ตอนที่ 16
มิวตัดสินใจไม่พาโต้งเข้าบ้าน เพราะไม่อยากให้ป๊าสงสัยพฤติกรรมของตัวเองและโต้ง อีกอย่างความสัมพันธ์ของเขากับป๊านั้นก็ไม่ได้ราบรื่นเหมือนครอบครัวอื่นๆนัก

“เราเห็นโรงแรมหนึ่งอยู่ใกล้ๆสถานีขนส่งนะ เดี๋ยวเราไปพักที่นี่กัน” มิวพาโต้งเดินไปตามถนนที่มีรถสองแถววิ่งสวนผ่านไปมา พรางสอบถามถึงโรงแรมที่ใกล้ที่สุดจากแม่ค้าขายอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปิดร้านใหญ่โตถึงสองคูหาของตึกแถวนั้น แม่ค้าใจดีชี้นิ้วไปยังปลายตึกแถวอีกช่วงหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากจุดที่ยืนสักเท่าไหร่ มิวยิ้มอย่างดีใจ เพราะใกล้กับจุดนัดพบกับหญิง

“ทำไมไม่ให้ผมไปด้วย หรือว่ากลัวผมไปวุ่นวาย”

โต้งวางกระเป๋าลงกับเตียง หลังจากที่เช็คอินเรียบร้อย มิวรีบส่ายหน้าทันที กลัวโต้งจะเข้าใจผิด ยังไม่ทันตั้งตัวดี มิวก้ถูกโต้งดึงแขนจนล้มลงไปที่เตียงนั้นด้วยกัน ชายหนุ่มกอดรัดไว้แน่นในอ้อมแขน มิวรีบดันแขนไว้กับหน้าอกที่แข็งแกร่งนั้น แม้จะมีความเขินอยู่บ้างก็ตาม

“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยโต้ง อย่าทำแบบนี้”
“ทำไมล่ะมิว รู้มั้ยว่านานแค่ไหนที่ผมรอวันนี้”
โต้งทำตาละห้อยน่าสงสาร จนมิวต้องค้อนให้ในความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย
“รู้สิ!!รู้ว่ารอไม่ไหวจนต้องไปจีบสาวๆคั้นเวลา” มิวหมายถึงโดนัท ผู้หญิงที่ตัวเองเห็นในงานคอนเสิร์ตที่ผ่านมา โต้งหัวเราะชอบอกชอบใจที่อีกฝ่ายแสดงความหึงหวง
“นั่นโดนัท เพื่อนเก่าสมัยเรียนแล้ว”
“ทำไมเราไม่เคยรู้”
“ก็เอ่อ!!...” โต้งอึกอักหาคำตอบไม่ได้ จะบอกอย่างไรดีว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่ตามจีบเขามาตลอดเวลาแม้แต่วันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่
“แล้วทิ้งเขาไว้ที่ไหนล่ะ?” มิวถามตรงๆ จนอีกฝ่ายคลายอ้อมกอดนั้นออก อยากพูดความจริงนั้นเหลือเกิน แต่กลัวอีกฝ่ายจะคิดน้อยใจ
“ผมกับโดนัทเป็นได้แค่เพื่อนกัน”

“เหมือนที่เราเคยเป็นเพื่อนกับโต้งใช่ไหม?” มิวพูดน้ำเสียงเหมือนมีความน้อยใจจากเหตุการณ์ในอดีต โต้งสบตาคู่นั้น เข้าใจถึงความรู้สึกอีกฝ่ายและรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนผิด
“มิว มันไม่เหมือนกันนะ” โต้งจับปลายคางของมิวเชิดขึ้น พยายามส่งสายตาให้กับอีกฝ่ายได้ค้นหาความรู้สึกจริงใจจากสายตาคู่นั้น ก่อนที่จะทิ้งร่างลงกับที่นอน เสียงโทรศัพท์ของมิวดังขึ้น ทำให้ภวังค์ของมิวกลับคืนมารีบยันร่างของโต้งออกพ้นตัวเอง โต้งแกล้งทำหน้าไม่พอใจรีบจูบเบาๆที่แก้มนั้นของมิวเป็นการมัดจำ จนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์แทบไม่ทัน
“เรามาถึงระยองแล้ว เจอกันที่ล็อบบี้โรงแรม….นะ เรารออยู่ที่นั่น” มิวบอกชื่อที่พักก่อนวางสายไป หันมามองโต้งที่ทำสายตาละห้อย จนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“นายนี่มันหื่นจริงๆนะ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

มิวเดินเข้าไปหาพร้อมกับหยิกที่แก้มขาวระเรื่อทั้งสองข้างนั้น จนอีกฝ่ายร้องลั่นพร้อมกับโอบเอวของชายหนุ่มไว้ มิวเริ่มรู้ตัวว่าจะเสียเปรียบอีกฝ่ายแล้ว รีบโวยวายหาทางเลี่ยงทันที

“ยังไม่เลิกหื่นอีก …เร็วเถอะโต้ง!!ลุกขึ้นได้แล้ว เรามีอะไรจะบอกนาย…”

มิวพูดจริงจังจนโต้งทำหน้าฉงน เดาไม่ออกว่ามิวจะบอกอะไรเขา ทั้งสองคนลงมารอที่ล็อบบี้ไม่นาน ร่างของหญิงก็ปรากฎขึ้น มิวมองใบหน้าที่ซีดเซียวของหญิงแล้วสงสารจับใจ หญิงต้องทุกข์ใจอย่างหนักแน่ๆ เพราะดูผอมกว่าครั้งแรกที่เคยเห็น หญิงทรุดตัวลงกับโซฟารับแขกของโรงแรม พรั่งพรูเรื่องราวให้กับมิวฟังคนอีกฝ่ายหาจังหวะตั้งตัวไม่ทัน

“เดี๋ยวก่อนหญิง เรามีอะไรจะให้ดู”

มิวลุกขึ้นบอกหญิง เช่นเดียวกับที่โต้งเดินออกมาจากมุมเสานั้น หญิงอุทานอย่างตกใจและดีใจ แต่มันก็แว๊บเดียวจริงๆที่เธอรู้สึกแบบนั้น เมื่อความรู้สึกเจ็บแปล๊บลึกๆในหัวใจเหมือนเข็มเล็กๆปักลงมากึ่งกลางหัวใจของเธอ เมื่อนึกถึงวันวานเก่าๆ วันที่เธอรู้ว่าผู้ชายที่เธอหลงรัก คบหากับผู้ชายด้วยกัน และผู้ชายคนนั้นก็คือโต้งที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอในขณะนี้

“โต้ง!!”
“ใช่ เราเอง”

โต้งมองหน้าของหญิงสลับกับมิวไปมาอย่างไม่เข้าใจ ยากที่จะปะติดปะต่อเรื่องราว จนมิวต้องรีบเฉลยให้รับรู้

“โลกมันกลมจริงๆเลยนะหญิง ในที่สุดเราก็ได้กลับมาพบกันอีก” โต้งยิ้มๆแต่หญิงกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น


“โลกนี้มันโหดร้ายมากกว่า…”

“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”
โต้งไม่เข้าใจ แม้หญิงจะเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นแม่เลี้ยงของมิว แต่ก็ยังดีที่ได้เป็นหนึ่งในครอบครัวเดียวกัน และนั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับความเป็นเพื่อนกันสักหน่อย

“คือ ป๊าเรากำลังมีผู้หญิงอีกคนน่ะ” มิวหันไปบอกกับโต้ง ให้เข้าใจเรื่องราว
“ป๊าของมิว นี่เจ้าชู้ไม่เบาเลยนะ มิวจะเจ้าชู้เหมือนป๊าหรือเปล่า?” โต้งสบตากับมิว เป็นการหยอกล้อ กึ่งต้องการรู้คำตอบกลายๆ มิวยิ้มจืดๆ เพราะกลัวจะเป็นภาพที่บาดตากับผู้หญิงที่นั่งมองตรงหน้า

“หญิง !! เราจะพักที่โรงแรมนี้ คงไม่ค้างที่บ้านด้วย แต่คืนนี้เราจะไปงานแต่งงานแทนป๊าเอง”

มิวบอกอย่างจริงจัง ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พลางนั่งลงกับโซฟาตัวเดิมพร้อมๆกับโต้งที่นั่งใกล้ๆกัน หญิงรับรู้ว่า ความรัก หากได้เป็นคู่กันแล้ว ไม่ว่าจะผู้หญิง หรือผู้ชาย ก็คงหนีกันไปไม่พ้น ดูอย่างมิว และโต้งสิ!! อีกคนพยายามหนีเท่าไหร่ สุดท้ายก็ไม่อาจหลุดพ้นต้องกลับมาหวานใส่กันแบบนี้ ยิ่งเห็นแล้วทั้งยินดี และปวดร้าว อย่านะหญิง ทุกอย่างมันจบลงไปนานแล้ว!! หญิงเธอบอกกับตัวเองเช่นนั้น แม้จะยากที่จะตัดใจลืม

เพราะนี่คือคนที่เธอรักครั้งแรก และเธอกำลังจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ความถูกต้องที่อยู่กับปัจจุบัน เธอสบตากับมิว ไม่มีคำตอบจากปากของเธอนอกจากรอยยิ้มบางๆที่จริงใจนั้น
มิวเดินทางไปบ้านป๊ากับหญิง โดยให้โต้งคอยอยู่ที่โรงแรม คงไม่น่าเบื่อสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อสักครู่มิวเห็นด้านหน้าของโรงแรมมีแม่ค้า พ่อค้ากำลังเตรียมตั้งแผงสินค้าอยู่มากมาย ที่ตรงนั้นคงเป็นตลาดนัดย่อยๆสำหรับผู้คนที่นี่

***************

การกลับมาที่บ้านป๊าคราวนี้ มิวดูสบายใจมากขึ้นกว่าครั้งแรก แม้จะมีความกังวลเรื่องที่ป๊าให้มาอยู่ระยองเป็นการถาวรก็ตาม แต่เขามั่นใจว่าจะหาโอกาสคุยกับป๊าใหม่อีกครั้ง มิวพบกับมายด์ ผู้เป็นพี่สาวของมีน น้องต่างมารดาขณะกำลังนั่งทานอาหารอยู่กับป๊า

“อ้าวมิว!!นี่เอ็งมาถึงเมื่อไหร่ มากินข้าวสิ!!” เสี่ยเชนเงยหน้ามองมิวที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้าน
“เพิ่งมาถึงครับ ผมโทรให้…เอ่อ…น้าหญิงไปรับครับ” มิวบอกกับป๊าและหลบสายตาของหญิง ดูยังไม่ชินนักกับการที่แสดงตัวออกมารูปแบบนี้ สีหน้าของหญิงเรียบเฉยเมื่อกลับมาถึงบ้าน

สีหน้าของป๊าดูมีความสุข อาจเป็นเพราะป๊าเจอหน้าลูกๆพร้อมกันทั้งสามคน แต่ก็มีบางอย่างแว๊บเข้ามาในสมองของชายหนุ่มเมื่อต้องยิ้มเก้อให้กับมายด์ เด็กสาวผู้เข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัวกลับทำเหมือนเขาไร้ตัวตน เสื้อสีชมพูอ่อนดูหวานสมวัยก็จริง แต่ก็รัดแนบเนื้อจนเน้นสัดส่วนชัดเจน มิวหันไปสบตากับหญิง และมองออกว่าหญิงเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกันก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปด้านใน คงอยู่กับหม่าม้าในห้องหรือที่มุมใดสักแห่ง ไม่มีใครทำให้เธอสุขใจ อบอุ่นเท่ากับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว คงเป็นคนเดียวจริงๆที่เธอต้องการอยู่ด้วยมากที่สุด

“มายด์ ทำไมไม่ไหว้พี่มิวล่ะ!”

เสียงเสี่ยเชนหันไปบอกกับมายด์ เด็กสาวจึงวางช้อนอาหารลงแล้วยกมือไหว้ ไม่ได้พูดจาอะไร มิวยิ้มให้เล็กน้อย ต่างกับมีน ซึ่งเคยเห็นหน้ามิวแล้วครั้งหนึ่ง จึงไม่ต้องรอให้ป๊าออกคำสั่งอีกครั้ง

“ผมมาธุระกับเพื่อนที่ระยองก็เลยแวะมาหาป๊า”

มิวยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดูเหมือนเป็นส่วนเกินอย่างบอกไม่ถูก ครั้งจะเดินเข้าไปด้านในก็ใช่ที่
“ธุระเยอะเหลือเกินนะ เอ็งทำการทำงานอะไร ฮึ!!” เสี่ยเชนพูดเบาๆ แต่พอให้อีกฝ่ายได้ยินขณะก้มหน้าหยิบแป้งปอเปี๊ยห่อกับผักสดต่างๆตรงหน้า เด็กๆยังคงนั่งหยอกล้อแย่งก้อนหมูย่างที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ไม่สนใจอะไร มิวไม่ตอบ แต่รู้สึกเหมือนว่าอารมณ์ของป๊าเริ่มไม่พอใจขึ้นมา จึงตัดสินใจเดินเข้าด้านในก่อนที่จะอึดอัดมากกว่านี้


มิวเดินหาหญิงอยู่ในบ้าน เพราะไม่รู้จะไปแฝงตัวอยู่ที่ไหน หญิงคงอยู่ที่ห้องส่วนตัว ชายหนุ่มจึงเดินกลับออกมานั่งหยิบหนังสืออ่านเล่นเพื่อรอเวลาให้ค่ำ ที่โซฟามุมรับแขก เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมาและอดคิดถึงโต้งไม่ได้ ทำไมเขาไม่มีความรู้สึกอบอุ่นที่ได้กลับมาบ้าน ทำไมเขาไม่รู้สึกผูกพันที่ได้เห็นหน้าป๊า จู่ๆน้ำตาพาลจะไหลเมื่อนึกถึงภาพเมื่อครู่ขณะที่เสี่ยเชนยื่นแป้งปอเปี๊ยห่อผักเรียบร้อยยื่นให้กับลูกสาว มิวอดเปรียบกับตัวเองไม่ได้ ภาพวันที่อาม่าจากไป ป๊ามาหาที่กรุงเทพฯดูอาการของอาม่า แต่ป๊าก็ไม่ได้ทักทายหรือมีของติดไม้ติดมือมาฝาก อีกครั้งในความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ในงานสวดศพอาม่า หลังจากถ่ายภาพพร้อมหน้าพร้อมตากันในวงศาคณาญาติ ป๊าก็อดไม่ได้ที่จะเรียกหาน้องๆทั้งสองคนมาถ่ายรูปด้วย

มิวรู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อหยดน้ำตาล่วงลงหน้ากระดาษหนังสือที่เปิดค้างอยู่ เขารีบเงยหน้าขึ้นมองดูว่ามีใครเห็นหรือเปล่า? เมื่อปลอดคนมิวรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วพยายามไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก
“อาม่า !! ไหนอาม่าเคยบอกว่าป๊ารักมิวไง?”
มิวพูดเบาๆ เมื่อเห็นกรอบรูปของอาม่าตั้งไว้บนชั้นโชว์ ชายหนุ่มลุกเดินเข้าไปหากรอบรูปนั้นภาพวัยเด็กซ้อนเข้ามาในความรู้สึกของชายหนุ่มเมื่อครั้นหลายปีที่ผ่านมา…

“ อาม่า อาม่า ฮือ… ฮือ…”
เสียงร้องไห้ของเด็กชายมิวในวัยเด็กลุกขึ้นจากพื้นปูนหน้าบ้านใกล้ประตูเหล็ก ร้องไห้สะอึกสะอื้น มือข้างหนึ่งยังคงจับที่ศีรษะตัวเอง เดินไปหาอาม่า หญิงชราเงยหน้าช้าๆละสายตาจากไหมพรมสีน้ำตาลอ่อนที่ถักอยู่ในมือมองหลานอย่างแปลกใจ เมื่อรู้ว่าหลานร้องไห้มาหาแบบนี้คงมีเรื่องให้ต้องช่วยเหมือนเดิม เธอไม่เคยเบื่อหน่ายหรือรำคาญหลานชายผู้นี้เพียงสักครั้ง ไม่ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ก็ตามจะต้องละสิ่งนั้นแล้วหันมาหาหลานทันที แม้แต่ครั้งนี้ ครั้งที่หัวใจของหญิงชราจมกับความเหงาด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา เธอถูกให้อยู่บ้านคนเดียวหลังจากที่สามีเสียชีวิตไป ส่วนลูกชายก็ไปทำงานต่างจังหวัด โชคดียังทิ้งหลานตัวน้อยไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา ด้วยวัยที่ต่างกันแต่ความรู้สึกไม่ต่างกันเลยสักนิด หญิงชราเข้าใจในความรู้สึกของหลานชายเป็นอย่างดีทุกครั้งที่เธอเอ่ยถึงผู้เป็นพ่อของเด็กน้อย

“ มิว มิวไม่อยากไปอยู่กับป๊าที่ระยองเหรอ?”
“เปล่า!! ไปทำไมล่ะ เขาไม่อยากให้มิวไปอยู่ด้วยสักหน่อย ” มิวตอบโดยไม่หันหน้ามาสบตากับอาม่า สีหน้ายังคงเรียบเฉย “เขา” ที่มิวพูด หมายถึงเสี่ยเชน นั่นเอง

“ไม่ใช่...”
อาม่าลากเสียงยาว นั่งลงใกล้ๆ พยายามจะอธิบายให้หลายชายได้เข้าใจ อดขำเบาๆไม่ได้กับความแสนงอนและน้อยใจของหลานตัวน้อย

“ เขาเห็นว่ามิวน่ะโตแล้ว จะได้อยู่ดูแลอาม่าไง”

อาม่ายิ้มๆ ดูใจเย็น และแววตานั้นเศร้ายิ่งนัก คำพูดนั้นเหมือนน้ำทิพย์ที่หล่อหลอมหัวใจหดหู่ให้มีความหวังทุกครั้งที่เด็กน้อยคิดถึงหน้าผู้ให้กำเนิด มือเหี่ยวย่นข้างหนึ่งของหญิงชราลูบหลังหลานชายเบาๆ เป็นการปลอบโยน ทว่าสายตาที่มองหน้าหลานนั้น กลับมีแววตาที่หม่นหมองเจือบางๆ น่าเสียดายที่มิวในช่วงเวลานั้นยังเด็กเกินกว่าจะรู้สึกได้

“ แล้วทำไม อาม่าไม่ย้ายไปอยู่ด้วยกันล่ะ” มิวยังคงตั้งคำถาม อาม่าเค้นหัวเราะในลำคอ หึ หึ
“ อาม่าไม่ไปหรอก อาม่าแก่แล้ว อาม่าไม่อยากย้ายไปไหนอีกแล้ว”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูเศร้าหมอง และหดหู่ เด็กน้อยเงยหน้าสบตากับหญิงชราครู่หนึ่งอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกของหญิงชรานัก นอกจากฟังจากน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก



Create Date : 25 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 19:27:43 น.
Counter : 295 Pageviews.

12 comments
  
รีบๆอัพนะครับ ติตามต่อนะอิอิ

กำลังลุ้นเลยอ่ะ
โดย: bank IP: 125.25.185.237 วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:42:01 น.
  
ขอบบคุณครับ...ที่มาต่อให้...
โดย: Pon IP: 124.120.58.122 วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:30:17 น.
  
ดูเหมือนทางโต้งจะเริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว
แต่ทางมิวกำลังจะเริ่มมีปัญหาใหญ่
มาต่อเร็วๆนะ
โดย: andy_kwan IP: 118.174.160.232 วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:40:46 น.
  
สนุกอารายอย่างนี้
ถ้าได้เอาไปทำหนังคงจะดีมากเลยคับ
โดย: sa IP: 202.149.25.241 วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:44:30 น.
  
ขอบคุณครับ สนุกจนอยากอ่านจนจบซะแล้วซิครับ
โดย: a IP: 202.149.25.241 วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:18:30 น.
  

ขอไปแจ้งข่าวการอัพใน theprophet ก่อนนะ

แล้วจะกลับมาเม้นต์ให้อีกที
โดย: นิรมิตร IP: 58.9.19.76 วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:36:50 น.
  

อ่านแล้วนึกถึงหนังขึ้นมาหน่อยเลยล่ะ

เด็กชายที่โหยหาความรักจากผู้เป็นพ่อ ความผิดหวัง เสียใจ ที่กลายเป็นการแสดงออกถึงความก้าวร้าว " อาม่าเห็นแก่ตัว "

ประโยคที่ทำร้ายความรู้สึกแบบนี้ เกิดขึ้นเพราะอยากเรียกร้องความรักจากผู้เป็นพ่อ ที่สุดท้ายก็ไม่ได้มา

ภาพหมู่ที่ถ่ายร่วมกันในงานศพ เมื่อถ่ายเสร็จ เด็กชายคนนึงก็ถูกทิ้งให้ยืนตามลำพัง หันไปมองรูปถ่ายหญิงชราที่จากไปด้วยความเศร้า ไม่มีใครสนใจ

ความเหงามันเชี่ยใส่ซะขนาดนี้ ก็ไม่ผิดหรอก ที่จะยอมเสียน้ำตาร้องไห้ออกมา

คุณออมสินสร้างบรรยากาศในบ้านได้หดหู่ดีไม่ใช่เล่น บ้านนี้คงมีอะไรให้ต้องคลี่คลายอีกไม่น้อย

ขอบคุณมากนะครับ จะติดตามต่อไป
โดย: นิรมิตร IP: 58.9.19.76 วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:45:53 น.
  
ที่จิงอ่ะครับโต้งไม่น่าเเทนตัวเองว่าผมเลยนะครับ มันดูห่างเหินมากเลยอ่ะ
โดย: bank IP: 125.25.184.86 วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:01:38 น.
  
ช่ายๆ โต้งต้องเรียกตัวเองว่าโต้งนะค๊ะ น้องออมสิน
แต่หนุกดีอ่า มารอลุ้นตอนต่อไปเน้อ
โดย: mewmew IP: 124.121.206.209 วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:38:39 น.
  
แหมหญิงน่าจะมาช้า ๆ หน่อยนะอิ อิ อิ มาเป็นกำลังใจให้น้องออมสินค่ะ ถ้าถามว่าอยากให้จบอย่างไหนก็ขอตอบว่าจบแบบสมหวังอ่ะ เพราะเราดูหนังจบแบบค้างคาใจไปแล้ว อยากอ่านฟิคที่จบแบบสมหวังมากกว่า รออ่านตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมจ๊ะ
โดย: แก้ม IP: 125.25.141.85 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:1:12:57 น.
  
อืม โต้งน่าจะแทนตัวเองว่าเรา หรือ โต้งเหมือนเดิมอ่ะ
จะได้รู้สึกว่าผูกพันกัน "ผม" เหมือนคนเพิ่งเจอกันเลย
อยากให้ทั้ง 2 ผ่านปัญหากันไปด้วยดีนะ
โดย: lucky IP: 125.25.132.149 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:25:24 น.
  
เห็นด้วยกับ lucky ครับ
โดย: a IP: 202.149.25.241 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:21:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณหมอกมลชนก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."

บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี...


สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้