Group Blog
 
All blogs
 
แคปซูล VS. ยาเม็ด

ขออัพเดตบล็อกแบบ mode รวดเร็วนิดหนึ่งนะคะ
(จะเรียก mode ขี้เกียจ ก็ไม่ว่ากัน)
รอจะเขียนเรื่องน้ำตาเทียม แต่ตอนนี้มัวแต่ยุ่งเรื่องบทความอื่นอยู่อีก 2 งาน
ขอติดเรื่องน้ำตาเทียมไว้ก่อน ไม่ลืมแน่ค่ะ

พอดีวันก่อนมีคนถามเรื่องแคปซูล
และยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่ระหว่างแคปซูลและยาเม็ด ก็เลยขอเอามาแปะไว้ที่นี่เลยแล้วกัน


ส่วนใหญ่เปลือกแคปซูลทำจากเจลาติน
หรืออนุพันธุ์ของเซลลูโลส ในกรณีที่ใช้กับพวกมังสวิรัติ

แคปซูลมีข้อดีตรงที่สามารถกลบกลิ่น รส และสีที่ไม่ดีของยาได้
ตั้งตำรับก็ค่อนข้างง่าย เลยเป็นที่นิยมสำหรับยาตำรับใหม่ๆหรือระหว่างที่ศึกษาผลของยาทางคลินิก

หมึกพิมพ์ที่เห็นบนแคปซูลเป็นแบบที่ไม่อันตราย กินได้ (edible) ค่ะ

มีคนคิดว่า แคปซูลป้องกันไม่ให้แตกตัวหรือละลายในคอและเพื่อให้ละลายช้าลงด้วย
นั่นเป็นความเข้าใจที่ยังคลาดเคลื่อนอยู่นะคะ


แคปซูลไม่ไช่ป้องกันไม่ให้แตกตัวหรือละลายในคอ และไม่ใช่เพื่อให้ละลายช้าลงด้วยค่ะ

เพราะปกติยาที่ต้องการให้ออกฤทธิ์เร็ว ยิ่งแตกตัวเร็ว ละลายเร็วยิ่งดี
เวลากินเข้าไป เปลือกแคปซูลจะละลายภายใน 5-15 นาที
จากนั้นยาที่อยู่ข้างในก็พร้อมที่จะละลายแล้วค่ะ

ยังมีคนที่เข้าใจว่ายาแตกตัวเร็วไปไม่ดี ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูก

ยาที่ต้องการให้ออกฤทธิ์เร็ว ไม่มีคำว่าแตกตัวเร็วไป
จะแตกตัวที่ไหนก็ไม่เป็นไร ทีเวลากินยาน้ำแขวนตะกอน (suspension) ยังกินได้เลย
ก็เหมือนกินยาเม็ดแล้วยาเม็ดแตกตัวในปากนั่นแหละค่ะ

กรณียาเสื่อมสลายได้ในกระเพาะอาหาร ซึ่งเราไม่ต้องการ ก็อาจมีการเคลือบเปลือกแคปซูลด้วยสารที่ทำให้แตกตัวในลำไส้ และไปดูดซึมที่นั่น
แต่ยุ่งยากและไม่ค่อยนิยม มักใช้การเคลือบยาเม็ดหรือเพลเลทมากกว่า

แล้วก็มีคนเข้าใจว่ายาเม็ดแตกตัวเร็วกว่าแคปซูล ซึ่งไม่ใช่นะคะ

ปกติระหว่างแคปซูลกับยาเม็ด แคปซูลจะแตกตัวและละลายเร็วกว่ายาเม็ดค่ะ ถ้าหากบรรจุในรูปผงยา เพราะไม่ต้องใช้แรงตอกอัดให้ผงยาเกาะกันเหมือนยาเม็ด

ยิ่งยาเม็ดที่ใช้วิธีตอกโดยตรงไม่ได้ จะมีการใช้สารยึดเกาะเพื่อทำเป็นแกรนูลก่อนตอก ทำให้เวลาในการแตกตัวนานขึ้นอีกถ้าหากไม่ใช้สารช่วยแตกตัวดีๆ

แต่ถ้าบรรจุแคปซูลในรูป soft slug ก็จะมีการใช้แรงกดอัดบ้าง ให้เป็นแท่งหลวมๆ เพื่อจะได้สามารถยกแท่งนั้นไปบรรจุในเปลือกแคปซูลได้ แต่ยังไงก็แตกตัวเร็วกว่า เมื่อเทียบกับยาเม็ดค่ะ








Create Date : 18 มิถุนายน 2550
Last Update : 18 มิถุนายน 2550 1:04:46 น. 26 comments
Counter : 21740 Pageviews.

 
เข้ามา 2 รอบ ได้ความรู้ 2 อย่าง

ขอบคุณครับ


โดย: MuHN วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:2:36:05 น.  

 
ชอบกินแบบ แคปซูล อ่ะครับกินง่ายดี


โดย: แมท (everything on ) วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:6:37:25 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้อีกเยอะ


โดย: เสลาสีม่วง วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:7:55:44 น.  

 
สวัสดีครับคุณฮันนี่ฯ
อย่างนึงที่อาจจะป็นความเชื่อผิดๆของผมนะครับ ก็คือยาแคปซูลน่าจะแรงกว่ายาเม็ด แบบว่ายาแคปซูลมันจะรู้สึกว่ามีน้ำหนักเบากว่ายาเม็ดอ่ะครับ แสดงว่าตัวยามันแรง เลยต้องใส่ในปริมาณน้อย

มาบอกเล่าให้ฟังละกันครับ ผมไม่มีความรู้เรื่องยาหรอกครับ แห่ะๆ แค่สงสัยไปตามเรื่องตามราว

สุขสันต์วันทำงานครับ


โดย: อะไรคือสิ่งหายาก แต่ไม่มีค่า วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:9:15:41 น.  

 


คุณหนุ่ม แปลว่าเข้ามาตอนฤกษ์ดี ปกติไม่ได้ update บ่อยนักค่ะ

คุณแมท แคปซูลจะกลืนง่ายกว่า เพราะลื่นลงคอไปได้ดีกว่าค่ะ

คุณเสลาสีม่วง ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

คุณตี๋คะ ทั้งแคปซูลและยาเม็ดสามารถใช้ได้กับยาที่แรงพอๆกันค่ะ
คือใช้แค่ปริมาณน้อยๆก็ออกฤทธิ์ได้ตามต้องการแล้ว

ยาพวกนี้ส่วนมากจะมีสารช่วยเพิ่มปริมาณค่ะ จะได้บรรจุแคปซูลได้
หรือตอกเป็นยาเม็ดที่มีขนาดพอหยิบจับได้









โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:20:35:00 น.  

 
ได้ความรู้ดีมากๆเลยครับ
ชอบบทความของคุณฮันนี่ฯทุก Blog เลย

เอ่อ...อันนี้สงสัยน่ะครับ เราจะรู้ได้ยังไงว่ายาเม็ดมันหมดอายุแล้วอ่ะครับ เพราะบางครั้งเวลาหมอจ่ายยากินไม่หมดก็จะเก็บเอาไว้ในซองยา (ไม่ได้มาเป็นแผง) เลยไม่รู้วันหมดอายุ


โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:23:54:24 น.  

 
ขอบคุณค่ะ
ขอเรียกคุณคูณตามคุณปุ๊กนะคะ

ถ้ายาไม่ได้มาเป็นแผง แต่มาเป็นเม็ดอยู่ในซองยา ปกติจะมีวันที่อยู่หน้าซอง
ถ้ากินไม่หมด เก็บไว้สักสองปีก็ควรทิ้งไปแล้วล่ะค่ะ เพราะปกติยาเม็ดจะอยู่ได้ 3-5 ปี นับจากวันผลิต แล้วแต่ชนิดของยา
แต่ก่อนมาถึงมือเราก็อยู่ที่ห้องยาหรือร้านยามาระยะหนึ่งแล้ว

แต่ถ้าสี กลิ่น ลักษณะอื่นๆเปลี่ยน ก่อนเวลาที่ว่า ก็ทิ้งได้เลยค่ะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:0:29:39 น.  

 

~...สุขสันต์วันบ๊ะจ่างค่ะ...(@^^@)~




โดย: Q.NUH วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:13:36:23 น.  

 
ขอบคุณค่ะ คุณ Q
เห็นรูปแล้วยิ้มเลย น่ารักจัง
ชอบตาเฉียงๆ และ Gugu กับเปียแมนจู

บ๊ะจ่างมีครบทั้งไข่แดง กุนเชียง แปะก้วย



โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:16:38:02 น.  

 
มารับความรู้เช่นเคย ยังไงก็ได้กินยาง่ายอยู่แล้ว


โดย: ลุงแมว วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:20:21:57 น.  

 


มายัดเยียดลิ้นจี่ให้พี่ฮันนี่ค่า
แต่สำหรับพี่ฮันนี่ ปุ๊กยัดเยียดให้แบบละมุนละม่อมแทนนะคะ

บลอควันนี้ได้ความรู้ดีๆอีกแล้ว ปุ๊กเข้าใจคลาดเคลื่อนไปด้วยจริงๆแหละ
เหมือนที่พี่ฮันนี่บอกไว้ไม่มีผิดเลย
ต่อไปต้องทำความเข้าใจใหม่ซะแล้ว

อ่านไปก็นึกถึงตอนเด็กๆ ค่ะ เชื่อไหมว่าปุ๊กป. 5 แล้วยังกินยาเม็ดไม่เป็นเลยล่ะ
เพิ่งกินเป็นตอนมัธยมเองค่ะ เวลาป่วยสมัยเด็กๆนี่ทำแม่ปวดเฮดไปหลายหนเลยเรา


ราตรีสวัสดิ์นะคะ ฝันดีค่า


โดย: Hobbit วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:22:07:45 น.  

 
เพิ่งเห็นอีกคอมเม้นท์ เลยกลับมาอีกรอบค่า

ดอกอะไรก็ไม่รู้ค่ะพี่ฮันนี่ สำหรับปุ๊กมันคือดอกไม้หมดเลย เพราะปุ๊กรู้เกี่ยวกะพันธุ์พืชน้อยมาก ทุกวันนี้ดอกคูณกะดอกโสนยังแยกไม่ค่อยออกเลย

ปุ๊กไม่ได้แต่งเป็นอะไรเลยค่ะ แต่เป็นคนจับเค้าแต่งแทน
คนที่โดนปุ๊กแต่งบอกว่า "เราอีกแล้วเหรอ ทำไมซวยทุกปีเลย" แต่เอาเข้าจริงแต่ละคนก็ไม่อายหรอกค่ะ ขำๆกันทั้งนั้นเลย


โดย: Hobbit วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:22:12:30 น.  

 
บลัฟกันเห็นๆนะคะ ลุงแมว

คุณปุ๊ก ขอบคุณค่ะ ที่ตามมายัดเยียดลิ้นจี่ให้ถึงบล็อก
ขอทำท่าอิดออดเป็นพิธี แล้วรีบรับ

วีรกรรมสมัยเด็กของพี่ก็คือ เก็บยาเม็ดไว้ใต้หมอนค่ะ
ส่วนแคปซูลก็ถอด cap ออก โรยยาทิ้ง แล้วเก็บเปลือกแคปซูลไว้ใต้หมอน
คิดดูว่าพ่อพี่จะทำหน้ายังไงตอนเปิดหมอนมาเจอยาเยอะชนิดเปิดร้านได้

ฝันดีเช่นกันค่ะ



โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:22:53:13 น.  

 
โอ้โห วีรกรรมพี่ฮันนี่ไม่เบาเลย

ปุ๊กทำไม่ได้ค่ะ เพราะแม่เค้ารู้แกว นั่งเฝ้าเลย ถ้าพี่ฮันนี่นึกภาพไม่ออกต้องลองจินตนาการถึงบรรยากาศในห้องสอบปากคำค่ะ เครียดๆ มีไฟส่องหน้า อะไรประมาณนั้นเลย ถ้าปุ๊กไม่กินแม่ก็จะเฝ้าอยู่แบบนั้นแหละ

มีครั้งนึงไม่สบาย แม่จะจับไปฉีดยา ปุ๊กวิ่งขึ้นห้องปิดประตูล็อคเลย แต่ปรากฏว่าแม่มีกุญแจ 555 (ฉลาดจังเลยเรา)
หลังๆเลยเนียนกว่าเดิม ไปซ่อนใต้เตียงค่ะ แม่หายังไงก็ไม่เจอ แม่เผลอก็แว่บมากินข้าว แล้วก็ไปซ่อนต่อ แม่ก็จะงง ว่าเอ๊ะ คนในบ้านเห็นปุ๊ก ทำไมแม่ไม่เห็น นึกๆไปแล้วตอนเด็กๆนี่วีรกรรมเกี่ยวกะเรื่องหาหมอเยอะเหลือเกินค่ะ


ตอบคำถามจากบลอคพี่ตี๋ เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ปุ๊กค่ะ แต่ปุ๊กอ่านเจอมาแล้วประทับใจค่ะ แต่แม่ปุ๊กก็รักลูกมากเหมือนกันค่ะ


โดย: Hobbit วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:22:15:56 น.  

 
คุณหันหนีมะนาวโซดา ที่นับถือ

ขอบคุณสำหรับความรู้นะครับ

ผมอยากถามเรื่องประวัติยามั่งได้ไหม
ถ้าคุณมีเกร็ดพวกนี้ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย

อย่างที่ผมเคยอ่านเจอว่า ไวอะกร้าน่ะ
ที่จริงมันมาจากยาที่เขาตั้งใจคิดค้นเพื่อรักษาโรคเส้นเลือดตีบ
แก้ปัญหาเจ็บหน้าอก หัวใจวายอะไรทำนองนั้น

มันมียาที่เกิดจากเรื่องบังเอิญแบบนี้อีกมั้ยคุณ



โดย: aston27 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:0:51:40 น.  

 

คุณปุ๊ก หลังจากนั้นพี่โดนพ่อเฝ้าให้กินยาต่อหน้าค่ะ


คุณ aston มา mode เป็นทางการมากเลยนะคะ

วิ่งไปต่อรองที่บล็อกแล้วว่าขอทะยอยส่งการบ้าน
เพราะมียาแบบนี้เยอะค่ะ
ตอนคิดตั้งใจจะใช้กับโรคนี้
ทดสอบทางคลินิกไปๆมาๆ กลับไปใช้ในโรคอื่นได้ด้วย หรือได้ดีกว่าโรคที่ตั้งใจแต่แรก

เหมือน aspirin ที่ใช้แก้ปวด ลดไข้ มานาน แล้วก็มาพบว่าใช้ลดการรวมกลุ่มของเกร็ดเลือดได้ ก็เลยเอามาใช้ในพวกโรคหลอดเลือดและหัวใจ

หรือ amphetamine (ยาบ้า) ที่ผู้ใหญ่กินแล้ว active แต่ว่าในเด็กที่ซุกซนผิดปกติ กลับมีฤทธิ์ทำให้สงบระงับ
ตอนเรียนหนังสือนี่จำเคสนี้ขึ้นใจ เพราะแปลกดี
แต่ยังไม่เคยเห็นเคสนี้จริงๆค่ะ



โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:1:55:04 น.  

 
กลับมาเล่าเรื่องยาแค๊ปซูล

ตอนเด็กๆอ่ะ เคยสงสัยว่าทำไมเค้าต้องเอายาใส่ไว้ในแค๊ปซูล ก็เลยแกะดู แล้วก็ลองเอาลิ้นแตะๆ...โหย~ บรรพบุรุษขมเลยคุณเอ๊ย!

จำไม่ได้ว่ามันขมอยู่นานแค่ไหน รู้แต่แม่เอาลูกอมหวานๆให้อม แล้วก็กินขนมหวานอ่ะ แต่มันก็ยังขมอยู่ดี

สงสัยตอนเด็กๆแม่ให้กินนมตราหมี "นมสำหรับลูกน้อยวัยสอดรู้ สอดเห็น"...


โดย: Q.NUH วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:21:11:42 น.  

 
บล็อคนี้มีสาระกว่าเราเยอะเลย ....

ดีจัง


โดย: Jawntarn วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:23:10:09 น.  

 
ขอบคุณมากๆๆๆครับ

คำตอบของพี่ฮันนี่ฯ ทำให้ผมคลายความข้องใจได้โขเลยครับ



โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:23:41:05 น.  

 
เห็นด้วยกับหลายคอมเม้นท์ข้างบนค่ะ บล็อกคุณ Honeyฯ มีสาระและมีประโยชน์มาก ๆ เลยคะ ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันกันค่ะ

ยีนส์คนหนึ่งที่เป็นคนทานยาเยอะมากแต่ละวัน สมัยอยู่เมืองไทยไม่เคยทานยาเลยค่ะ ร่างกายแข็งแรงมากๆ ค่ะ ปีหนึ่งเข้าโรงพยาบาลครั้งหนึ่งค่ะ

แต่พอมาอยู่ต่างแดน...สุขภาพยีนส์เปลี่ยนค่ะ ..เป็นโรคไซนัส ภูมิแพ้ประจำ ไม่นับรวมกับโรคเจ็บป่วยทั่วไปนะค่ะ ยีนส์ทานยาเยอะมากค่ะ ตั้งแต่ยาแก้แพ้สองสามชนิดต่อวัน ยาบำรุงไม่ต่ำกว่า 5 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นแคลเซี่ยม เซ็นต์ทรัม และก็พวกไวตามินต่าง ๆ ก็ล้วนแต่ต้องทานค่ะ ถ้าวันไหนไม่ทานรู้สึกว่าร่างกายไม่มีภูมิต้านทานค่ะ แล้วอาจจะเป็นไข้ได้ ตอนนี้เลยกลายเป็นคนติดยาค่ะ ...(เภสัชมักจะจำหน้าได้ตลอดเลยค่ะ แหะๆ )

อยากรบกวนถามคุณ Honeyฯ หน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าเราทานยาเยอะ ๆ แบบนี้ ในอนาคตข้างหน้ามีโอกาสส่งผลกระทบอะไรให้ร่างกายหรือเปล่าค่ะ ? เท่าที่ถามหมอที่นี่บอกว่าไม่ แต่ก็อยากรู้จากคนไทยที่มีความรู้ด้านนี้ด้วยค่ะ

บอกตรง ๆ ยีนส์กับแฟนเชื่อใจหมอคนไทยที่สุดค่ะ ...ปีที่แล้วก็บินไปรักษาตัวที่เมืองไทยค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังคงสั่งยาจากคุณหมอที่เมืองไทยเลยค่ะ ....เพราะนอกจากยาราคายาจะไม่แพงแล้ว คุณหมอคนไทยใจดีและเข้าใจคนไข้ที่สุดค่ะ...ที่สำคัญช่วยอุดหนุนคนไทยด้วยค่ะ

ปล. ยีนส์เป็นคนที่ทานยาง่ายค่ะ ชอบทานยามากกว่าฉีดยาค่ะ เพราะเป็นคนกลัวเข็มมาก ๆค่ะ แหะๆ

















โดย: roslita วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:15:08:02 น.  

 
สวัสดีค่าพี่ฮันนี่

สบายดีไม๊คะ

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนเนอะ ปุ๊กดันนอนดึกซะด้วย รู้สึกว่าเริ่มมีอาการซะแล้ว
มาเห็นยาในนี้เลยเริ่มได้สติค่ะ ต้องนอนเร็วๆหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวได้กินยาอีกล่ะแย่เลย

รักษาสุขภาพนะคะ


โดย: Hobbit วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:17:05:19 น.  

 
มารับความรู้อีกครับ

เดี๋ยวนี้สมุนไพรไทยชนิดแคปซูลมีเยอะ สมุนไพรเนี่ยทานบ่อยอันตรายไหมครับ ตัวอย่างเช่นขมิ้นชันแก้ท้องอืดท้องเฟ้อเนต้น ?


โดย: เขาพนม วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:20:54:54 น.  

 

คุณ Q วัยนี้ไม่มีระบุอายุแน่นอนค่ะ

Jawntarn ขอบคุณค่ะ

คุณคูณ มีอะไรให้ช่วยตอบได้ก็ยินดีค่ะ
ตกลงเป็นพี่ฮันนี่ตามคุณปุ๊กใช่ไหมคะ

คุณยีนส์ ขอบคุณค่ะ ปกติถ้ากินอาหารได้ครบ ไม่ค่อยแนะนำอาหารเสริมเท่าไหร่ค่ะ แต่ส่วนใหญ่คนเรามักกินไม่ครบ
ถ้ามีกำลังพอที่จะซื้อได้ สบายใจ ก็โอเคค่ะ
แต่วิตามินบางตัว อาหารเสริมบางตัว ถามเภสัชสักนิดก็ดีค่ะ
เพราะบางทีกินหลายตัว มีที่ซ้ำๆกันก็มี
เดี๋ยวจะได้รับเกินขนาด เกินจำเป็นไป

ทานยาเยอะๆมีผลไหม
ขึ้นอยู่กับว่าเป็นยาอะไร แล้วยามีผลต่ออวัยวะไหนหรือเปล่า
ต้องดูเป็นตัวๆไปค่ะ

ยาส่วนใหญ่ไปเปลี่ยนแปลงสภาพที่ตับและไต
กินยาอะไรไปเยอะๆ นานๆ ก็ควรดูว่าสาเหตุที่แท้จริงอยู่ที่ไหน
ไม่สนับสนุนการกินยาเยอะเกินความจำเป็นและความต้องการ
แต่ก็อย่ากลัวเกินเหตุค่ะ บางคนกลัวมีผลต่อตับซะจนแทบไม่กล้ากินยาสักเม็ด ก็เกินไป

ยาบ้านเราถูกกว่าในอเมริกาเยอะค่ะ

คุณปุ๊ก สวัสดีค่ะ พี่สบายดี หัวแข็งค่ะ ทั้งที่โดนฝนทุกวัน กลัวไม่สบายเหมือนกัน เพราะยิ่งยุ่งๆอยู่ ไม่อยากป่วย
ดูแลตัวเองดีๆ เช่นกันค่ะ

คุณเขาพนม สมุนไพรก็เหมือนยาที่ตอบคุณยีนส์ค่ะ แล้วแต่ชนิดไหน
อย่างขมิ้นชัน เท่าที่ดูก็ไม่ได้พบผลข้างเคียงร้ายแรงอะไร จนต้องระวังมากๆ
เลือกเอายี่ห้อที่ทำสะอาด เพราะการเก็บเกี่ยว การบรรจุก็สำคัญ

และทุกครั้งที่กินสมุนไพรต้องบอกให้แพทย์หรือเภสัชทราบว่ากินตัวไหนอยู่ เวลาจะจ่ายยาด้วยค่ะ เพราะบางตัวอาจมีปฏิกิริยากันได้





โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:0:50:11 น.  

 
มาขอบคุณสำหรับคำตอบ คำแนะนำครับ


โดย: เขาพนม วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:46:33 น.  

 
ขอบคุณที่แวะเข้าไปเยี่ยมบล็อคค่ะ

ที่ต้องชงกาแฟเผื่อแม่หนึ่งแก้วทุกวัน
จะขอเรียกว่า...
...ส่งความรักผ่านแก้วกาแฟ นะคะ..

อยากจะขอแอดบล็อค จะได้มั้ยคะ
มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องยาเยอะแยะเลย


โดย: Wisky_soda_cola วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:22:28:16 น.  

 
คุณ Wisky_soda_cola
add ได้เลยค่ะ ด้วยความยินดี



โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:1:34:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

HoneyLemonSoda
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




เพราะทุกวันที่ตื่นขึ้นมา
คือของขวัญที่กาลเวลามอบให้
Friends' blogs
[Add HoneyLemonSoda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.