ตอนที่ 23
ที่โรงพยาบาลระยอง เสี่ยเชนนอนพักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วย มีสายน้ำเกลือระโยงห้อยอยู่ข้างๆตัว โดยมีปลายเข็มแหลมฝังที่หลังฝ่ามือ เปลือกตาที่หลับสนิทราวกับเจ้าของกำลังชาร์ตแบตให้กับตัวเอง…คงเหนื่อย เครียด และเพลียจากการเดินทางไกล มีนเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่ออกไปคุยกับคุณหมอด้านนอก เด็กหนุ่มนั่งลงข้างๆผู้เป็นบิดาก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆที่ฝ่ามือผู้ป่วย เสี่ยเชนเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา มีนยิ้มให้กับป๊าของตัวเอง…

“ร้องไห้ทำไมลูก…หมอว่าป๊าเป็นอะไร?” เสี่ยเชนขยับกายจัดท่าใหม่กึ่งนั่งกึ่งนอนที่เตียง เห็นลูกชายร้องไห้ก็รู้สึกไม่ดี มีนไม่ทันได้พูดอะไร เสียงประตูห้องก็เปิดออกมา พร้อมกับมายด์พี่สาวของมีนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเด็กหนุ่มอีกคนที่ก้าวตามเข้ามาติดๆ ดูท่าทางเก้ๆกังๆทำหน้าไม่ถูก แต่คนที่ควรจะทำหน้าไม่ถูกมากกว่าควรเป็นเสี่ยเชนที่ใช้ประสบการณ์ของตัวเองมองเหตุการณ์ในตอนนี้ก็เข้าใจทันทีว่าเด็กหนุ่มที่มาพร้อมกับลูกสาวนั้นต้องไม่ใช่แค่เพื่อนกันอย่างแน่นอน…เด็กสมัยนี้เติบโตเร็วและใช้ชีวิตเร็วกว่ารุ่นของเขามากหลายเท่านัก

เสี่ยเชนคิดย้อนไปถึงวันเวลาเก่าๆของตัวเอง กว่าที่จะรู้จักความรักครั้งแรกก็อายุยี่สิบกว่าแล้ว แต่วันเวลาเปลี่ยนไปเดี๋ยวนี้อายุสิบสอง สิบสามปีก็มีเพื่อนต่างเพศกันแล้ว จึงต้องยอมรับว่าสื่อการนำเสนอต่างๆทางโทรทัศน์ นิตยสารล้วนมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของเด็กๆวัยเจริญพันธุ์ เด็กทั้งสองคนยกมือไหว้ เสี่ยเชนยิ้มให้ลูกสาวและยกมือไหว้ตอบเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนั้น

“พี่พลคะ นี่ป๊าของมายด์ค่ะ …ป๊าคะพี่พลเขาอยู่ปีหนึ่ง เขาจะมาช่วยติวหนังสือให้มายด์ คนที่มายด์เคยเล่าให้ป๊าฟังบ่อยๆไง”
เด็กสาวแนะนำให้รู้จัก เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อพล เสี่ยเชนยิ้มให้อีกครั้ง แต่อดสำรวจลักษณะทางกายภาพของอีกฝ่ายไม่ได้ รูปร่างที่ผอมสูงและทรงผมที่ยาวปะบ่านั้นดูรุงรังจนขัดหูขัดตาผู้ใหญ่อย่างเขายิ่งนัก กางเกงยีนต์ลูกฝูกที่รัดแนบขาดูอึดอัดแทน มันคงเป็นไปตามยุคสมัยและไม่แปลกเท่าไหร่หากจะพบเห็นเด็กวัยรุ่นที่เจาะจมูก เจาะหู

แต่ถ้ามันมากมายหลายรูแบบนายพลคนนี้ ก็ดูจะทำให้เขาอดมองในด้านลบต่อเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ และนึกห่วงลูกสาวขึ้นมาเสียแล้ว…เสี่ยเชนถามทันทีว่าเรียนมหาวิทยาลัยไหน?และเป็นลูกเต้าเหล่าใคร? เพราะในภาคตะวันออกนี้เสี่ยเชนก็เป็นที่รู้จักและกว้างขวางพอสมควรทั้งเพื่อนฝูงและข้าราชการที่ต้องติดต่อพูดคุยกันในเรื่องของอุตสาหกรรม อาจพอรู้จักได้บ้างไม่มากก็น้อย
“อ๋อ!!มหาวิทยาลัยเอกชน แสดงว่าฐานะก็ไม่ธรรมดานะ แล้วเรามาถึงระยองเมื่อไหร่ล่ะ?”
“ผมมาได้สองวันแล้วครับ น้องมายด์ชวนมาเที่ยวที่บ้านครับ พอดีมาแล้วไม่เจอ…เอ่อ..ป๊าครับ”
ยังไม่ทันที่นายพลจะพูดอะไรมากกว่านี้ มายด์ก็รีบชิงถามไถ่อาการของป๊าทันที ไม่ใช่เพราะความเป็นห่วงแต่ไม่อยากให้พี่พลต้องอึดอัดกับการตอบคำถามต่างๆของป๊าต่างหาก…เสี่ยเชนเจ็บจี๊ดขึ้นมาที่หน้าอกอีกครั้ง…นี่หมายความว่าเด็กทั้งสองคนสนิทสนมกันเกินกว่าเพื่อนอย่างที่เขามองตั้งแต่แรกไม่ผิดเลยสักนิด มายด์อายุยังไม่รู้นิติภาวะอะไรเลย มันเร็วเกินไปไหม?กับโลกภายนอกที่ลูกสาวกำลังจะเรียนรู้นอกเหนือจากตำราเรียน…
“ป๊าพักผ่อนดีกว่านะ หมอบอกว่าหมดน้ำเกลือกระปุกนี้ก็ให้กลับบ้านได้ ป๊าจะได้หายเร็วๆ”
มีนบอกกับทุกคน แล้วบอกให้พี่สาวไปเดินเอกสารจ่ายค่ายากันด้านนอก เด็กๆพากันเดินออกจากห้องไป เสี่ยเชนกดหน้าอกตัวเองอย่างเจ็บปวดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา มันคงเป็นเวรกรรมที่กำลังจะสนองเขาแล้วใช่ไหม?

***********
รถเก๋งคันใหม่สีขาวขับมาจอดที่หน้าบ้านของมิวในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง ขนาดของตัวรถพอเหมาะกับครอบครัวเล็กๆ ดีไซด์โฉบเฉี่ยวตอบสนองความต้องการของลูกค้าวัยทำงานได้เป็นอย่างดี รถคันนี้ออกจะเป็นรถเอนกประสงค์เสียด้วยซ้ำไป กรบอกว่าไม่อยากใช้รถเก๋งธรรมดาๆที่เปิดฝาท้ายใส่ของและนั่งได้เพียงไม่กี่คน แต่สำหรับรถคันนี้ไม่เพียงแต่กรเท่านั้นที่เลือกให้ แต่โต้งและมิวก็มีส่วนในการตัดสินใจด้วย กรและสุนีย์ถอยออกมาให้กับโต้งเพื่อใช้ไปทำงาน โต้งตัดสินใจเข้าทำงานที่บริษัทเดียวกับกร ในตำแหน่งนักออกแบบ แต่คนละส่วนงานกับกร เพื่อความสบายใจของลูกชายที่ไม่อยากให้ใครมองว่าทำงานที่นี่เพียงเพราะเส้นสาย มากกว่าความสามารถของตัวเองที่ร่ำเรียนมา

“โต้งต้องพิสูจน์ตัวเองสิลูก ประสบการณ์ต่อไปนี้ไม่เหมือนในตำราเรียนหรอกนะ ลูกต้องรู้จักอดทนและเรียนรู้ชีวิตการทำงานอีกเยอะ ขอให้ตั้งใจและทำให้เต็มที่”

สุนีย์พูดบอกกับลูกชาย เมื่อครั้งไปทำงานวันแรก โต้งนั่งคิดเพลินๆขณะรอมิวในรถ ส่วนมิวเองนั้นก็มีแนวทางของตัวเองและตัดสินใจอีกครั้งหลังจากที่มีโต้งคอยให้คำปรึกษาอยู่เคียงข้าง…วันนี้ที่เขานัดให้โต้งมารับก็เพื่อทำความฝันของตัวเองอีกครั้ง…

“แต่งตัวหล่อจัง!!”
โต้งหันมาพูดกับคนด้านข้างขณะกำลังถอยรถจากซอยแล้วขับออกสู่ถนน มิวหันมาสบตายิ้มให้เล็กน้อยและรู้สึกเขินๆ เพราะเป็นชุดที่โต้งเลือกซื้อให้ในวันหยุดที่ผ่านมาขณะเดินซื้อต้นไม้ที่จตุจักรเพื่อช่วยกันตกแต่งหน้าบ้านใหม่ เก้าอี้หินอ่อนสีขาว ที่เอ็กส์เคยมานั่งรอเขาในเย็นวันหนึ่งนั้นถูกรื้อออกแล้ว โดยมีต้นไม้พุ่มสูงระดับหน้าอกมาไว้แทน

และด้านล่างมีอ่างน้ำสำเร็จรูปที่ด้านใส่ใส่ปลาหางนกยูงแหวกว่ายอย่างสบายอุรา หยอกล้อกับสายน้ำพุที่พวยพุ่งจากตุ๊กตาหินปั้มรูปทรงเด็กผู้ชายเปลือยยืนฉี่อยู่ตรงมุมหนึ่งของอ่าง ตรงกลางมีบัวดอกสีฟ้าสลับชมพูที่ดูแปลกตาเล็กๆโผล่พ้นเหนือน้ำ หน้าบ้านของมิวจึงดูมีชีวิตชีวาคืนกลับมาอีกครั้ง แม้ครั้งนี้จะต้องใช้ธรรมชาติของต้นไม้สายน้ำเข้ามาบำบัดก็ตาม ต่างจากเมื่อหลายปีก่อนยิ่งนัก ..เมื่อก่อนแม้จะมีเก้าอี้หินอ่อนตัวเดียวแต่ครานั้น…ชีวิตของมิวก็เติบเต็มด้วยความสุขที่อาม่ามีให้
“ขอบใจ เออ..รถคันนี้ขับดีไหม?”” มิวตอบยิ้มๆไม่รู้จะพูดอะไร
“ ดีสิ ถ้าทุกครั้งมีตุ๊กตาหน้ารถชื่อมิวนั่งด้วย”
“ขอให้จริงเถอะ!!” มิวรู้สึกมั่นใจกับคำพูดนั้นของโต้ง เขามั่นใจว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป เช้านี้รถไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่ หรือเป็นเพราะว่าออกมาจากบ้านเช้าๆรถจึงไม่ติดนักหลังจากลงทางด่วนได้ก็เลี้ยวขวาทางต้องการไป โต้งขับตัดขึ้นสะพานข้ามคลองเล็กๆบริเวณสี่แยกเพชรบุรีอีกไม่นานก็เลี้ยวเข้าตัวลึกพอดี

*************

“สวัสดีครับพี่พลอย”
“ดีคะ หนุ่มๆ พี่อ็อดกำลังรอเลย ช่วงนี้พี่อ็อดว่างนะจ๊ะแต่ช่วงสายๆมีประชุมกับผู้บริหาร” พลอยทักทายสั้นๆและบอกทั้งสองคน หญิงสาวยิ้มให้จริงใจ และพามิวเข้าพบพี่อ็อดขณะที่ตัวเองก้ถือถาดแก้วกาแฟไปวางเสิร์ฟให้
“มิวรอสักครู่นะ พี่จะให้แม่บ้านยกน้ำมาให้จ๊ะ” หญิงสาวบอกก่อนจะเดินออกไป
“พ่อกับแม่สบายดีใช่ไหมจ๊ะ?”
พลอยถามโต้ง ขณะนั่งรอมิวที่มุมรับแขกตัวเดิมเมื่อครั้งที่เคยมาขอเบอร์ของมิวในคราวก่อน แม่บ้านนำแก้วมามาวางเสิร์ฟให้กับมิวแล้ว เคาะประตูห้องเข้าไปเสิร์ฟให้มิวด้านใน
“อะ อะไรนะครับ?” โต้งพูดติดขัดทั้งที่ได้ยินคำถามนั้นชัดเจนแต่เหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง
“พี่ถามว่าพ่อกับแม่ของโต้งสบายดีใช่ไหม? มิวเคยบอกว่าโต้งอยากมีพี่สาวไม่แน่นะพี่ขอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโต้งได้ไหม?”

พลอยยิ้มให้ พร้อมๆกับจัดปกเสื้อเชิ๊ตของโต้งให้ดูเรียบร้อยขึ้น ชายหนุ่มพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าชัดๆอีกครั้ง เขาไม่อยากคิดแต่ก็ต้องคิด ทุกครั้งที่เขาได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนี้ นอกจากใบหน้าที่มีความละม้ายคล้ายพี่แตงแล้ว มีบางอย่างที่เขารู้สึกผูกพันและสัมผัสมันได้ ไม่… มันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดแน่ๆทุกอย่างมันจบแล้ว

“พี่จูนเค้ามาหรือเปล่า?” เสียงของโต้งในห้วงแห่งอดีตผุดขึ้นมาในค่ำคืนคริสมาสต์ปีนั้น เด็กหนุ่มถามแม่เบาๆ ภาพของผู้เป็นแม่ส่ายหน้าช้าๆยิ้มให้กับลูกชาย
“ไม่มาหรอก เค้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว ต่อไปนี้จะมีแต่เรานะลูก”
นั่นคือคำพูดที่ก้องกังวานดังอยู่ในความทรงจำของเขาตลอดมา…พี่จูนจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว

“สบายดีครับ แม้ไม่มีพี่จูน พี่สาวแท้ๆของผม…ครอบครัวเราก็อยู่กันได้..”

เหมือนก้อนแข็งๆจะตีขึ้นมาจุกที่ลำคอของชายหนุ่ม และดูเหมือนเป็นความรู้สึกประชดประชันกรายๆซึ่งเจ้าตัวไม่ต้องการให้สื่อออกมาแบบนั้น แต่ไม่รู้เพราะอะไรน้ำเสียงเขาถึงอดแสดงความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้…หญิงสาวมองหน้าของโต้งอย่างเข้าใจตบบ่าเบาๆเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่าง ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง

“ เห็นมิวว่าคืนพรุ่งนี้ที่บ้านโต้งมีงานเลี้ยง ไม่ชวนพี่ไปหน่อยเหรอ?”
พลอยพูดทำตาละห้อยน้ำเสียงดูเหมือนตัดพ้อน้อยใจ โต้งเงยหน้าสบตากับหญิงสาวแล้วยิ้มให้ พร้อมกับเชื้อเชิญ สร้างความดีใจให้กับเธอยิ่งนัก แม้จะอดตื่นเต้นไม่ได้ถ้าต้องไปจริงๆในงานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้

***************

“ว่าไงมิว!! พี่อ็อดถามตรงๆ หลังจากยื่นข้อเสนอให้มิวเซ็นสัญญากับทางบริษัททันทีที่ตอบตกลง เพราะตอนนี้ทีมงานได้วางแผนและลงมือเขียนเพลงไปบ้างพอสมควร
“ผมเป็นห่วงความรู้สึกของเพชร กลัวเขาเสียใจ”
“เอาน่ามิว…เรากำลังทำธุรกิจกันนะ เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล พี่จะคุยกับไอ้น้องเพชรเอง มันต้องเข้าใจอยู่แล้ว อีกอย่างมันก็เป็นสมาชิกวงออกัสอยู่แล้วนี่”

“พี่พูดแบบนี้ ผมเองก็สบายใจครับ งั้นผมตกลงทำอัลบั้มชุดนี้อีกครั้งครับ”
“มันต้องอย่างนี้สิว่ะมิว…แล้วห้ามเกเรอีกล่ะ” พี่อ็อดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานเอื้อมแขนตบที่ไหล่ของมิวเบาๆอย่างอารมณ์ดี ชายหนุ่มเองก็รู้สึกดีไม่ต่างกัน เขาพร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่วัยทำงานและจริงจังกับชีวิตเสียที

มิวเดินยิ้มออกจากห้องทำงานของพี่อ็อด ตรงดิ่งหาโต้งที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ขณะนั่งรอทันที โต้งเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์เบนความสนใจมาที่มิวทันที
“พี่อ็อดว่าไงบ้าง”
“โต้งก็รู้นี่นา…ไม่มีมิว วงออกัสก็เหมือนขาดอะไรสักอย่าง”
“หมายความว่าพี่อ็อดให้โอกาสมิวกลับมาเป็นนักร้องนำอีกครั้งใช่ไหม?”

โต้งลุกขึ้นในมือหากไม่ติดว่าถือหนังสือพิมพ์อยู่ก็คงโผเข้าสวมกอดมิวด้วยความยินดีอย่างแน่นอน แต่เพียงเท่านี้มิวเองก็ดูอาการออกว่าโต้งรู้สึกดีด้วยมากแค่ไหน ทั้งสองคนพากันเดินออกมาเพื่อกดลิฟท์ลงไปที่ลานจอดรถ ประตูลิฟท์เปิดออกมาพร้อมกับพลอยและนักร้องหนุ่มขวัญใจวัยรุ่นขณะนี้ก้าวเดินออกมา พลอยชะงักเล็กน้อย แต่ก็มีสติพอที่จะหันไปพูดกับมิว
“พรุ่งนี้เจอกันในงานเลี้ยงนะ”

***************

ในห้องนอนที่บ้านของมิว หลังจากที่โต้งขับรถมาส่ง มิวจัดแจงต้มบะหมี่ใส่ถ้วยร้อนๆยกมาให้โต้ง ที่กำลังคิดอะไรเพลินๆขณะนั่งใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงไปที่ตัวต่อไม้
“คิดอะไรเหรอ?” มิวถามพลางวางถ้วยบะหมี่ลงตรงหน้าใกล้ๆกับตัวต่อไม้ให้โต้ง ทั้งสองคนมองสบตากัน มิวขยับตัวไปทางด้านหลังโน้มตัวลงโอบกอดเบาๆ แล้วกระเซ้าแหย่กระซิบใกล้ๆใบหู ให้อีกฝ่ายอารมณ์ดี
“ปัญหามันก็เหมือนเสื้อผ้านะโต้ง มีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้เก็บ”

ได้ผลทีเดียว โต้งหันหน้ามาอดยิ้มไม่ได้กับประโยคของมิว แต่เขาก็ไม่วายที่จะมีสีหน้าครุ่นคิดเหมือนเดิม โต้งหันหน้ากลับไปที่ชามบะหมี่ตักเส้นเหนี่ยวนุ่มนั้นเข้าปาก แม้จะไม่มีผักหรือโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แต่อาหารในชามนี้ก็เป็นมื้อที่แสนอร่อยและวิเศษที่สุด มิวรินน้ำเย็นๆใส่แก้วยื่นให้หลังจากที่โต้งกินจนเกลี้ยงชาม ก่อนจะลุกไปที่เครื่องอิเล็คโทนขนาดไม่ใหญ่โตนัก ที่ตั้งวางอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมนั้น ชายหนุ่มบรรจงเล่นเพลง “กันและกัน” พร้อมกับร้องตามให้กับโต้งฟังอย่างไพเราะ จับใจ

โต้งทอดสายตามองที่ตัวต่อไม้และใบหน้าของคนรัก สลับกับภาพความทรงจำในช่วงวันคริสมาสต์เมื่อหลายปีก่อนไม่ได้…ช่วงเวลานั้นเขาสับสนเหลือเกินระหว่างเพื่อนรัก กับการรักเพื่อน…วันนี้เขามีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขารักและก็รักเขาด้วยเช่นกัน…จะมีผู้ชายสักกี่คู่ที่ปรารถนาความรักแบบนี้ แต่ถึงจะมีเพียงเขาและมิวเพียงคู่เดียวในโลก เขาก็ตอบตัวเองว่าเต็มใจและไม่มีวันเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่มีให้กับผู้ชายที่นั่งบรรเลงเพลงรักให้เขาฟังขณะนี้ไปได้ เราจะเป็นกำลังใจและเคียงข้างกันและกันตลอดไป

“มิวเคยคิดไหมว่าพี่พลอย หน้าตาเหมือนพี่แตงรึเปล่า?” โต้งละสายตาจากตัวต่อไม้หันมาถามยิ้มๆ เมื่อมิวเล่นบรรเลงเพลงนั้นจบลงเป็นคีย์สุดท้าย ผู้ถูกถามหันมาสบตา รอยยิ้มที่มิวเห็นปรากฏบนใบหน้าของโต้งนั้นเป็นยิ้มที่ดูเศร้าลึกๆภายในจิตใจของชายหนุ่ม เขาใกล้ชิดกับโต้งมานานย่อมมองอาการนั้นออก มิวขยับตัวมาใกล้โต้งหยิบตัวต่อไม้ขึ้นมามองใกล้ๆ
“ก็เหมือนนะ เหมือนจนน่าขนลุก”
“แล้วมิวว่ามันจะเป็นไปได้หรือเปล่า?
“เป็นไปไม่ได้หรอกโต้ง เพราะโลกนี้มีคนหน้าเหมือนกันตั้งเยอะแยะ” มิวพูดตัดบท วางตัวต่อไม้ลงที่เดิมหันมาสบตากับโต้งในระยะกระชั้นชิด เขาสัมผัสได้ถึงความเศร้าภายในใจจากสายตาคู่นั้นอย่างชัดเจน

“เหมือนที่พี่จูนไม่ใช่คนๆเดียวกับพี่แตงใช่ไหม?”
“โต้งคิดว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แล้วมันต่างกันตรงไหน? วันนี้ทุกคนต่างก็อยู่ได้ด้วยตัวเองแล้ว พี่จูนเขาต้องการแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?”
“ โต้งอยากรู้ว่าพี่พลอยจะเป็นคนเดียวกับที่คิดไว้หรือเปล่า?”

น้ำเสียงของโต้งทำให้มิวสัมผัสได้ถึงความหวัง มิวเผลอตัวจูบเบาๆที่เปลือกตาของชายหนุ่มเจ้าของนัยย์ตาเศร้าคู่นั้น เหมือนกำลังจะห้ามไม่ให้น้ำตาของอีกฝ่ายหยุดไหลออกมา แต่ทว่าก็สายเกินไป หยาดน้ำตาไหลลงมาเบาๆโต้งลืมตาขึ้นมาช้าๆเหมือนกำลังพยายามอยู่กับความจริงที่เห็นในปัจจุบันมากกว่าจะเพ้อฝันไปในอดีตหรืออนาคตมากเกินไป

“คืนพรุ่งนี้ไง พรุ่งนี้เราจะหาคำตอบกัน” มิวพูดน้ำเสียงจริงจัง แต่ก็อดไหวหวั่นไม่ได้ ทั้งคู่ต่างนั่นจมกับภวังค์ของแต่ละคนอยู่นาน ในที่สุดมิวก็พูดขึ้นมา

“ แล้วเป็นไง สบายใจขึ้นมาบ้างหรือยัง?”
“มิวจำได้ไหม?ที่เคยพูดกับโต้งคืนนั้น ตอนเด็กๆ ความเหงาคือการไม่มีเพื่อนใช่เปล่า? แต่พอโตขึ้น ความเหงามัน…มันเหี้ยกว่านั้นมาก” โต้งถอนหายใจออกมาเมื่อพูดถึงประโยคหนึ่งที่มิวเคยพูดไว้เมื่อนานมาแล้ว อย่าบอกนะว่าโต้งกำลังมีความรู้สึกเหงาขึ้นมาบ้าง

“แล้วมันเหี้ยใส่โต้งยังไงล่ะ?” มิวไม่เข้าใจเพราะดูภายนอกโต้งปรารถนาเพียงความรักที่เก็บซ่อนไว้เท่านั้น และวันนี้มิวคิดว่าโต้งก็ได้รับแรงปรารถนานั้นแล้ว อะไรอีกที่เป็นความเหงาของโต้ง!!

“ไม่รู้จะบอกอย่างไรดี” โต้งส่ายหน้าไปมา ความสับสนในตัวเองเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้งเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มที่ติดตัวมาแต่เด็ก พยายามจะอธิบายแต่ก็ยากเต็มทีชายหนุ่มค่อยๆปะติดปะต่อเรื่องราวช้าๆออกมาทีละคำพูด

“แต่มันก็เริ่มขึ้นเมื่อตอนเด็กๆ ตลอดเวลาโต้งก็รู้สึกเหงานะที่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางความหวังของพ่อกับแม่ ช่วงที่มิวเงียบหายไป พูดได้คำเดียวว่าเวลานั้น จมลงสู่ก้นบึ้งของความเหงาที่สุดแล้ว โต้งอยู่คนเดียวในหอพักมหาวิทยาลัย และอยู่คนเดียวในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆต่างมีคู่กันหมด แต่ตัวโต้งเองต้องหยุดความทรงจำเก่าๆไว้กับผู้ชายคนหนึ่ง แม้วันนี้ผู้ชายคนนั้นจะอยู่ตรงหน้าแล้วก็ตามที แต่ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปในช่วงชีวิต
นั่นคือการหายไปของพี่แตง เมื่อพี่แตงไม่ได้อยู่บ้าน โต้งต้องทนเหงาเดียวดายลำพังคนเดียว และนานแค่ไหนที่ต้องเห็นแม่ร้องไห้กับการหาทางแก้ปัญหา ส่วนพ่อที่พยายามแก้ปัญหาด้วยการดื่มเหล้าตลอดเวลา…”

มิวพยายามนึกถึงเรื่องราวตอนเด็กๆและปล่อยภวังค์ตัวเองตามความรู้สึกของโต้ง เขาเข้าใจดี
“โต้งก็เลยไม่กล้าคิดว่าพี่พลอยจะเป็นคนเดียวกับพี่แตงใช่ไหม? กลัวผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก…มิวเข้าใจโต้งนะ”
ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า แต่กลับโอบกอดให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โต้งยิ้มทั้งน้ำตาปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีเหลือเกิน กับการมีใครสักคนที่รู้ใจและเข้าใจเขาเท่ากับผู้ชายที่อยู่ในอ้อมกอดนี้ไม่ได้อีกแล้ว

ด้านมิว…เขาควรจะตื่นเต้นเรื่องที่ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโต้ง งานเลี้ยงที่อากรและน้านีย์จัดในวันพรุ่งนี้เหมือนเป็นการตอบรับสมาชิกใหม่และเปิดรับเขาเข้าเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวแล้ว รู้สึกประหม่าและไม่มั่นใจตัวเองเลย แต่ตอนนี้ตัวมิวเองรู้สึกตื่นเต้นในเรื่องของพลอยที่จะเจอกับพ่อแม่ของโต้งมากกว่า…
“พี่พลอยและโต้งกำลังคิดอะไรของเขาอยู่นะ!!” เป็นสิ่งที่มิวอดถามตัวเองไม่ได้

(โปรดติดตามต่อตอนที่ 24)



Create Date : 03 กันยายน 2551
Last Update : 3 กันยายน 2551 18:18:44 น.
Counter : 294 Pageviews.

8 comments
  
น้าน.....
ชีวิต....
น่ารักทั้งคู่เลย
อย่างนี้สิ....ถึงจะรักกันจริง
มีสุขก็ร่วมสุข......
มีทุกข์ก็เคียงค้าง....ทำอะไรไม่ได้...ก็ให้กำลังใจกันไป
มีความุขกับทุกตอนเลยครับ.....
ขอบคุณครับคุณออมสินเพื่อนจากสยามที่น่ารัก(ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปครับ)
ปล.เป็นกำลังใจให้...ตลอดไป สัญญาครับ
โดย: a IP: 118.175.62.86 วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:19:43:43 น.
  
มาต่อแล้ว ดีใจจัง

ยังไม่ได้อ่านนะ เดี๋ยวค่อยมาเม้นต์ใหม่
โดย: นิรมิตร IP: 58.9.17.110 วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:20:01:19 น.
  
มิวกับโต้งต้องคอยให้กำลังใจกันไป
แล้วหญิงจะเป็นอย่างไร
รออ่านตอนหน้า

ป้าขวัญ
โดย: andy_kwan IP: 118.174.170.212 วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:22:23:34 น.
  
น่ารักจังเลยมิวกับโต้งความรักที่มอบให้กันมันทำให้เรายิ้มทุกทีเลย คอยเป็นกำลังใจให้กันอย่างนี้ถึงเรียกว่ารักแท้ น่าร๊ากกกกกกกกกกกก เป้นกำลังใจให้น้องออมสินนะคะ
โดย: แก้ม IP: 125.25.88.99 วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:23:47:25 น.
  
อยากมีแฟนมั่งแฮะ เอาไว้อยู่ข้างๆ เวลาเหงา
โดย: dinkun (กริชครับผม ) วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:1:41:58 น.
  
รักษาตำแหน่งไว้ไม่ได้ซะแล้วเรา แวะมาแล้วนะ ต่อไปนี้อาจจะไม่ค่อยมาบ่อยๆ ขอเวลาเคลียร์ปัญหาก่อนนะ แล้วจะแวะมาอีก ไปแล้ว เอ้อลืมหายไวไวนะ
โดย: นายนล IP: 125.24.142.231 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:7:41:03 น.
  
รอวันงานเลี้ยงค่ะ แต่เหมือนป้าพลาดอะไรไปเปล่าเนี่ย
อ่านแล้ว งง เล็กน้อย ว่าไปไงมาไง
งั้นขอไปอ่านตอนที่แล้ว ๆ อีกทีก่อนนะ
โดย: ป้าfc IP: 58.9.239.200 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:22:28:27 น.
  
ขออ่านก่อนนะครับแล้วจะมาเม้นใหม่
โดย: 05 IP: 125.26.38.127 วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:19:53:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณหมอกมลชนก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."

บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี...


สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้