Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
::.. "แม่หญิงเชอร์" How to ผมหยิกก็เป็นนางฟ้า ตอน Curl power
หลังจากเขียนตอนที่1ไปหลายเดือนแล้วก็ไม่ได้เขียนต่อซักที จนมีมิตรรักแฟนเพจเฟสบุคมาทวงถามว่าเมื่อไหร่จะได้อ่านตอนที่2 Smiley แฮ่ๆ ต้องขออภัย แม่หญิงเชอร์เขียนนู่นนี่แล้วแต่อารมณ์ ไม่คิดว่ามีใครสนใจรออ่านจริงๆ ไหนๆทวงมาเชอร์ก็จัดให้ค่ะ Smiley

ต้องบอกก่อนว่าตอนที่เขียนเรื่องผมหยิกตอนที่1นั้น กะว่าจะเขียนตอนแรกเป็นวิธีเซ็ทลอนให้พองๆมีวอลลุม กับตอนที่2เป็นวิธีเซ็ทลอนแบบคลายตัวหน่อย ผมไม่พองมาก แต่หลังจากเขียนตอนแรกไปไม่นาน (อ่านไ้ด้ที่นี่) ก็ได้ไปอ่านหนังสือเล่มนึง เป็นคู่มือสำหรับสาวๆผมหยิกโดยเฉพาะ อ่านแล้วลองทำตามแล้วชอบมากๆ ลอนผมมีน้ำหนักกว่าเดิม เดินแล้วลอนเด้งดึ๋งๆ Smiley ถูกใจที่สุด ตอนนี้ไม่ได้เซ็ทผมแบบเดิมเลย วันนี้มาเล่าถึงวิธีใหม่ดีกว่าเนาะ

สรุปคร่าวๆจากหนังสือเล่มนี้ เค้าบอกให้โยนหวีทิ้งไป เลิกใช้แชมพูทั่วไปสระผม ให้เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีซัลเฟต หรือดีที่สุดให้ใช้ครีมนวด botanical conditioner (พวกไม่มีซิลิโคนและพาราเบน)สระผมแทน และสุดท้ายเซ็ทผมตามแบบฉบับ Curly girl เพียงเท่านี้คุณก็จะมีลอนผมหยิกสวย อยู่ตัว ไม่ชี้ฟู แล้วคุณจะหลงรักผมหยิกของตัวเอง (เพราะสาวผมหยิดหลายๆคนไม่ชอบผมหยิกเลย)

อ่านแล้ววิธีนี้เข้าทางแม่หญิงเชอร์มากๆ เพราะว่าเลิกใช้แชมพูสระผมมาเกือบสองปีแล้ว (อย่าเพิ่งร้องยี้ อ่านให้จบก่อน) แม่หญิงเชอร์สระผมด้วยครีมนวดที่ไม่ซิลิโคน พาราเบน และmineral oil วิธีนี้เรียกกันว่า "no poo" ลองไปกู้เกิ้ลดูได้ (เรื่องนี้เชอร์จะเขียนแยกทีหลังเพราะมันยาว) ประมาณ1-2อาทิตย์/ครั้งจะมีสระผมด้วยแชมพูที่ไม่มีซัลเฟต (ชุด Rainforest ของ the Body Shop ใช้ได้) แล้วก็เซ็ทผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีซิลิโคนและพาราเบน ที่ทำมาก็ชอบมากเพราะผมดีขึ้นเยอะแล้วก็ไม่ต้องซื้อผลิตภัณฑ์แพงๆมาเซ็ทผมอีกต่อไป Smiley แต่วิธีดูแลผมของ Curly girl นี้ให้ผลดีกว่ามาก ลอนผมสวยอยู่ได้นานกว่าเดิม สุขภาพผมดีกว่าเดิมจริงๆ มาดูกันว่าทำยังไง

วิธีนี้ใช้ได้กับผมหยิกทุกแบบไม่ว่าหยิกมากหยิกน้อย หยักศกนิดๆหรือเป็นคลื่น
1. Cleansing ทำความสะอาดแบ่งเป็นทำความสะอาดหนังศรีษะกับบำรุงเส้นผม จะทำบ่อยแค่ไหนแล้วแต่สภาพผมแต่ละคน ใครที่เริ่มต้นเลิกใช้แชมพู ให้ทำความสะอาดผมบ่อยเท่าที่เคยทำ แต่เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีซัลเฟต (Sulfate-free เพราะซัลเฟตทำให้ผมแห้งและรุนแรงต่อผม) หรือครีมนวดแบบที่บอกไป ทำความสะอาดหนังศรีษะ แรกๆอาจจะไม่ชินที่สระผมไม่มีฟองแต่สุขภาพผมจะดีขึ้นตามลำดับ พอผมมีความชุ่มชื้นแล้ว เราอาจจะไม่ต้องสระบ่อยเท่าเดิม เพราะผมควรจะได้พักบ้าง สระมากเกินก็ไม่ดีค่ะ สำหรับปริมาณผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผม แรกๆอาจจะใช้เยอะหน่อย หรือถ้าผมหยิกมากหนามากก็ต้องใช้มาก แต่สระไปเรื่อยๆจะรู้เองค่ะ

แม่หญิงเชอร์ใช้ครีมนวดแบรนด์ซุปเปอร์มาร์เกตแถวบ้านสระผม ราคาถูกมาก ขวดเบิ้ม ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน พาราเบนและmineral oil (เดี๋ยวขอเขียนเรื่องวิธีเลือกครีมนวดแยก) หรือแชมพูชุด Rainforest ของ the Body Shop ก็ใช้ได้ค่ะ

2. Conditioning บำรุงเส้นผม เค้าแนะนำให้ล้างครีมนวดออกจากผมไม่ต้องหมด หลายๆคนอาจจะกลัวว่าถ้าล้างครีมนวดออกไม่หมดแล้วผมจะมัน ลีบ ฟีบแบน แต่จริงๆแล้วสภาพที่ว่าจะไม่เกิดกับสาวผมหยิกแน่นอน เพราะผมหยิกนั้นต้องการความชุ่มชื้นมากๆ ยิ่งเหลือครีมนวดไว้ผมจะยิ่งเป็นลอนไม่แตกฝอยและมีน้ำหนัก ส่วนใครที่กลัวว่าครีมนวดที่ล้างไม่หมดจะทำให้ผมกรอบหรือเหนียว เค้าว่าถ้าเลือกครีมนวดถูกต้อง (ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน พาราเบนและmineral oil) ก็ไม่ต้องกลัว 

วิธีใช้ครีมนวดก็ให้ลงไปตามลอนผม ใช้นิ้วสางไม่ให้พันกัน ลงให้ทั่ว แล้วก็ให้เอียงหัว ขยำๆผมขึ้นไปทางหนังศรีษะ มันจะมีเสียงเหมือนเราบีบสาหร่ายเปียกน้ำ เค้าว่านั่นแหละหมายถึงผมได้รับความชุ่มชื้น แล้วก็ล้างออกพอประมาณ

อันนี้คือครีมนวดและทรีตเม้นท์ที่เชอร์ใช้ (ส่วนผสมผ่าน)

3. Scrunching ซับผมให้หมาด ไม่ควรใช้ผ้าขนหนูปกติเพราะมันจะซับน้ำออกมากเกินไปแล้วผ้าพวกนี้จะไปทำให้ลอนผมแตกฝอยได้ ให้ใช้ผ้่าขนหนูแบบไมโครไฟเบอร์ หรือเสื้อยืดผ้่านิ่มๆ หรือผ้่าอ้อมเด็กมาซับผม ห้ามเช็ดแบบขยี้ผมแรงๆนะคะ ให้ค่อยๆซับแล้วก็ขยำผมขึ้นด้านบนให้ลอนไม่แตก

แม่หญิงเชอร์ใช้เจ้าผ้าไมโครไฟเบอร์ แบบเดียวกับที่ใช้เช็ดขนเจ้าโซย่าเลย แต่คนละผืนกันนะคะ Smiley

4. Styling จัดแต่งทรงด้วยเจล อันนี้สำคัญมากเพราะเจลจะช่วยให้ลอนอยู่ตัว เวลาที่ผมเริ่มแห้งเราอาจรู้สึกว่าผมมันเริ่มแข็ง แต่ไม่ต้องตกใจค่ะ เจลที่แข็งตัวจะช่วยให้ลอนผมเราอยู่ทรง ไม่แตกฝอย ให้รอให้ผมแห้งสนิทก่อน แล้วก้มหัว เอามือค่อยๆขยำๆผมขึ้นด้านบน (แบบเดียวกับที่เชอร์ทำให้ดูกับมูส) ผมก็จะนิ่มเป็นลอนสวย เจลที่ใช้ไม่ควรมีส่วนผสมของซิลิโคน พาราเบนและแอลกอฮอล์ 

นี่คือยี่ห้อที่เชอร์ลองใช้ค่ะ แต่มูสก็ยังใช้สลับกันนะ ไม่เห็นความแตกต่าง

จบแล้วค่ะ ขั้นตอนเบสิกในการดูแลผมหยิกตามหนังสือ The Curly Girl Handbook สาวผมหยิกจะมากจะน้อยไม่ควรพลาด หนังสือนี้เค้ายังแยกประเำภทลอนผมแล้วบอกเคล็ดลับการจัดแต่งลอนแต่ละแบบด้วย ของแม่หญิงเชอร์ดูแล้วเป็นประเภท Botticelli curls ผสม Corkicelli curls (รึเปล่า)


ลาไปด้วยรูปผมที่สระเมื่อวาน Smiley

"Curl power! More than just hair...it's an attitude" - Lorraine Massey
Lady Cher's : acebook page
Lady Cher's : รวมลิ้งค์ ..



Create Date : 09 สิงหาคม 2556
Last Update : 6 ตุลาคม 2556 1:38:20 น.
Counter : 7256 Pageviews.

4 comment
::.. "แม่หญิงเชอร์" เคล็ด(ไม่)ลับ ทาเล็บสวยด้วยตัวเอง
หลังจากที่แม่หญิงเชอร์ทำ Sunday manicure มาหลายอัน มีคำถามเข้ามาว่าทาเล็บเองยังไงให้สวย ให้ไม่เลอะรอบๆเล็บ แม่หญิงเชอร์ก็เลยอยากจะมาบอกสาวๆถึงวิธีที่แม่หญิงเชอร์ทำ จริงๆแล้วไม่ได้ทาเก่งหรอกนะคะ อาศัยว่าอยู่ที่สวีเดนนี่ทำเล็บเองตลอด ก็เลยลองผิดลองถูก พบวิธีที่ทำแล้วเวิร์ค ถึงได้มาบอกต่อ Smiley

อย่างที่เคยบอก แม่หญิงเชอร์ทาเล็บทุกอาทิตย์ ส่วนใหญ่จะทาวันอาทิตย์ ล้างคืนวันศุกร์ วันเสาร์ปล่อยให้เล็บได้พัก แล้ววันอาทิตย์ทาใหม่ ทีนี้เราจะทำยังไงให้สีเล็บเราอยู่ทนไม่ลอกไม่หลุดอยู่ได้จนกว่าจะล้างทาใหม่ ไม่ยากค่ะ เราต้องเตรียมความพร้อมให้เล็บก่อนทาสีนิดนึง

หลังจากให้เล็บได้พัก1วันแล้ว ก่อนจะทาสีใหม่แม่หญิงเชอร์ก็ทำตามนี้ค่ะ



เอาสบู่เหลว(อันไหนก็ได้ตามใจชอบ)มาผสมกับเบคกิ้งโซดาให้ออกมาเป็นสครับเหนียวๆ แล้วก็ขัดทั่วทั้ง2มือ วนๆตรงเล็บและจมูกเล็บให้ครบ แล้วล้างออก มือจะนุ่ม หนังรอบๆเล็บก็จะนุ่มด้วย เสร็จแล้วก็ตัดเล็บ ตะไบเล็บตามที่ต้องการ ตัดหนังลอกๆตรงรอบๆเล็บออก เป็นอันใช้ได้



เสร็จแล้วทาแฮนด์ครีม นวดๆไปให้ครีมซึมเข้าผิว นวดลงไปบนเล็บและหนังรอบๆเล็บด้วยนะคะ ขั้นตอนนี้ใครจะข้ามไปทำหลังทาเล็บเสร็จก็ได้นะ แต่แม่หญิงเชอร์ผิวที่ตัวแห้ง หลังล้างมือต้องทาครีมตลอด เสร็จแล้วก็ให้เอาน้ำยาล้างเล็บหยอดบนสำลีมาเช็ดที่เล็บเพื่อเอาความมันจากครีมออก สีเล็บจะได้ติดทน ในรูปนี้แม่หญิงเชอร์ใช้ Seche Nail Prep มีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดเล็บและเตรียมเล็บให้พร้อมสำหรับทาสี แต่ใช้น้ำยาล้างเล็บก็ได้นะคะ



ขั้นตอนต่อไปสำคัญมาก นั่นก็คือเบสโค้ทและท็อบโค้ท เป็นสิ่งที่ต้องใช้ ควรจะเลือกที่คุณภาพดีนะคะ แม่หญิงเชอร์เคยบอกว่ายาทาเล็บราคาถูกหน่อยไม่เป็นไร แต่เราควรลงทุนกับเบสโค้ทและท็อบโค้ทนิดนึง

เบสโค้ทที่ดีช่วยปกป้องไม่ให้เล็บเราเหลืองจากสีทาเล็บ และยังช่วยให้สีทาเล็บเราติดทนนานขึ้น ส่วนท็อบโค้ทที่ดีก็ช่วยเคลือบสีเล็บเราให้เงางามและไม่หลุดลอกง่าย

ปกติแม่หญิงเชอร์ใช้เบสโค้ท OPI แต่เพิ่งใช้หมดไปพอดี เลยสั่งเบสของ Essie มาลองใช้ดู (ยังไม่ได้ลองนะคะ) เท่าที่อ่านรีวิวมาหลายๆคนชื่นชอบเบสโค้ทตัวนี้มากๆ ส่วนท็อบโค้ทนี่แม่หญิงเชอร์รักเดียวใจเดียวยังไงก็ต้อง Seche Vite เท่านั้น ขวดนี้เป็นขวดที่4แล้ว Smiley ที่ชอบเพราะว่ามันช่วยให้สีแห้งเร็วมาก หลังลงท็อบโค้ทได้ประมาณ5นาทีก็ลุกไปทำนู่นทำนี่ได้แล้วเล็บไม่พัง ใช้ท็อบโค้ทอันนี้แล้วชีวิตง่ายขึ้นมาก แล้วมันยังช่วยให้ความเงางามและให้สีติดทนอีกด้วยค่ะ ถ้าเค้าเลิกผลิตแม่หญิงเชอร์จะไปกรีดร้องหน้าโรงงาน Smiley



ทีนี้ มาถึงวิธีทาเล็บยังไงให้ไม่เลอะรอบๆ ตอบได้ว่ายากค่ะถ้ามือไม่นิ่งพอ แต่เรามีวิธีเก็บสีรอบๆที่เลอะมาฝากกัน เวลาทาสีให้พยายามทาให้บางและเลอะน้อยที่สุด แต่ถ้ามันเลอะออกมาเยอะให้เอาไม้ปลายแหลมแบบในรูปพยายามเอาสีส่วนที่เกินออกมาบนหนังข้างๆเล็บออกก่อน (แล้วเอามาปาดบนสำลีชุบน้ำยาล้างเล็บ)
เอาส่วนที่เกินแบบเลอะเห็นๆก่อนนะคะ อย่าไปยุ่งมันมากเพราะจากประสบการณ์มักจะทำพังถ้าพยายามมากเกิน Smiley

ทีนี้พอเราทาสี1หรือ2รอบเป็นที่พอใจแล้วรอให้แห้ง แล้วก็เอาถ้วยพลาสติกเล็กๆมาอันนึง ใส่น้ำยาล้างเล็บลงไป แล้วก็เอาพู่กันหรือแปรงปลายเล็กๆ (แม่หญิงเชอร์สละแปรงอายลายเนอร์ที่ไม่ใช้) มาจุ่มน้ำยาลางเล็บ ปาดๆออกไม่ต้องชุ่มมาก แล้วก็มาทาๆถูๆปาดๆบริเวณรอบๆเล็บ ค่อยๆทำไปเรื่อยๆสีที่เกินมาจะหลุดออกไป แล้วเราก็จะได้ขอบของสีที่เรียบพอดีค่ะ หลังจากนั้นลงท็อบโค้ท และทาครีมบำรุงอีกรอบเป็นอันเรียบร้อย Smiley

ไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ แค่นี้ทุกคนก็ทาเล็บสวยเองได้แล้ว มือใหม่หัดทาให้เลือกสีอ่อนหรือสีที่มีชิมเมอร์หรือเนื้อมุกอยู่ จะทาได้ง่ายกว่าสีเข้มๆหรือสีที่ไม่มีชิมเมอร์ค่ะ Smiley

Lady Cher's : acebook page
Lady Cher's : รวมลิ้งค์ ..



Create Date : 27 เมษายน 2556
Last Update : 27 เมษายน 2556 14:46:48 น.
Counter : 5249 Pageviews.

0 comment
::.. "แม่หญิงเชอร์" รีวิว Oil Cleansing method ที่ปลื้มสุดๆ
เมื่อไม่นานมานี้แม่หญิงเชอร์ได้เขียนแนะนำวิธีล้างหน้าด้วยน้ำมัน หลังจากนั้นมีเพื่อนสาวหลายคนได้ไปทดลองทำ แล้วทุกคนชื่นชอบผลที่ได้กันทั้งนั้น วันนี้แม่หญิงเชอร์เลยจะมาบอกย้ำกันอีกครั้งว่า การล้างหน้าด้วยน้ำมันนี่มันดียังไงค่ะ



น้ำมันในรูปนี่แม่หญฺิงเชอร์ผสมเอง พอดีว่าได้ทำให้เป็นของขวัญเพื่อนสาวนางหนึ่ง แล้วนางก็เอาไปแบ่งปันให้เพื่อนนางทดลอง ปรากฎว่าเป็นที่ชื่นชอบถึงขนาดมาสั่งให้แม่หญิงเชอร์ผสมขาย บอกให้ไปผสมเองก็ไม่เอา แม่หญิงเชอร์ก็เลยต้องขาย Smiley

ใครที่อยากรู้รายละเอียดของการล้างหน้าด้วยน้ำมันว่าทำยังไงใช้น้ำมันอะไร ขอเชิญกลับไปอ่านใน Beauty tips ที่แม่หญฺิงเชอร์เขียนเรื่องนี้เอาไว้ ตอนที่1 กับ ตอนที่2 นะคะ

วันนี้เราจะมาบอกย้ำถึงข้อดีของการล้างหน้าด้วยน้ำมันพร้อมกับโชว์หนังหน้าเปลือยของแม่หญิงเชอร์ Smiley ไม่รักกันจริงไม่โชว์นะนี่

แม่หญิงเชอร์ล้างหน้าด้วยวิธีนี้อาทิตย์ละ2-3ครั้งมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก่อนหน้าที่จะเริ่มทำ สภาพผิวคือผิวผสม มันช่วงทีโซน แห้งมากตรงแก้ม และเป็นสิวง่าย มีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้างที่ทีโซนกะหน้าแก้มนิดนึง แล้วก็มีสิวเสี้ยนอันไม่พึงประสงค์ที่จมูก (ไม่ได้ถ่ายรูปBeforeเก็บเอาไว้ ขออภัยนะคะ)

ทีนี้หลังจากได้ล้างหน้าด้วยน้ำมัน ผลที่ได้คือ ทีโซนมันน้อยลงมาก แก้มก็ไม่แห้งเหมือนเมื่อก่อน คือเหมือนน้ำมันในผิวเราสมดุล เลยไม่รู้สึกว่าหน้าแห้งรึหน้ามันเลย รู้สึกปกติอ่ะ ที่เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนแปลงคือสิวเสี้ยนที่จมูก มันพากันหลุดลอกออกไปเกือบหมด (แต่รูขุมขนยังมองเห็นชัด) เวลาลงรองพื้นไม่เป็นคราบขาวๆตรงร่องจมูกเลยทีนี้ สิวที่เคยเป็นประปรายเมื่อก่อนตรงนู้นเม็ดตรงนี้เม็ด เดี๋ยวนี้ไม่มีเลย นานๆจะมาเยือนซักเม็ดแถวๆคางช่วงวันนั้นของเดือน แล้วสิวอุดตันก็หลุดหายไปด้วย เวลาล้างหน้าลูบหน้าไม่รู้สึกสะดุดสิวอุดตันเลย Smiley

ทีนี้พูดอย่างเดียวเดี๋ยวว่าเราเวอร์ เอาหนังหน้ามาให้ดูละกันนะคะ



หน้านี้เพิ่งตื่นนอน ถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังล้างหน้าแล้วแต่ยังไม่ลงสกินแคร์ ที่มองเห็นได้คือกระที่แก้มกับรอยดำๆแดงๆที่สิวทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ส่วนแพนด้าใต้ตานั้นรักกันมากไม่จากไปไหน Smiley



หันข้างบ้าง รอยแดงจากสิวที่แก้มนี่มันรักกันจริง ข้างบนริมฝีปากก็มีรอยดำ1อัน ตรงร่องจมูกที่เห็นแดงๆนั่นเป็นเส้นเลือดฝอยค่ะมันเป็นแบบนั้นมาตลอดนะ



หันอีกข้าง ด้านนี้มีรอยสงครามจากสิวที่ได้มาเมื่อยังละอ่อน รู้เท่าไม่ถึงการทั้งแกะทั้งบีบ สาวๆห้ามแงะแกะเกาใบหน้านะคะ มันจะทิ้งแผลไว้อย่างนี้ Smiley

นี่ล่ะค่ะคือสภาพหน้าเปลือยของแม่หญฺิงเชอร์ ส่วนตัวคิดว่าผิวเราก็ค่อนข้างดีนะสำหรับสาวอายุ31 ที่ไม่เคยยิงเลเซอร์หรือทำทรีตเม้นต์รักษารอยแผลอะไรบหน้าเลย

แม่หญิงเชอร์เลยอยากจะมาชวนสาวๆลองล้างหน้าด้วยน้ำมันกันดูบ้าง เพราะคิดว่าตั้งแต่ลองสกินแคร์มาทั้งถูกและแพง การล้างหน้าด้วยน้ำมันนี้ให้ผลดีเห็นชัดที่สุด

มีหลายเสียงค้านว่าวิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกับสภาพอากาศที่เมืองไทย แต่แม่หญิงเชอร์ขอค้านนะคะ เพราะวิธีนี้เป็นวิธีล้างหน้า เราล้างหน้าเสร็จที่บ้านไม่ได้ให้เอาน้ำมันทาหน้าออกไปเจออากาศร้อนข้างนอกแต่อย่างใด

แม่หญิงเชอร์ก็ทำวิธีนี้ตอนกลับเมืองไทยปีที่แล้วก็ได้ผลดีเหมือนที่สวีเดน แล้วเพื่อนๆสาวของแม่หญฺิงเชอร์ที่เมืองไทยก็ไปทำตามกันหลายคน ทุกคนชอบหมด บางคนถึงขั้นทำให้สามีด้วย หลายๆเสียงที่ผิวมันบองว่าหน้ามันน้อยลงมาก ส่วนสาวผิวแห้งก็บอกว่าหน้าไม่ลอกเป็นขุยแล้ว ดีขนาดนี้เราต้องเชียร์ให้ลองกันเนาะ

นี่แหละค่ะวิธีดูแลผิวด้วยตัวเอง ราคาไม่แพงจากของที่เราหาได้ในครัว (บางส่วน) ใครลองไปทำตามแล้วได้ผลยังไงมาบอกกันบ้างนะคะ Smiley

Lady Cher's : acebook page
Lady Cher's : รวมลิ้งค์ ..



Create Date : 23 เมษายน 2556
Last Update : 23 เมษายน 2556 17:57:33 น.
Counter : 3149 Pageviews.

8 comment
::.. "แม่หญิงเชอร์" How to หน้าใสไร้สิว ล้างหน้าด้วยน้ำมันกันเถอะ ตอน2
แหม พูดเรื่องล้างหน้าแล้วมันยาว มาต่อกันเรื่องของน้ำมันที่เราใช้ได้สำหรับการล้างหน้าด้วยวิธีนี้กันค่ะ (รูปที่ใช้เค้าไปหามาจากกูเกิ้ลนะ)



Castor oil หรือน้ำมันละหุ่ง (ให้เลือกชนิด cold-pressed) สามารถดึงดูดสิ่งสกปรกได้ดี ช่วยกำจัดแบคทีเรียทำให้ลดการเกิดสิว ช่วยเร่งการรักษาอาการอักเสบและแผลต่างๆ สามารถช่วยรักษาผิวแตกแห้ง รอยแตกลายได้ เมล็ดละหุ่งมีโปรตีน Ricin ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย (โดยเฉพาะสำหรับคนเก็บเกี่ยวเมล็ดละหุ่ง) แต่น้ำมันละหุ่งที่เราใช้ ได้มีการสกัดเอา Ricin ออกตอนที่ผลิต ทำให้ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ น้ำมันละหุ่งเป็นส่วนผสมหลักๆในสกินแคร์ส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันตามท้องตลาด


Olive oil หรือน้ำมันมะกอก มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอาการอักเสบ อุดไปด้วยวิตามินเอและอี ช่วยเร่งการรักษาและผลัดเซลล์ผิว ให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว ควรเลือกใช้ชนิด Extra virgin กับผิวหน้าค่ะ



Avocado oil หรือน้ำมันอะโวคาโด มีกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อผิว อุดมไปด้วยวิตามินเอ บี1 บี2 ดีและอี มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวที่ถูกทำลายและเร่งการรักษา ให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว



Borage seed oil หรือน้ำมันเมล็ดโบราจ มีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบและปลอบประโลมผิวระคายเคือง คืนความชุ่มชื้นให้ผิวและทำให้ผิวเรียบเนียน ช่วยเร่งการรักษาผิวที่ถูกทำลายด้วสิวและโรคผิวหนังบางชนิด



Sweet almond oil หรือน้ำมันอัลมอนด์ อุดมไปด้วยวิตามินอี มีคุณสมบัติลดอาการระคายเคืองและอาการอักเสบของผิว ให้ความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวให้ยืดหยุ่นแข็งแรง สาารถลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตาและชะลอการเกิดริ้วรอย



Grapeseed oil หรือน้ำมันองุ่น (สกัดจากเมล็ดองุ่น) มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว มีวิตามินซี ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างเท่ากัน เป็นน้ำมันที่non-allergenic คนที่ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ดี



Hazelnut oil หรือน้ำมันเฮเซลนัท มีสารต้านอนุมูลอิสระและมีคุณสมบัิขจัดสิ่งสกปรก สามารถช่วยลดอาการอักเสบและขจัดแบคทีเรีย เหมาะสำหรับผิวมันหรือผิวที่เป็นสิวง่าย



Sunflower seed oil หรือน้ำมันเมล็ดทานตะวัน สามารถลดอาการอักเสบและระคายเคือง ปลอบประโลมผิวและให้ความชุ่มชื้น มีวิตามินอีสูงช่วยทำให้ผิวแข็งแรงชะลอการเกิดริ้วรอย สามารถใช้ได้ดีสำหรับคนที่เป็นสิวเพราะสามารถกำจัดแบคที่เรียจากรูขุมขนได้ดี



Hemp seed oil หรือน้ำมันเมล็ดกัญชง มีสารอาหารสูง มีกรดอะมิโนและสารต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วยวิตามินอี ช่วยลดอาการอักเสบและระคายเคืองของผิว ให้ความชุ่มชื้น สามารถขจัดสารพิษและสิ่งสกปรกตกค้างจากผิว เป็นน้ำมันที่ใช้กันแพร่หลายมากในการทำสกินแคร์

นี่ก็เป็นข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับน้ำมันพืชที่เราใช้ได้ที่แม่หญิงเชอร์ไปหามา จะเห็นได้ว่าน้ำมันส่วนใหญ่มีคุณสมบัติคล้ายๆกัน ใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็ปรึกษากูเกิ้ลได้ไม่ผิดหวังค่ะ ลองไปทำกันดูนะคะ
Smiley

Lady Cher's : acebook page
Lady Cher's : รวมลิ้งค์ ..



Create Date : 19 มีนาคม 2556
Last Update : 19 มีนาคม 2556 13:27:33 น.
Counter : 3796 Pageviews.

1 comment
::.. "แม่หญิงเชอร์" How to หน้าใสไร้สิว ล้างหน้าด้วยน้ำมันกันเถอะ ตอน1
ใครๆก็อยากมีผิวใสเรียบเนียน ไม่มีสิวอักเสบ สิวอุดตัน และสิวเสี้ยนมากวนใจกันทั้งนั้น แม่หญิงเชอร์เชื่อว่า หลายๆคนก็เป็นเหมือนแม่หญิงเชอร์ คือพยายามหาสกินแคร์ที่มันโฆษณาว่า ควบคุมความมัน ลดการเกิดสิว ลดการอุดตัน กำจัดสิวเสี้ยน นู่นนั่นนี่มาลอง แต่พอใช้ไปบางอันทำให้สิวเห่อ หน้ามันกว่าเดิม บางอันใช้แล้วดีช่วงแรกๆ แต่พอใช้ซักพักสิวก็กลับมา หรือไม่ได้รู้สึกว่าผิวหน้าดีขึ้น เสียเงินลงทุนซื้อของกันไปมากมายใช่มั้ยคะ Smiley

วันนี้แม่หญิงเชอร์จะมาแนะนำวิธีดูแลผิวที่ประหยัดเงิน ใช้ของธรรมชาติ และได้ผลจริงๆ นั่นก็คือการล้างหน้าด้วยน้ำมัน หลายคนอ่านถึงตรงนี้อาจจะเอ๊ะ น้ำมัน มันจะดีกับผิวมัน ผิวเป็นสิวง่ายเหรอ อย่าเพิ่งส่ายหน้าหนีนะคะ มาทำความรู้จักวิธีนี้กันก่อน

ที่สวีเดนระยะหลังๆนี่ อะไรที่เป็นธรรมชาติ อะไรที่บอกว่าออร์แกนิคนี่ คนจะนิยมกันมากๆ ไอ้วิธีล้างหน้าด้วยน้ำมันนี่แม่หญิงเชอร์ก็ไปเจอข้อมูลในเวบบอร์ดที่เค้าพูดคุยกันเรื่องการสระผมโดยไม่ใช้แชมพู (ไว้จะมาเล่าเรื่องนี้ทีหลังนะคะ) สาวๆสวีเดนในเวบนั้นเค้าใช้น้ำมันเช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าวและอีกหลายๆน้ำมัน บำรุงผมและผิว เค้าบอกว่าปกติแล้วสกินแคร์ต่างๆที่เราใช้ มักจะมีส่วนผสมที่ไปชะล้างน้ำมันธรรมชาติที่เคลือบผิวเราออก ทำให้ร่างกายเราผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้นมาทดแทน ทีนี้หน้าเราก็จะยิ่งมันกว่าเดิม เป็นสิวง่ายกว่าเดิม แล้วสกินแคร์ส่วนใหญ่ก็ผสมน้ำหอม พาราเบน มิเนอรอลออยล์ และซิลิโคน ซึ่งไปทำให้ผิวระคายเคืองและไม่ได้มีผลดีกับผิวเลย สาวๆเค้าเลยหันมาใช้น้ำมันและของธรรมชาติแทน



หลักการมันอยู่ที่ว่าผิวของเรามีน้ำมันเคลือบอยู่ตามธรรมชาติ การจะล้างน้ำมันก็ต้องใช้น้ำมันไปทำให้ละลาย หลายคนนึกภาพว่าเราเอาน้ำมันมะกอกมาโบกๆไปที่หน้าแล้วอาจจะกลัว แต่จริงๆแล้วน้ำมันเพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็นตัวทำให้สิวระเบิด แต่สิว จะสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวเสี้ยน มันเกิดจากหลายๆปัจจัยรวมกัน เช่น ฮอร์โมน แบคทีเรีย เซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตัน การที่ร่างกายเราผลิตน้ำมันมาหล่อเลี้ยงผิว ไม่ใช่แค่ให้ความชุ่มชื้น แต่น้ำมันธรรมชาติของผิวยังช่วยปกป้อง รักษา และทำให้ผิวเราทำงานได้ปกติ ผิวที่ทำงานได้ปกติ คือผิวใสไร้สิวนั่นเอง

ที่นี้การที่เราล้างหน้าด้วยน้ำมันเนี่ย น้ำมันที่นวดไปบนผิวจะไปช่วยละลายน้ำมันในผิวซึ่งจับตัวเป็นก้อนรวมกับสิ่งสกปรกต่างๆในรูขุมขนให้มันออกมา ทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน อธิบายมานานมาเริ่มกันเลยดีกว่าว่าทำยังไง



วิธีนี้ต้องใช้น้ำมันสองชนิด อันแรกคือ Castor Oil หรือน้ำมันละหุ่ง (ที่สวีเดนนี่หาได้ที่ร้านขายยาและบางร้านสะดวกซื้อ ที่ไทยคิดว่าร้านขายยามีขายนะคะ) น้ำมันละหุ่งมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ ช่วยรักษาและช่วยทำความสะอาดดึงสิ่งสกปรกได้ดี แต่เราจะไม่ใช้เยอะ ไม่งั้นผิวจะแห้งเกิน แล้วน้ำมันละหุ่งมันข้นเหนียว เราต้องเอามาผสมกับน้ำมันอีกชนิดนึงถึงจะใช้ได้ค่ะ

น้ำมันอันที่สองนี่ให้ง่ายๆเลยก็ใช้น้ำมันมะกอก (extra virgin) หรือไม่ก็น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน ซึ่งกรดไขมันในน้ำมันพวกนี้ จะช่วยคืนความชุ่มชื่นให้ผิว ทำให้สภาพผิวสมดุล ถ้าไม่ใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน เราก็ใช้น้ำมันพืชชนิดอื่นๆได้ ขึ้นอยู่กับสรรพคุณที่เราต้องการ

วิธีผสม ขึ้นอยู่กับสภาพผิว

    ผิวมัน – ใช้น้ำมันละหุ่ง 30% ผสมน้ำมันพืช 70%
    ผิวธรรมดา – ใข้น้ำมันละหุ่ง 20% ผสมน้ำมันพืช 80%
    ผิวแห้ง – ใข้น้ำมันละหุ่ง 10% ผสมน้ำมันพืช 90%

เราสามารถปรับเปลี่ยนการผสมน้ำมันให้เข้ากับความต้องการของผิวเรา ถ้าใช้แล้วรู้สึกว่าผิวแห้งก็ให้ลดปริมาณน้ำมันละหุ่งลงแล้วเพิ่มปริมาณน้ำมันพืชแทน

สำหรับวิธีล้างหน้าด้วยน้ำมันนะคะ ให้ทำตอนกลางคืนก่อนเข้านอน เพราะมันเป็นการทำความสะอาดแบบ deep cleansing ถ้ากลางคืนล้างหน้าสะอาดแล้วเช้าเราล้างน้ำอุ่นก็พอ วิธีนี้เราต้องมีผ้าขนหนูผืนเล็กที่ปิดหน้าเรามิด น้ำมันที่เราผสมใส่ขวดไว้ และที่สำคัญน้ำอุ่น



แม่หญิงเชอร์ลองใช้น้ำมันละหุ่งผสมกับน้ำมันอะโวคาโดมาสี่เดือน (เพราะมีน้ำมันอะโวคาโดอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว) ในรูปที่ผสมใหม่(ขวดกลาง) เป็นน้ำมันละหุ่ง(ซ้าย) กับน้ำมันแครอท (สกัดมาจากรากและเมล็ดแครอท) น้ำมันแครอทนี้เค้าบอกว่าช่วยขับสารพิษและลดการบวมน้ำในผิว ทำให้ผิวดูเฟิร์มและเรียบขึ้น น้ำมันแครอทยังมีสาร Carotenoids ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามินอื่นๆเช่นวิตามินเอและอี แม่หญิงเชอร์ใช้น้ำมันอะโวคาโดมาได้ผลดี ตอนนี้เลยอยากลองเปลี่ยนดูบ้างค่ะ

ให้เทน้ำมันที่ผสมไว้แล้วเทใส่ฝ่ามือ วอร์มน้ำมันโดยการถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน จากนั้นเอาน้ำมันไปนวดลงบนใบหน้า นวดให้ทั่วๆเลยค่ะ (น้ำมันนี้สามารถล้างเมคอัพกันน้ำและสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้นะคะ เราไม่จำเป็นต้องล้างหน้าก่อน) ตรงบริเวนไหนที่เรามีปัญหาเรื่องสิวเสี้ยนสิวอุดตัน เราก็นวดนานหน่อย เมื่อเราพอใจแล้วให้เอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น (ค่อนไปทางร้อน) บิดผ้าหมาดๆแล้วเอามาโปะไว้บนใบหน้า ให้ไอความร้อนมันเข้าไปเปิดรูขุมขน ทิ้งไว้แป๊บนึงจนผ้าเริ่มเย็น ก็ค่อยๆเช็ดน้ำมันบนหน้าออกเบาๆ (ห้ามถูแรงๆนะคะ) แล้วก็ทำซ้ำซัก3-4ครั้งให้แน่ใจว่าเช็ดน้ำมันออกไปหมดแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะมีน้ำมันตกค้างบนใบหน้าเพราะน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูสามารถล้างน้ำมันออกได้หมด



(ให้ดูว่าตอนปิดหน้าทำประมาณนี้)

ถ้าล้างหน้าเสร็จแล้วรู้สึกว่าหน้าตึงหน้าแห้ง ให้เทน้ำมันที่เราผสมไว้ออกมานิดนึงมาถูๆที่ฝ่ามือ แล้วเอามือค่อยๆตบๆไปบนผิวหน้า นวดไปจนน้ำมันซึมหายไป (แม่หญิงเชอร์ยังไม่เคยลองทำเพราะปกติเป็นคนผิวผสมค่อนไปทางมัน)

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำมันนี้ ควรทำเป็นประจำแต่อย่าบ่อยเกินไป ถ้าทำบ่อยไปหน้าจะแห้งมาก แม่หญิงเชอร์ทำประมาณ 2-3ครั้งต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ในช่วงแรกๆที่ทำวิธีนี้ เราอาจจะรู้สึกว่าหน้ามันขึ้น ไม่ต้องกังวลนะคะมันเป็นเพราะว่าเราไปเอาสิ่งอุดตันรูขุมขนออก รูขุมขนก็จะเริ่มขับน้ำมันในผิวออกมาตามปกติ เมื่อเราทำไปซักระยะผิวเราก็จะปรับการผลิตน้ำมันให้สมดุล ทีนี้ผิวหน้าเราก็จะนุ่ม ใสไร้สิว แม่หญิงเชอร์ทำมาประมาณสี่เดือนแล้ว ผลที่ได้คือหน้ามันน้อยลง จากที่เคยเป็นสิวประปราย เดี๋ยวนี้จะมีขึ้น1-2เม็ดช่วงก่อนประจำเดือนมา ที่เห็นชัดคือสิวเสี้ยนตรงจมูก เมื่อก่อนเวลาลงรองพื้น ตรงปีกจมูกจะเป็นคราบขาวๆเพราะมีสิวเสี้ยน ตอนนี้ลงรองพื้นได้เรียบเนียน ส่วนสิวอุดตันที่เคยมีที่ข้างแก้มและคาง มันค่อยๆผุดออกมาแล้วก็หลุดหายไป ชอบจริงๆวิธีนี้ดีและไม่แพง

แม่หญิงเชอร์ลองกูเกิ้ลเรื่องการล้างหน้าด้วยน้ำมัน ก็เจอสูตรน้ำมันอีกสองอันที่เราทำได้นอกเหนือจากที่บอกไป

ผิวผสม ใช้น้ามันเฮเซลนัท 1 ส่วน น้ำมันอัลมอนด์ 1 ส่วน และน้ำมันอะโวคาโด 2 ส่วน

ผิวมัน ใช้น้ำมันเมล็ดโบราจ 1 ส่วน น้ำมันองุ่น 52 ส่วน น้ำมันเฮเซลนัท 1 ส่วน และน้ำมันเมล็ดกัญชง 1 ส่วน

ยังไงก็ไปลองทำกันดูนะคะ น้ำมันบางอย่างอาจจะหาซื้อยาก ใครหาไม่ได้ก็ใช้น้มันมะกอกก่อนเลย มีในซุปเปอร์มาเก็ตแน่นอน
Smiley


เดี๋ยวขอมาต่อตอนหน้าเรื่องประโยชน์ของน้ำมันแต่ละชนิดที่ใช้กับวิธีนี้ได้นะคะ


Lady Cher's : acebook page
Lady Cher's : รวมลิ้งค์ ..



Create Date : 19 มีนาคม 2556
Last Update : 19 มีนาคม 2556 4:32:44 น.
Counter : 47327 Pageviews.

16 comment
1  2  

LadyCher
Location :
Västerås  Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]



แม่หญิงเชอร์ สาวไทยที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ สนใจในเรื่องสุขภาพและความงาม เอาตัวเองเป็นหมูทดลองประจำ
New Comments