โลกคือเวทีละคร ไม่ว่าใครก็ต่างก็ต้องแสดงในบทบาทของตนที่นั่น
Group Blog
 
All Blogs
 
Example is not the main thing in influencing others, it is the only thing

“Example is not the main thing in influencing others, it is the only thing” - Albert Schweitzer

เมื่อเช้าตอนขึ้นลิฟต์มากับพนักงาน ผมแอบยิ้มคนเดียว เพราะอดคิดไปถึงตอนที่มาเริ่มทำงานที่นี่ใหม่ ๆ ไม่ได้ ตอนนั้นอย่าว่าแต่จะเข้ามาในลิฟต์พร้อมกัน แม้แต่จะยืนรอลิฟต์ใกล้ ๆ ผม พนักงานยังไม่ค่อยจะยอมทำ ยิ่งถ้าผมอยู่กับคุณวิชัย (เบญจรงคกุล) ด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่

ทีแรกผมนึกว่าเป็นเพราะผมเพิ่งเข้าใหม่ แถมยังเป็นฝรั่งด้วย พนักงานก็เลยยังเกร็ง ๆ อยู่ แต่พอผ่านไปหลายเดือนเข้าเหตุการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ผมเลยปรึกษาคุณวิชัยว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลดช่องว่างระหว่างผู้ บริหารกับพนักงาน

เผอิญช่วงนั้นใกล้ปลายปี ซึ่งดีแทคก็เหมือนบริษัทอื่น ๆ ที่จะมีการจัดงานเลี้ยงปีใหม่ ผมกับคุณวิชัยเลยตัดสินใจเซอร์ไพรส์พนักงาน แทนที่จะใส่สูท ผูกไท ขึ้นไปกล่าว speech ปีใหม่ เราสองคนลงทุนแต่งตัวเป็นนักร้องเพลงแร็พ และกระโดดขึ้นไปบนเวที เพื่อร้องเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะสำหรับพนักงาน

เสียงกรี๊ดดังสนั่นงาน ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพนักงานตกใจที่เห็นซีอีโอสองคนทำอะไรที่เขาไม่เคย เห็นมาก่อน อีกส่วนหนึ่งก็ขำที่เห็นผู้บริหารลงทุนออกมาร้องเพลงแถมเต้นอย่างเมามันขนาด นั้น

ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร ผมคิดว่าเราสามารถทำให้พนักงานเห็นว่าผู้บริหารก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ผู้บริหารไม่จำเป็นต้องเคร่งขรึม ใส่สูทผูกไท ตลอดเวลา ผู้บริหารก็คือพนักงานคนหนึ่ง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะพูดจาหรือทักทายเมื่อเห็นกัน

วันรุ่งขึ้น ผมยืนรอลิฟต์ตัวเดิม แต่คราวนี้มีพนักงานเดินเข้ามาสวัสดี บางคนก็บอกว่า “คุณซิคเว่ ยูเท่มาก” แล้วเราก็ขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน

ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรต้องเริ่มจากผู้นำ ถ้าเราบอกคนข้างนอกว่าเราเป็นองค์กรที่ทันสมัย สนุกสนาน แอ็คทีฟ และติดดิน เราก็ต้องทำให้คนในองค์กรเป็นอย่างนั้นด้วย ซึ่งการจะทำให้คนกว่า 4,000 คนเป็นอย่างนั้นได้ มันก็ต้องเริ่มจากที่ผู้นำต้องทำให้ดูเป็นแบบอย่างก่อน

ลองคิดดูสิครับ ถ้าผมบอกพนักงานว่าพวกเขาควรจะออกไปพบปะลูกค้าในตลาด แต่ตัวเองกลับนั่งอยู่ในออฟฟิศติดแอร์เย็นฉ่ำ ใครจะยอมทำตามที่ผมบอก ดังนั้นผมจึงไม่เสียเวลาพูด แต่ลงมือทำให้เห็นกันเลย

หลายคนเมื่อเห็นผมพาพนักงานออกไปเดินตามตลาดหรือตามห้างต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์บริการของบริษัท คิดว่าผมคงต้องการสร้างภาพ ทำไปไม่กี่หนก็คงเลิก

แต่ตลอดสามปีครึ่งที่ผ่านมา ผมพาพนักงานออกตระเวนตามท้องถนนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นร้อย ๆ ครั้ง แค่ปีนี้ปีเดียว ผมไปเยี่ยมลูกค้ามาแล้ว 63 จังหวัด มีกิจกรรมที่เราเรียกกันภายในว่า ไปออก “ม็อบ” ถึง 74 ครั้ง

ปีแรกที่เราเริ่มทำกิจกรรมนี้ มีแต่ผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้อง แต่หลังจากนั้นผมพยายามดึงผู้บริหารจากทุกหน่วยงานเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย รวมถึงพนักงานจากทุกชั้นทุกแผนก เพราะผมต้องการให้ทุกคนในบริษัท ไม่ว่าจะอยู่ในหน่วยงานใด ได้มีโอกาสสัมผัสกับลูกค้า ได้พูดคุยและรับฟังปัญหาหรือความต้องการของลูกค้า เพราะทุกคนในบริษัทล้วนมีส่วนในการทำให้บริการของเราดีขึ้นและตรงใจลูกค้า มากที่สุด

มีหลายคนถามผมว่า มันจำเป็นด้วยหรือที่ซีอีโอต้องลงไปทำขนาดนั้น ผมว่าจำเป็น เพราะถ้าผมไม่ทำจริงตามสิ่งที่ผมพูด พนักงานก็คงไม่เห็นความสำคัญของสิ่งนี้

แม้ผมจะรู้ว่ามันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้พลังงานสูงมาก แต่ถ้าเราทำได้อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เราก็จะสามารถเพิ่มช่องทางในการสื่อสารโดยตรงกับลูกค้า อีกทั้งยังเป็นการสร้างความจดจำในแบรนด์ของเราด้วย ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการทำการตลาดใน วันนี้

ที่สำคัญ เวลาผมบอกกับลูกค้าว่าเราเป็นบริษัทที่ “พูดจริง ทำจริง” ผมก็ต้องให้พนักงานเชื่อตามนั้นด้วย โดยแสดงให้เขาเห็นว่าผม “พูดจริง” และ “ทำจริง” และเขาก็ควรจะเป็นเช่นนั้นด้วยเช่นกัน.

ที่มา : คอลัมน์ Quote of the day โดย ซิคเว่ เบรคเก้ นสพ. กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 13 ตุลาคม 2549
Credit : //www.thaispeculator.com


Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2551 0:29:56 น. 0 comments
Counter : 324 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Mr_high
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr_high's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.