารมณ์ใหม่อีก(ถึงสามครั้ง) นี่ถ้าทำเป็นหนังซีรีย์ฉายตามทีวีจะแจ่มมากเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนังก็ยังดัดแปลงจากการ์ตูนได้ดีในระดับหนึ่ง มีช่วงเวลาที่น่าจดจำ และทำให้ได้คิด อย่างที่หนังพยายามตั้งคำถามตลอด "ถ้ารู้ว่าอีกหนึ่งวันจะต้องตาย จะทำยังไงกับเวลาที่เหลืออยู่?" สำหรับคำตอบก็ตัวใครตัวมันละกันครับ ห้ามลอกกันล่ะ อิอิ


น้องเขาเป็นสาวตาบอดที่น่ารักจริงๆ
  • น่าดูเพราะ: ดัดแปลงมาจากการ์ตูนได้ดี มีแง่คิด เป็นดราม่าที่ชวนน้ำตาตกจริงๆ
  • ไม่น่าดูเพราะ: ถ้าจะดูแบบเปรียบเทียบกับในหนังสือเกินไปจะไม่สนุกเอา และหนังมีช่วงพีคตั้งแต่กลางเรื่อง ดูแล้วอาจจะเซ็งที่ต้องมานั่งบิ้วท์อารมณ์กันใหม่อีกที




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2552    
Last Update : 22 เมษายน 2553 13:08:22 น.
Counter : 2134 Pageviews.  

Ichi (2008): สาวบอดสอดเป็น(โดน)ฟัน


ญี่ปุ่น



Ichi (2008) :
เรื่องราวของ "ไอ้บอดซามูไร"อันแสนคลาสสิคคงยังไม่หยุดสร้างกันง่ายๆ แน่ ถัดมาจากเวอร์ชั่นผู้ใหญ่แนว ที่ ผกก.Takeshi Kitano โกรกหัวทองซะเก๋เชียว ใน Zatoichi (2003) ก็มาถึงอีกเวอร์ชั่น ซึ่งคราวนี้ขอเปลี่ยนเพศวณิพกบอดของเราให้เป็นผู้หญิงซะเลย แถมเป็นสาวน้อยน่ารักที่รับบทโดย Haruka Ayase (My Girlfriend is a Cyborg [2008]) หนังกำกับโดย ผกก.Fumihiko Sori ที่เคยทำ Ping Pong (2002) ที่หลายคนชื่นชอบนั่นเอง


น่ารักแถมเก่งแบบนี้ย่อมเป็นที่พึ่งพาของหนุ่มได้เสมอ
อิชิ สาวบอดวณิพกพเนจรเดินทางรอนแรมเพื่อตามหาคนบางคนที่มีสำคัญต่อเธอ จนได้มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่กำลังจะมีสงครามระหว่างตระกูลชิราคาวะผู้กว้างขวางของหมู่บ้านกับก๊วนโจรที่นำโดยอดีตครูดาบของโชกุน ซึ่งโชคชะตาก็นำเธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้จนได้ แถมดูเหมือนเธอยังมีใจให้กับซามูไรหนุ่มจิตใจดีที่เป็นองครักษ์ของตะกูลชิราคาวะที่ชื่อ โทมะ ฟูจิฮาระ (Takao Osawa จาก All About Lily Chou-Chou [2001]) เข้าให้อีกด้วย เรื่องราวรักไปบู๊ไปของเธอจะเป็นยังไงก็โปรดติดตามกันต่อไป


ถึงจะบอดแต่ก็สวยสังหารนะจะบอกให้
แน่นอนที่อิชิเวอร์ชั่นเพศหญิงนี้จะเน้นไปที่ความรักระหว่างอิชิกับซามูไรหนุ่ม ซึ่งก็ทำออกมาได้อย่างพอเหมาะไม่ออกมาหวานเลี่ยน ส่วนฉากแอ็กชั่นก็ทำได้ดีไม่โม้ ไม่เว่อร์ ถึงแม้ตัวโกงจะออกมาแบบพิมพ์นิยมคือ ดูโฉดๆ เวอร์ๆ ตาขวางๆ เข้าไว้ก็ตามที นอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้ติกัน (ถ้าคุ้นเคยกับสไตล์เรื่อยๆ ของหนังญี่ปุ่นกันดีแล้ว) ถึงแม้จะไม่หวือหวาเท่าเวอร์ชั่นผู้ใหญ่แนวของลุงหัวทอง Takeshi Kitano แต่ก็ถือว่าเป็นอีกเวอร์ชั่นที่มอบมุมมองใหม่ๆ ให้ได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า "เกิดเป็นชายตาบอดในญี่ปุ่นยุคนั้นก็ลำบากพออยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดเป็นหญิงในยุคที่ผู้หญิงเป็นแค่พลเมืองชั้นสองล่ะ? แล้วยิ่งถ้าเกิดเป็นผู้หญิงที่ตาบอดด้วยล่ะ จะลำบากแค่ไหน?" อืมม น่าคิด...

  • น่าดูเพราะ: เป็นเวอร์ชั่นที่ทำได้น่าสนใจ ไม่โม้ ไม่เวอร์ คอหนังซามูไรคงจะชอบกัน
  • ไม่น่าดูเพราะ: เรื่อยๆ ไม่หวือหวา หรือบู๊สะบั้น ดูแล้วอาจมีเซ็ง





 

Create Date : 03 ธันวาคม 2552    
Last Update : 22 เมษายน 2553 13:09:20 น.
Counter : 4294 Pageviews.  

Riding Alone for Thousands of Miles (2006): ระยะทางพิสูจน์รักแท้(ของคนเป็นพ่อ)


จีน-ญี่ปุ่น-ฮ่องกง




Riding Alone for Thousands of Miles (2006) :
หลังจากหันไปทำหนังกำลังภายในภาพสวยอย่าง Hero (2002) และ House of Flying Daggers (2004) ซะสองเรื่องติดกัน ผกก.จาง อี้โหมว ก็ขอพักเรื่องบู๊ๆ มาทำหนังดราม่าละเมียดละมัยอีกครั้งบ้าง (ก่อนจะกลับไปทำหนังกำลังภายใน Curse of the Golden Flower [2006]ต่อ) แต่ถึงกระนั้นหนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่งานขัดตาทัพที่ไหน หากแต่เป็นหนังที่น่าจดจำมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของ ผกก.คนนี้เลยทีเดียว


วิวสวยกับผู้คนน่ารักคือเสน่ห์ของหนัง จาง อี้โหมว
กูอิชิ ทากาตะ (เคน ทากามูระ) ชายชราชาวประมงผู้โดดเดี่ยว เข้าหน้าไม่ติดกันลูกชายคนเดียวหลังจากที่ภรรยาของเขาเสียไปเมื่อหลายปีก่อน อยู่มาลูกสะใภ้ก็โทรมาแจ้งว่าลูกชายของเขาป่วยเป็นมะเร็งตับ อาจอยู่ได้อีกไม่นาน เขารีบจับรถไฟเข้าโตเกียวไปหาลูกทันที แต่ลูกชายเขาปฏิเสธไม่ยอมให้เข้าพบ ก่อนที่จะผิดหวังเดินคอตกกลับ ตจว.ไป ลูกสะใภ้ได้มอบม้วนวีดีโอม้วนหนึ่งที่เกี่ยวกับการแสดงพื้นบ้านของชาวจีนซึ่งลูกชายเขาถ่ายทำเอาไว้ สะใภ้อยากให้พ่อสามีดูเผื่อจะได้ช่วยให้ทำความรู้จักกับลูกชายตนมากขึ้น พอมาถึงบ้านเขาก็รีบซื้อเครื่องเล่นวีดีโอมาทันที


ภาพขวาคือการปิดหมู่บ้านเลี้ยงต้อนรับอาคันตุกะของชาวจีนเขา
ภาพที่เห็นในม้วนวีดีโอนั้นทำให้เขาตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต นั่นก็คือการเดินทางไปประเทศจีนเพื่อถ่ายทำการแสดงอุปรากรพื้นบ้านเรื่อง "Riding Alone for Thousands of Miles"(เกี่ยวกับกวนอูในสามก๊ก)มาให้ลูกชาย โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นการแสดงของนักแสดงคนที่เขาเห็นในม้วนวีดีโอนี้เท่านั้น เพราะว่าลูกชายของเขาได้สัญญากับชายคนนั้นไว้ว่าจะกลับไปดูการแสดงอีกครั้งให้ได้ ชายชราคิดว่านี่อาจเป็นการไถ่บาปของเขาที่ได้ตีตัวออกห่างจากลูก และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำเพื่อลูกได้ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่อะไรก็ไม่ง่ายอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ เพราะเมื่อไปถึงก็ปรากฏว่าชายคนที่ว่านั้นดันติดคุกอยู่(ฮ่วย) พระเอกใส่หมวกของเราเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ถ่ายทำการแสดงที่หมายมั่น ซึ่งทำให้เขาได้ออกเดินทางหลายพันลี้ พบปะผู้คนต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ธรรมชาติในชนบทอันงดงาม เรื่องราวอันแสนซาบซึ้ง ที่จะมอบความประทับใจให้แก่ผู้ชมไปอีกนานแสนนาน


บทจะเร้าอารมณ์ก็เล่นเอาน้ำตารินกันเลยล่ะ
คุณปู่ เคน(ไม่ใช่ธีรเดชนะจ้ะ) แทบจะแบกรับหนังทั้งเรื่องไว้ได้อย่างอยู่หมัด ถึงจะมาด้วยมาดนิ่งๆ เงียบๆ แบบคนแก่เก็บอารมณ์ แต่ก็สามารถแสดงอารมณ์ออกมาทางแววตาได้อย่างน่าชื่นชม ไหนจะเสน่ห์เฉพาะตัวของหนัง ผกก.จาง อี้โหมว ที่ชอบเสนอภาพของชนบทอันงดงาม น้ำใสใจจริงอันน่ารักของผู้คน การแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติของเหล่าตัวประกอบที่ไม่น่าจะใช่นักแสดงอาชีพแน่ๆ ทำให้หนังของเขาเป็นหนังดราม่าที่ดูจริงและธรรมชาติมากๆ หนังมาแบบนิ่งๆ เรื่อยๆ แต่บทจะเร้าอารมณ์ก็เอาตายกันไปข้างเลยล่ะ งานนี้ต่อมน้ำตาของท่านอาจได้ทำงานอย่างหนักก็เป็นได้ ใครเป็นแฟนหนังของ จาง อี้โหมว อย่าง The Road Home (1999), Not One Less (1999) ก็น่าจะปลื้มหนังเรื่องนี้ไม่ใช่น้อยครับผม



  • น่าดูเพราะ: หนังซาบซึ้งตรึงใจ วิวสวย น่าประทับใจยิ่งนัก
  • ไม่น่าดูเพราะ: หนังนิ่งๆ เรื่อยๆ แบบนี้อาจเป็นของแสลงสำหรับบางคน





 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2553 10:13:10 น.
Counter : 2489 Pageviews.  

Thirst (2009): กระหายจริงนะ...แวมไพร์กิมจิ


เกาหลีใต้


Thirst (2009) :
Chan-wook Park
ผกก.มือวางอันดับต้นๆ ของเกาหลีที่โด่งดังระดับอินเตอร์กับ Old Boy (2003) จนฮอลลีวู้ดเตรียมเอามารีเมค และปิดกันให้แซ่ดว่า Will Smith กับ Steven Spielberg แสดงความจำนงจะมาร่วมแจม ซึ่งอันนี้ก็ต้องคอยดูกันต่อไป แต่ระหว่างนี้เฮีย Park ของเราก็ยังขยันทำหนังดีๆ ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องล่าสุดนี้ว่ากันถึงเรื่องแวมไพร์กันเลยทีเดียว แต่ระดับเฮียแล้วจะให้เล่นท่าง่ายทำหนังแวมไพร์แบบที่มีให้ดูกันอยู่ดาษดื่นก็ใช่เรื่อง เพราะเรื่องนี้เฮียเขาให้คำจำกัดความไว้ว่า "เป็นหนังแวมไพร์ที่ไม่เน้นสยอง แต่ว่านองเลือด เป็นเรื่องราวของความปรารถนาและรักสามเส้า" ว้าว น่าสนใจมิใช่น้อยเลยนะเนี่ย


ยังคงพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าหนังเกาหลีมักใช้คนไม่หล่อมาเป็นพระเอก(หรือว่าหล่อของเขาแล้ว?)
หนังเล่าเรื่องของบาทหลวง Sang-hyeon (Kang-ho Song จาก The Host [2006]) ที่ดันไปแอบรักเมียเพื่อน (Ok-vin Kim) แต่แล้วเขาก็ต้องกลายเป็นแวมไพร์เพราะการทดลองทางการแพทย์อันล้มเหลว บาทหลวงหนุ่ม(ใหญ่)ของเราต้องคอยต่อสู้กับความรู้สึกผิดที่ต้องคอยหาเลือดมาประทังชีวิตและไหนจะความปรารถนาทางเพศรสกับเมียเพื่อนอีกล่ะ เรื่องราววุ่นวาย หวือหวา วาบหวาม แบบที่เต็มไปด้วยเลือด (และแอบมีตลกร้ายด้วยนะ) รอท่านอยู่ในหนังเรื่องนี้แล้ว


สาวคนไหนได้เล่นเป็นนางเอกในหนังเฮีย Park แล้วมักจะแจ้งเกิดกันทุกรายไป
คนที่คุ้นเคยกับผลงานก่อนหน้าของ ผกก.Park มาก่อนก็คงจะเดาทางหนังออกกัน แต่สำหรับคนที่เป็นขาจรก็จะพบว่าหนังเรื่องนี้ยังดูพอเอาสนุกได้ เทคนิคต่างๆ อยู่ในขั้นดี การแสดงในหนังของ ผกก.คนนี้นั้นไม่ต้องพูดถึง เชื่อมือได้อยู่แล้ว ในเรื่องนี้คุณ Ok-vin Kim กล้าเปิดเผยเนื้อหนังมังสาตั้งหลายฉากหลายตอน ในเมื่อกล้าโชว์แบบนี้ก็คงจะกล้าดังแน่นอน แต่ถึงไม่นับฉากโป๊ๆ เปลือยๆ ของเธอ ก็ยังพบว่าเธอแสดงได้อย่างมีสีสัน และกลายเป็นจุดศุนย์กลางของหนังได้อย่างแท้จริง แม้ว่าหลายๆ อย่างในหนังจะไม่ใช่ไอเดียใหม่สดสำหรับหนังแนวนี้ แต่ก็ยังนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ และทำออกมาได้อย่างเป็นตัวของตัวเอง ถ้าไม่ขัดข้องกับความโป๊ และไม่คาดหวังว่านี่เป็นเหมือนหนังแวมไพร์ทั่วๆไป ก็ไม่น่าจะผิดหวังกันล่ะครับ


หนังแวมไพร์ของ ผกก.คนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังแวมไพร์ที่มีคุณภาพ มีความเป็นตัวของตัวเอง นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ Chan-wook Park รับประกันคุณภาพอีกแล้วครับทั่น
  • ไม่น่าดูเพราะ: ไม่ใช่หนังแวมไพร์ดูเอาสยอง ฉากวาบหวิวเพียบ และชาวแคทอลิกดูแล้วอาจจะไม่สบายใจเอา



นี่คือตัวอย่างของรักสามเส้าในหนัง






 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 22 เมษายน 2553 13:10:48 น.
Counter : 10036 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.