BlogGang.com : : karnoi - เปิดบ้านสไตล์ Vintage

เปิดบ้านสไตล์ Vintage - Industrial เล็ก ๆ

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ King of Convenience สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

หลายคนที่กำลังมองหาแบบบ้านสวย ๆ สไตล์วินเทจ คงอยากเห็นตัวอย่างบ้านเก๋ ๆ ของคนไทยดูบ้างเหมือนกันใช่ไหมคะ? วันนี้เราจึงมีแบบบ้านที่ทั้งสวยและดูอบอุ่น สไตล์วินเทจ-อินดัสเทรียล จาก คุณ King of Convenience สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้รีวิวบ้านสวย ๆ เอาไว้ มาฝากกัน เรียกว่าสวยเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารเลยล่ะ ถ้าอยากเห็นแล้วต้องไปดูกันเลยจ้า ..

"จากที่เคยรีวิวบ้านไปเมื่อปีก่อน มาปีนี้ได้ฤกษ์เข้าไปอยู่จริงจังซักที เลยอยากมารีวิวอีกสักที หลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไปตามสภาวะแวดล้อม ก็ลองมาดูกันครับ

เริ่มจากตอนแรกที่ซื้อบ้านหลังนี้เลย คิดไว้ว่าอยากได้เป็นสไตล์ Colonial ไป ๆ มา ๆ ก็อยากได้แนว French Vintage พออยู่จริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่ได้ทั้งสองแนว แต่ออกจะเป็นอะไรที่ผสมปนเปกันซะมากกว่า น่าจะเรียกได้ว่า Vintage ผสม Industrial หน่อย ๆ พอมีกลิ่น แต่ให้ความรู้สึกอยู่สบาย ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย ไม่ต้องเนี๊ยบหรือไม่เก่าจนเกินไป

จากหน้าบ้านนี่ผมคิดไว้ว่าอยากมีบานเฟี้ยม เพราะมันเข้ากันได้กับสไตล์ที่คิดไว้ตอนแรก ไป ๆ มา ๆ เลยเพิ่มชั้นหนังสือเข้าไปทั้งสองด้านของประตู โชคดีที่ประตูที่นี่เขาทำเป็นประตูเลื่อน เลยทำให้ดูโปร่ง ไม่ทึบเหมือนประตูแบบบานเดียว จริง ๆ ก็ดีไปที่ไม่ต้องติดผ้าม่าน เพราะบานเฟี้ยมแบบนี้สามารถให้แสงผ่านได้พอสมควร ไม่ทึบเกินไปในเวลากลางวันแต่ก็ยังให้ความเป็นส่วนตัวอยู่

ชั้นวางหนังสือไม่จำเป็นต้องมีแต่หนังสืออย่างเดียว ลองเอาของสะสม หรือรูปภาพต่าง ๆ มาจัดวางดู ผมว่าการตกแต่งที่ดีต้องมี Personality หรือบอกตัวตนของคนอยู่ได้ระดับหนึ่ง มีเรื่องราวช่วยสร้างความน่าสนใจได้ดีทีเดียว

เก้าอี้ตัวนี้เหมือนจะดูอเนกประสงค์ไปนิด เพราะจุดประสงค์หลักคือเอาไว้เผื่อมีแขกไปใครมาแล้วเก้าอี้ไม่พอก็ลากเอามาใช้ชั่วคราวได้ แต่ว่าง ๆ เอามาวางแมกกาซีน แถมด้วยกระถางต้นไม้สักหน่อยก็ดูเข้าท่าดี

จัดวางส่วนหนึ่งของชั้นวางหนังสือด้วยกล้องเก่า ปนไปกับหนังสือเล่มโปรด แถมด้วยของที่ระลึกจากการเดินทางสักหน่อยเท่านี้ก็สร้างเรื่องราวให้น่าสนใจได้ละครับ

ลองถอยหลังออกมาดูมุมกว้างกันสักนิด จะเห็นว่าโทนสีค่อนข้างไปทางกลาง ๆ ออกขาว ๆ ดูสะอาดตา

โต๊ะกลางตัวนี้ได้มาไม่นาน ตอนแรกที่เอาเข้ามา ที่บ้านดูเหมือนจะแปลกใจประมาณว่าอะไรของมันเนี่ย แต่สักพักก็เหมือนจะชอบ เพราะเวลานั่งดูหนังบนโซฟาแล้วสามารถเอาเท้ามาวางได้ระดับพอดี

หนังสือช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการตกแต่ง

อีกสักรูป

โคมไฟแนว Industrial หลัก ๆ เอาไว้โชว์มากกว่าที่จะเปิดจริง 555 ส่วนโทรศัพท์นั่นเป็นของไม่กี่อย่างที่ได้มาจากบ้านเก่า

ผมชอบจัดมุมเล็กไว้วางของแต่งบ้าน หรือที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า Vignette โดยของที่จะเอามาวางจะเป็นธีมเดียวกัน หรือไม่ต้องเข้าพวกกันก็ได้ แต่มีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการวางว่า ควรมีระดับสูงต่ำ มีระยะหน้าหลัง อย่างในรูปนี้ผมวางรูปผู้หญิงไว้ด้านข้าง เล่นระดับซักนิดกับกล้องถ่ายรูป ปิดท้ายด้วยแบคกราวน์ที่ไม่ต้องเด่นมากอย่างกรอบรูปสีขาว

กล้องตัวนี้อายุอานามปาเข้าไปห้าหกสิบปีแล้ว โชคดีได้มาในสภาพที่เรียกว่าได้ Mint Condition ทีเดียว

ภาพจากส่วนรับแขกมองไปที่โซนกินข้าว

อยู่บ้านจิบกาแฟเย็น ฟังเพลงดี ๆ เท่านี้ก็ไม่ต้องไปเดินห้างละ

โคมไฟสองอันนั้นได้มาจากวัดสวนแก้ว ตามหาตั้งนานกว่าจะเจอที่ถูกใจ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเห็นมีขายกันเยอะละ

ตู้เก็บของใช้ ของโชว์ อารมณ์แบบ flea market นิด ๆ ชนบทหน่อย ๆ ซึ่งจริง ๆ เอาไว้บังหน้าต่างหลังบ้านที่มองออกไปห้องครัว ผมว่าของตกแต่งแบบ white on white นี่ก็น่าสนใจดี บางครั้งสีขาวก็ไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อเสมอไป

เปิดบ้านสไตล์ Vintage - Industrial เล็ก ๆ

โต๊ะตัวนี้ได้มาตอนลดราคา ชอบที่มันมีลิ้นชักทั้งสองด้าน แถมยังดึงตรงกลางออกมาเพื่อขยายได้อีก ซึ่งยังไม่เคยได้ดึงออกมาใช้สักที

มุม Pantry เล็ก ๆ เอาไว้ชงกาแฟกินในวันหยุด เพราะวันธรรมดาตื่นสายไม่ค่อยมีเวลามาจิบกาแฟเท่าไหร่ ต้องไปเสียเงินซื้อตามร้านประจำ

เครื่องชงกาแฟเครื่องนี้ไม่เสียแรงที่หอบหิ้วมาจากเมืองนอก ประหยัดกว่าไปกินสตาร์บัคตั้งเยอะ แต่ได้รสชาติไม่ต่างกันเท่าไหร่ (ในความรู้สึกของผมนะ)

ส่วนนี้ผมอยากได้มันมีแนว Industrial เล็ก ๆ เลยเลือกลิ้นชักไม้มาวางคู่กับขวดน้ำแร่ (ไม่ได้กินนะครับแค่วางเป็นพร็อพอย่างเดียว เห็นหนังสือเมืองนอกเขาชอบวางกัน) Heineken นี่ก็กินไม่ได้อีกเหมือนกันเพราะตอนนี้เลิกผลิตไปแล้ว ส่วนตุ๊กตาหัวคนนี่ได้มาจากไปเดินตลาดนัด แถมด้วยที่ใส่ Nespresso capsule สีแดงล้อไปกับเครื่องชง