ขออัพเดตบล็อกแบบ mode รวดเร็วนิดหนึ่งนะคะ (จะเรียก mode ขี้เกียจ ก็ไม่ว่ากัน)รอจะเขียนเรื่องน้ำตาเทียม แต่ตอนนี้มัวแต่ยุ่งเรื่องบทความอื่นอยู่อีก 2 งาน ขอติดเรื่องน้ำตาเทียมไว้ก่อน ไม่ลืมแน่ค่ะ พอดีวันก่อนมีคนถามเรื่องแคปซูลและยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่ระหว่างแคปซูลและยาเม็ด ก็เลยขอเอามาแปะไว้ที่นี่เลยแล้วกัน ส่วนใหญ่เปลือกแคปซูลทำจากเจลาติน หรืออนุพันธุ์ของเซลลูโลส ในกรณีที่ใช้กับพวกมังสวิรัติแคปซูลมีข้อดีตรงที่สามารถกลบกลิ่น รส และสีที่ไม่ดีของยาได้ตั้งตำรับก็ค่อนข้างง่าย เลยเป็นที่นิยมสำหรับยาตำรับใหม่ๆหรือระหว่างที่ศึกษาผลของยาทางคลินิกหมึกพิมพ์ที่เห็นบนแคปซูลเป็นแบบที่ไม่อันตราย กินได้ (edible) ค่ะมีคนคิดว่า แคปซูลป้องกันไม่ให้แตกตัวหรือละลายในคอและเพื่อให้ละลายช้าลงด้วย นั่นเป็นความเข้าใจที่ยังคลาดเคลื่อนอยู่นะคะแคปซูลไม่ไช่ป้องกันไม่ให้แตกตัวหรือละลายในคอ และไม่ใช่เพื่อให้ละลายช้าลงด้วยค่ะเพราะปกติยาที่ต้องการให้ออกฤทธิ์เร็ว ยิ่งแตกตัวเร็ว ละลายเร็วยิ่งดีเวลากินเข้าไป เปลือกแคปซูลจะละลายภายใน 5-15 นาทีจากนั้นยาที่อยู่ข้างในก็พร้อมที่จะละลายแล้วค่ะยังมีคนที่เข้าใจว่ายาแตกตัวเร็วไปไม่ดี ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกยาที่ต้องการให้ออกฤทธิ์เร็ว ไม่มีคำว่าแตกตัวเร็วไปจะแตกตัวที่ไหนก็ไม่เป็นไร ทีเวลากินยาน้ำแขวนตะกอน (suspension) ยังกินได้เลยก็เหมือนกินยาเม็ดแล้วยาเม็ดแตกตัวในปากนั่นแหละค่ะกรณียาเสื่อมสลายได้ในกระเพาะอาหาร ซึ่งเราไม่ต้องการ ก็อาจมีการเคลือบเปลือกแคปซูลด้วยสารที่ทำให้แตกตัวในลำไส้ และไปดูดซึมที่นั่นแต่ยุ่งยากและไม่ค่อยนิยม มักใช้การเคลือบยาเม็ดหรือเพลเลทมากกว่าแล้วก็มีคนเข้าใจว่ายาเม็ดแตกตัวเร็วกว่าแคปซูล ซึ่งไม่ใช่นะคะปกติระหว่างแคปซูลกับยาเม็ด แคปซูลจะแตกตัวและละลายเร็วกว่ายาเม็ดค่ะ ถ้าหากบรรจุในรูปผงยา เพราะไม่ต้องใช้แรงตอกอัดให้ผงยาเกาะกันเหมือนยาเม็ดยิ่งยาเม็ดที่ใช้วิธีตอกโดยตรงไม่ได้ จะมีการใช้สารยึดเกาะเพื่อทำเป็นแกรนูลก่อนตอก ทำให้เวลาในการแตกตัวนานขึ้นอีกถ้าหากไม่ใช้สารช่วยแตกตัวดีๆแต่ถ้าบรรจุแคปซูลในรูป soft slug ก็จะมีการใช้แรงกดอัดบ้าง ให้เป็นแท่งหลวมๆ เพื่อจะได้สามารถยกแท่งนั้นไปบรรจุในเปลือกแคปซูลได้ แต่ยังไงก็แตกตัวเร็วกว่า เมื่อเทียบกับยาเม็ดค่ะ
~...สุขสันต์วันบ๊ะจ่างค่ะ...(@^^@)~
ขอบคุณครับ