Catch dream in my Cheeks^o^จับฝันใส่กระพุ้งแก้ม Return to the beach BY NALINNOVEL
Group Blog
 
All blogs
 
รังที่ 8



รังไรลวงรัก
รังที่ 8


รังที่ 8
เธอวิ่งขึ้นบันไดรถไฟฟ้าแล้วต้องรีบชะเง้อก้มลงไปมอง ชายแปลกหน้าของเธอหักพวงมาลัยรถวิ่งหายไปแล้ว นี่คงใกล้เวลานัดของเขาแล้ว เธอนั่งรถไฟฟ้ามาเรื่อย ๆ วันนี้คนไม่แน่นหนานักเพราะเป็นวันทำงาน มองดูเงาสะท้อนเกระจกฝั่งตรงข้าม เสื้อยืดแสนน่ารักที่เธอสวมใสมันทำให้ดูขัดเขินได้จริง ๆ แต่เวลาเสื้อตัวนี้เหลืออยู่ตัวเดียวมันก็ดูเหงาจับใจ นึกถึงเขาไปก็แอบหัวเราะอยู่คนเดียว พอเห็นคนใส่สูทขึ้นมาความคิดเกี่ยวกับจุลก็หายวับไป กลับกลายมาเป็นปวินท์คนที่เธอรอคอยมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงปลายทางรังไรเดินไปตามทางเดินเธอแวะโทรศัพท์สาธารณะโทรหาพี่ชาย

“พี่นัส รังไรเองนะคะ”

“ไงน้องรังไรหายไปไหนมารู้หรือเปล่าเมื่อคืนแม่กับพ่อโทรศัพท์ตามหาน้องกันให้วุ่น โดยเฉพาะเพื่อนซี้ชบาฉายของน้องปากมากชะมัด” โสมนัสบ่นปาว ๆ

“พอแล้วพี่นัส หูจะแตก รังไรกำลังกลับบ้านเมื่อวานทำงานวันสุดท้ายเลยแอบไปฉลองชีวิตอิสระคนเดียวน่ะ อย่าห่วงเลย รังไรโตแล้วนะคะ” เธออ้อนกลับไป

“ยังไงก็น้องฉัน”

“พี่นัส รังไรจะไปหาพี่นัสพรุ่งนี้เลย” เธอตอบหนักแน่น ทั้งที่ใจจริงตั้งใจว่าจะพักผ่อนในกรุงเทพฯ สักระยะค่อยไปใช้ชีวิตสงบเงียบที่ไร่ชากับพี่ชายและลูกพี่ลูกน้องคนอื่น ๆ

“ยังไม่ต้องกลับ เพราะตอนนี้ฉันอยู่สนามบินแล้ว”

“อ้อที่ตามตัวกันจ้าละหวั่นเพราะจะให้ขับรถไปรับแน่ ๆ เลย คงไม่ใช่ว่าเป็นห่วงหรอก”

“คิดมาก ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้ ไม่ได้หวังพึ่งรังไรสักนิด”

“ว่าแต่พี่จะลงมากรุงเทพฯ ทำไม” เธอถามเขากลับไป

“มาช่วยงานปวินท์ นี่พี่จะนัดกินข้าวกับปวินท์ รังไรไปด้วยกันนะ เฮ้ย แค่นี้ก่อนเจอกันที่บ้าน”

สิ้นเสียงโสมนัสเธอแทบจะลมใส่ ก็เหตุผลที่เธอเปลี่ยนใจจะกลับไปไร่ชาเร็วขึ้นเพราะอยากจะหนีเขาไป ไม่อยากอยู่ร่วมงานแต่งงาน ไม่อยากพบเขาอีก เพราะความคิดชั่วร้ายที่ยังฝังอยู่ในหัวมันไม่หลุดออกไปสักที เธอไม่อยากเป็นมือที่สามของใคร ไม่อยากคิดไม่ดีกับใคร ทางที่ดีที่สุด คือหนีไปจากกรุงเทพฯ คงจะดีกว่า แต่ทุกอย่างต้องวนกลับเขาวงล้อเดิมอีกจนได้ เธอต้องพบเขา


จุลกลับถึงบ้านก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ เขาเลือกสูทเก๋ ๆ หนึ่งตัวมาสวมทับเสื้อเชิตลายสดใสพร้อมกับกางเกงลูกฟูกทันสมัยเพื่อไปสัมภาษณ์งาน พอไปถึงมันแทบจะเลยเวลานัดของเขาแล้ว เลยทำให้เขากระวีกระวาดจนชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง

“ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไปชั้นไหนคะ” ผู้หญิงสวยสง่าคนนี้ พร้อมกับน้ำเสียงบ่งบอกความเป็นกุลสตรีที่ได้รับการอบรมมาดี รวมถึงรอยยิ้มของเธอด้วย ผิวพรรณบอกถึงความชาติตระกูล

“ชั้นสามครับ”

“ชั้นเดียวกันเลยนะคะ มาพบใครหรือคะ”

“มาสัมภาษณ์งานครับ” จุลตอบสุภาพออกไปและยิ้มให้เธอ

“แต่ชั้นนี้เป็นชั้นผู้บริหารนี่คะ หรือว่าคุณเจ้าของบริษัทจะเรียกสัมภาษณ์เอง” เธอบ่นพึมพำแล้วก็เดินนำเขาออกไป เธอหันมาพูดสั้น ๆ กับจุล

“โชคดีนะคะ”

จุลก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร รู้แต่ว่าเธอเป็นที่น่าสนใจทีเดียว ทั้งสวยและมารยาทดี ถ้าแม่ของเขาเห็นเธออาจจะอยากจับเขาหรือพี่ชายของแต่งงานด้วยเป็นแน่

พอมองไปรอบชั้นทุกอย่างมันคือบรรยากาศของห้องผู้บริหารจริง ๆ ผู้หญิงคนนั้นพูดถูก หรือว่าเธอจะเป็นคนที่มาสัมภาษณ์เขา จุลเดินไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ด้านหน้า แต่ผู้หญิงสวยคนนั้นเดินหายเข้าไปด้านในแล้ว

“เชิญค่ะคุณจุล เจ้านายรอพบอยู่แล้วค่ะ”

จุลเดินตามพนักงานสาวเข้าไป ก็พบสาวสวยคนนั้นนั่งอยู่ที่ชุดรับแขก เธอหันมาส่งยิ้มให้กับเขา จุลยิ้มรับ สาวสวยคนนั้นยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องทำงานนั้นด้วย สักพักชายหนุ่มคนหนึ่งน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตุลพี่ชายของเขาก็เดินเข้ามา

“วินท์คะ ให้พลอยออกไปรอนอกห้องไหมคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมคุยไม่นาน” สองคนแปลกหน้าทักทายกัน จุลได้แต่ยืนยิ้ม

“คุณจุลใช่ไหมครับ ผมปวินท์นะครับ” เขายื่นมือมาให้จับก่อนเป็นการแสดงความรู้จัก

“สวัสดีครับ” ชื่อนี้คุ้นหูชอบกล เหมือนมีใครกล่าวถึงบ่อย ๆ

“อย่าคิดว่าวันนี้เป็นการสัมภาษณ์งานเลยนะครับ คิดว่าเรามาทำโปรเจคบางอย่างร่วมกันดีกว่า ผมเห็นนามบัตรของคุณที่วางไว้ที่ห้องสมุดสำหรับนักออกแบบ แล้วก็เข้าไปดูฝีไม้ลายมือของคุณแล้ว ผมชอบแนวงานและวิธีคิดของคุณมากนะครับ วันนี้เลยต้องขอคุยกับตัวเป็น ๆ กันสักหน่อย” ปวินท์พูดจาด้วยความสนิทสนม

จุลพยายามมองหน้าเขา เพ่งแล้วเพ่งอีก

“มีอะไรบนหน้าผมหรือเปล่าครับ”

“อ้อเปล่าครับ ขอโทษที่เสียมารยาทครับ” จุลรู้สึกหน้าแตกขึ้นมา

“นามสกุลของคุณจุลนี่คุ้นหูนะครับ พลอยครับคุณเคยได้ยินนามสกุล ทรัพย์ประสาน ไหมครับ” ปวินท์หันไปถามพลอยพิณที่ยังนั่งอยู่ในห้อง

“เคยค่ะ คุณลุงชุณห์ ทรัพย์ประสานไงคะ เป็นเพื่อนร่วมมหาลัยวิทยาลัยของคุณพ่อพลอยเองค่ะ มีอะไรหรือคะ” พลอยพิณหันมาถามต่อ

“เอ พ่อหนุ่มคนนี้นี่ที่ผมเรียกมาคุยงานนี่ท่าทางจะไม่เบา จริง ๆ คุณจุลน่าจะเป็นเจ้าของบริษัทมากกว่าจะมาเป็นลูกจ้างผมนะครับ” ปวินท์พูดเชิงหยอกล้อ

“คือที่คุณเอ่ยนามมา เป็นพ่อของผมครับ ผมแค่อยากลองเป็นลูกจ้างดูก่อน เป็นฟรีแลนซ์หาประสบการณ์ เรื่องเปิดบริษัทคงรอสักพัก เพราะผมเพิ่งจะรับปริญญาตรีเมื่อเดือนก่อนเอง” จุลพูดถ่อมตน แต่เขามีฝีมือการันตีตั้งแต่สมัยเรียนแล้วกับงานฟรีแลนซ์ของเขา รวมถึงงานโฆษณาที่เขาไปทำร่วมกับเพื่อนที่ต่างประเทศยังได้รับรางวัลจากแดนไกล

“อ้อ พลอยนึกออกแล้วค่ะ คุณพ่อเคยบอกว่าคุณลุงชุณห์มีลูกสามคน แต่มีคนหนึ่งได้รับรางวัลเกี่ยวกับโฆษณา แต่พลอยก็ไม่เคยเจอหรอกค่ะ เพิ่งจะได้พบวันนี้เอง” พลอยพิณเดินมานั่งพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนม

“ขอบคุณครับ อย่าเยินยอผมกันนักเลย ได้ทีมดีมากกว่าครับ” จุลถ่อมตัวตลอดเวลา

“เอาเป็นว่าผมจะรับคุณเข้ามาเป็นโปรดิวเซอร์ดีกว่า อย่าเป็นแค่ครีเอทีฟธรรมดาเลย ผมชอบฝีมือของคุณนะ” ปวินท์ยังเอ่ยชมเขาต่อ
ยิ่งคุยกันมากขึ้นเท่าไหร่ ความคิดบางอย่างในปลายสมองก็สว่างวาบขึ้นมา ใช่แล้ว ปวินท์ และ พลอยพิณ คือสองคนที่ทำให้ยายแม่มดรังไรปวดใจอยู่ตอนนี้

จุลพูดคุยถึงงานอยู่สักพัก เขาก็เดินตามปวินท์ลงไปยังชั้นอื่นของบริษัทเพื่อแนะนำตัวและทำความรู้สึกกับพนักงานในบริษัทบางคนที่เขาต้องร่วมทีมด้วยและอีกสองวันจะมีการประชุมกับลูกค้าถึงงานโฆษณาตัวใหม่ งานนี้เขารับมาเต็ม ๆ แบบปฏิเสธไม่ได้ ทั้งที่ใจจริงไม่อยากร่วมงานกับปวินท์เท่าไหร่ เพราะยิ่งอยู่ใกล้ความห่างชั้นในทุก ๆ ด้านระหว่างจุลกับปวินท์ก็เห็นเด่นชัด ปวินท์ไม่ใช่ผู้ดี ร่ำรวยที่เข้ามาบริหารงานเพราะเรียนจบด้านนี้ แต่เขามีฝีมือและมันสมองสำหรับงานด้านนี้โดยเฉพาะ คงไม่ผิดหรอกที่รังไรจะหลงรักหนุ่มเนื้อหอมคนนี้ตั้งแต่สมัยเด็ก เพราะดูตอนนี้ซิ เขาดูเพียบพร้อมไปทุกอย่าง เหมือนกับตุลย์พี่ชายของเขาแทบทุกกระเบียด ระหว่างจุลและตุลย์ก็ดูเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน  ลันนาถึงไม่เลือกที่จะรักเขาเช่นกัน

พอมองคุณพลอยพิณอย่างเต็มตา จุลถึงกับถอนใจออกมา เพราะดูไม่ออกสักนิดที่บอกว่าปวินท์ถูกจับให้แต่งงานจากผู้หญิงที่ครอบครัวเลือกให้ ดูเขาพูดคุยภาษาเดียวกันและสนิทสนม เข้าใจกันดี แล้วเด็กน้อยอย่างรังไรจะสู้สาวสะพรั่งคนนี้ได้อย่างไรกัน


“พี่จุลเป็นอะไรคะ” กุลน้องสาวคนสุดท้องสะกิดเรียกเขาตอนที่กำลังทานอาหารเย็นที่บ้านหลังใหญ่

“เปล่า ๆ” เขาแสดงอาการเหม่อลอยออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“แม่ถามเราว่าไปสัมภาษณ์เรื่องงานวันนี้เป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดีครับ เขาให้ผมเป็นโปรดิวเซอร์รับผิดชอบโปรเจคงานหนึ่งชิ้นเลยครับ” จุลตักกับข้าวมาราดไว้จนพูจานข้าวตัวเอง

“จริง ๆ ลูกเปิดบริษัทเองก็ได้ทำไมต้องไปเป็นลูกจ้างคนอื่นทำไม ถ้าไม่มีทุนพ่อจะช่วย” พ่อเขากล่าวและยิ้มออกมา

“เป็นลูกจ้างดีแล้ว อยากได้ประสบการณ์การเป็นลูกน้องก่อน อ้อพ่อครับแต่ว่าคนที่ผมไปทำงานด้วยเขารู้จักคุณพ่อด้วยนะครับ” จุลวางช้อนส้อมลงหันไปคุยเรื่องงานแทน ทั้งที่เพิ่งจะตักข้าวเข้าไปไม่กี่คำ

“ใครกันล่ะ”

“นั่นซิ เพื่อนคุณพ่อหรือจุล” แม่หันมาถามด้วย

“ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเพื่อนคุณพ่อชื่ออะไร รู้แต่ลูกสาวเขาชื่อพลอยพิณ เธอบอกว่าคุณพ่อเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันกับคุณพ่อของเธอ และตอนนี้เธอกำลังจะหมั้นหมายกับคุณปวินท์ ที่เป็นเจ้านายคนใหม่ของผมไงครับ” จุลอธิบาย

พ่อนั่งนิ่งสักพักและใช้ความคิด “อ้อ นึกออกแล้ว หนูพลอยพิณเป็นลูกสาวของพงศธรเพื่อนพ่อ หนูพลอยเป็นคนน่ารักมาก พ่อยังเคยคิดจะจับคู่ให้ตุลย์เลย” พ่อหัวเราะต่อ

“อ้อแม่นึกออกแล้ว หนูพลอยพิณ หนูพลอยเธอน่ารักสมเป็นกุลสตรี แต่ก็ถูกบ้านอื่นฉกไปเป็นลูกสะใภ้จนได้นะ” แม่ยิ้มปลื้มอีกคน

“กุลว่านะคะที่พี่ตุลย์หนีไปเรียนต่างประเทศและยอมทิ้งคนรักไป สงสัยกลัวโดนจับคลุมถุงชนนี่เอง” กุลทำหน้าทะเล้นออกมา

“เกินไปแล้วลูกกุล” พ่อปามไว้

“หวังว่ากุลคนไม่โดนหนึ่งถุงนะ หรือจะเป็นพี่จุลนะ” เธอหันมาล้อเล่นกับพี่ชายอีก

“อย่าเลย ถ้าผู้หญิงคนไหนโดนจับมาคลุมถุงชนกับพี่นะ สงสัยว่าจะแต่งงานอยู่ด้วยกันไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ได้เผ่นแน่บแน่” จุลหัวเราะออกมา

“ดูพูดกันสนุกปากเลย ถ้าพ่อกับแม่จัดการเรื่องแต่งงานให้ เราสามคนพี่น้องจะยอมไหมล่ะ”

ทั้งสองคนรีบยกมือขึ้นมาและส่ายหน้าพร้อมกัน

“เลิกคิดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว พ่อไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า แต่ถ้าลูกเจอคนที่ใช่ก็พามาให้รู้จักแล้วกัน แต่ว่าพ่อกับแม่คงต้องสกรีนก่อนนะ ไม่งั้นไม่รู้ไปคว้าใครมาแย่เลย” พ่อทานข้าวต่อ

“ก็ไม่เห็นจะต่างกันเลย” จุลดึงผ้ากันเปื้อนที่หน้าตักออกวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็ลุกออกจากโต๊ะไป

“อ้าวพี่จุลอิ่มแล้วเหรอ ทานไปนิดเดียวเอง”

“ไม่แล้ว ผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ”

เขาเดินออกจากบ้านหลังใหญ่ตรงสู่บ้านหลังเล็กของเขา เขาลงนั่งเก้าอี้หน้าบ้าน นึกถึงบรรยากาศเมื่อคืน ความรู้สึกตอนนั้นมีความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้น แต่มันยังไม่ได้เรียกว่าความรัก เพราะตอนนี้ในหัวใจของเขายังคงห่วงใยเพียงลันนาคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงที่น่าสงสารที่ถูกทอดทิ้ง พอนึกได้ เขาเกือบลืมไปว่าเขารับปากว่าจะจัดการงานตกแต่งร้านของลันนาให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มโปรเจคยาวกับปวินท์ คืนนั้นเขาโทรศัพท์คุยกับลันนาจนเลยค่อนคืน เรื่องงานนิดเดียว แต่เรื่องห่วงใยมีมากมายที่เขาต้องถามเธอตลอดทั้งคืน แต่พอวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เขาแค่เพียงอยากจะโทรศัพท์บอกข่าวดีกับยายแม่มด แต่เธอไม่ได้ทิ้งเบอร์ไว้ให้ การติดต่อเท่ากับศูนย์

“แสดงว่าเราเลิกรักกันจริง ๆ ใช่ไหม แหม การอกหักเป็นแบบนี้เอง”

เขาส่ายหน้าไปมาและหัวเราะให้กับความเพ้อเจ้อของตัวเอง ที่ขอผู้หญิงเป็นแฟนแค่ครึ่งวัน


รังไรเดินวนไปวนมาในห้องนอนของตัวเอง ครั้นจะโทรศัพท์หาชบาฉายก็รู้คำตอบอยู่แล้วว่าเธอต้องโดนบ่นเป็นกระบุ้งโกยแน่ ๆ แต่ตอนนี้ถ้าให้เธออยู่กรุงเทพฯ ต่อมันคงจะเป็นไปได้ยากหัวใจของเธอไม่พร้อมจะต่อสู้กับความเป็นจริงได้เลยว่าปวินท์จะแต่งงานจริง ๆ ตอนนี้โทรศัพท์ยังชาร์ดแบตเตอรี่ไม่เต็ม คนเดียวที่เธอพอจะพูดคุยกับเขาได้ เธอใช้โทรศัพท์บ้านโทรศัพท์ถึงคนที่เธอไว้ใจ

“ฮัลโหล สวัสดีครับ”

“ฮัลโหลครับ ไม่ได้ยินเสียงเลยครับ”

“หวัดดี ขอโทษที่เธอมาตอนดึก”

“ใครครับ”

“แฟนเก่าไง คนแปลกหน้า”

“ยายแม่มด” พอจุลจำเสียงเธอได้ เขาก็ลุกขึ้นนั่งบนที่นอนทันที หัวใจมันโครมครามแปลก ๆ ผสมกับความดีใจเล็ก ๆ ที่ได้พูดคุยกับเธอ

“เป็นยังไงบ้างโดนที่บ้านต่อว่าหรือเปล่า” เขาถามด้วยความห่วงใย

“ก็โดนบ่นอยู่หลายบทเชียวหล่ะ แล้วคุณเป็นไงบ้างได้งานไหม”

“งานเหรอ ก็ดี เขาเห็นในความสามารถของผม ต้องขอบคุณคุณนะที่พาผมไปฝากนามบัตรไว้ที่ห้องสมุดน่ะ” จุลยิ้มเขินออกมา

“ความสามารถคุณต่างหาก ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก”

“โทรศัพท์มาหาผมตอนดึก เพราะคิดถึงแฟนเก่าอย่างผมใช่ไหมล่ะ” เขาล้อเล่นกับเธอ

“ประมาณหนึ่ง” รังไรหัวเราะเสียงใสออกมา แค่เพียงได้ยินเสียงของเขา เธอก็รู้สึกอุ่นในหัวใจขึ้นมาทันที

“เท่าไหร่ล่ะ” เขาหาวหวอดใส่ปลายสาย แต่ก็เต็มใจรับสาย

“คุณจุล เป็นที่ปรึกษาให้หน่อยได้ไหม” เธอส่งเสียงอ้อนกลับไป

“ไงล่ะ เป็นแม่มดก็มีคาถาก็เสกไปซิ ต้องมาอาศัยคนแปลกหน้าแบบผมทำไม” เขาหัวเราะให้อีก

เธอยืนกอดอกและปั้นหน้าบูดเหมือนกับว่าเขายืนอยู่ตรงหน้า

“ไม่อยากช่วยจะได้วาง”

“แม่มดน้อยใจเป็นด้วย” เขายิ้มกว้างออกมา

“คือว่า ฉันอยากให้งานแต่งงานของพี่ปวินท์ล้มเลิก”

“ล้มเลิก คุณจะทำอะไร” เขาถามด้วยความตกใจ

“ฉันจะไปบอกตกลงพี่ปวินท์” เธอตอบด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ

จุลเงียบเสียงไปสักพัก แต่ปลายสายยังพูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เขารู้ในทันทีว่าในใจจริงแล้ว รังไรก็ไม่ได้อยากจะทำแบบที่เธอพูดสักนิด เพียงแต่เธอกำลังสับสนเท่านั้นเอง

“พอแล้ว รังไร คุณตั้งสตินะ วันหนึ่งคุณต้องทำใจได้ บางทีคุณปวินท์ของคุณอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นก็ได้นะ” จุลพยายามอธิบาย แต่ถ้าเล่าความจริงว่าเขาพบทั้งสองคนแล้ว รังไรจะยอมรับได้ไหม

“คุณจุล ฉันทำใจเลิกรักพี่ปวินท์ไม่ได้”

“รังไร ฟังผมนะ คุณใจเย็น ๆ ก่อน ค่อย ๆ คิด ไว้เรานัดเจอกันแล้วค่อยคุยกันอีกทีดีไหม” จุลพยายามพูดเสียงเรียบเพื่อให้เธอเชื่อใจเขา

“ไม่เป็นไร ถึงเราจะพบกันคุณคงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ทำไมไม่เห็นมีใครเข้าข้างฉันเลย แค่นี้แล้วกันนะ ขอบคุณที่รับสาย” น้ำเสียงเธอแสดงความน้อยใจออกมา

ตู๊ด ตู๊ด “รังไร รังไร” จุลพยายามกรอกเสียงไปปลายสาย พอเปิดหน้าจอดูเบอร์กลายเป็นเบอร์ขึ้นต้นด้วยศูนย์สอง เขาไม่แน่ใจว่าเบอร์สาธารณะหรือเบอร์บ้าน

“เฮ้อ ยายแม่มด แล้วจะติดต่อกันยังไง ผมจะช่วยคุณยังไงดีนะ”

คืนนั้นจุลเลยต้องกลับมานอนคิดถึงรังไรทั้งคืนเพราะกลัวเธอจะทำอะไรไม่ดีออกไป เพราะถ้าวัดกันตามตรงแล้ว มันน่าแปลกที่ปวินท์จะรักรังไรจริง ๆ เพราะสไตล์ของพลอยพิณและรังไร คนละเรื่องกันเลย แล้วเขาจะทำยังไงดี เขาได้แต่คิดว่า ผู้หญิงที่ปักใจรักผู้ชายมากมายจนยอมทำทุกอย่างเพื่อชายคนนั้น ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารจริง ๆ ลันนา และ รังไร ทั้งสองคนต่างก็เหมือนกันจริง ๆ






Create Date : 17 เมษายน 2555
Last Update : 17 เมษายน 2555 8:31:29 น. 3 comments
Counter : 622 Pageviews.

 
มาให้กำลังใจหอบใหญ่


โดย: สายธาร/กนกนารี วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:11:18:00 น.  

 
อีกหอบ


โดย: พิญาดา (ลายปากกา ) วันที่: 30 เมษายน 2555 เวลา:19:48:58 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: นลิน IP: 203.144.233.115 วันที่: 5 พฤษภาคม 2555 เวลา:9:23:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nalinnovel
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นลินโนเวล เป็นบล็อกที่รวบรวมผลงานเขียนทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย โดยมีนามปากกาว่า
นลิน คือ รักหวาน - Sweet
ฟุ้งรัก คือ รักสดใส - Pastel
จุล คือ เรื่องสั้นและบทความ - A love aleart -Aom
อยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านผลงานของนลินแล้วรู้สึกว่ากำลังทำสปาอยู่เลยค่ะ เลยแยกผลงานไว้ให้เข้าใจและเลือกประเภทที่จะทำให้ทุกคนRelax ได้ตามอัธยาศัย
และสักวันหนึ่งหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะได้พบกับผลงานของนลินตามแผงหนังสือนะคะ ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้นลินด้วยนะ ขอบคุณค่ะ

ตัวอักษรทุกตัวของบล็อกนลินโนเวล สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมด หรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดใน Blogไปเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของBlogเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!
Friends' blogs
[Add nalinnovel's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.