ยังมีอารามเซนสองแห่งตั้งอยู่ใกล้กัน
ยามที่เณรน้อยจากอารามหลังแรกจะเดินไปตลาดจะต้องผ่านอารามหลังที่าสองซึ่งมี
เณรน้อยอีกผู้หนึ่งที่มักจะออกมาล้อเลียนเป็นประจำ
วันหนึ่ง เณรน้อยจากอารามหลังที่หนึ่งออกเดินไปตลาดเหมือนเช่นเคย เณรจากอารามหลังที่สองจึงออกมาร้องถามว่า ท่านจะไปไหน?
เท้าไปที่ใด เราก็ไปที่นั่น เณรจากอารามหลังแรกตอบ
เมื่อได้ฟังคำตอบ เณรจากอารามหลังที่สองก็อับจนถ้อยคำ บ่ายวันนั้นเขาจึงกลับไปขอให้อาจารย์ของตนแนะนำ
หลังจากได้ฟังเรื่องราว อาจารย์จึงแนะว่า วันรุ่งขึ้น
หากเขาตอบเจ้าเช่นเดิม เจ้าก็จงถามกลับไปว่า หากไม่มีเท้า
แล้วท่านจะไปไหนได้เล่า รับรองว่าเณรผู้นั้นต้องหมดคำโต้ตอบแน่
วันรุ่งขึ้น เณรจากอารามหลังที่สองจึงได้ไปดักรอที่เดิม
เมื่อเณรจากอารามหลังที่หนึ่งเดินผ่านมา เขาจึงรีบเอ่ยถามว่า
วันนี้ท่านจะไปไหน?
จากนั้นเตรียมโต้ตอบด้วยคำที่อาจารย์เสี้ยมสอนมาอย่างดี
ปรากฏว่าเณรผู้ไปตลาดกลับตอบว่า ลมไปที่ใด เราก็ไปที่นั้น
ได้ยินดังนั้น เณรจากอารามหลังที่สองรู้สึกผิดคาด จึงไม่อาจตอบอะไรได้อีก ตกบ่ายได้แต่กลับไปขอคำชี้แนะจากอาจารย์เช่นเดิม
คราวนี้อาจารย์เริ่มไม่พอใจ ตำหนิศิษย์ว่า เจ้าช่างโง่งมนัก
เหตุใดไม่ถามกลับไปว่า แล้วถ้าไม่มีลมพัด ท่านจะไปที่ใด
แล้วถ้าคราวหน้าเณรผู้นั้นเปลี่ยนถ้อยคำเป็นเรื่องใด
เจ้าก็จงใช้ถ้อยคำนั้นตอบกลับ เช่น น้ำไหลไปไหน เราก็ไปที่นั้น
เจ้าก็จงถามไปว่า ถ้าไม่มีน้ำ ท่านจะไปอย่างไร เข้าใจหรือไม่?
ได้ฟังคำสั่งสอนของอาจารย์ เณรน้อยจากอารามหลังที่สองยินดียิ่งนัก
หมายมั่นปั้นมือว่าคราวหน้าต้องทำให้เณรจากอารามหลังแรกอับจนถ้อยคำให้จงได้
วันรุ่งขึ้น เมื่อเณรซื้อผักเดินผ่านมา เณรจากอารามหลังที่สองก็ร้องถามด้วยความกระหยิ่มใจว่า วันนี้ เณรน้อยท่านจะไปที่ไหน?
มิคาด เณรน้อยจากอารามหลังที่หนึ่ง ตอบกลับสั้นๆ ว่า
เราจะไปซื้อผักที่ตลาด จากนั้นจึงเดินผ่านไป
ทิ้งให้เณรจากอารามหลังที่สองยืนนิ่งอึ้งตะลึงงันกับคำตอบที่ไม่คาดคิดมา
ก่อน
ปัญญาเซน : ความเปลี่ยนแปลงคือไม่เปลี่ยนแปลง ผู้ที่ไม่รู้จักพลิกแพลงมักอับจนด้วยปัญญา