• ของขวัญวันนี้ (Life)
• Look Inside (Health)
• Muffins & Scones (Foods)
• Your Image (Beauty)
• ของขวัญชิ้นแรก (Family)
• ของแถม
• ของขวัญวันวาน
• Gift From God

ฆ่าเชื้อราในบ้านหลังน้ำท่วม เนื่องจากเห็นภาพบ้านน้ำท่วมของใครๆที่ได้เข้าไปทำความสะอาดหลังน้ำลดก่อนหน้านี้แล้ว สยองขวัญกับงานศิลป์ของเชื้อราบนผนังจัง จริงๆแล้วถ้าหากมีเชื้อรามาก ควรรมควันฆ่าเชื้อ แต่วิธีทำคงไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่เคยทำ เพราะอันตรายจากสารเคมีและแกสที่เกิดขึ้นมีมาก ถ้าทำไม่ถูกต้อง เลยนำมาบอกไว้แค่วิธีขัดล้างเชื้อราออกจากผนังนะคะ ขั้นตอนการฆ่าเชื้อราพื้นผิว ผนัง กำแพง ด้วยคลอรีน - ใช้โซเดียมไฮโปคลอไรต์ 5.25% ในการทำความสะอาด ซึ่งจะปลดปล่อยคลอรีนออกมาฆ่าเชื้อ ที่มีขายในท้องตลาดคือ ไฮเตอร์ มี โซเดียมไฮโปคลอไรต์ 6% นำมาใช้ได้เลย ขวดสีชมพูมีน้ำหอม กลิ่นจะดีกว่าสีอื่น - เทไฮเตอร์ลงในขวดสเปรย์ Foggy พ่นลงบนพื้นผิวที่ต้องการฆ่าเชื้อให้ทั่ว - ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำ - กรณีที่เป็นไม้หรือพื้นผิวมีรูพรุนแห้งยาก ให้ทำซ้ำหลังจากฆ่าเชื้อครั้งแรกแล้ว 2-3 วัน เพื่อป้องกัน สปอร์เชื้อราในอากาศตกลงมาเจริญเติบโตซ้ำบนไม้หรือผนังที่ยังมีความชื้นภายใน - วัสดุพวกเบาะ ฟูก ไม้เนื้ออ่อน ไม้อัด ที่ขึ้นรา ควรเก็บทิ้ง ไม่นำมาใช้อีก   Create Date : 07 ธันวาคม 2554     Last Update : 7 ธันวาคม 2554 15:04:46 น. Counter : 2584 Pageviews.   61 comment Share Tweet

เอายาถ่ายพยาธิมาให้ผมกินทำไม... เมื่อวานนั่งทำงานที่ค้างอยู่ เพื่อนโผล่มาใน msn ทั้งที่บอกเราว่าเขาจะไปกินข้าว กำลังสงสัยว่ามีอะไรหรือเปล่า ก็พอดีเขาบอกมาว่า "รบกวนหน่อยนะครับ พอดีรุ่นพี่เป็นโรคกระเพาะ ได้ยามา แต่ไม่ค่อยไว้ใจที่นี่ ถามหน่อยครับว่า Albendazole ใช้ทำอะไร" เราร้องโอ๊ยยยยยยย นั่นมันยาถ่ายพยาธิ กินไปแล้วหรือยังคะ เอาไปเปลี่ยนเลย คาดว่าคนให้ยามาคงจะใช้ Omeprazole แต่คงเข้าใจผิด หรือจ่ายผิด เลยคว้ายาชื่อใกล้เคียงกันคือ Albendazole มาให้ ทั้งที่สองตัวนี้เป็นยาคนละกลุ่มกัน ใช้ในโรคต่างกัน Albendazole ที่รุ่นพี่เขาได้มานั่น เป็นยาฆ่าพยาธิ ไม่ใช่ยารักษาโรคกระเพาะ เคราะห์ดีที่เจอเภสัชกร 7-11s ยี่สิบสี่ชั่วโมงซะก่อน เลยรอดตัวไป แต่พี่น้องประชาชนชาวไทย ไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะเหตุการณ์ที่ว่านี่ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นในแคมป์ไกลปืนเที่ยงแห่งหนึ่ง ในประเทศที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ด้วยจรรยาวิชาชีพ ตัว Omeprazole นั้นเคยเขียนถึงไปแล้วในบล็อก"โรคกรดไหลย้อน" ส่วน Albendazole นั้นใช้ฆ่าพยาธิตัวกลมทั้งหลาย เช่น พยาธิเส้นด้าย พยาธิปากขอ พยาธิตัวกลม โดยใช้ขนาด 400 มิลลิกรัม กินครั้งเดียว (ส่วนใหญ่จะเป็นเม็ดละ 200 mg กิน 2 เม็ด) คราวก่อนโน้นที่เล่าเรื่องพยาธิตัวตืด ซึ่งเป็นพยาธิตัวแบน จะไม่ใช้ Albendazole ค่ะ เพราะใช้ฆ่าพยาธิตัวกลมได้ดีเท่านั้น ใช้ยาให้ปลอดภัย ใช้ให้ถูกโรค ถูกคน นะคะ   Create Date : 04 มกราคม 2553     Last Update : 4 มกราคม 2553 23:27:21 น. Counter : 2160 Pageviews.   73 comment Share Tweet

วัคซีนเชื้อเป็น-วัคซีนเชื้อตาย เนื่องจากสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เราคงได้ยินคำว่า วัคซีนเชื้อเป็น-วัคซีนเชื้อตาย ในเรื่องของการทำวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 กันหลายหน แล้วก็มีข่าวของการสั่งซื้อวัคซีนเชื้อตาย ที่คาดว่าจะมาถึงในเดือนตุลาคม หลายคนคงสงสัยว่าแล้วมันต่างกันยังไง วัคซีนเชื้อตาย หรือ Inactivated Vaccines, Killed Vaccines ก็คือวัคซีนที่ทำจากเชื้อที่ตายแล้ว หรือถูกทำให้หมดฤทธิ์แล้วโดยสารเคมีบางอย่าง นอกจากนั้นอาจใช้ความร้อน หรือรังสีแกมมา ข้อเสียคือเหมาะกับเชื้อบางชนิดเท่านั้น เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันที่เยื่อบุผิว และแบบ cell mediated immune responses แต่เกิดภูมิคุ้มกันในกระแสเลือดเท่านั้น ก็เลยมีข้อจำกัดในการป้องกันโรคที่มีการติดเชื้อโดยการสัมผัสเยื่อบุผิว หรือเซลล์ แต่ก็มีข้อดีตรงที่ ไม่ก่อให้เกิดโรค หรือเกิดได้น้อยมาก ส่วนวัคซีนเชื้อเป็น หรือ Live Attenuated Vaccines ทำจากเชื้อที่ถูกทำให้อ่อนแรงโดยสารเคมี ความร้อน หรือรังสียูวี หรือเลี้ยงในสภาวะที่ไม่เหมาะสม เช่น pH หรืออุณหภูมิที่แตกต่างจากที่เชื้อโตได้ดี หรือนำไปเลี้ยงในโฮสต์ที่ไม่ใช่โฮสต์ตามธรรมชาติ หรือการเพาะเลี้ยงในเซลล์ในห้องทดลอง เมื่อให้วัคซีนเข้าไปในร่างกายก็จะทำให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันทั้งในกระแสเลือด เยื่อบุผิว และแบบ cell mediated immune responses ข้อเสียคือ ต้องทดสอบให้แน่ใจว่า ระดับที่ทำให้เชื้ออ่อนแรงนั่นไม่น้อยเกินไป จนเชื้อยังมีความสามารถก่อโรคได้ แทนทีจะป้องกันโรคอย่างที่ตั้งใจ หรือไม่อ่อนแรงมากเสียจนป้องกันโรคไม่ได้ เพราะไม่สามารถไปกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันอย่างที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตาม การทดสอบเหล่านี้ใช้ได้ในคนปกติทั่วไป ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ที่ระบบภูมิคุ้มกันน้อยกว่าชาวบ้านธรรมดาอยู่แล้ว เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก คนท้อง หรือคนที่ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่เจอเชื้อแบบอ่อนแรงแล้วก็ยังสามารถก่อให้เกิดโรคได้ วัคซีนเชื้อเป็นเหล่านี้มีความคงตัวน้อยกว่าวัคซีนเชื้อตาย จึงต้องเก็บในตู้เย็น ยังไง ช่วงนี้ก็รักษาสุขอนามัยให้ดีนะคะ ร่างกายแข็งแรง ภูมิคุ้มกันดี ก็ลดความเสี่ยงเรื่องความรุนแรงของโรคไปได้มากพอสมควร จะย้อนไปอ่านเรื่องการปฏิบัติตัวพื้นฐานในบล็อกเดิมก็ได้ค่ะ//www.bloggang.com/mainblog.php?id=lordvoldemormor&month=28-04-2009&group=4&gblog=45   Create Date : 16 กรกฎาคม 2552     Last Update : 16 กรกฎาคม 2552 23:42:39 น. Counter : 15013 Pageviews.   25 comment Share Tweet

พยาธิตัวตืดกับประธานบริษัท หลังจากที่วางหูโทรศัพท์จากเพื่อน ก็บอกตัวเองได้ว่าเรื่องนี้ต้องแซงคิวอัพเดตบล็อกก่อนแล้วละ ใครที่กินข้าวอยู่ โปรดปิดบล็อกนี้ทันที เราขอเตือนท่าน เริ่มจากเสียงโทรศัพท์มือถือตอนบ่ายหลังกินข้าวเสร็จ น้ำเสียงของเพื่อนฟังดูตื่นเต้นแปลกๆแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ตั้งแต่คบกันมาเกินสิบปี "ว่าไงจ๊ะ" เราทักทายด้วยประโยคที่เพื่อนทักเราประจำเช่นกัน "มีเรื่องตื่นเต้น... คือว่าผมถ่ายออกมาแล้วมันมีอะไรไม่รู้ เหมือนพยาธิ..." เราอึ้งไปสองวินาที มันหน้าตายังไงจ๊ะ...เราถาม เหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวอืดๆ... เพื่อนตอบ เราร้อง อี๊ยยย.. แกมหัวเราะ.... สลับกับคำบรรยายเพื่อนเป็นระยะ "มันกระดืบๆได้ด้วย ผมไม่รู้ว่ามันมาจากตัวผม หรือโถส้วม..." หลังจากเราร้องได้สามอี๊ยยยย...และบอกว่าดีนะไม่ได้กินข้าวอยู่ เพื่อนก็ประท้วงด้วยการเรียกชื่อ... "ฮันนี่... ฮันนี่เป็นบุคลากรทางวิทยาศาสตร์การแพทย์นะ ร้องอย่างนี้ได้ไง" เราหัวเราะ "เอาน่า ถ้าเป็นคนไข้อื่นก็ไม่ร้องหรอก นี่โทษฐานสนิทกัน" "อย่ามัวแต่หัวเราะ ผมซีเรียสนะ ไม่รู้มันมาจากไหน" ฟังจากที่เพื่อนเล่า ก็หน้าตาพยาธิตัวตืดชัดๆ เพื่อนบอกว่าตัวแบนๆ พอถามว่าหน้าตาเหมือนเส้น (ยี่ห้อบะหมี่สำเร็จรูป) อืดๆใช่ไหม ก็ตอบว่าใช่ ว่าแต่เขาติดมาจากไหนล่ะ เจ้าตัวก็ไม่ได้ชอบกินอะไรสุกๆดิบๆนี่นา อย่างเนื้อหมู เนื้อวัว ปรุงสุกๆดิบๆ เขาก็ไม่กินอยู่แล้ว แต่ว่าก็อาจมาจากผักสดที่ล้างไม่สะอาดก็ได้ ถามไปถามมาก็อาจติดมาจากสุขอนามัยที่ไม่ดีของคนงานในบริษัทเขา บวกกับอาการชอบแทะเล็บของเจ้าตัว พอถามก็บอกว่าปกติก็ล้างมือบ่อยอยู่แล้ว แต่ชอบเผลอกัดเล็บ "เลิกเลยนะจ๊ะ แทะเล็บเนี่ย" เราย้ำ "ว่าแต่ตอนนี้ จะกินยาอะไรดี ไม่ไหวแล้ว ยังไงก็ต้องจัดการกับมันก่อน" เราบอกชื่อยาให้จด บอกว่าไปร้านที่มีเภสัชนะ เย็นๆหน่อยก็โทรกลับมาอีก บอกว่าไปซื้อยาฆ่าพยาธิมาละ เพราะคราวนี้ชัดๆเลยว่า ถ่ายออกมา ได้ยา Niclosamide แล้วก็ได้ยาถ่ายมาด้วย เภสัชบอกเหมือนที่เราบอกเลยว่าให้กินยาถ่ายด้วย กันเกิดการขย้อนพยาธิเข้าไปในกระเพาะ เดี๋ยวติดเชื้อในกระแสเลือดจะยุ่งเข้าไปอีก เราหัวเราะ ก็ต้องบอกเหมือนกันสิ สำหรับเพื่อนรายนี้ ก็ซักเราละเอียดละออ (เหมือนคราวก่อนที่แขนหัก กินยาแก้คันนั่นแหละ) ว่ายาที่ได้มา Niclosamide 500 มิลลิกรัม 4 เม็ดนี่ เคี้ยวทีเดียวหมดสี่เม็ดเลยเหรอ... "เคี้ยวทีละเม็ดก็ได้ เต็มปาก เดี๋ยวจะอ๊อกซะก่อน...แล้วก็ดื่มน้ำตาม " เราตอบ "ทำไมเภสัชบอกว่าให้กินยาฆ่าพยาธิก่อน สักสองชั่วโมงค่อยกินยาถ่ายล่ะ ฮันนี่" "ก็ให้เวลายามันถูกบีบจากกระเพาะไปลำไส้มั่งสิจ๊ะ พอฆ่าพยาธิเสร็จแล้วค่อยถ่ายออกเลย" จะรู้ได้ไงว่ามันฆ่าหมดแล้ว... เพื่อนยังสงสัย "ไปโรงพยาบาล เช็คอุจจาระหลังจากนี้เดือนหนึ่ง กับเดือนที่สาม ว่าไม่มีไข่พยาธิอยู่" อธิบายจนครบถ้วน เพื่อนก็หัวเราะบอกว่า เหมือนมีเภสัชส่วนตัวเลย เพิ่งจะรู้ตัวหรือไงคุณ เที่ยงคืนตีหนึ่งยังโทรถามเรื่องยาได้ จะหาที่ไหนได้อีก เพื่อนทำเสียงงึมงำบอกว่า นี่เป็นเรื่องตื่นเต้นในชีวิตเลยนะ เกิดมาไม่เคยเจอ ตอนไปซื้อยา เภสัชก็คุ้นๆหน้ากันเพราะซื้อยาหอม ยาอม ยาดม ยาหม่อง อยู่บ่อยๆ พอไปซื้อยาฆ่าพยาธิ บอกว่าใช้เอง เภสัชทำหน้างงๆหน่อย เราบอกว่าก็ใช่สิ ไฮโซโลว์แฟตแบบนี้ หายากนะ เคสพยาธิตัวตืดเนี่ย เมื่อวานเพิ่งคุยกับเพื่อน เรื่องเหา เพราะพออ่านบล็อกคุณอัยย์เรื่องเหา แล้วเพื่อนทำงานเรื่องเห็บพอดี เลยบอกว่าระวังนะ เพราะกรณีเด็กที่เรียนโรงเรียนดี ฐานะดี ก็เป็นเหา ติดจากพี่เลี้ยง ก็มีมาแล้ว พูดไปพูดมาก็เลยบอกเขาว่า ปกติเราเคยเห็นแต่ตัวอย่างพยาธิตัวตืดที่ดองใส่ขวดไว้ สมัยที่เรียนหนังสือ ตัวเป็นๆกระดืบได้ไม่เคยเห็น น่าจะเก็บไว้นะ เพื่อนอึ้งไป "ไม่กล้าอ่ะ" เราขำ ใช่สิ คงทำใจยากอยู่ จะเก็บมันขึ้นมายังไง ใส่อะไรเก็บไว้ อ่านถึงตรงนี้ ร้องอี๊ยยยย... แล้วหรือยังคะ (งานนี้ขอไม่ใช้รูปพยาธิตัวตืดของจริงค่ะ)   Create Date : 03 กรกฎาคม 2552     Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 2:03:45 น. Counter : 1249 Pageviews.   34 comment Share Tweet

ไข้หวัดหมู (Swine Influenza) ระหว่างที่ยังไม่รู้ว่าการประชุมในต่างประเทศจะยกเลิกเพราะไข้หวัดหมูหรือเปล่า เพราะอยู่เขตพื้นที่ที่พบผู้ป่วยพอดี ก็ update เรื่องไข้หวัดหมูไปพลางๆ อันนี้เป็นข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ Center for Disease Control and Prevention ไข้หวัดหมู หรือ Swine Flu เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ type A ที่ปกติจะแพร่ระบาดในหมู ส่วนใหญ่จะแพร่ระบาดทำให้เกิดอาการป่วยของหมูได้มาก แต่ไม่ค่อยทำให้เกิดการตายมาก เท่าไรนัก มักระบาดช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้ร่วงกับหน้าหนาว คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ในคน ไข้หวัดหมูที่พบครั้งแรกคือไวรัสชนิด H1N1 ในปี 1930 เนื่องจากไข้หวัดหมูสามารถมีการกลายพันธุ์ได้ ถ้าหากหมูติดเชื้อไข้หวัดหมู แล้วติดไข้หวัดใหญ่จากคน หรือไข้หวัดนก (avian flu) ร่วมด้วย ทำให้ไวรัสเกิดการแลกเปลี่ยนสายพันธุ์กันขึ้นมา ในปัจจุบันพบอยู่ 4 ชนิด คือ H1N1, H1N2, H3N2, และ H3N1 แต่ที่พบมากสุดคือ H1N1 คราวนี้คนติดไข้หวัดหมูได้อย่างไร พบว่าการสัมผัสใกล้ชิดกับหมูที่เป็นโรค เช่นคนงานในฟาร์มหมู หรืองานแฟร์ที่เด็กๆไปสัมผัสหมู ทำให้คนติดไข้หวัดหมูได้ เคยมีการระบาดของไข้หวัดหมูในรัฐวิสคอนซินในปี 1988 ในหมู และมีผู้ป่วยได้รับเชื้อหลายคน แต่ตอนนั้นไม่มีการแพร่ระบาดในคน เพราะเกิดการสร้างภูมิต้านทานในบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยได้ซะก่อน อาการของไข้หวัดหมูในคนก็จะคล้ายกับการเป็นไข้หวัดใหญ่ทั่วไป คือมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ไอ บางคนอาจมีอาการน้ำมูกไหล เจ็บคอ เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ร่วมด้วย การแพร่เชื้อไข้หวัดหมูเกิดได้ทั้งจากหมูมาสู่คน และจากคนไปสู่หมู กรณีที่มีการสัมผัสใกล้ชิด ที่น่ากังวลคือ สามารถติดจากคนสู่คนได้ เหมือนเชื้อไข้หวัดใหญ่ โดยการไอ จาม หรือสัมผัสละอองฝอยจากการไอจามของผู้ป่วย แล้วมาแตะต้องหน้าตา จมูก ปาก ดังนั้นการป้องกันก็คือ คนที่ติดเชื้อต้องใช้ผ้าปิดปาก จมูก หยุดงาน ป้องกันการแพร่เชื้อ คนที่ไม่เป็นก็ต้องล้างมือให้สะอาด อย่าสัมผัสจมูก ปาก โดยไม่ได้ล้างมือ เพราะจะเป็นช่องทางในการได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย การติดเชื้อจากคนสู่คนเกิดได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนเริ่มมีอาการ จนกระทั่งหลังมีอาการแล้ว 7 วัน หรือมากกว่านั้น แปลว่า ตอนยังไม่รู้ตัวว่าเป็น ก็แพร่เชื้อได้แล้ว วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ล้างมือบ่อยๆ ก่อนสัมผัสแตะต้องหน้าตา จมูก ปาก หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิด หรือสัมผัสผู้ป่วย พักผ่อนให้พอเพียง ดื่มน้ำมากๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงความเครียด ตรงนี้เหมือนวิชาสุขศึกษาสมัยเด็กๆเลย แต่จริงๆก็เป็นการปฏิบัติตัวที่ควรทำในชีวิตประจำวันอยู่แล้วนะคะ การล้างมือก็คือ ล้างให้ทั่วด้วยสบู่และน้ำอุ่น 15-20 วินาที บ้านเราไม่มีน้ำอุ่นก็น้ำธรรมดาก็ได้ค่ะ ถ้าไม่สะดวกใช้สบู่หรือไม่มีน้ำล้าง ก็ใช้น้ำยาล้างมือ หรือเจลทามือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม เพื่อฆ่าเชื้อแทน อาการที่ต้องพบแพทย์ด่วนคือ หายใจลำบาก หรือหายใจได้สั้นๆ เจ็บในช่องอก ช่องท้อง มึนงงกระทันหัน สับสน หรืออาเจียนอย่างรุนแรง ต่อเนื่อง ในเด็ก ต้องระวังเพิ่มเติมถ้าหากตัวเขียว ไม่ดื่มน้ำ หรือนม ไม่ตื่น หรือไม่เล่นซนตามปกติ ไม่ยอมให้อุ้ม หรืออาการแบบไข้หวัดใหญ่ดีขึ้น แต่กลับมีไข้ หรือไอมากขึ้น มีผื่น ปกติไข้หวัดหมูไวต่อยา Amantadine, Rimantadine, Oseltamivir และ Zanamivir แต่พบว่าปัจจุบันเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูที่พบในคนดื้อยา Amantadine กับ Rimantadine ตอนนี้ก็เลยมียาแค่ 2 ตัวที่ใช้ได้ คือ Oseltamivir และ Zanamivir (ชื่อการค้าก็คือ Tamiflu และ Relenza) มีวัคซีนที่ฉีดให้หมูเพื่อป้องกันไข้หวัดหมูได้ แต่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไข้หวัดหมูในคน เนื่องจากไวรัสไข้หวัดหมู H1N1 ไม่เหมือนกับไวรัส H1N1 ในคน เพราะฉะนั้นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในคนจึงไม่สามารถป้องกันไข้หวัดหมูได้ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในคนสามารถช่วยป้องกันไวรัสสายพันธุ์ H3N2 ได้บ้าง แต่ไม่ได้ผลกับ H1N1ที่แพร่ระบาดในขณะนี้ ส่วนการกินเนื้อหมูที่สุกแล้วไม่ได้ทำให้คนติดไข้หวัดหมู ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยกรณีที่หมูมีการฆ่าและปรุงสุกอย่างถูกวิธี เพราะการปรุงเนื้อหมูให้สุกโดยเนื้อข้างในมีอุณหภูมิ 160 F หรือประมาณ 70 C ก็จะฆ่าเชื้อไวรัสได้แล้วค่ะ สถานการณ์แพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกา ณ ขณะนี้ก็คือ ช่วงปลายมีนาต้นเมษามีการติดเชื้อไข้หวัดหมูในคน ในรัฐเซาธ์แคโรไลนา และ San Antonio ในรัฐเท็กซัส ถึงวันนี้ ข้อมูลวันที่ 27 เมษายน 2009 มีผู้ป่วยในสหรัฐทั้งหมด 40 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในนิวยอร์ค 28 ราย รองลงมาคือ California 7 ราย ที่เหลืออยู่ใน Kansas, Ohio, Texas ที่ละรายสองราย เนื่องจากโลกไร้พรมแดน โรคก็ไร้พรมแดนด้วย ผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปในบริเวณที่มีการติดเชื้อควรป้องกันการติดเชื้อ และสังเกตอาการตัวเองนะคะ   Create Date : 28 เมษายน 2552     Last Update : 28 เมษายน 2552 13:04:07 น. Counter : 916 Pageviews.   66 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com