พุทธพาณิชย์ :ผลประโยชน์จากความเชื่อ
หลังจากไร้สาระมาเยอะ ขอมีสาระหน่อยละกัน
นี่เป็นเรียงความเชิงอธิบายส่ง Final Project ของเทอมนี้ :)
ได้อาจารย์ประจำวิชาแก้ไขให้นิดหน่อย ขอบคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
หน้าที่ของพระสงฆ์ก็คือเป็นผู้นำทางสติปัญญา และจิตวิญญาณ สอนให้ประชาชนยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น แต่ปัจจุบันเมื่อเวลาเปลี่ยนไป พระสงฆ์บางกลุ่มก็เริ่มเข้าใจหน้าที่ของตนผิด คิดว่าหน้าที่ที่สำคัญของตน คือ การหาปัจจัยมาอุดหนุนวัด จึงหันมาทำธุรกิจกันมากขึ้น สะสมเงินทอง เป็นเหตุให้วิถีแห่งพุทธ ที่มุ่งนำสรรพชีวิตให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ถูกแทนที่ด้วย วิถีแห่ง"พุทธพาณิชย์"
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ และประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง และนรกสวรรค์อยู่ ประชาชนจำนวนมากยังนิยมไปวัดเพื่อทำบุญ ฟังเทศน์จากพระสงฆ์อยู่ เรียกได้ว่า พระสงฆ์ยังเป็นสถาบันที่ยังได้รับความเคารพจากคนไทยอยู่ แต่พระสงฆ์บางกลุ่มกลับหาประโยชน์จากความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
พุทธพาณิชย์ที่เห็นจนชินตา คือ ป้ายประกาศแก่พุทธศาสนิกชนว่าจะมีการสร้างวิหาร สร้างโบสถ์ ต้องการปัจจัยสนับสนุน โดยมีสิ่งล่อใจ คือ บอกว่าผู้ทำบุญจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า สมปรารถนาในทุกสิ่งอย่าง เทศกาลที่สื่อวิถีพุทธพาณิชย์อย่างเด่นชัด คือ การทอดผ้าป่าที่พบเห็นแทบทุกวัด หาเงินแข่งกันในแต่ละปีแต่ละวัด บางวัดได้เงินทอดผ้าป่าสูงถึงหลักล้าน !
วิถีพุทธพาณิชย์ นอกจากไม่ใช่วิถีทางแห่งปัญญาตามวิถีแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังเป็นวิถีแห่งกิเลสตัณหา สร้างความโลภทั้งแก่ผู้บอกบุญ และผู้ทำบุญ ที่หว่านพืชเพื่อหวังผลโดยไม่รู้จักจบสิ้น สมมติสงฆ์ ที่พึงเป็นผู้นำทางสติปัญญา ควรยกระดับจิตใจเหล่าพุทธศาสนิกชนให้สูงขึ้น พ้นจากการครอบงำของอำนาจกิเลส กลับพาไปในทางที่ต่ำ มุ่งสร้างความเจริญแต่ด้านถาวรวัตถุ และคิดถึงแต่วิธีหาเงิน พุทธพาณิชย์จึงอุบัติขึ้น เกิดการนำพิธีกรรมทางศาสนามาเป็นเครื่องมือหาเงิน เกิดกิจการขายบุญด้วยวิธีแปลกๆ ใหม่ๆ
นอกจากนี้ วิถีแห่งพุทธพาณิชย์ที่พบเห็นได้ คือ การขายของในวัดด้วยราคาที่สูงลิบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางของขลังต่างๆที่พยายามปลุกเสกให้มีหลายรุ่น หลายแบบออกมา ยิ่งตั้งราคาแพงก็ยิ่งมีคุณสมบัติมาก ใครอยากได้คุณสมบัติพร้อมมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องเตรียมเงินเข้าไปในวัดมากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น จตุคามรามเทพที่ช่วงหนึ่งปลุกเสกกันออกมาไม่หยุดหย่อน จนสุดท้ายต้องจบลงตรงที่ขายองค์ละไม่กี่สิบที่บาทวิถีแถบท่าช้าง
นอกจากเครื่องรางของขลังแล้ว ก็ยังมีธูปเทียน น้ำมัน พวงมาลัย รวมไปถึงกล่องบริจาคต่างๆที่อยู่ในวัดที่ตั้งราคาสูง ค้ากำไรเกินควรจากพุทธศาสนิกชน ขายเป็นชุดๆ ราคาต่อชุดก็หลายสิบมากกว่าข้าวจานหนึ่งเสียอีก ส่วนกล่องบริจาคตามวัดก็มีการสนับสนุนคนรวย สอนอย่างผิดหลักพระพุทธศาสนาว่าเมื่อทำบุญมากก็จะได้รวยมากขึ้น นำศาสนาไปติดยึดกับระบบทุนนิยม บริโภคนิยม นั่นคือพุทธศาสนาในปัจจุบันที่เห็นความสำคัญของวัตถุมากกว่าจิตใจ
การทำบุญเป็นตัวเงินหมายความว่า เงินนั้นคือทรัพย์สมบัติของเรา ซึ่งเก็บไว้แลกเปลี่ยนสินค้าและเปลี่ยนเครื่องช่วยชีวิต คนที่จะทำบุญอันใดอันหนึ่งจึงขึ้นอยู่กับความสามารถที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นในคำสอนของพระพุทธองค์ที่เรายอมรับกันในศาสนาก็คือ เราถือเอาจิตใจที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นในการให้ทาน ไม่ใช่ว่าทำไปเพื่อจะได้ผลย้อนกลับมา
พุทธพาณิชย์เป็นการสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับวัดหรือพระสงฆ์บางรูปที่หวังผลกำไรจากความเชื่อซึ่งนับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางวัดไหนก็มีแต่วัดที่เริ่มยึดหลักพุทธพาณิชย์มากกว่าหลักศาสนา
กุศโลบายที่จะให้คนเข้าถึงศาสนานั้น แม้จะมีหลากวิธี แต่ทุกวิธีต้องไม่ทำให้คนลุ่มหลงงมงาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์เครื่องรางของขลัง หรือยึดถือวัตถุสิ่งก่อสร้างเป็นสรณะซึ่งไม่ใช่หนทางแห่งความหลุดพ้น สังสารวัฏ เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว ก็ย่อมเห็นว่าพุทธพาณิชย์ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องของพระพุทธศาสนา คงต้องรอให้วันที่แสงแห่งดวงปัญญาสว่างไสว เมื่อถึงวันนั้นผู้ลุ่มหลงในพุทธพาณิชย์...ก็คงจะได้เห็นว่าเดินผิดทางแห่ง พุทธศาสนาไปไกลแค่ไหน !...
Create Date : 21 กันยายน 2551 | | |
Last Update : 21 กันยายน 2551 21:13:40 น. |
Counter : 1894 Pageviews. |
| |
|
|
|