All Blog
เที่ยวมาร์ราเกช ประเทศโมร็อคโค
จากตอนที่แล้ว ประเทศโมร็อคโค เรารู้จักกันมากขึ้นแล้ว ตอนนี้ Shada พาเที่ยวเมืองมาร์ราเกช เรามารู้จักเมืองมาร์ราเกช กันก่อนค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้มีโปรแกม ที่จะไปเที่ยวเมืองนี้ค่ะ
เมืองมาร์ราเกชเป็นเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ของประเทศโมร็อคโค (ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก) ทั้งยังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโก
จุดเด่นของเมืองมาร์ราเกชที่เห็นได้ชัดสำหรับผู้มาเยือนคืออาคารบ้านเรือนที่ถูกทาด้วยสีส้มเหมือนกันหมดทั่วทั้งเมือง ซึ่งเป็นข้อบังคับในการก่อสร้างอาคารของเมืองมาร์ราเกชให้ใช้โทนสีส้มลักษณะเดียวกันในการทาสี นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เมืองมาร์ราเกชถูกขนานนามว่าเป็น “อัล ฮัมรา” (Al Hamra) ในภาษาอาหรับ หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “เมืองสีแดง”



เมืองมาร์ราเกช (Marrakesh) เมืองสำคัญ 1 ใน 4 ของราชอาณาจักรโมร็อคโค ซึ่งเรียกกันว่า อิมพีเรียลซิตี้ (Imperial Cities) อันได้แก่ ราบัต เฟซ เมกเนส และมาร์ราเกช เมืองเหล่านี้เคยเป็นเมืองหลวงของโมร็อกโกในอดีตมาแล้วทั้งนั้น
มาร์ราเกช เป็นเมืองหลวงของประเทศมาถึง 3 ราชวงศ์ ได้แก่ ราชวงศ์เมเรนิดส์ ราชวงศ์วัตตาซิด และราชวงศ์อลาวิต ทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้วย
ใจกลางย่านเมืองเก่ามีจัตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดของมาร์ราเกช ชื่อ เจมา เอล ฟนา (Djemaa El Fnaa) ซึ่งเป็นที่รวมผู้คนและ กิจกรรมของชาวมาร์ราเกช เจมา เอล ฟนา เป็นเสมือนเวทีการแสดงกลางแจ้งที่มีชีวิตชีวาและสีสันมากที่สุดในโลก เพราะมีการขายของนานาชนิด แผงขายถั่วและผลไม้แห้งนานาชนิด, ขายอาหารมากมายหลายร้าน การละเล่นพื้นเมืองของชาวพื้นเมือง รวมทั้งผู้มีดนตรีในหัวใจก็จะมาเปิดแสดงยังจตุรัสแห่งนี้ เป็นที่ทำมาหากินของหมอดู นักเล่นกล ช่างตัดผม ช่างถอนฟัน ขัดรองเท้า ตลอดเช้าจรดค่ำ แล้วที่โดดเด่นก็คือ รถเข็นขายน้ำส้ม ที่จอดเรียงรายกันเป็นทิวแถว



สถาปัตยกรรมในเมืองมาร์ราเกช สวยงามประทับใจทุกคนที่ได้มาเยือน ด้วยความเก่าแก่ ความมีเสน่ห์ถึงกับมีผู้กล่าวไว้ว่า “เป็นแอฟริกันยิ่งกว่าคาซาบลังกา เป็นโมร็อกกันยิ่งกว่าราบัต และเป็นเบอร์เบอะยิ่งกว่าเฟซ”
มาร์ราเกชเป็นเมืองใหญ่ลำดับที่ 2 ของโมร็อคโค รองจากคาซาบลังกา บรรยากาศของเมืองมีกลิ่นอายของชนบท มากกว่าโฉมหน้าที่เห็นว่าเป็นเมืองสมัยใหม่ของโมร็อกโก



สถานที่น่าเที่ยวใน เมืองมาร์ราเกช คือ พระราชวังบาเอีย (The Bahia Palace) สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักขอผู้สำเร็จราชการที่ส่งมาจากฝรั่งเศสเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ลักษณะภายนอกเป็นอาคารแบบเรียบๆ แต่ภายในตกแต่งด้วยศิลปะสวยงามที่สุด



สุเหร่ากูตูเบีย (Koutoubia Minaret) เป็นสุเหร่าที่มีหอคอยสูงตระหง่าน 70 เมตร สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 12 ได้ชื่อว่าเป็นอนุสรณ์สถานของชาวมุสลิมที่สมบูรณ์ที่สุดในแอฟริกาเหนือ



นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง ยังสามารถเดินทางออกนอกเมืองเพื่อสัมผัสธรรมชาติที่หุบเขาโอริก้า บนเทือกเขาไฮแอตลัส ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองมาร์ราเกชไปทางตอนใต้ประมาณ ๖๐ กิโลเมตร เทือกเขาไฮแอตลัสเป็นแนวเทือกเขาสำคัญที่กั้นเมืองมาร์ราเกชกับทะเลทรายซาฮารา บรรยากาศบนหุบเขาซึ่งมีความสูงกว่า ๓,๐๐๐ เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และมีหิมะปกคลุมที่ยอดเขาตลอดปี เป็นบรรยากาศที่ไม่คิดว่าจะพบได้ในทวีปแอฟริกา บางท่านเห็นภาพนี้แล้วคิดว่าเป็นยุโรป
เทือกเขาไฮแอตลาส อันสูงตระหง่าน....เทือกเขานี้กั้นความชื้นจากทะเลทำ ให้ดินแดนทางตอนใต้ของ เทือกเขาแห้งแล้ง...เป็นทะเลทรายซาฮารา โมร็อกโกมีเทือกเขาสูงอยู่ สามช่วง ทางเหนือสุดคือเดอะรีฟ (The Rif) ภาคเหนือตอนกลางคือมิดเดิลแอตลาส และกลางประเทศคือไฮแอตลาส ทำให้ภูมิประเทศมีความหลากหลายมาก ทั้งชุ่มชื้น ทั้ง แห้งแล้ง



หวังว่า ทุกๆท่านจะรู้จักเมืองมาร์ราเกช กันมากขึ้นนะค๊ะ ขอบคุณทุกแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์ค่ะ
ต่อไปนี้ตาม Shada มาเที่ยวเมืองมาร์ราเกช กันเลยค่ะ เราเดินทางจาก Kotoka airport โดย Royal Air Moroc ตอนดึก ถึง Casablanca ตอนเช้า



จากนั้นเราก็นั่งรถไฟไป มาร์ราเกช วิวข้างทางรถไฟสวยมากๆสวยกว่าทีเห็นในรูปเยอะเลยค่ะ




ถึงมาร์ราเกชก็เย็นพอดี




เมื่อเช็คอินแล้ว เราก็ไม่พลาดที่จะออกไปเที่ยวราตรีที่ จัตุรัสจามา เอล ฟนา ซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์อีกแห่งที่น่าเที่ยวของประเทศโมร็อคโค เป็นจัตุรัสการค้าที่ใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา และถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองมาร์ราเกช ถ้าใครมามาร์ราเกช แล้วไม่มาที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึง พอดีเราพักไม่ไกลเดินไปนิดเดียวเองค่ะ




ไปหาอะไร กินกันก่อนหิวแล้วค่ะ มีร้านขายอาหารมากมายหลายร้าน แต่ละร้านก็เรียกลูกค้ากันอย่างจริงจัง อาหารมีให้เลือกหลายอย่างหลายชนิดค่ะ






ปลาหมึก และหอยลวก ร้อนๆค่ะ




Shada ลองสั่งTajineมาลองกินดูค่ะ Tajineเป็นแกงขลุกขลิกมีเนื้อสัตว์ต้มเปื่อยกับเครื่องเทศ และผักต่างๆ เช่นแครอท มะเขือ แตง อร่อยค่ะ และมีเครื่องเคียงมาให้ด้วย หอมหัวใหญ่และมะเขือเทศหั่น โอลิฟ และขนมปังแข็งๆแผ่นใหญ่ๆ มีน้ำจิ้มให้ด้วยค่ะ






กินเสร็จแล้วมีแรงเดินสำรวจแผงขายผลไม้แห้ง ได้ อัลมอนมาค่ะ






คนขายใจดีให้ถ่ายรูปได้ ที่นี่บางคนเขาไม่ชอบเราให้ถ่ายรูปเขา เราต้องถามเขาก่อนค่ะว่าถ่ายได้ใหม




กลับไปพักผ่อนเอาแรงพรุ่งนี้ จะได้มีแรงไป ช็อปกันค่ะ




หลังจากทานอาหารเช้าแล้วเราก็ออกมาเดินช็อปกันเลยค่ะ พอ ออกมาถึงปากซอย โอ้แม่เจ้า ทำไมมันยุ่ง วุนวาย รถติดคนติดม้าลาก็ติด ติดไปหมด แต่ก็สนุกดีค่ะ เราไม่เคยเห็นสิ่งแปลกๆใหม่ๆก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา หุหุ



ที่ใกล้ ๆ จัตุรัสยังเป็นแหล่งตลาดพื้นเมืองที่เรียกว่า “ซุค” ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งสินค้าพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือ เครื่องประดับ งานหัตถกรรม เครื่องแก้ว เครื่องกระเบื้อง เครื่องเหล็ก ฯลฯ มาซื้อของที่นี่ต้องต่อราคานะค๊ะ แต่ถ้าพูดภาษาอาหรับ (ซึ่งเป็นภาษาราชการ) กับฝรั่งเศส (ซึ่งเป็นภาษาที่คนที่นี่พูดกันได้ทั่วไป เพราะโมร็อคโคเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส)ไม่ได้ ก็คงจะลำบาก ภาษาอังกฤษที่นี่ใช้ได้อย่างจำกัดมาก ๆ แต่ต่อราคาใช้ภาษามือได้ค่ะ



ถ้วยมีฝาปิด เวลาเราสั่ง Tajine เป็นอาหารพื้นเมืองที่นี่ เขาจะใส่ถ้วยพร้อมฝาปิดมาให้ถ้าเราไปกินตามร้านอาหาร แต่ไม่ใช่ที่จัตุรัสฯ นะค๊ะ จะมีภาพให้ดู ตอนไปกินร้านอาหาร ตอนต่อไปค่ะ




โคมไฟ สีฉูดฉาด บาดใจจริงๆ มีให้เลือกหลายแบบค่ะ




ประตูสวยๆมีให้เห็นตลอดค่ะ




เดินมาถึงแถวๆ จัตุรัสจามาเอลฟนา จากที่เห็นแผงขายของต่างเต็มไปหมดตอนกลางคืน ตอนนี้โล่งมาก มีเพียงรถเข็นขายน้ำส้มคั้น และ ช่างขัดรองเท้า เขาจะมาขายกันเยอะมากๆช่วงเย็นค่ะ



ร้านอาหาร มีวิวให้ชมชั้นสอง Shada ลองไปนั่งกินชั้นสอง บรรยากาศดี นั่งกินไปมองวิวไปได้บรรยากาสอีกแบบ และตึกแถวนั้น




ช่างขัดรองเท้าทำงานกันอย่างขะมักเขม้น





รถเข็นขายน้ำส้มคั้นสดๆ ดื่มแล้วหวานชื่นใจดีค่ะ และชุดพื้นเมืองก็มีให้เห็นเป็นประจำแถวนี้





เรากำลังจะเดินไปที่สุเหร่ากูตูเบีย (Koutoubia Minaret) ที่เห็นไม่ใกล้ไม่ไกลนั่นค่ะ





เดินเข้ามาแล้ว หันกลับไปถ่ายรูป ทางเข้าค่ะ




ข้างในมีส้มปลูกเป็นแถวสวย และด้านหลังถัดไปเป็นเหมือนสวนสาธารณะค่ะ มีดอกกุหลาบดอกใหญ่ๆ กลื่นหอมมากๆ




เดินกลับไปที่พัก ผ่านร้านขาย เนื้อย่าง ไก่ย่างแต่ไม่มีหมูนะจ๊ะ นายจ๋า แขกกลัวจ้า กลื่นหอมน่ากินมากๆ ตอนขาไปเดินผ่าน ยังมีเต็มเลยขากลับมาเหลือน้อยแล้ว สงสัยขายดี




พรมสวยๆจ้า ดากแดดไปด้วย โชว์ขายไปด้วยจ้า




ติดตามตอนต่อไปชม พระราชวังบาเอีย (The Bahia Palace) สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักขอผู้สำเร็จราชการที่ส่งมาจากฝรั่งเศส ค่ะ



Create Date : 30 มกราคม 2552
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2552 13:42:03 น.
Counter : 7426 Pageviews.

9 comments
  
น่าสนใจดีค่ะ ดิฉันอยากไปเที่ยวมั่ง
เพราะมันไม่ไกล แล้วก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับทัวร์ไป
ประเทศอื่น แต่คุณสามีไม่ยอมไปด้วยอ่ะค่ะ
โดย: ตรีนุช3903 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:3:39:22 น.
  
ได้ความรู้กะประเทศนี้เยอะแยะมากเลยค่ะ ชอบ ๆ

แล้วจะตามไปชมพระราชวังบาเอีย ด้วยนะคะ

โดย: annabel IP: 58.8.106.236 วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:16:34:43 น.
  
I like This place i will go to morocco
โดย: tai IP: 124.120.147.167 วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:16:02:36 น.
  
หลงรักหนุ่ม Morocco
โดย: Fairy IP: 124.157.229.86 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:47:23 น.
  
มาเก็บเกี่ยวข้อมูลก่อนไป Morocco ขอบคุณค่ะ
โดย: Jiwa IP: 27.130.64.242 วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:11:18:34 น.
  
ชอบๆๆๆอยากไปจัง
โดย: กีรนัญ IP: 115.87.201.82 วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:14:24:38 น.
  
ชอบมากค่ะ อ่าน ไปดูรูปไปเพลินเลย พอดีกำลังจะเดินทางไปโมรอคโค
5-12 ตุลา2011 และต่ สเปน โปรตุเกต ถึง 28 ตค 2011
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก
โดย: sirinadda meenakanit IP: 58.11.231.101 วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:1:13:42 น.
  
ไปมาแล้ว2ครั้งชอบมากค่ะ ไปซุกมาเก็ตไปดูร้านขายพรมด้วยลายสวยๆทั้งนั้นเลย
โดย: นิภาพรสภาพ IP: 68.171.110.3 วันที่: 26 มกราคม 2557 เวลา:18:27:32 น.
  
ไปมาแล้ว2ครั้งชอบมากค่ะ ไปซุกมาเก็ตไปดูร้านขายพรมด้วยลายสวยๆทั้งนั้นเลย
โดย: นิภาพรสภาพ IP: 68.171.110.3 วันที่: 26 มกราคม 2557 เวลา:18:28:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

shada
Location :
น้ำหนาว เพชรบูรณ์ , เกาะพงัน สุราษฯ  Ghana

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นหูที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นกายที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นใจที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง
พระไตรปิฏก เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง

ธรรมวินัยอันพระตถาคตเจ้าประกาศแล้วเปิดเผย ไม่กำบังจึงรุ่งเรือง (เล่ม ๑๐ หน้า ๔๖๕_ปกน้ำเงิน)
บัญญัติของพระพุทธเจ้า จากพระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม ของมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 3
(ปกสีแดง หน้า 887 ปกสีน้ำเงิน หน้า 940)
พระบัญญัติ อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่ง ทอง-เงิน หรือยินดี ทอง-เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ก็ดี เป็นนิสสัคคียปาจิตตีย์(นิสสัคคียปาจิตตีย์ 1 ตัว ต้องตกโรรุวนรก 1 ชั่วอายุ คือ 4,000 ปีของนรกขุมนี้ เท่ากับ 840,960,000 ล้านปีมนุษย์)

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535
เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้ มาตรา 15 ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
...(4)รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
**หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา(โยมควรเรียนรู้) ทำบุญแล้วเป็นบาป ตกนรกทั้งพระและโยม
1.ตักบาตรด้วยเงินและทอง
2.ตักบาตรด้วยสิ่งของที่ต้องห้าม ข้าวสารอาหารแห้ง-ดิบ
3.ทำบุญกับพระทุศีล(ผิดศีลธรรมและไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย)รับเงิน รับทอง มีบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นของตนเอง มีบัตรเอทีเอ็ม มีบัตรเครดิต
4.ฯลฯ
จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลไทยฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย 91 เล่ม
**ชาวพุทธทั้งหลาย ขอให้อธิษฐานเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้
"ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญของข้าพระพุทธเจ้าให้เข้าไปรวมเป็นพระราชกุศลของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลังบุญทั้งหลาย ที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อพสกนิกรและราชอาณาจักร ขอบุญนั้นทั้งหมด จงเป็นพลังขับดันโรคภัยทั้งหลายที่กำลังเกิดในพระวรกายของพระองค์ให้อันตรธานไป"

จากหลักฐานเทียบเคียงของการใช้สัจอธิษฐาน ในพระไตรปิฎก 91 เล่ม ฉบับมหามกฎราชวิทยาลัย เล่ม 74 หน้า 447-479 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 1, 3, 341, 342 และ 343 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ (www.samyaek.com) ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ขอจงพิจารณาเอาเถิด เพราะไม่บังคับให้ใครมาเชื่อหรือทำตาม เพียงแต่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย เพื่อให้ชาวพุทธปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ยินดีในบุญกับทุกท่านที่รวมใจกันเปิดเผยพระธรรมวินัยให้รุ่งเรือง ค่ะ

ชฎา มีโครงการ จะเปิด บ้านพักตากอากาศ ติดถนน ติดทะเล ไม่ไกลจาก ท่าเรือ ท้องศาลา บรรยากาศ เหงียบ สงบ เป็นธรรมชาติ ให้เช่าที่เกาะพงัน

"สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"