All Blog
|
ตอนที่ 6 "เดี๋ยวโต้งเอาตุ๊กตาติดให้ทั่วๆนะ" ภาพในวันวานค่อยๆกลับเข้ามาในความทรงจำของสุนีย์อีกครั้ง หล่อนจำได้ตั้งแต่ที่ลูกชายเดินเข้ามาถามว่า"เหนื่อยมั๊ยแม่!"มันเป็นคำพูดของคนๆหนึ่งที่เธอมีชีวิตและทำทุกอย่างก็เพื่อคนๆนี้ แม้จะเป็นคำพูดประโยคสั้นๆ แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องสาธยายถ้อยคำใดๆออกมาเหมือนเรียงความ และที่สำคัญ ประโยคนี้ออกมาจากหัวใจของคนที่เธอยอมเหนื่อยทุกวันนี้ นั่นคือลูกชายคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ ความเหนื่อยหากมันกดทับบนร่างกายและจิตใจของเธอมายาวนาน มันได้มลายหายหมดเมื่อได้ยินคำๆนั้น ความรู้สึกที่เป็นห่วง และแคร์ความรู้สึกของเธอ "ติดตรงนี้ดีมั้ยแม่" โต้งพยายามช่วย ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่อยู่ในมือทาบลงที่ต้นคริสต์มาสทรงพุ่ม สุนีย์ใช้ปลายสายตามองเล็กน้อย "ก็ติดให้มันทั่วๆนั่นแหละ" หล่อนบอกไปเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ลึกๆก็อดมองไม่ได้ "แล้วถ้าเป็นตัวนี้จะดีมั๊ยแม่" โต้งเปลี่ยนไปหยิบตุ๊กตาเด็กผู้ชายสวมชุดซานตาครอสขึ้นมา สุนีย์เงยหน้าสบตากับลูกชาย "ติดไปเถอะ!!" สุนีย์อดใจหายไม่ได้ พยายามบอกกับตัวเองบางอย่างและรอดูการตัดสินใจของลูกชายในสิ่งที่เธอกำลังเล่นเกมทายใจกับลูกชาย โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว "แล้วถ้าติดสองตัวไว้ใกล้ๆกันล่ะแม่?" โต้งลังเลใจ ท่าทางเหมือนไม่กล้าตัดสินใจ "ติดไปเถอะน่ะ!!" สุนีย์ชะงักจากการจัดกิ่งต้นคริสต์มาสและสายไฟกระพริบดวงเล็กๆ เอ่ยบอกกับลูกชายน้ำเสียงดุเล็กน้อย สบตากับลูกชายอีกครั้ง สายตาที่ไม่มั่นใจตัวเองของลูกชายในตอนนี้มันบีบคั้นจิตใจของคนเป็นแม่อย่างเธอมากนัก "ก็เดี๋ยวโต้งติดไปแล้ว แล้วไม่ถูกใจแม่ แม่ก็จะว่าเอาอีก!!" โต้งพูดออกมาตามประสาซื่อ สายตาดูเศร้าลง สุนีย์รู้สึกผิดที่ไม่เคยเคารพการตัดสินใจใดๆของลูกชายเลยสักครั้ง แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม จนทำให้ลูกชายกลายเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจตัวเอง น้ำตาของเธอก็ทะลักไหลลงมาไม่รู้ตัว เกมที่เธอตั้งขึ้นมา เธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายแพ้โต้งมองตุ๊กตาสองตัวในฝ่ามือ สุนีย์หยิบตุ๊กตาทั้งสองตัวขึ้นมา มองหน้าลูกชายช้าๆ "เลือกที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด!!" สุนีย์ยื่นตุ๊กตาสองตัวนั้นให้กับลูกชายเลือก โต้งหยิบตุ๊กตาตัวหนึ่งขึ้นมา แล้วติดลงบนต้นคริสต์มาสอย่างสบายใจ สีหน้าของผู้เป็นแม่ แม้จะมีร่องรอยของคราบน้ำตาแต่ก็ไม่สามารถบดบังรอยยิ้มที่มีความสุขใจสิ่งที่ลูกชายเลือกไม่ได้ แม้" ตุ๊กตาเด็กผู้ชายชุดซานตาครอส" จะเป็นสิ่งที่ลูกชายได้เลือกก็ตาม "สิ่งที่โต้งคิดว่าดีที่สุด อาจจะทำให้แม่ไม่ชอบใจก็ได้" โต้งหันมาสบตากับผู้เป็นแม่ สุนีย์มองหน้าลูกชายนิ่งน้ำตาคลอๆ "สิ่งที่มีค่าที่สุดของชีวิตแม่ตอนนี้คือลูก ถ้าลูกชอบอะไร แม่ก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามลูกได้ ...โต้งไม่ว่าโต้งจะเลือกอะไรหรือเป็นอะไร โต้งคือลูกของแม่เสมอ" "โต้งเลือกครอบครัว โต้งรู้ว่าแม่เหนื่อยและเสียใจกับเรื่องพี่แตงมามากแล้ว โต้งไม่อยากทำให้แม่ต้องเสียใจ " "แม้โต้งเองจะเสียใจน่ะเหรอ?" สุนีย์พูดดัก "โต้งไม่เสียใจเลยตั้งแต่วันนั้น" " แล้วโต้งคิดว่าคนที่เสียใจควรจะเป็นใคร" คราวนี้สุนีย์หันหน้ามาจ้องมองลูกชาย "ตลอดสี่ปีที่ผ่าน...แม่ไม่เสียใจที่โต้งมาเรียนที่นี่ และโต้งเองก็ไม่เสียใจที่อยู่นี่เช่นกัน" " คิดดูดีๆนะโต้ง นอกจากพ่อกับแม่แล้ว โต้งยังมีใครอีกคน และโต้งเคยรู้มั้ยว่าเค้าจะเสียใจแค่ไหน?!!" โต้งเบือนหน้าหนี ภาพของใครบางคนยังคงชัดเจนในความรู้สึกเหลือเกิน ยิ่งหนี ยิ่งเจ็บ อยากลืม ยิ่งจำ ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะอะไร? ชายหนุ่มยอมรับว่าตลอดเวลาที่อยู่เชียงใหม่ ไม่มีสักวันที่เขาจะไม่คิดถึงใครบางคนที่อยู่กรุงเทพฯ " แม่ว่ามิวเค้าลืมโต้งรึยัง?" โต้งหันกลับมาถามซึ่งๆหน้า "ตราบใดที่เรายังไม่ลืมเค้า" "แล้วมีประโยชน์อะไรถ้าโต้งยังคิดถึงเค้าฝ่ายเดียว" "ดูอย่างแม่สิ!! คำว่าครอบครัวคือสิ่งที่แม่ปราถนาแม่พยายามทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดก็เพื่อครอบครัว แม่จะมีความสุขที่เห็นความสำเร็จของลูก แม่มีความสุขที่เห็นพ่อเรากลับตัวได้...นั่นคือสิ่งตอบแทนที่แม่ได้รับหลังจากทนมานาน มันคุ้มไม่ใช่เหรอ? ถ้าจะเปรียบความรักคือการเดินทาง หัวใจของการเดินทางไม่ใช่จุดหมาย...แต่อยู่ที่สองข้างทางนั่นต่างหาก ถ้าคิดจะรักใครสักคนอย่ามุ่งหวังไปที่ตัวเค้า ว่าต้องได้มาครอบครองแต่จงทำให้เค้ามีความสุขและคิดถึงเราก็พอ..." สุนีย์พูดได้เพียงเท่านั้นก็เดินยิ้มๆกลับเข้าไปข้างใน ปล่อยให้ลูกชายได้ทบทวนเรื่องราวบางอย่างตามลำพัง ที่บริษัทค่ายเพลงของพี่อ็อด มิว เอ็กส์ และวงออกัสที่รวมตัวกันไม่ครบ นั่งลุ้นกับรูปแบบการฉลองรับปริญญาที่เสนอให้พี่อ็อดพิจารณาอย่างใจจดจ่อ พี่อ็อดเงยหน้ามองน้องๆเป็นระยะๆเหมือนกำลังใช้ความคิด "เป็นไงครับ?" มิวรีบถามทันทีที่สบตากับพี่อ็อด "ก็ดี รูปแบบง่ายๆเรียบๆ เอ่อ!!มิว เอางี้นะ!! พี่มีข้อเสนอให้กับพวกเราเก็บไปคิดดู ถ้าพี่จะเปลี่ยนรูปแบบเราที่เสนอมาจากคอนเสิร์ตเล็กๆในร้านอาหารมาเป็นการร่วมงานกับทางบริษัทพี่ที่กำลังจะเปิดแถลงข่าวเร็วๆนี้ พี่ว่าก็น่าสนใจนะ!!" "งานอะไรครับพี่?" มิวมองหน้าเพื่อนๆแล้วถามพี่อ็อดอย่างสนใจ " The Love Of Siam Greeting" พี่อ็อดบอกชื่องานยาวเหยียด มองสายตาของสมาชิกวงออกัสอย่างสนใจ พลางยักคิ้วให้กับมิวได้ตัดสินใจ "งานนี้จัดที่ลานศูนย์การค้าแถวสยาม วันที่ 9 เดือนหน้านี้ ว่าไง สนใจขึ้นเวทีอีกครั้งมั้ย!!" พี่อ็อดถามหยั่งเชิง ทุกคนต่างพยักหน้ารับพร้อมกันโดยไม่เสียเวลาคิด หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวประชาสัมพันธ์งานคอนเสิร์ต " The Love Of Siam Greeting" ก็ปรากฎตามสื่อต่างๆ แม้แต่ในเวปพันธ์ทิพย์ดอทคอม หญิง ได้รับข้อความข่าวจากโทรศัพท์มือถือ ถึงการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของวงออกัสในงาน " The Love Of Siam Greeting" ก็สนใจและอดตื่นเต้นที่จะได้พบมิวอีกครั้ง หญิงบอกตัวเองว่าเธอจะไม่พลาดงานนี้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับโดนัท หลังจากกลับมาถึงเมืองไทย สถานที่แรกที่เธอเดินเที่ยวคือ "สยาม" และก็เห็นป้ายคัทเอ้าท์ขนาดใหญ่ที่ประชาสัมพันธ์งานเดียวกันอย่างใหญ่โต มันจะเป็นงานใหญ่งานแรกที่เธอจะต้องไม่พลาดเช่นกัน ทุกครั้งที่มิวกลับเข้ามาที่บ้าน จะคลุกตัวอยู่แต่ในห้องนอน มันเสมือนเป็นห้องที่ให้ความอบอุ่นและปลอดภัยสำหรับคนที่ขาดความรักอย่างเขา ภาพอาม่าที่ยืนถ่ายรูปด้วยในงานวันคริสต์มาส เหมือนยิ้มออกมาให้หลานชายที่บัดนี้กลายเป็นหนุ่มใหญ่ ถัดมาที่ทำให้มิวหุบยิ้มนั้นลง ความสุขหายไปคือภาพของเขาที่เคยคู่กับโต้งหลังจากเล่นละครเวทีตอน"ประสูติพระกุมาร"ทั้งสองภาพ อยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน ต่างที่ความรู้สึกในตอนนี้ยิ่งนัก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา มิวหันหน้าไปมอง ไม่คิดจะรับสาย เสียงเรียกนั้นยังคงดังขึ้นอีกครั้ง มิวเดินไปกดรับสายด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย "อาทิตย์หน้าว่างรึเปล่า? ป๊าจะไปรับ" เสียงตามสายบอกเสียงเข้ม เหมือนเป็นคำสั่งกลายๆ "ป๊ามีธุระสำคัญหรือเปล่า? บอกตอนนี้ก็ได้ครับ" " เฮ๊ย!!ใจคอจะไม่มาเจอหน้าเจอตากันเลยใช่มั๊ย!! เตรียมตัวไว้แล้วกัน ไปเมื่อไหร่ป๊าจะโทร.ไปบอก" แล้วสายนั้นก็ตัดไป มิวส่ายหน้าเซ็งๆ นึกไม่ออกว่าป๊าจะรับให้ไประยองทำไม? ชายหนุ่มทิ้งตัวลงกับผ้าปูที่นอนสีเขียวอ่อนๆบนเตียงนอนนั้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่เบอร์ในเครื่อง ความรู้สึกเหงามันเข้ามากัดเซาะทุกทีที่อยู่คนเดียว ตอนนี้เขาอยากมีใครสักคนอยู่ข้างๆเป็นเพื่อน เหมือนตอนที่ครั้งหนึ่งเคยมีโต้ง โต้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เบอร์โชว์ที่หน้าจอเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นนัก จึงกดสายรับ "ฮัลโหล!!" โต้งเสียงเข้ม "อ้าว!! คิดว่าใคร? ไม่รู้สิเบอร์ไม่คุ้นนี่!!ขอบใจนะที่ยังจำเบอร์เราได้ " ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมา พูดกับต้นสายอย่างเขินอาย "นานแล้วสิที่เราไม่ได้คุยกันเลย ....ได้สิ!!งานนี้เราไปแน่นอน...." เหมือนว่าต้นสายจะชวนไปงาน" The Love Of Siam Greeting" " โต้ง!! คิดถึงกันบ้างมั้ย?" ต้นสายถามขึ้นมา "คิดถึงสิ" โต้งตอบตรงๆแม้จะไม่มีรอยยิ้มก็ตาม นอกจากเม้มริมฝีปากบางๆของตัวเองเบาๆ "อยากรู้ว่าหน้าตาโต้งเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน?" ต้นสายถามลอยๆ โต้งหน้าตานิ่ง ปลายนิ้วมือเผลอเคาะจังหวะเบาๆกับโต๊ะ " ตอนนี้เราเหงามากเลย อยากเจอโต้งที่สุด สัญญาแล้วนะว่าโต้งต้องมา" "สัญญาสิ " โต้งรับปากก่อนจะวางสายไป รอยยิ้มน้อยๆเกิดขึ้นหลังจากที่ได้คุยกับคนรักเก่าอย่างโดนัท "บางอย่างอาจไม่เหมือนเดิมแล้วก็ได้?" โต้งพูดกับตัวเอง และเวลาเดียวกับหญิงสาว ที่ตาลอยฉ่ำ โดนัทยิ้มอย่างมีความสุข ภาพใบหน้าของโต้งลอยอยู่เต็มไปหมด |
คุณหมอกมลชนก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] "Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them." บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี... สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้ |