All Blog
|
::.. "แม่หญิงเชอร์" Baby tale no fairy tale ตอนที่3 HSS ตรวจท่อรังไข่ และเริ่มยา Clomid หลังจากตรวจอุณหภูมิตัวเองได้3เดือนแล้วเห็นว่ารอบเดือนเรายาวกว่าปกติแม่หญิงเชอร์ก็เริ่มกังวล บวกกับเมื่อต้นปี 2011ป่วยเข้าโรงพยาบาลเป็นไส้ติ่งอักเสบแล้วหมอผ่าไม่ทันไส้ติ่งแตกทำให้แม่หญิงเชอร์ติดเชื้อที่ช่องท้องและปอดอีกมากมาย ต้องนอนโรงพยาบาลเดือนกว่าๆ ระหว่างนั้นได้ตรวจกับหมอสูติเพราะว่าหมอจะหาวิธืเจาะถุงหนองในท้องออกหมอท่านนี้บอกกับแม่หญิงเชอร์ว่า การติดเชื้อรุนแรงแบบนี้ในท้องถ้ามันไปทำลายท่อรังไข่เราอาจจะมีลูกยาก แต่หมอบอกไม่ได้ว่าจะเป็นรึเปล่าจนกว่าเราจะลองมีลูกเอง ตอนนั้นยังไม่อยากมีเราก็ไม่ได้คิดไรมาก แต่มาตอนนี้อยากมีเริ่มคิดมากกังวล สุดท้ายตัดสินใจว่าควรไปพบหมอทีนี้เล่าก่อนว่าระบบการแพทย์ที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราปกติเราอยากพบหมอต้องติดต่อหมอที่เรียกว่า family doctor ของเราก่อนแล้วถ้าจำเป็น เค้าถึงจะส่งเราไปพบแพทย์เฉพาะทางอีกที ซึ่งเวลาหาหมอที่นี่เราเสียแค่ค่าพบหมอประมาณ140โครน (คูณ4.5เป็นบาท) ถ้าเป็นแพทย์เฉพาะทางก็ 320 โครนแล้วเราก็ไม่เสียค่ารักษาพยาบาลอะไรอีก (ยกเว้นค่ายา) อันนี้เป็นสวัสดิการของรัฐ กลับมาเรื่องแม่หญิงเชอร์ ถ้าจะไปพบหมอเรื่องมีลูกเนี่ยเค้ามีกฏว่าเราต้องพยายามมาแล้วไม่น้อยกว่า1ปี แต่แม่หญิงเชอร์ตอนนั้นเพิ่งลองได้ครึ่งปีก็เลยต้องหันไปหาคลีนิกเอกชน ได้พบหมอครั้งแรกประมาณปลายเดือนเมษายน 2012แม่หญิงเชอร์ก็เอากราฟที่ทำมา 3 เดือนให้หมอดูแล้วก็เล่าเรื่องไส้ติ่งระเบิดหมอดูกราฟแล้วบอกว่ามีไข่ตกทุกรอบเดือน แต่มันตกช้ากว่าปกติ ถ้าเป็นแบบนี้โอกาสที่จะท้องของเราก็ลดลงเป็นเดือนเว้นเดือนแทนที่จะทุกเดือน ส่วนเรื่องท่อรังไข่ที่แม่หญิงเชอร์กังวลหมอบอกว่าเราตรวจดูได้ว่าท่อมันตีบตันรึเปล่า วิธีตรวจท่อรังไข่ที่นิยมทำมี 2 วิธี 1. hysterosalpingogram (HSG) เป็นการตรวจโดยการฉีดสีเข้าไปในมดลูกแล้วx-rayดูภายในมดลูกและท่อรังไข่จากทางเดินของสีที่ฉีด 2. 2. hysterosalpingosonogram (HSS) เป็นการตรวจโดยการฉีดสีเข้าไปในมดลูกแล้วใช้อัลตราซาวด์ตรวจดูภายในมดลูกและท่อรังไข่จากทางเดินของสีที่ฉีด
ที่สวีเดนนิยมใช้วิธีที่สองที่ตรวจด้วยอัลตราซาวด์หมอก็นัดวันตรวจแม่หญิงเชอร์ โดยให้มาตรวจหลังจากประจำเดือนหมดเพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้ท้องอยู่ตอนที่หมอตรวจแม่หญิงเชอร์ได้ตรวจต้นเดือนพฤษภาคม 2012 ก่อนไปตรวจก็กูเกิ้ลไปเยอะว่าคนอื่นที่ทำแล้วเค้าว่ายังไงบ้าง เท่าที่อ่านเจอมีหลายคนที่บอกไม่เจ็บเลยบางคนบอกเจ็บนิดหน่อย บางคนก็บอกเจ็บเกินบรรยาย แล้วเราจะเชื่อใคร แต่มีหลายคนที่แนะนำให้กินยาแก้ปวดก่อนตรวจไม่เกิน1ชม. วันที่ไปตรวจ มีสามีไปให้กำลังใจตอนแรกหมอใส่ท่อเข้าไปที่ปากมดลูก หมอบอกว่าอาจจะเจ็บนิดหน่อยโอเคทนได้แต่มันทรมานเล็กน้อย พอท่อเข้าที่หมอก็ใส่เครื่องอัลตราซาวด์ตามไปก็ยังโอเค เสร็จแล้วหมอบอกจะฉีดสีแล้วนะจะรู้สึกเหมือนปวดท้องเมนส์พอหมอเดินยา...โอ้แม่เจ้า เจ็บโคตรๆ เกินจะบรรยาย นี่มันไม่ใช่ปวดท้องเมนส์แล้วคือเจ็บจนร้องไห้แล้วหน้ามืดจะเป็นลมจำได้แค่ว่าเอาเล็บจิกมือสามีแรงมากๆแล้วห้องมันมืดไป หูก็อื้อเหมือนอยู่ใต้น้ำได้ยินหมอพูดแว่วๆว่าจะเสร็จแล้วทนหน่อย หมอบอกว่าท่อรังไข่มีทางผ่านทั้งสองข้างไม่ได้ตีบหรือตันเดี๋ยวถ้าสามีแม่หญิงเชอร์ตรวจสเปิร์มออกมาปกติก็จะให้แม่หญิงเชอร์เริ่มกินยาที่ไปเร่งให้ไข่ตก แม่หญิงเชอร์เริ่มยาโดสแรกเดือนมิถุนายน 2012ยานี้ชื่อว่า Pergotime มีตัวยา Clomifene หรือโคลมิด 50มิลลิกรัมมี5เม็ด ให้กินวันที่ 5-9 ของรอบเดือน แล้วประมาณวันที่ 14-16ของรอบเดือนหมอก็นัดไปตรวจอัลตราซาวด์ดูว่ามีไข่พร้อมจะตกกี่ใบถ้าเกิน3หมอก็จะให้งดเบบี้แดนซ์ในเดือนนั้น เดือนแรกที่กินยา พอไปตรวจอัลตราซาวด์หมอไม่เจอไข่ที่โตเลย หมอก็นัดวันให้มาตรวจเลือดอีก2อาทิตย์เพื่อดูผลโพรเจสเตอโรนว่าไข่ตกรึเปล่าแม่หญิงเชอร์วัดอุณหภูมิเดือนนี้ ก็เห็นว่าไข่ตกช้าเหมือนทุกเดือน (ช้าจากที่หมออยากให้ตกๅอาทิตย์)แสดงว่ายาไม่ได้ผล อาจจะเป็นเพราะเดือนนี้กลับไปเยี่ยมยายที่ป่วยมากๆที่เมืองไทยมันคงทำให้เครียด เดือนต่อมาก็เริ่มใหม่ เนื่องจากเดือนที่แล้วถึงไข่จะตกช้าแต่ก็ตกหมอเลยให้กินโดสเดิม ทีนี้พอมาตรวจอัลตราซาวด์ หมอเจอไข่1ใบที่มีขนาด17มิลลิเมตรหมอบอกว่าไอ้ใบนี้แหละจะตกอีก2-3วัน คือไข่จะมีขนาดประมาณ20-22มิลลิเมตรถึงจะโตเต็มที่พร้อมตกโดยที่มันจะโตได้ประมาณ1-2มิลลิเมตรต่อวัน แล้วหมอก็นัดวันมาตรวจเลือดอีก1อาทิตย์ถัดมาผลเลือดก็ยืนยันว่าไข่ตก แต่ก็ไม่ท้อง แม่หญิงเชอร์กินยา ตรวจอัลตราซาวด์เจาะเลือดอยู่ 4รอบเดือน ทุกครั้งจะเจอไข่พร้อมจะสุก1ใบเดือนที่5และ6หมอเลยบอกว่าไม่ต้องมาตรวจอัลตราซาวด์กับเจาะเลือดแล้ว จะได้ไม่เครียดและไม่เจ็บตัว ให้กินยาตามปกติถ้าครบแล้วไม่ท้องก็ค่อยกลับมาหาหมอใหม่ ยารอบสุดท้ายผ่านไปเดือนธันวาคม 2012ไม่เกิดอะไรขึ้น เซ็งเป็ด ผลข้างเคียงของยาที่แม่หญิงเชอร์เจอคือปวดหัวและเป็นสิวแรกๆเยอะหน่อย โดยเฉพาะสิวผดที่ต้นแขน ทุกๆเดือนที่กินยาแม่หญิงเชอร์ทำกราฟ BBT คู่กับการตรวจด้วยที่ตรวจไข่ตกไปด้วยพร้อมกับที่ตรวจเลือด ก็พบว่าไข่ตกทุกเดือนไม่มีปัญหา อันนี้เป็นกราฟเดือนแรกที่เริ่มกินยา จะเห็นว่ารอบเดือนแม่หญิงเชอร์ไม่ได้สั้นลงอย่างที่หมอต้องการ บางเดือนก็ลองวัดอุณหภูมิถึงแค่รู้ว่าไข่ตก แล้วเลิกวัด เพื่อจะได้ไม่ต้องใจจดจ่อกับเรื่องนี้มากนัก ก็ไม่ท้อง บางเดือนลองไม่วัดอุณหภูมิ เผื่อว่าวัดแล้วทำเราเครียดโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่ท้อง ทรมานจิตใจที่คนอื่นๆเริ่มทีหลังแต่ท้องแซงหน้า ไปสามคู่เห็นๆ สรุปกินยามาครบหกครั้งไม่มีเบบี๋ ก็ต้องกลับไปหาหมอสินะ นี่เท่ากับว่าแม่หญิงเชอร์และสามีพยายามที่จะมีเบบี๋มาครบปีกว่าๆพอดี หมอจะให้ทำอะไรยังไงต่อไป ติดตามได้ใน Baby journey ของแม่หญิงเชอร์ตอนหน้าค่ะ อ่านแล้วเพิ่งเข้าใจว่าแม่หญิงเชอร์ผ่านขั้นตอนมามากมาย เคยฟังคร่าวๆ แต่ไม่เห็นภาพเท่าอ่านอ่ะ สู้ต่อไปจ๊ะ เป็น กลจ. ให้เสมอ
โดย: Sarachannel วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:17:20:35 น.
|
LadyCher
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?] แม่หญิงเชอร์ สาวไทยที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ สนใจในเรื่องสุขภาพและความงาม เอาตัวเองเป็นหมูทดลองประจำ
Link |