ถ้าแบ่งตามคนกู้ ก็เป็นของรัฐ กะ เอกชน

ของเอกชนที่เรียก “หุ้นกู้” จะมีความแตกต่างในรายละเอียดอยู่บ้าง ลองค่อยๆอ่านดูนะ

- หุ้นกู้แปลงสภาพ คือสามารถเปลี่ยนจากถือหุ้นกู้ไปเป็นหุ้นสามัญตามข้อกำหนดที่เขากำหนดไว้ (เราถือหุ้นกู้เราจะเป็นเจ้าหนี้ แต่หุ้นสามัญคือเราเป็นเจ้าของร่วม)

- หุ้นกู้ประเภททยอยจ่ายคืนเงินต้น คือ จะค่อยๆคืนเงินต้นให้เรามาด้วยในระหว่างทาง แทนที่จะไปคืนที่เดียวเมื่อครบกำหนด

- หุ้นกู้ที่ผู้ออกมีสิทธิเรียกไถ่ถอนก่อนกำหนด คือ เขาสามารถใช้หนี้เราก่อนครบกำหนดได้

- หุ้นกู้ที่ผู้ถือมีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด คือ เราสามารถเอาเงินคืนได้ก่อนครบกำหนด

รายละเอียดเขาจะกำหนดไว้ตั้งแต่ตอนออกหุ้นกู้

ถ้าแบ่งตามลักษณะดอกเบี้ย
1. จ่ายดอกเบี้ยแบบคงที่ คือ จ่ายดอกแบบคงที่ตามที่กำหนดไว้ตลอดสัญญา โดยตราสารหนี้ในตลาดส่วนใหญ่ จะเป็นแบบนี้

2. จ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัว คือ จะจ่ายดอกไปตามอัตราอ้างอิงที่กำหนดไว้ เช่น ตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย

1.ตลาดแรก ก็คือ ซื้อโดยตรงตอนเขาเปิดขายเลย เราเป็นมือแรก
ก็เหมือนหุ้นตอนเปิดขาย IPO ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะซื้อไม่ค่อยได้
เนื่องจากบางครั้งตราสารหนี้นั้นขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด
หรือถูกกองทุนซื้อไปหมด

2. ตลาดรอง ก็เหมือน ตลาดหุ้นนั่นแหละ ตลาดที่คนซื้อ-ขายตราสารหนี้
หลังจากที่ได้มีการซื้อขายในตลาดแรกไปแล้ว
มันชื่อ BEX (Bond Electronic Exchange)
อยู่ภายใต้ตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้น

งั้นเราจะลงทุนในตราสารหนี้ได้ไง

ก็มี 2 อย่าง ถ้าเขามีเปิดขายแก่บุคคลทั่วไป เราก็ไปซื้อ อย่างปีทีแล้วที่รัฐออกพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “สุขกันเถอะเรา” ก็มีจำหน่ายตามธนาคารต่างๆ หรือถ้าเราไม่ซื้อโดยตรงเราก็สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมได้

เนื่องจากญี่ปุ่นมีหนี้สูงขึ้น สิ่งที่รัฐทำคือ

- ลดรายจ่าย : ซึ่งรายจ่ายรัฐอันนึง คือสวัสดิการต่างๆ ซึ่งกระทบโดยตรงกับคนสูงอายุ

- เพิ่มรายได้: ด้วยการขึ้นภาษี ทำให้ราคาข้าวของก็จะแพงขึ้น กระทบกับสูงอายุที่ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่ายที่สูงขึ้น

- กระตุ้นการใช้จ่าย: ธนาคารกลางญี่ปุ่นออกนโยบายดอกเบี้ยติดลบ (หวังว่าบ้านเราคงไม่ไปถึงจุดที่ดอกเบี้ยติดบนะ) เพื่อกระตุ้นให้คนที่มีเงินฝากเอาเงินออกมาใช้ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บเงินไว้ในรูปเงินฝาก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนญี่ปุ่นแห่ไปซื้อตู้เซฟ เพื่อเอาเงินมาเก็บที่บ้าน

ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น
ดังนั้นเราควรเตรียมตัวให้พร้อม สำหรับเกษียณ
มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่คิด
เพราะเงินที่เราตอนเกษียณมีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้
แม้แต่คนที่ทำราชการ จะหวังพึ่งรัฐจากเงินบำนาญไม่ได้
อนาคตไม่แน่นอน นโยบายรัฐก็ไม่แน่นอน
//www.posttoday.com/world/news/424134…

ลองดูกันนะ Let's get started.