All Blog
|
ตอนที่ 8 ณ ห้างสรรพสินค้าย่านอนุเสาวรีย์จุดที่มิวนั่งรอป๊าอยู่ ไม่นานป๊าก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมๆกับเด็กน้อยวัยรุ่นคนหนึ่ง มิวยกมือไหว้ป๊าทันทีที่เห็น ต่างจากเด็กน้อยที่ต้องให้ผู้เป็นป๊าแนะนำ "มิว!!....นี่มีน น้องชายเอ็งงัย!!!" ป๊าแนะนำมีนยกมือไหว้ มิวยิ้มให้น้องชายช้าๆ ไม่มีความรู้สึกดีใจที่เห็นหน้าน้องชาย แต่ก็ไม่มีความรู้สึกพิเศษใดๆ ความห่างหายและใช้ชีวิตคนเดียวกว่า 20ปีที่ผ่านมา ทำให้เหมือนห่างเหินจากคนในครอบครัวไปแล้ว เด็กน้อยเดินนำหน้าป๊าออกไปโดยมีอ้อมแขนของป๊าโอบที่บ่าของเด็กน้อยผู้นั้น มันทำให้โลกของมิวหยุดหมุนทันที แม้จะบอกกับตัวเองว่าไม่มีความรู้สึกดีใจกับการเจอกันระหว่างป๊าและน้องชายครั้งแรก แต่ภาพความสัมพันธ์ระหว่างป๊ากับน้องชายในสายเลือดที่ปรากฎตรงหน้ามันกับทำให้มิวรู้สึกเจ็บจี๊ดลึกๆในหัวใจ... **** ที่ชายทะเล หญิงแเกะกุ้งตัวใหญ่ที่วางเรียงรายอยู่ในจานโฟมตรงหน้าให้หม่าม้าอย่างมีความสุข หญิงวัยกลางคนก็เช่นกัน แววตาที่มองคลื่นทะเลซัดเข้าหาชายหาดสลับกับใบหน้าของลูกสาว "หญิงกินก่อนสิ!!" หม่าม้าส่ายหน้าไม่ยอมอ้าปากเมื่อหญิงจะป้อนกุ้งชิ้นโต "หนูอิ่มแล้ว หม่าม๊ากินเยอะๆ" หญิงพูดยิ้มๆอยากให้หม่าม่ากินอีก "ม่าไม่กินนะ ถ้าหญิงไม่กิน ม่าอยากเห็นหญิงกิน มา มา ม่าป้อนให้" ผู้เป็นแม่แย่งกุ้งจากมือลูกสาว ตามประสาซื่อ หญิงน้ำตารินอ้าปากเคี้ยวเนื้อกุ้งทั้งน้ำตา ยิ่งเห็นหม่าม้าปรบมือดีใจที่เห็นลูกสาวเคี้ยวอาหารที่ตัวเองป้อน ก็สะท้อนความรู้สึกยิ่งนัก หลังจากอิ่มจากอาหารกันแล้ว หม่าม้าก็เอนหลังกับพนักพิงกับเก้าอี้ชายหาดรับลมเย็นๆ พี่สะใภ้อุ้มหลานเดินเล่นอยู่ไม่ไกล อาเฮียเดินเข้ามานั่งใกล้ๆหญิง หญิงสาวหันไปมองพี่ชาย "มีความสุขมั้ย" อาเฮียถามเบาๆ หญิงพยักหน้าแต่ก็อดแปลกใจกับน้ำเสียงของอาเฮียไม่น้อย " ก็มี อาเฮียล่ะ?มีอะไรหรือเปล่า?" หญิงถามอย่างใคร่รู้ "หญิงรู้มั๊ยว่าเฮียลำบากแค่ไหน ไหนจะลูก ไหนจะเมีย ยิ่งต้องดูแลเทียวพาม๊าไปหาหมออีก เฮียเหนื่อย" อาเฮียพูดจริงจัง จนหญิงชะงักกลืนน้ำลายลงคอ ความรู้สึกสดชื่นเมื่อครู่ดูจางหายไป เหมือนกำลังรับรู้ถึงปัญหาที่กำลังตามมา "เฮียจะบอกอะไรก็พูดตรงๆ" หญิงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ปรายตามองอาเฮีย "เฮียฝากม๊าด้วย" เพียงเท่านี้ที่หญิงได้ยิน น้ำตาก็พรูล่วงลงมา พยักหน้ารับช้าๆ ไม่มีคำพูดใดๆจากหญิงสาว อีกด้านหนึ่งของเก้าอี้ชายหาด น้ำตาของหม่าม่าไหลลงช้าๆสู่พื้นทรายด้านล่าง **** ระหว่างทางกลับระยอง เสี่ยเชนแวะทำธุระกับกลุ่มพ่อค้าอื่นๆ มิวมีโอกาสได้พูดคุยกับมีนเล็กน้อย แม้เด็กน้อยจะพูดคำ ตอบคำก็ตาม มิวรู้เพียงว่ามีนเรียนไม่จบ และรอให้ป๊าฝากเข้าโรงเรียนดังๆอยู่ เสียงเปิดประตูรถด้านข้างคนขับดังขึ้น ป๊าแทรกตัวเข้ามานั่งข้างๆมีนที่ทำหน้าที่ขับรถให้ ปลุกให้มิวตื่นจากภวังค์ รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆแต่แล้วมิวก็หัวคะมำชนที่เบาะนั่งด้านหน้า เมื่อมีนเบรครถตัวโก่ง เพราะมีมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้าออกจากซอย "โธ่โว้ย...อีพวกตุ๊ด!! แม่งน่าเหยียบให้ตายนัก" เสี่ยเชนถึงกับหัวเสีย ด่าสบถกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิวรู้สึกถึงความอคติในใจของป๊าที่มีต่อกลุ่มเพศที่สามอย่างชัดเจน **** รถของอาเฮียมาจอดที่หน้าบ้าน หญิงพยุงหม่าม้าลงจากรถ โดยไม่พูดกล่าวใดๆกับอาเฮียอีก ตลอดทางที่นั่งกลับจากชายทะเลมีแต่ความเงียบและอึดอัดด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผู้เป็นแม่เงยหน้ามองรถของลูกชายลิบๆ ไม่พูดจาใดๆ ก่อนจะหันเดินเข้าไปในบ้านพร้อมลูกสาว ยังไม่ทันที่จะเข้าถึงตัวบ้านดีรถของเสี่ยเชนก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่โรงรถ หญิงหันกลับไปมองแล้วพาหม่าม้าเข้าไปด้านใน "หม่าม๊านั่งพักก่อนนะ หญิงไปเอาน้ำมาให้" หญิงเดินเข้าไปด้านใน เตรียมน้ำออกมาให้หม่าม๊าและสามี **** ทันทีที่ก้าวเข้ามา หญิงก็แทบทำถาดน้ำล่วงกับพื้น ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ยืนกับผู้เป็นป๊าเท่าไหร่นัก "หญิง..นี่มิวลูกชายเฮียที่อยู่กรุงเทพฯ มิว..ไหว้น้าหญิงซะ" ประโยคหลังป๊าหันมาบอกกับชายหนุ่ม ส่วนมีนรีบเดินเข้าไปในห้องตัวเอง หญิงวางถาดกับโต๊ะกลางทันทีก่อนที่มือทั้งสองจะไร้เรี่ยวแรงมากกว่านี้ มือไม้ดูสั่นไปหมด มันไม่ใช่อาการดีใจแต่เป็นการตกใจมากกว่า...นี่จากคนเคยรักต้องตกอยู่ในฐานะแม่เลี้ยงแล้วหรือนี่?... เสี่ยเชนทักทายหม่าม๊าสักพักก็เข้าห้องส่วนตัวไป "หญิงจัดแจงห้องหับให้มิวมันด้วยนะ ให้อยู่ห้องไอ้มีนไปก่อนสักคืน-สองคืน" เสี่ยเชนสั่งก่อนที่จะเดินไป มีนยังคงยืนนิ่งมองหน้าเพื่อนสาวอย่างคาดไม่ถึง หญิงนั่งลงข้างๆหม่าม๊า ลูบแขนหม่าม๊าเบาๆเหมือนกำลังรวบรวมพลังบางอย่าง " มิว นั่งลงก่อนสิ" หญิงพูดพลางหลบตามิว ชายหนุ่มทิ้งตัวลงกับเก้าอี้นั้นช้าๆและพยายามตั้งสติ "เอ่อ...อืม..." มิวสบตากับหญิง "เรียกหญิงเหมือนเดิมก็ได้มิว" หญิงพูดเบาๆ เข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่ม "..หญิงมาอยู่ที่ระยองได้อย่างไร?" ชายหนุ่มคงอยากถามว่าเพื่อนสาวของเขามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้ได้อย่างไรมากกว่า แต่เพราะเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก จับต้นชนปลายไม่ได้ ที่ห้องครัว หลังจากที่หญิงถือถาดน้ำเข้ามาเก็บ "เรื่องมันยาวน่ะมิว เอาเป็นว่าหญิงดีใจนะที่ได้เจอมิวอีกครั้ง" "ในฐานะอะไร?" "เพื่อนไง?" "เพื่อน" "แล้วป๊าจะรู้สึกอย่างไร?ถ้าเมียของตัวเองจะเป็นเพื่อนเก่าของลูกชาย" "มิวแคร์ความรู้สึกป๊าด้วยเหรอ? แล้วมีสักครั้งมั๊ยที่มิวจะแคร์หญิง?" หญิงหันกลับมาทั้งน้ำตา "มีใครเคยเข้าใจความรู้สึกของหญิงมั๊ย!!มิว ? ทุกคนทำเหมือนหญิงเป็นเหมือนตุ๊กตา อยากเสริมเติมแต่งอะไรก็ได้ให้กับหญิง มีใครเคยถามหญิงว่าพอใจกับสิ่งที่เป็นบ้างมั๊ย..?" หญิงทรุดลงกับพื้นร่ำไห้ออกมาสุดกลั่น มิวทำตัวไม่ถูกนึกงงกับเหตุการณ์ที่ประดังเข้ามาอย่างชนิดไม่ตั้งตัว นี่คือความจริงใช่ไหม?มิว?... ชายหนุ่มถามตัวเองคนเดียวในขณะที่ล้มตัวลงนอน ดวงตายังเปิดโพลงในความมืดของราตรีแรกที่อยู่ระยอง ไม่ต่างจากอีกด้าน หญิงพลิกตัวหันหลังให้กับผู้เป็นสามี ดวงตายังคงกะพริบถี่ๆในความมืดมิดนั้น เหมือนคิดบางอย่างในใจ ในขณะที่เสี่ยเชนนอนกรนเบาๆอยู่ใกล้ๆตัว หญิงลืมตาตื่นแต่เช้า เสียงกุกกักในครัว ทำให้เธอต้องเดินเข้าไปดู เห็นหม่าม๊ากำลังซาวข้าวสารในหม้อ "ม่า!!" หญิงเดินเข้าไปโอบกอดจากด้านหลัง หม่าม๊าเหลียวมามองยิ้มๆ "หญิงทำเอง ม่ารีบตื่นทำไม" หญิงแย่งหม้อข้าวกลับมาแล้วจัดแจงหุงข้าว หม่าม๊านั่งลงที่โต๊ะเก้าอี้ไม้ใกล้ๆ "ผู้ชายเมื่อวานเป็นใครเหรอ?" หม่าม๊าถาม หญิงหันมายิ้มๆ "เสี่ยเชน สามีของหญิงไง เค้ามากับลูกชาย" หญิงตอบตรงๆแต่ก็ไม่หมดซะทีเดียว หากหญิงบอกไปว่าลูกชายของเสี่ยเชนคือ"มิว"คนที่หม่าม๊ากับอาเฮียชอบว่าเขาเป็น"กระเทย"เมื่อคราวที่ยังเรียนมัธยมอยู่นั้น หม่าม๊าคงจับต้นชนปลายไม่ถูกแน่ๆ หญิงอยากป้อนข้อมูลใหม่ๆให้กับหม่าม๊าของตัวเอง เธอเชื่อว่าการให้หม่าม๊าได้ใช้ความคิดที่ไม่ซับซ้อนมาก พูดคุยด้วยบ่อยๆ หม่าม๊าคงมีสติกลับมาเหมือนเดิม หรือไม่คลุ้มคลั่งเหมือนช่วงแรกๆ นึกแล้วเธอก็โกรธตัวเองที่ทิ้งผู้เป็นมารดามา แต่เพราะเหตุผลต่างๆมันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับหญิง ณ ช่วงเวลานั้นแล้ว หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารับรู้ช้าๆ ค่อยๆเดินกลับเข้าไปในห้อง หญิงมองตามหลังอย่างหงอยๆ หากชีวิตย้อนกลับไปในวัยเด็กได้อีกครั้ง เธอคงดีใจและมีความสุขมากๆที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เธอเคยรัก แต่วันนี้เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว การวางตัวและการสนิทสนมเหมือนเดิมคงไม่สามารถทำได้ นึกแล้วก็ขำตัวเองขึ้นมา ภาพเก่าๆของหญิงผุดขึ้นมาในความทรงจำ ในวานๆที่ขึ้นไปเล่นที่ห้องของมิว ขณะที่มิวกำลังเขียนเพลงๆหนึ่ง "ถ้ามิวไม่มีแฟน...ให้เราเป็นแฟนมิว เอามั๊ย!!" "บร้า!!" วันนั้นมิวทั้งเขินและตกใจ หญิงยืนนิ่งยิ้มให้กับตัวเองทั้งน้ำตา ..... ที่สยาม โดนัทหยุดอยู่ที่ร้านขายกิ๊ฟช็อปเล็กๆ ที่มีชุดเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิงแขวนอยู่ที่ราวในมุมหนึ่งของร้าน หยิบชุดแซกสีชมพูหวานๆขึ้นมาดู "โต้งว่าสวยมั๊ย?" โดนัทถามขอความคิดเห็น พลางยกขึ้นให้โต้งดู "สวยดี" โต้งตอบเรียบๆปรายตามองที่ชุดนั้น "ชุดนี้ล่ะ?" โดนัทเอื้อมไปหยิบกระโปรงฟูๆอีกชิ้นที่แขวนไว้บนราว แบบเดียวกับที่หุ่นสวมใส่ ติดกับชุดที่หุ่นใส่มีรูปภาพของศิลปินชื่อดังที่สวมกระโปรงแบบเดียวกันให้ดูด้วย โดนัทพลิกดูไปมาแล้วลองทาบชุดนั้นกับตัวเอง "ก็สวยนะ" "โต้ง ช่วยเลือกให้หน่อยสิ? โดนัทจะใส่ไปงานThe Love Of Siamฯ พรุ่งนี้" โดนัทชูชุดแซกและกระโปรงทั้งสองชิ้นให้โต้งช่วยตัดสินใจเลือก "โดนัทคิดว่าชุดไหนเหมาะกับโดนัทมากกว่าล่ะ ?ให้โต้งเลือกอาจจะไม่ถูกใจโดนัทก็ได้" "งั้น...โดนัทเลือกทั้งสองชุดเลยล่ะกัน?" "อืม!!" โต้งยิ้มนิดๆที่มุมปาก ล้วงหยิบกระเป๋าตังค์ในกางเกง "อุ๊ย!!ไม่ต้องหรอกโต้ง โดนัทจ่ายเองดีกว่า?" โดนัทรีบหยิบธนบัตรใบละพันส่งให้กับเจ้าของร้าน โต้งยิ้มเจื่อนๆ รับถุงชุดกระโปรงนั้นมาถือ โดนัทยิ้มระรื่นสีหน้าปกติ พลางคล้องแขนชายหนุ่มเดินไปดูร้านอื่นๆ แม้แขนของโดนัทจะคล้องแขนของโต้งไว้แน่น แต่โดนัทก็ไม่อาจหยุดสายตาอยู่ที่โต้งด้วยสักนิด หญิงสาวยังคงโปรยเสน่ห์ด้วยสายตาให้กับชายหนุ่มที่เดินผ่านมาอย่างแนบเนียน โดนัทยังคงมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง... ***** ผมคงต้องกลับกรุงเทพฯแล้ว มิวเงยหน้าสบตากับป๊า หลังจากมีโอกาสอยู่ด้วยกันลำพัง จะรีบไปทำไม อยู่ที่นี่มันอึดอัดมากรึงัย? คือ คือผมมีงานต้องทำที่นั่น!! งานอะไร? ผมต้องซ้อมดนตรี คืนพรุ่งนี้ผมต้องขึ้นเวทีคอนเสิร์ตที่สยาม นี่เอ็งเป็นศิลปินบ้าบอตั้งแต่เมื่อไหร่? ................. มิวก้มหน้านิ่ง ไม่ตอบคำถามของป๊า ป๊าให้เอ็งมาระยองก็เพื่อให้มาช่วยงานที่โรงงาน งานที่ส่งให้เอ็งเรียนจบ แต่เอ็งคิดได้แค่เป็นศิลปินบ้าๆบอๆ แล้วเอ็งอย่าพูดว่าป๊าไม่เคยดูดำดูดีเอ็งตลอดเวลาที่ผ่านมาเลยนะ คิดเอาเองล่ะกันไอ้มิว...เสร็จงานของเอ็งแล้ว กลับมาอยู่ที่ระยอง แต่มิ...ว.. ในตำราเค้าไม่มีการสั่งสอนให้เอ็งเชื่อฟังพ่อแม่บ้างรึไง!!ไอ้มิว!! เสียงป๊าดังขึ้น หน้าแดงกร่ำ ชำเรืองหางตามองลูกชายครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าบ้านไปอย่างหัวเสีย มิวก้มหน้านิ่งมองพื้นราวกับหาช่องทางแทรกแผ่นดินหายจากโลกนี้ไปในทันที ไม่ใช่ความอับอาย แต่เพราะรับสภาพความเจ็บปวดจากความห่างเหินของพ่อผู้บังเกิดเกล้า ฤาความอบอุ่น ไอรักจากสายเลือดระหว่างเขาและป๊ามันไม่มีจริง อาม่า มิวอยากกลับบ้าน มิวคิดในใจ หากที่แห่งนี้ เป็นป่าเขาลำเนาไพรที่นั่งอยู่คนเดียว สิ่งที่จะทำในทันทีคือเงยหน้าแล้วตะโกนประโยคในใจนั้นออกมาดังๆ แต่ในโลกของความจริง มิวได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกนั้นเงียบๆในใจ หญิงนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาในบ้านแกล้งทำทีคุยกับหม่าม้า แต่พยายามมองไปด้านนอกที่มิวกับป๊าคุยกันเป็นระยะๆ แม้จะไม่ได้ออกไปเห็นเหตุการณ์ข้างนอกแต่ก็พอได้ยินเสียงการสนทนาของทั้งคู่ถนัดถนี่ เสี่ยเชนเดินเข้ามา ไม่สนใจใครทั้งสิ้น ตะโกนเรียกมีนให้ขับรถไปส่งมิวที่สถานีขนส่ง หญิงเดินออกมาหามิวที่ยังนั่งอยู่ในท่าเดิม "ทำให้ดีที่สุดนะมิว" หญิงพูดขึ้นเบาๆ มิวเงยหน้าขึ้น ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มๆ "หญิงคงไม่ได้ไปดูอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่หญิงเชื่อว่ามิวต้องทำมันให้ดีที่สุดเหมือนอย่างที่มิวเคยทำสำเร็จแล้ววันนั้น" "วันนั้น..." เพียงแค่คำๆนี้มันกระชากความรู้สึกบางอย่างของมิวให้หวนกลับไป ณ เวลานั้นอีกครั้ง วันที่โต้งมาบอกความรู้สึกบางอย่างที่ค้างคาในใจ แต่สำหรับมิว มันคือความรู้สึกที่เลวร้ายมากกว่าความรู้สึกที่ปลื้มปิติ... "เป็นไรมิว?" หญิงนั่งลงถามอาการเมื่อเห็นมิวหน้าซีดลง "ปะ เปล่า!!...ขอบใจนะหญิง วันหลังเราจะกลับมาเยี่ยมใหม่ ฝากป๊าเราด้วย" "อืม.." หญิงพยักหน้ายิ้มๆ ปั้นสีหน้าไม่ถูก เป็นจังหวะเดียวที่ป๊าเดินออกมากับมีน ป๊ายื่นเงินให้มิวไว้ใช้ในการเดินทางและเพียงพอที่จะกลับมาระยองอีกครั้ง มิวยกมือไหว้ขอบคุณและลาไปพร้อมๆกัน "หวังว่าเอ็งคงเข้าใจที่ป๊าพูดนะ" มิวพยักหน้ารับ ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการแสดงท่าทางเช่นนั้นแม้ในใจจะเจ็บปวดกับความรู้สึกบางอย่างนั้นๆมากแค่ไหนก็ตาม ป๊ายังกล้าเรียกร้องความเข้าใจจากลูกชายคนนี้ได้อย่างเลือดเย็น ตลอดเวลาการตัดสินใจ การเรียนรู้ทุกอย่าง แม้จะผิดบ้าง ผลาดบ้าง แต่มันคือการตัดสินใจและทำความเข้าใจด้วยตัวของมิวเองทั้งสิ้น ครานี้...ทำไมมิวต้องทำตามในสิ่งที่ป๊าเป็นผู้ลิขิต ขีดเส้นทางให้ด้วย...น้ำลายจับตัวเป็นก้อนแข็งจุกที่ลำคอ มันกลืนลงไปได้ยากยิ่ง ความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้มิวคิดว่าป๊ายังคงเลือกทุกอย่างตามที่ชีวิตตัวเองต้องการ โดยที่ไม่เคยสักนิดเดียวที่จะสนใจหรือพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของลูกชายคนนี้บ้าง ไม่อยากให้ความรู้สึกของตัวเองเจ็บช้ำมากไปกว่านี้ มิวยกมือไหว้หญิง ก่อนจะรีบเดินขึ้นรถที่มีนติดเครื่องรออยู่ท่ามกลางความตะลึงของหญิง แต่หญิงก็รับไหว้นั่นตอบทันที่จะกลบเกลื่อนอากัปกิริยาของตัวเอง ......... |
คุณหมอกมลชนก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] "Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them." บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี... สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้ |