ตอนที่ 15
สุนีย์หยิบงานวิจัยของตัวเองขึ้นมาอ่านทบทวนอีกครั้ง หน้าตาดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ มักเริ่มต้นเป็นตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้น แต่อาจจะปรากฎชัดเจนในช่วงวัยรุ่นตอนปลายถึงผู้ใหญ่ สันนิษฐานอาจมีสาเหตุมาจากดังนี้ ถูกทำร้ายในวัยเด็ก …โต้งไม่เข้าข่ายข้อนี้นี่นา…”สุนีย์อ่านบทความไปก็คิดตาม สายตายังคงอ่านไปเรื่อยๆอย่างสนใจเนื้อหานั้นๆ

“…บุคลิกภาพของผู้ป่วยมักเป็นเด็กเก็บกดความรู้สึก ยอมคน ขาดวุฒิภาวะและมีความรู้สึกฝังใจว่าตนไม่มีความเป็นผู้ชาย ดูจากภายนอกเป็นคนเรียบร้อย ประหม่าง่าย และดูจริงจังในชีวิตมีความเป็นอยู่ปกติ แต่มีความชื่นชอบหรือมีอารมณ์ทางเพศเมื่อใกล้ชิดเพศเดียวกัน ลักษณะที่กล่าวมานี้สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่ส่วนมากจะได้รับการปฎิเสธตั้งแต่เริ่มต้น เพราะไม่มีใครออกมายอมรับว่าตนเองเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ การรักษาง่ายเพียงให้ความรักและอบอุ่นอย่างใกล้ชิด….แม่ทำพลาดไปตรงไหนโต้ง แม่ทำผิดตรงไหน?” สุนีย์ซุกหน้าไปกับฝ่ามือของตัวเอง
“ถึงเวลาแล้วใช่ไหม?ที่แม่จะยอมรับความจริงข้อนี้เสียที แม่หนีความจริงไม่พ้นใช่ไหม?” สุนีย์พร่ำกับตัวเองเหมือนคนเลื่อนลอย จนไม่ทันสังเกตเงาหนึ่งจากด้านหลัง ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้เธอประชั้นชิด

“เป็นอะไร?”

เสียงนั้นดูอ่อนโยนและห่วงใย สองฝ่ามือวางเบาๆที่บ่าทั้งสอง บ่าที่แบกรับความทุกข์ใจมาโดยตลอด ถึงเวลาเสียทีที่เธอควรจะแบ่งเบาน้ำหนักนั้นให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง สุนียืสะดุ้งเล็กน้อยปาดน้ำตาทิ้งแม้จะปฎิเสธว่าไม่เกิดอะไรขึ้น แต่บทความตรงหน้าและคำพูดที่สุนีย์เพ้อออกมานั้น ทำให้กรพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้าง
“ลูกเราเป็นเกย์หรือ?” กรดึงบทความนั้นขึ้นมาอ่าน ลมหายใจดูแน่นและตีบตันอยู่ที่หน้าอก สุนีย์ไม่รู้ว่าขณะนี้ความรู้สึกของสามีและผู้ที่คาดหวังกับความเป็น “ลูกชาย” จากโต้งนั้นเป็นอย่างไร? แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เรื่องนี้เป็นความละเอียดอ่อนของครอบครัวที่ทุกคนต้องรับรู้เสียที สุนีย์ไม่ต้องการหาใครผิดหรือถูก และการเป็นเกย์มันเป็นความผิดหรือถูกต้อง แต่สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือกรต้อง “ยอมรับ” ในทางเดินของลูกชาย

“มันบ้าแน่ๆ มันวิปริตไปแล้วหรือไง? ผมสังหรณ์ใจแล้วเชียวว่าทำไมมันถึงไม่มีแฟนสักที คุณรู้เรื่องนานแค่ไหนแล้ว”

กรขว้างงานวิจัยนั้นลงพื้น สายตาหันมาเอาเรื่องกับสุนีย์ กระดาษงานวิจัยที่ปลิวว่อนกลางอากาศ เหมือนความคิดของสุนีย์ที่แตกกระจายทางความคิด ระหว่างจะปิดบังหรือบอกความจริงให้กับสามี เป็นวินาทีที่ต้องเลือกการตัดสินใจ แม้พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้นิ่งและมีสติที่สุด เหมือนกระดาศงานวิจัยที่ทิ้งตัวลงพื้นอย่างแผ่วเบาและนิ่งอยู่กับพื้นนั้น

“คุณหยุดโวยวายสักทีได้มั้ย!!ทำไมหรือ? ฉันรู้นานหรือเพิ่งรู้ มันต่างกับคุณตรงไหน?”

สุนีย์ก้มหน้ามองงานวิจัยบนพื้นนั้น ไม่สบตากับสามี ไม่อยากให้เห็นสายตาที่เจ็บปวดนั้น
“คุณเป็นแม่ประสาอะไร เลี้ยงมันยังไงให้เป็นพวกวิปริตผิดเพศแบบนี้”
“พอที หยุด!! ฉันบอกให้หยุด!!” สุนีย์ปิดหูของตัวเองไม่อยากรับฟังใดๆจากปากของสามีอีก กรเดินเข้าไปเขย่าตัวให้เงยหน้าขึ้นมาคุยกัน สุนีย์สะบัดแขนหลุดจากกรได้ก็ฟาดเข้าไปที่ใบหน้าจนกรหน้าชา อารมณ์พุ่งปรี๊ด!!ผลักสุนีย์กระเด็นล้มลงไปกองกับพื้น กรรู้สึกตัวว่าทำรุนแรงไปจึงเข้าไปประคองภรรยาขึ้นมา สุนีย์ยังคงขืนตัวนั่งนิ่งอยู่กับพื้นไม่พูดอะไรนอกจากร้องไห้ออกมาให้สาแก่ใจตัวเอง


“มันกลับมาก่อน ผมจะคุยกับมันเอง”

“ไม่ต้อง ฉันรู้ว่าคุณจะพูดอะไรกับลูก ทำไมล่ะกร? ทำไมเราไม่ยอมรับความจริง ฉันไม่อยากบังคับลูกอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่อยากเสียลูกไปอีกคน” สุนีย์ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม กรชะงักกับคำพูดของสุนีย์ ภาพความอบอุ่นในครอบครัวผุดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง ทั้งตัวเขาเอง ภรรยา โต้งและแตง ผู้เป็นลูกสาวที่หายตัวไป

ภาพในวันนั้นเมื่อครั้งที่ลูกๆยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ เสียงเปิดประตูเหล็กดังอยู่ที่หน้าบ้าน ทุกคนหันไปตามเสียง แตงหันมาขู่น้องอีกครั้งว่าไม่รอดแน่ หลังจากที่โต้งมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนๆในโรงเรียนเพราะเข้าไปช่วยมิวที่โดนแกล้ง โต้งไม่กล้าวิ่งไปรับพ่อกับแม่ที่หน้าบ้าน ได้แต่มองเห็นสุนีย์และกรถือของกลับมาพะรุงพะรังเต็มไปหมด มิวบอกให้โต้งวิ่งไปช่วยรับของ

“ โต้ง มาเร็ว”

กรเรียกลูกชายเข้าหา หลังจากที่วางถุงต่างๆเรียบร้อยเพื่อที่จะให้ดูของบางอย่างที่ซื้อมาให้ ส่วนพี่แตงก็รื้อของถุงนั้นที ถุงนี้ทีตามประสา
“ลืมบอกไป พ่อซื้อของมาเตรียมไว้ จะไปธุระที่เชียงใหม่ จะพาพวกเราไปด้วย”
“เชียงใหม่เหรอ? เย้!! ได้ไปเชียงใหม่ด้วยล่ะแม่”
พี่แตงดีใจกระโดดโลดเต้น ที่จะได้ไปเที่ยวเชียงใหม่กับครอบครัว มิวมองดูความสุขจากครอบครัวของโต้งและพี่แตงอยู่เงียบๆ
“โต้ง… นั่นใส่แว่นตาทำไมน่ะ!!”
กรถามลูกชายอย่างสงสัย โดยที่สุนีย์ไม่ทันได้สังเกตเพราะกำลังหยิบเสื้อกันหนาวลองทาบที่ตัวลูกสาว โต้งหน้าเจื่อนๆแต่ก็ยังไหวตัวทันเก็กท่าหล่อให้ผู้เป็นพ่อดู

“เอ่อ… คือ…ผมก็จะได้หล่อเหมือนพ่อไงล่ะครับ”
กรหัวเราะกับลูกชาย โดยไม่ได้เฉลียวใจอะไร สุนีย์หันมาส่งเสื้อกันหนาวให้กับลูกชายบ้าง
“เอานี่ อยากหล่อ เสื้อเรา” สุนีย์ยื่นเสื้อกันหนาวตัวหนึ่งให้ลูกชาย โต้งรับมาดู ทำหน้าไม่ชอบใจ
“สีม่วง ผมไม่ชอบเลย”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“สีเหลือง”
ทั้งกร สุนีย์ และพี่แตง ต่างบอกเสียงเดียวกัน คิดว่าโต้งอำเล่น
“สีม่วง”

โต้งยืนยันว่าเป็นสีม่วง และมีท่าทีว่าไม่ชอบเสื้อสีนี้
“เหลือง” คราวนี้สุนีย์ชักเอะใจ
“ก็ถอดแว่นแล้วก็ดูสิ”
กรบอกให้ลูกชายถอดแว่นออกก่อน จะได้รู้ว่าเสื้อกันหนาวสีอะไรกันแน่ โต้งรีบถอดออก โต้งยิ้มว่าเป็นสีเหลือง แต่ทุกคนยิ้มไม่ออกโดยเฉพาะสุนีย์
“ นั่นตาไปโดนอะไรน่ะ!!”
สุนีย์ก้มหน้ามาดูใกล้ๆ โต้งหน้าซีดเก็บความลับไม่อยู่ ส่วนพี่แตงเองก็ทำหน้าไม่ถูกเพราะกลัวโดนแม่ดุที่ไม่ดูแลน้อง
“ฟุตบอลอัดหน้าครับ” โต้งตอบอย่างเร็ว พร้อมๆกับมิวที่จะช่วยพูดให้น้านีย์และอากร พ่อแม่ของโต้งได้เข้าใจแต่…
“ โดนชกหน้าครับ”

ทั้งสองคนประสานเสียงกัน ตอบเหตุการณ์เดียวกันแต่คนละเรื่อง
“ตกลงไปโดนอะไรกันแน่”
สุนีย์ถามอีกครั้ง เด็กทั้งสองอึกอักแต่ก็ต่างคนต่างตอบ
“ฟุตบอลอัดหน้าครับ”
สุนีย์ไม่อยากจะเชื่อนัก ถอนหายใจ และเหนื่อยใจกับลูกชายที่ไปมีเรื่องทุกที
“ ฟุตบอลแน่นะ” สุนีย์ถามย้ำแม้แววตาไม่เชื่อก็ตาม จ้องมองดูเบ้าตาที่เขี้ยวช้ำขนาดนั้น

“แน่ครับ ฟุตบอลจริงๆครับ”
“ชะ ชะ ใช่ครับ ฟุตบอลครับ” คราวนี้มิวตอบบ้าง ยิ้มแหยๆทำหน้าไม่ถูกไหลลื่นไปตามสถานการณ์ของอีกฝ่าย
“งั้น เอาอีกข้างมั๊ย?”

กรแซวลูกชาย เด็กทั้งสองหัวเราะขบขัน สุนีย์มองลูกชายที่ลื่นไหลไปเรื่อย
และภาพนั้นก็ลางเลือนหายไป กรยิ้มอย่างขมขื่น เสียงสุนีย์สะอื้นร่ำไห้อยู่ด้านหลัง


“ไม่ว่าโต้งจะเป็นเพศไหน เดินทางผิดหรือถูก แต่โต้งก็ยังเป็นโต้งลูกของเราใช่ไหม?”

สุนีย์เงยหน้าบอกกับกร พร้อมกับจ้องมองแววตาคู่นั้นของสามีเหมือนต้องการให้ยืนยันคำตอบ เพื่อให้ครอบครัวได้มีความสุขกลับคืนมาเหมือนเดิม กรเดินกลับมาดึงภรรยาลุกขึ้นมากอดไว้แน่น

“ฉันขอเถอะนะ อย่าบังคับให้โต้งต้องหนีเราไปอีกคนเลย ฉันขอล่ะ …ชีวิตที่เหลือหลังจากที่เสียแตงไปแล้ว ฉันก็มีแค่คุณกับโต้งเท่านั้น อย่าต้องให้ฉันเสียโต้งไปเพราะคุณเลยนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะหายใจได้”

“นีย์”

กรก้มลงมองน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของภรรยา กลืนน้ำลายตัวเองลงคออย่างยากเย็น นั่นหมายถึงการตัดสินใจยอมรับทางเลือกใหม่ของลูกชาย
“ฉันจะลืมเรื่องทั้งหมดในวันนี้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แม้เราจะรู้เรื่องของโต้งก็ตาม ” สุนีย์กุมมือของสามีขึ้นมาจูบเบาๆ เหมือนเพิ่มกำลังใจให้กับตัวเอง กรกอดกระชับภรรยาแน่นบ่งบอกถึงคำสัญญา



Create Date : 25 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 19:23:51 น.
Counter : 300 Pageviews.

1 comments
  

ย้อนกลับมาเม้นต์ให้นะครับ

บางครั้งเราก็คงต้องยอมรับอะไรบางอย่างที่ถึงแม้ว่าอาจจะทำให้เราเจ็บปวด

แต่ก็เพื่อความสุขของคนที่เรารัก ... และท้ายที่สุด ก็จะมีความสุขด้วยกันทุกฝ่าย

ไม่รู้ว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่ที่ลูกชายมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เค้าคิดกันยังไงเนอะ

ขอบคุณนะ...ไปอ่านตอนที่ 16 อีกรอบแระ
โดย: นิรมิตร IP: 58.9.19.76 วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:30:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณหมอกมลชนก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."

บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี...


สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้