ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝัน...หวาน...อาย...จูบ แต่อย่างใดแต่เป็นตอนต่อไป ของคนที่เอะอะก็อาเจียนใครที่เป็นโรคเมารถ เมาเรือ อยู่แล้ว70-80% ของผู้ป่วยพวกนี้ เวลาผ่าตัด มักจะมีโอกาสที่จะคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปแทนที่จะได้ออกจากโรงพยาบาลหลังผ่าตัดได้เร็ว ก็อาจจะต้องเสียเวลาจัดการกับอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังผ่าตัดอีกจัดว่าเป็นพวกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบหนึ่ง ในขณะที่คนปกติก็อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ราวๆ 25%ขึ้นกับยาสลบที่ใช้ ระยะเวลาและชนิดของการผ่าตัดรวมไปถึงการใช้ยาที่เป็นอนุพันธุ์ของฝิ่นในการระงับปวดหลังการผ่าตัดซึ่งขอบอกว่าได้ผลดีแบบโลกสงบสุขได้ทันควันแต่ผลข้างเคียงก็คือ อาจจะอาเจียนหมดไส้หมดพุงดังนั้น การป้องกันสำหรับผู้ป่วยที่มีประวัติอาเจียนได้ง่ายคือการให้ยาระงับปวดที่ไม่ใช่กลุ่มอนุพันธ์ของฝิ่น เช่นกลุ่ม NSAIDsหรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาสลบที่ใช้สูด หรือ ไนตรัสออกไซด์การใช้ยาแก้อาเจียนในกรณีนี้ที่ได้ผลดีคือการให้ยา Droperidol ร่วมกับกลุ่มยาต้านซีโรโตนิน ที่เคยกล่าวไปแล้ว เช่น Ondansetron, Granisetron, Dolasetron, Palonosetron(จำง่ายๆก็คือ อะไรที่ลงท้ายด้วย -setron) หรือให้ Dexamethasone ร่วมกับกลุ่มยาต้านซีโรโตนินซึ่งเด็กซาเมธาโซนเป็นยาที่ราคาไม่แพง แต่ได้ผลดี ทั้งในการใช้เดี่ยวๆและใช้ร่วมกับยาตัวอื่นเพื่อลดการคลื่นไส้อาเจียนในขณะที่ Droperidol ก็เป็นยาที่ได้ผลดีในการป้องกันการคลื่นไส้อาเจียนแต่ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการหัวใจเต้นเร็วได้ (torsade de pointes)ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงเรื่องโรคหัวใจก็อาจต้องหลีกเลี่ยงยาตัวนี้นอกจากนี้ก็อาจให้ยา Aprepitant เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังผ่าตัด โดยให้กิน 40 mg ภายใน 3 ชั่วโมงก่อนการให้ยาสลบค่ะ
ได้ย้อนกลับไปอ่านบล็อก...เมารถ เมาเรือ... ไปเหนือ ล่องใต้ มาด้วย
นั่งเล่นฯ เป็นคนเมาแอร์ค่ะ (แต่แอร์ใหม่ๆ และสะอาด ไม่เป็นอะไร)
ก็เลยพาลเมารถไปด้วยเลย ยิ่งอายุมาก ยิ่งอาการหนักมากขึ้น
ตอนนี้ต้องพกยาที่เป็นเม็ดสีเหลือง คล้ายยาแก้แพน่ะค่ะ
ติดตัวตลอด กินแล้วง่วง ต้องมีคนไปด้วยตลอด (จำชื่อยาไม่ได้)
ขอบคุณข้อมูลดีๆ ค่ะ