All Blog
อาหารประจำชาติบรรยากาศในวังที่Marrakech
ด้วยเหตุผลที่ว่าโมร็อกโกเป็นประเทศที่มีจุดเชื่อมต่อระหว่างทวีปแอฟริกาและยุโรป ทำให้ภูมิประเทศและภูมิอากาศนั้นมีความหลากหลาย ผนวกกับเคยมีประวัติศาสตร์การเป็นเมืองขึ้นของทั้งฝรั่งเศส และสเปนมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้โมร็อกโกกลายเป็นดินแดนต้องมนต์ที่ทรงเสน่ห์อันลี้ลับ ร่ำรวยทั้งศิลปะและวัฒนธรรม เฉกเช่นเดียวกับอาหารของโมร็อกโกที่ได้รับอิทธิพลจากทั้งยุโรปและแอฟริกาทำให้มีความโดดเด่นและลงตัวที่สุด จึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมอาหารประจำชาติของโมร็อกโกจึงกำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก อาหารโมร็อกโกนั้นขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติและกลิ่นหอม ด้วยนำนานาเครื่องเทศจากท้องถิ่นมาผสมผสานกันอย่างลงตัว รวมถึงการจัดตกแต่งที่ได้รับอิทธิพลจากทางยุโรปและแอฟริกา ที่ใช้น้ำมันมะกอก ผลมะกอก อบเชยมาผสมกับยี่หร่า การใช้ผงปาปริก้า หญ้าฝรั่น ขมิ้นป่น เม็ดผักชี ผงคาราเวย์ ผลไม้และธัญพืชต่างๆ อีกมากมาย รวมถึงสมุนไพรนานาชนิดมาใช้เป็นส่วนประกอบในแบบตอนใต้ของสเปน ผสมกับอาหารจากชาติแอฟริกา ที่มีการใช้ขนมปังนานาชนิดกับเมล็ดธัญพืชต่างๆ นอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลของอาหารฝรั่งเศส และอิตาเลียนที่นำมาปรับใช้กับอาหารโมร็อกโกในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเพื่อปรุงรสชาติอาหาร และสร้างความสดชื่นให้กลิ่นหอมรัญจวนใจ ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของอาหารโมร็อกโกไม่เป็นรองอาหารชาติใดในโลก แม้จะอุดมไปด้วยเครื่องเทศมากมาย แต่การใช้เครื่องเทศของทางโมร็อกโกจะไม่ได้ใช้ในปริมาณมากเหมือนทางอินเดีย แต่จะใช้ปริมาณน้อยเพียงเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติของอาหารเท่านั้น เพราะโดยแท้จริงแล้วอาหารโมร็อกโกจะเน้นรสชาติของพืชผลที่นำมาปรุงอาหารมากกว่า เช่น ความหวานของผักต่างๆ ความหวานของอินทผาลัมและลูกพรุน ความเปรี้ยวของมะนาวดอง กลิ่นหอมสดชื่นของน้ำดอกส้ม ที่นอกจากนิยมนำมาใช้เป็นน้ำหอมแล้ว ยังนำมาใช้ปรุงอาหารที่มีรสชาติหวานอีกด้วย



พูดถึงอาหารประจำชาติที่ชาวโมร็อกโกภูมิใจเป็นหนักหนาคงหนีไม่พ้น “คูซคูซ” (couscous) ซึ่งทำมาจากแป้งสาลี ข้าวบาร์เลย์หรือเมล็ดข้าวเซโมลินา นำมาคลึงจนกลายเป็นเม็ดเล็กๆ หน้าละม้ายกับขนม ขี้หนูในบ้านเรา แล้วนำมานึ่งจนนุ่มกับครีม น้ำสต๊อกเนื้อแกะ ที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศ และผัก 7 ชนิด ซึ่งเป็นลักกี้นัมเบอร์ คือ กะหล่ำ พริก มะเขือเทศ ฟักทอง ซูกินี หัวไชเท้า หอมแดง แล้วเสิร์ฟพร้อมเนื้อและผัก ทั้งนุ่มละมุนลิ้นและเป็นความอร่อยที่แสนจะลงตัว



วัฒนธรรมในการรับประทานอาหารของชาวโมร็อกโกจะคล้ายกับคนไทยคือเวลารับประทานจะนั่งล้อมวง และแบ่งอาหารตรงกลางวงกันรับประทาน ซึ่งการแบ่งในลักษณะนี้ ชาวโมร็อกโกเชื่อว่าเป็นการแสดงออกถึงความเอื้ออารีต่อกัน และชาวโมร็อกโกให้ความสำคัญกับอาหารแต่ละมื้อไม่แพ้ชาติใดในโลก เริ่มต้นที่อาหารเช้าชาวโมร็อกโกนั้นนิยมรับประทานแพนเค้กพร้อมนมสด หรือซุปฮาริรา ซุปข้นประจำชาติที่ใช้ส่วนผสมของเครื่องเทศซึ่งใช้ในการปรุงอาหารและน้ำต้มกระดูก รับประทานพร้อมกับขนมปัง อินทผาลัม และผลฟิกส์



ส่วนอาหารกลางวันและเย็นของโมร็อกโกนิยมรับประทานเป็นคอร์สคล้ายทางยุโรป เริ่มต้นด้วยการทานซุป สลัด และตามด้วยทาจีนที่นิยมเสิร์ฟพร้อมขนมปัง จากนั้นจึงรับประทานคูซคูซพร้อมสตู ก่อนจะตบท้ายระหว่างมื้อด้วยขนมหวานพร้อมด้วยชามินต์ที่ให้รสชาติสดชื่นชุ่มคอตามสูตรต้นตำรับแท้ๆ ของโมร็อกโก



มีเหตุผลตั้งมากมายที่ทำให้อาหารโมร็อกโกเลอรส และหอมล้ำในรสชาติ สิ่งหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้คือการปรุงอาหารจาก “ทาจีน” ภาชนะทำอาหารที่สำคัญของโมร็อกโกมีลักษณะกลมและตื้น และมีฝาครอบทรงสูงเป็นรูปกรวยสลักลวดลายสวยงาม โดยอาหารที่ทำในทาจีนนั้นจะถูกตุ๋นเป็นเวลานาน โดยนำทาจีนวางบนเตาไฟ และปล่อยให้อาหารถูกตุ๋นอยู่ภายใน ส่งผลให้เนื้อสัตว์พืชผลรวมถึงเครื่องเทศที่อยู่ในทาจีนนั้นนุ่มละมุน คงความอร่อยและมีกลิ่นหอมยวนใจเป็นที่สุด คำว่าทาจีนนั้นหมายรวมถึงอาหารอีกด้วย

เรามาดูตัวอย่างอาหารโมร็อกโกกันค่ะ


Harrira bel Hammus ซุบผักน้ำข้นที่ใส่ Chickpeas (ถั่วไก่) ที่ได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศ มีรสชาติที่เผ็ดจากขิงและเปรี้ยวเล็กน้อยจากมะนาว นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมของอบเชยด้วย บางครั้งจะรับประทานคู่กับอินทผาลัม, ฟิกส์ หรือขนมปัง นับเป็นซุปยอดนิยมของชาวโมร็อกโก

Chicken pasteela พายไก่สไตล์โมร็อกแคน ที่จะออกหวาน มัน จากอัลมอนด์ที่เป็นส่วนผสม และมีกลิ่นหอมจากอบเชยที่โรยหน้าคู่กับน้ำตาลไอซิง นุ่มด้วยแป้งและส่วนผสมที่ลงตัว

Couscous with vegetable อาหารประจำชาติของโมร็อกโก โดยจะนำคูซคูซมานึ่งพร้อมกับผักเจ็ดชนิดในทาจีนเพื่อรับประทาน ข้าวและผักที่ได้จึงนุ่มหอม และน้ำซุปที่นำมาราดบนผักจะก็มีความหอมของเครื่องเทศ เช่น ยี่หร่าป่น และเม็ดผักชีป่น การรับประทานผักทั้งเจ็ดชนิดนั้นเพราะชาวโมร็อกโกเชื่อว่าเลขเจ็ดเป็นเลขแห่งความโชคดี

Chicken tagine with lemon and olive เมนูนี้เป็นอาหารที่ขาดไม่ได้เมื่อมีงานเฉลิมฉลอง เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์ของรสชาติที่ผสมผสานกันเป็นอย่างดีระหว่างไก่ มะนาว มะกอก และซัฟฟรอน
เมื่อเรารู้จักอาหารประจำชาติของโมร็อกโก กันแล้ว

ที่นี้ Shada จะพาไปชิมค่ะ ตามมาซิค๊ะ เรี่มจากหน้าร้านภายนอกและป้ายชื่อร้านที่ดูแสนจะธรรมดามากๆ ค่ะ



พอเข้ามาด้านในต้องตลึงกับความสวยมากมาก




โอ้ แม่เจ้ายังกะวังเลยค่ะ ทำให้เผลอคิดไปว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง ตัวน้อยๆ ในฮาเลม...ตื่นๆๆๆ ส่วนตัวคิดว่าร้านอาหารนี้น่าจะเคยเป็นบ้านของขุนนางหรือ คหบดี เศรษฐี อะไรสักอย่างต่อมานำมาตัดแปลงเป็นร้านอาหาร






มาถึงโต๊ะอาหารโรแมนติกมากๆ ทานอาหารใต้แสงเทียน (กับคนรู้ใจ สุขใหนจะปาน ฝันอีกแล้วเรา)




ลวดลายของจานช่างตัดกับแสงไฟสลัวๆ




สักพักมีบริกร มาบริการ จุดเทียนให้ เพี่มความโรแมนติกเข้าไป
อีก




เสน่ห์ของอาหารโมร็อกโกอยู่ที่การผสมผสานเครื่องเทศที่ใช้ในการปรุงอาหาร แตกต่างจากอาหารอินเดีย ที่เน้นเครื่องเทศปริมาณมาก แต่โมร็อกโกจะเน้นที่รสชาติของพืชผลมากกว่า ที่สำคัญชาวโมร็อกโกจะรับประทานอาหารคาว และหวานไปพร้อมๆ กัน โดยความหวานจะมาจากผลอินทผาลัม และลูกพรุนที่ใช้ในการประกอบอาหาร และนิยมนั่งล้อมวง รับประทานอาหารร่วมกันเป็นหมู่คณะมากกว่าทานเดี่ยวๆ บนโต๊ะอาหารของชาวโมร็อกโก จะต้องมีกาน้ำพร้อมถาด สำหรับล้างมือก่อนรับประทานอาหาร ติดโต๊ะไว้เสมอ อีกสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่โต๊ะ คือ ขนมปัง Koff เมนูสำคัญที่ชาวโมร็อกโกนิยมทานร่วมกับอาหารจานอื่นๆ



อาหารจานแรก เป็น ซี่โครงแกะ ตุ๋นสมุนไพร มีถั่วไก่ งาขาว พรุน ลูกเกด




จานที่สองเป็น ทาจีนผัก มีแครอท ฟักทอง หอมแดง ถั่ว เสริฟกันร้อนๆเลยค่ะ




นอกจากขนมปัง Koff เมนูสำคัญที่ชาวโมร็อกโกนิยมทานร่วมกับอาหาจานอื่นๆ แล้วยังมี มะเขือเทศ หอมแดงหั่น มาให้ด้วย




ยอมรับเลยค่ะว่ามื้อนี้อิ่มมากๆ ไปเดินย่อยอาหารกันดีกว่า ได้โอกาสที่ลูกค้าทยอยกันกลับ เราก็เรี่มขอถ่ายรูปตามที่ต่างๆ ร้านนี้กว้างใหญ่ค่ะ เรี่มจากห้องที่เรานั่งทานอาหาร




ฝีมือการตกแต่ง สวยงามปราณีต ไม่แพ้ วังบาเอียเลยค่ะ




ขนาดในห้องน้ำยังสวยเลยค่ะ โดยใช้โทนสีที่เข้ากัน ดูแล้วกลมกลืน








ออกมาจากห้องน้าเห็นมุมนี้สวยดีค่ะ




พบว่ายังมีห้องโถงใหญ่ๆอีก เลยขอเข้าไป ถ่ายรูป พนักงานใจดี เปิดไฟให้ถ่ายรูป ตามสบาย ห้องนี้สวยงามมากๆ ดูโอ่อ่า หรูหรา จริงๆค่ะ






กลับออกมาจากร้านไม่ลืม ถ่ายรูปประตูทางเข้าใว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเราได้มาเยือนที่นี่



ทริปต่อไปชม เทือกเขาไฮแอตลัสซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองมาร์ราเกชไปทางตอนใต้ประมาณ ๖๐ กิโลเมตร และน้ำตกค่ะ



Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2552 19:18:14 น.
Counter : 7108 Pageviews.

1 comments
  
อิจฉาจังเลย มอร็อคโคก็เป็นประเทศหนึ่งในลิสที่อยากไปเที่ยวมาก สวยแปลกตา ลี้ลับชวนค้นหาดีจัง
โดย: สาวแคลิฟอร์เนีย IP: 69.227.206.37 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:5:33:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

shada
Location :
น้ำหนาว เพชรบูรณ์ , เกาะพงัน สุราษฯ  Ghana

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นหูที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นกายที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นใจที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง
พระไตรปิฏก เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง

ธรรมวินัยอันพระตถาคตเจ้าประกาศแล้วเปิดเผย ไม่กำบังจึงรุ่งเรือง (เล่ม ๑๐ หน้า ๔๖๕_ปกน้ำเงิน)
บัญญัติของพระพุทธเจ้า จากพระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม ของมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 3
(ปกสีแดง หน้า 887 ปกสีน้ำเงิน หน้า 940)
พระบัญญัติ อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่ง ทอง-เงิน หรือยินดี ทอง-เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ก็ดี เป็นนิสสัคคียปาจิตตีย์(นิสสัคคียปาจิตตีย์ 1 ตัว ต้องตกโรรุวนรก 1 ชั่วอายุ คือ 4,000 ปีของนรกขุมนี้ เท่ากับ 840,960,000 ล้านปีมนุษย์)

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535
เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้ มาตรา 15 ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
...(4)รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
**หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา(โยมควรเรียนรู้) ทำบุญแล้วเป็นบาป ตกนรกทั้งพระและโยม
1.ตักบาตรด้วยเงินและทอง
2.ตักบาตรด้วยสิ่งของที่ต้องห้าม ข้าวสารอาหารแห้ง-ดิบ
3.ทำบุญกับพระทุศีล(ผิดศีลธรรมและไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย)รับเงิน รับทอง มีบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นของตนเอง มีบัตรเอทีเอ็ม มีบัตรเครดิต
4.ฯลฯ
จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลไทยฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย 91 เล่ม
**ชาวพุทธทั้งหลาย ขอให้อธิษฐานเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้
"ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญของข้าพระพุทธเจ้าให้เข้าไปรวมเป็นพระราชกุศลของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลังบุญทั้งหลาย ที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อพสกนิกรและราชอาณาจักร ขอบุญนั้นทั้งหมด จงเป็นพลังขับดันโรคภัยทั้งหลายที่กำลังเกิดในพระวรกายของพระองค์ให้อันตรธานไป"

จากหลักฐานเทียบเคียงของการใช้สัจอธิษฐาน ในพระไตรปิฎก 91 เล่ม ฉบับมหามกฎราชวิทยาลัย เล่ม 74 หน้า 447-479 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 1, 3, 341, 342 และ 343 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ (www.samyaek.com) ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ขอจงพิจารณาเอาเถิด เพราะไม่บังคับให้ใครมาเชื่อหรือทำตาม เพียงแต่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย เพื่อให้ชาวพุทธปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ยินดีในบุญกับทุกท่านที่รวมใจกันเปิดเผยพระธรรมวินัยให้รุ่งเรือง ค่ะ

ชฎา มีโครงการ จะเปิด บ้านพักตากอากาศ ติดถนน ติดทะเล ไม่ไกลจาก ท่าเรือ ท้องศาลา บรรยากาศ เหงียบ สงบ เป็นธรรมชาติ ให้เช่าที่เกาะพงัน

"สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"