เรื่องของผีที่ผาชู้ จ.น่าน
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553



หลังจากแยกย้ายกันที่เมืองปาย …. ทีมงานบางส่วนที่พร้อมจะลุยเดินหน้าต่อไป ก็ออกเดินทางจากเมืองปาย มีการเก็บบุญรายทางบ้างที่ อำเภอแม่แตง อำเภอแม่ริม อำเภอแม่มาลัย และอำเภอเด่นชัย ต่างตะลุยมุงหน้าสู่จังหวัดน่าน แต่โอ้ย! …กว่าจะเดินทางถึงที่พักที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน (ผาชู้) อ. นาน้อย จ. น่าน ก็ใช้เวลาเกือบ 8 - 9 ชั่วโมง ทางก็ชัน มืดก็มืด ขับไปเหมือนไร้จุดหมาย ป้ายบอกทางไม่มีถี่ๆ มีแต่นานๆจะเห็นป้ายสักที แต่ก็บ่ยั้นมุ่งหน้าลุยกันต่อไป เพื่อจุดมุ่งหมายเดี่ยวกันคือเพื่อพุทธศาสนา เปิดเผยพระธรรม วินัยให้รุ่งเรือง พวกเราก็อุทิศบุญกันไป ....ใครมีหน้าที่ขับรถก็ขับไป … (จะบ่นก็กลัวบุญหกหล่น…เลยต้องยิ้มสู้กันต่อไป ..)


ทีมรถตู้ที่เต็มไปด้วย สว. (ผู้อาวุโส) เดินทางไปถึงที่พักผาชู้ก่อน ซึ่งอยู่ในเขตอุทธยานแห่งชาติศรีน่าน ส่วนทีมรุ่นหนุ่มสาว (ตอนปลาย) เดินทางมาสมทบทีหลัง พร้อมกับซื้อข้าวปลาอาหารมาพร้อม แต่พอมาถึงยังไม่ทันได้วางข้าวปลาอาหาร .... โอ้ว!!!! เกิดอะไรขึ้นเนี๊ยยยย …อาหารที่ซื้อมาถ่าจะเป็นหมัน เพราะแต่ละคนกินไม่ลง ทั้งที่หิวสุดสุด

สาเหตุเพราะท่านสว. ตอนปลาย… เล่าให้ฟังว่า มีสมาชิกในทีมงานที่แสดงอาการที่ผิดปกติ (ถูกผีสิง) และประกาศตัวว่า “เป็นเจ้าจันทร์ที่ดูแลผาชู้” ชี้ให้ไปดูป้ายประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกันก็โผเข้าไปกอดคนนั้นคลอเคลียคนนี้บ้าง แถม จนท.ที่ดูแลอุทธยานยังโดนชาวทิพย์แฝงมาข่มขู่อีกว่า คืนนี้อย่าได้นอนกันเลย ... ท่านสว. ก็เร่งรีบอุทิศบุญให้…อบรมสั่งสอนผีที่เข้าสิงสมาชิกท่านนั้น ก่อนตัดสินใจสวดพระปริต แต่อาการต่างๆ ไม่ดีขึ้น…..

เมื่อทีมสว. ตอนต้น..เดินทางมาถึงที่ผาชู้ พร้อมกับเสบียงอาหารที่ซื้อมา จึงนั่งล้อมวงนำอาหารมาแจกจ่ายเพื่อโอนบุญให้กับผีที่สิงนั้น และเริ่มข่มขู่ผีว่า “ผู้ที่สิงอยู่นั่น รับบุญแล้วรีบออกไปซะ… พวกเรามาแจกสื่อ มาประกาศธรรมของพระพุทธเจ้า เดินทางจากแม่ฮ่องสอน ทั้งเหนื่อยทั้งอ้วกกก…อยากจะนอนมากๆ !!!! จะได้มีแรงแจกสื่อต่อในวันพรุ่งนี้ ถ้าหากยังขัดขวางอยู่ พวกเราจะเดินทางกลับ จะงดการแจกสื่อที่ จ.น่าน… การที่พวกเจ้าเข้าสิงคนแบบนี้ ทำให้เราไม่ได้นอน ถือว่าขัดขวางการประกาศธรรมของพระพุทธเจ้า พวกเจ้าจะได้บาป…และตกนรก”



สักพักทีมงานที่ยังเดินทางมาไม่ถึง โทรมาแจ้งว่ากำลังถูกก่อกวนอย่างหนัก บางท่านขณะขับรถยังขยับตัวไม่ได้เลย มีผีบางตัวจะพยายามเข้าสิงทีมงานบางคนในรถ ผีบางตัวก็เข้ามาแทรกคนแล้วก็พูดว่าจะฆ่าพวกเรา โดยให้พวกเราเข้าไปในถ้ำแล้วจะเอาหินถล่มทับตาย

ส่วนรถอีกคันก็แจ้งว่า บางท่านก็ถูกผีคุมตลอด บางท่านก็โดนผีคุมมาเป็นระยะๆ บางท่านก็เกิดอาการหนาวสั่น ห่มผ้าถึง 6 ผืนก็ยังเอาไม่อยู่…” ทีมงานจึงตัดสินใจโทรแจ้งทางวัด แต่หลวงปู่ท่านจำวัดแล้ว… เอางัยดี !!! งานนี้งานเข้า แต่เราก็ได้เรียน เห็นวิธีการไล่และจัดการกับผีมากพอสมควร… เอาว้า !! ขอจัดการรบกับผีกันดูสักตั้ง….เพราะจำหลวงปู่เคยพูดว่า ตีนไม่ได้มีเอาไว้ใส่รองเท้าอย่างเดียว…งานนี้เดี๋ยวรู้กันว่าหมู่หรือจ่า …. งัดวิชาที่เรียนมา และที่จำได้ งัดออกสู้กันเต็มที่ (หมู่หรือจ่ารู้กันงานนี้แระว่ะ ) ทั้งกับตัวเองและกับผีที่อยากแสดงตนโดยสิงผู้อื่น ... เมื่อทีมงานสุดท้ายที่เดินทางมาถึง จึงปรึกษากันว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะต้องพาคณะลงจากผาชู้ที่อยู่ภายในอุทยานฯให้ได้ในคืนนั้น เพราะกลัวไม่ได้นอน.. กลัวไม่มีแรงประกาศธรรมและแจกสื่อในวันรุ่งขึ้น… แต่ก็ไม่ได้ถอยทัพอย่างที่คิดแต่ทีแรก เพราะคนขับรถตู้ก็โดนชาวทิพย์เล่นงาน ทั้งที่อยู่ดีๆมีอาการปวดบ่า มึนหัวปวดหัวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ( จนทีมงานที่มากับรถตู้ต้องเร่งอุทิศบุญให้ชาวทิพย์ที่ก่อกวนอย่างหนัก ) หากพาทีมงานทั้งหมดลงจากที่พัก ในเขตอุทธยานฯในคืนนั้น ก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางเพราะทางเปลี่ยว โค้ง ชันด้วย เลยตัดสินใจปักหลักสู้กันสักตั้ง

ทีมงานที่อยู่ ผาชู้ โทรมาเพื่อขอกำลังเสริมว่า“พวกเราถูกก่อกวนอย่างหนักที่ผาชู้ ต้องการกำลังเสริมให้รีบมาด่วน (คิดในใจพวกเราก็อยากไปให้มันด่วนๆ แต่ คนในรถสองคันที่โดนผีสิงอยู่ ทำให้เราไปถึงที่ช้า



และแล้ว ผู้ที่สามารถสื่อกับผี/ชาวทิพย์ ….บางท่านที่มากับทีมสุดท้าย บอกว่า “ผีมันอยากฟังธรรม” จึงได้นำพระไตรปิฎกมาประกาศ มีมงคลสูตร เป็นต้น ... ชาวทิพย์ที่นี่ใฝ่ในธรรมดีนะ ยังอยากฟังธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้อย่างดีแล้ว กราบแล้วกราบอีก (ผียังอยากฟังธรรม ผิดกับพระภิกษุห่มเหลือง กลับไม่สนใจศึกษาพระธรรมวินัย น่าอายผี อายเปรตมัย..... เนี่ย !! ..., มันน่าเศร้าจริงๆ)

ทีมงานที่มาถึงลำดับสุดท้าย ผู้ที่สามารถ(บางท่าน) สื่อกันได้และเป็นผู้ชำนาญในการขับไล่ผี จึงได้เริ่มดำเนินการตามขั้นตอนที่เรียนมา และแล้ว !!! ในที่สุดก็สามารถขับไล่ผีที่สิงออกจากร่างสมาชิกผู้นั้นได้…. แต่กว่าจะออกก็เหนื่อยและลุ้นเอาการ…แต่ขอบอกนะคะ ว่างานนี้มันส์จริงๆๆๆ … เพราะครบทุกรสชาติจริงๆๆ (ที่สำคัญได้มาแก้กรรม เพราะเคยก่อกวน / สิงเค้าไว้ เค้าก็มาก่อกวน / สิงตอบ ตามหลักพุทธศาสนาที่ว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง” )

แต่อยากจะบอกว่า…กรรมที่ขัดขวางการประกาศธรรมของพุทธเจ้า….มีแต่นรกอเวจีเหมือนพระเทวทัต หรืออาจเหมือนพระเจ้าสุปปพุทธะที่ขวางการบิณฑบาตของพระพุทธเจ้า.. ก็ต้องโดนธรณีสูบ

สมาชิกท่านอื่นๆ ที่ถูกก่อกวน เมื่อได้ฟังพระสูตร อาการเริ่มดีขึ้น สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายลง…จึงตัดสินใจปักหลักกางเต๊นท์นอนที่ผาชู้ในคืนนั้นนั่นเอง … พวกเราผู้มีความกล้าค่อนข้างเป็นเลิศก็นอนกันที่เต็นท์ที่อุทยานต่อไป โดยนอนกันแบบเป็นกระจุกเป็นกระจุกแทบไม่แยกกัน….เพื่อความสมัครสมานสามัคคีในธรรมอบอุ่นดีค่ะ นอนอุทิศบุญกันทั้งคืน หวังว่าชาวทิพย์คงได้อิ่มบุญได้รับกันทั่วถึง…



เรื่องเล่าขาน ตำนานผาชู้
ตำนานผาชู้ ดอยผาชู้ เป็นโขดหินและหน้าผาขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางขุนเขาที่เขียวขจีหลายแสนไร่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ และสายน้ำของแม่น้ำน่าทอดตัวไหลคดเคี้ยวสู่ทิศใต้ยาวหลายสิบกิโล ยามหน้าหนาวจะมีทะเลหมอกสีขาวตัดกับความเขียวขจีของป่า และแสงสีทองของดวงอาทิตย์ขึ้นงามเช้าอย่างสวยงามมาก และเป็นสถานที่เกิดตำนานรักสามเส้าที่ตัดสินความรักด้วยความตาย โดยมีตำนานเล่าว่า”ณ ที่แห่งนี้เมื่อหลายปีที่ผ่านมามีตำนานเล่าขานสืบทอดกันว่า ที่แขวงศรีษะเกษมีเจ้าแขวงเป็นชายรูปงามนามว่า "เจ้าจ๋วง" ได้เสกสมรสกับ "เจ้าจันทร์" เป็นชายา ครองรักกันมาหลายขวบปียังไม่มีบุตร – ธิดาแต่อย่างใดอยู่มาวันหนึ่ง เจ้าจ๋วงได้ออกประพาสป่าเพื่อล่าสัตว์ ขณะตามล่าสัตว์ป่าได้หลงทางมาถึงบริเวณโขดหินสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแมกไม้ที่เขียวขจีมีสภาพสมบูรณ์ มีทัศนียภาพที่สวยงามยิ่งได้พบกับกระท่อมของพรานป่าซึ่งมีธิดาสาวสวยนาม "เจ้าเอื้อง" อาศัยอยู่ด้วยกันสองพ่อลูกพอเจ้าจ๋วงได้พบประสบพักตร์เจ้าเอื้องทำให้เกิดความหลงใหล หลงรักอย่างทอนตัวไม่ขึ้นจึงได้เฝ้าเพียงพยายามบอกรักเจ้าเอื้องอยู่เป็นเวลานาน กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ซึ่งความรักเปรียบเสมือน "น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน" ในที่สุดเจ้าจ๋วงก้ได้ครองรักกับเจ้าเอื้องเป็นชายาอีกนางหนึ่ง เจ้าจันทร์เมื่อเห็นว่านางจ๋วงได้ประพาสป่า และไม่กับแขวงเป็นเวลานานจึงได้ติดตามเสาะหาอยู่หลายวัน จนกระทั่งวันหนึ่งได้ตามมาพบเจ้าจ๋วงกำลังพรอดรักกับเจ้าเอื้องอยู่บนยอดโขดหินใหญ่ จึงได้ตัดพ้อต่อว่าและยื่นคำขาดให้เจ้าจ๋วงเลือกเอาว่าจะตัดสินใจครองรักอยู่กับใคร แต่เพียงนางเดียว เจ้าจ๋วงได้ใช้ความคิดอยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่สามารถที่จะตัดสินใจเลือกใครคนใดคนหนึ่งได้จึงอธฺษฐานว่า ”ถ้าความรักของเราทั้งสามคนเป็นความรักที่บริสุทธ์เป็นรักแท้ตราบเท่านิจนิรันดร์ ขอให้ร่างกายเรากลับกลายเป็นต้นไม้อยู่คุ่กับโขดหินใหญ่แห่งนี้ตลอดกาลนาน” ได้ตัดสินใจกระโดดหน้าผา เจ้าจันทร์เห็นดังนั้นจึงได้กระโดดหน้าผาตามไป ส่วนเจ้าเอื้องได้ทราบและเกรงกลัวต่อบาปกรรมจึงได้กระโดดหน้าผาตามไปอีกคน ทำให้เสียชีวิตทั้งสามคนด้วยด้วยอำนาจคำอธิษฐานอันแรงกล้า "เจ้าจ๋วง" ได้กลายร่างเป็นต้นจ๋วง "เจ้าจันทร์" ได้กลายร่างเป็นต้นจันทร์ผา "เจ้าเอื้อง" ได้กลายร่างเป็นต้นกล้วยไม้ หรือดอกเอื้องขึ้นอยู่ตามหน้าผาแห่งนี้โขดหินใหญ่แห่งนี้จึงถูกเรียกขานนามว่า "ผาชู้" มาแต่บัดนั้น





Create Date : 13 ธันวาคม 2553
Last Update : 19 ธันวาคม 2553 10:29:13 น.
Counter : 5206 Pageviews.

2 comment
เรื่องผีผีที่เมืองกาญจนบุรี
วันนี้ นิพพานทัวร์ จะมาเล่าเรื่องผีที่เมืองกาญให้ฟังจ้า หลังจากเสร็จภารกิจ การเปิดเผยพระธรรมวินัยให้รุ่งเรืองแล้ว พวกเราทั้งคณะก็กลับเข้าที่พัก แถว เขาตอง
จะเล่าให้ฟังว่าก่อนไป สอง อาทิตย์ เพื่อนเราคนหนึ่งเธอฝันว่าไปที่ กาญ จะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้? อย่างนี้ ? เกิดขึ้น เธอได้โทรไปบอกเพื่อนอีกคนเอาใว้เผื่อ เหตุการณ์ เกิดขึ้นเหมือนที่ฝันจริงจะได้ช่วยกันแก้ไข
เมื่อมาถึงโรงแรม เราก็รู้สึก (อีกแล้ว) ว่าโรงแรม ดูกว้างใหญ่ แต่วังเวงจัง แต่เมื่อคิดถึงราคาที่ถูก คืนละ สี่ร้อยบาท แถม ข้าวต้ม รอบเช้า ชา กาแฟ โอวัลติน ด้วยก็ เลิกคิดมาก เข้าไปห้องพัก ดีกว่า พอเข้าไปห้อง หมายเลข 106 ตกใจเลย อะไรสีแดงๆ เป็นฝุ่นๆ อยู่บนเตียงนอน ก็บอกให้เขา เปลี่ยนห้องให้ใหม่ แต่จำหมายเลขห้อง ไม่ได้ เพราะไม่ชอบห้องนั้น ก็เลยได้อีกห้อง หมายเลข 109 เป็นห้องที่ใหญ่ พักได้ สี่คน แต่เรานอนกัน สองคน พออาบน้ำเสร็จ เราก็ออกมา ประชุม วางแผนงานกัน สมาชิกกลุ่มเราคนหนึ่งบอกว่า เขานอนคนเดียวเพราะอีกคนหนึ่งไม่ได้มา เขาเล่าว่า พอเข้าไปในห้อง เห็นคนนอนควัมหน้า เป็นเงาดำๆหายไป
สักพักคนที่ฝันถึงเรื่องที่จะเกิดขึน ก็มา ตอนแรกเธอคิดว่า ตัวละครในฝันนั้นมาไม่ครบ เรื่องคงไม่เกิด แต่เธอก็มาทราบว่า ตัวละครครบแล้วเหลือแต่เรื่องจะเกิดเท่านั้นเอง เพื่อนคนนี้ก็เลย ถามเจ้าของโรงแรมว่า ข้างหลัง มี ธารน้ำไหม? มีป่าละเมาะใหม? มีเหมือนก่อใผ่ใช่ไหม? เจ้าของโรงแรม ตอบว่าใช่ เธอก็บอกว่ามีวิญญาณที่อดยาก เขาอยากได้บุญอยู่ที่นั้น สักพักเพื่อนคนนี้ก็ร้องให้โวยวายเสียงดังขึ้นมา แล้วก็พูดขึ้นมาว่า ชาติก่อน พวกเรา ห้า หก คน มีลายแทงสมบัติ และทอง อยู่ในมืออะไรประมาณนี้ อีกหลายๆคำฟังไม่ทัน เพราะเธอทั้งร้องให้ทั้งพูด เขาอยากจะได้บุญ พวกเราก็ขนลุกขนพองกันทุกคน (พูดถึงผีเมืองกาญ เมื่อไร ก็ยังขนลุกอยู่เลย) พวกเราก็เลยโอนบุญให้ผีที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และก็เข้าไปด้านหลังโรงแรม ซึ่งมีบ้านหลังใหญ่คิดว่า คงจะลงทุนสร้างหลายล้านบาท แต่ไม่มีใครอยู่ได้เลย เจ้าของโรงแรมบอกว่าอยู่ใกล้ตลาด สะดวกดี (แต่เรารู้สึกว่าเหมือนมีอะไรปกปิดใว้นะ)
พวกเราก็แจ้งข่าวมายังครูบาอาจารย์ท่านทราบแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปนอน
ตื่นเช้าขึ้นมา แต่ละคน ขอบตาดำ ผมยุ่งกันเป็นแถวเลย เรามีเรื่องต้องเมาท์กันแน่ๆแต่ละคน ตักข้าวต้มร้อน (แต่ก็ได้รสโอชานะจะ) มานั่งคุยกัน
เวลาใกล้เคียงกันเลยประมาณ ตีสองถึงตีสาม
ก่อนนอนเราก็ได้ยินเสียงเิดินข้างบน ก็คุยกันกับเพื่อนที่นอนด้วนกันว่าเสียงใครเดิน? อีกที่เราก็ตื่นขึ้นมาประมาณ ตีสามเพื่อนบอกว่า นอนไม่หลับผีกวนทั้งคืน
สมาชิกร่วมกลุ่มคนหนึ่งบอกว่าได้ยินเสียงเดินทั้งคืน บางทีก็มีเสียงเลื่อนเก้าอี้ เหมือนคุยงานอะไรสักอย่าง
สมาชิกร่วมกลุ่ม บอกว่า มีคนมาเคาะห้องเสียงดังมาก เพื่อนๆหลายๆห้อง ได้ยินเหมือนกันว่ามาเคาะห้องตัวเอง
อีกคนบอก เคาะทั้งหน้าต่าง ประตู แถมข้างบนก็เคาะ คิดว่าเพื่อนมาขอความช่วยเหลือมาเปิดดูก็ไม่เห็นมีใคร
อีกคนบอกว่าได้ยินเสียงร้องให้ คิดว่าผีเข้าเพื่อนอีกก็เลยนอนฟังอยู่
อีกคนบอกว่าตอนขึ้นบันไดไปขั้นสอง เห็นขาเหมือนคนเดินขึ้นไปก่อนหน้า แต่พอมองขึ้นไปก็ไม่มีอะไร
ตอนเช้าเราก็ไปสำรวจข้างหลังโรงแรม ทางเข้าไปรกมาก บ้านหลังใหญ่ที่ถูกทิ้งใว้นาน มีป่าละเมาะ ด้วย

สรุปแล้วโดนกันถ้วนหน้าในเวลาใกล้เคียง
ทราบภายหลังว่า บางคนบอกมีคนผูกคอตาย บ้างก็ว่ามีผัว เมียฆ่ากันตายใน ห้อง 208 โรงแรมนี้
ขอชื่อโรงแรมหลังไมค์ ได้จ้า

มีเรื่องผีผีที่จะเล่าอีกเยอะ เพราะนิพานทัวร์เราไปเกือบทั่วไทยแล้วจ้า
มีเรื่องผีเจ้าจันทร์ที่จังหวัดน่านด้วย แต่เอาใว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟังจ้า





Create Date : 03 ธันวาคม 2553
Last Update : 3 ธันวาคม 2553 13:51:26 น.
Counter : 5089 Pageviews.

9 comment
เพื่อนเห็นผี ที่สัตหีบ
ผีผีผี ที่สัตหีบ

ณ. โรงแรมแห่งหนึ่งที่สัตหีบ หลังจากที่นิพพานทัวร์ของเราได้เสร็จภาระกิจ อันยิ่งใหญ่ และเหน็ดเหนื่อยแล้วก็ไปยังที่พัก ระหว่างทาง เด็กที่สามารถเห็นผี ก็ได้ผูดเสียงดังขึ้นมาว่า ผี สองข้างทางเยอะมาก เอาบุญให้พวกเขาหน่อยนะ

พอไปถึงที่โรงแรมก็มืดพอดี พอเราได้กุญแจห้องก็รีบเดินไปยังห้องอยู่ด้านหลังซึ่งเป็นตึกเก่า

ระหว่างที่เดินไปก็คิดว่าโรงแรมนี้ดูเก่าจัง และรู้สึกเหมือนมีคนมองเราอยู่นะ เรานอนกัน สามคน (ดีนะมีเพื่อน หุหุ)

พอเปิดประตูห้องเข้าไป เรารู้สึกว่าเหมือนมีวิญญาณอยู่ ข้างฝาใกล้หน้าต่าง เราก็เลยเอาบุญให้พวกเขา

ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เราก็หลับไปสดุ้งตื่นตอนใกล้สว่างได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมา ลืมตาขึ้นมาดู ก็เห็นเพื่อน เพื่อนบอกว่านอนไม่หลับทั้งคืน เราก็เลยบอกว่าตอนเราเข้ามารู้สึกแปลกๆ และรู้สึกว่าเหมือนว่ามีผีอยู่ในห้องนี้ด้วย
เพื่อนก็เลยถามว่า แล้วรู้สึกว่าอยู่ที่ไหน
เราบอกแถวๆข้างฝา
เพื่อนบอกว่าเธอรู้สึกใช่ไหม? แต่เราเห็นเด็กโดนไฟดูดตายตรงนั้นเราเลยไม่หลับทั้งคืนเลย




Create Date : 23 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 3 ธันวาคม 2553 13:20:01 น.
Counter : 1505 Pageviews.

3 comment

shada
Location :
น้ำหนาว เพชรบูรณ์ , เกาะพงัน สุราษฯ  Ghana

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นหูที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นกายที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นใจที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง
พระไตรปิฏก เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง

ธรรมวินัยอันพระตถาคตเจ้าประกาศแล้วเปิดเผย ไม่กำบังจึงรุ่งเรือง (เล่ม ๑๐ หน้า ๔๖๕_ปกน้ำเงิน)
บัญญัติของพระพุทธเจ้า จากพระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม ของมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 3
(ปกสีแดง หน้า 887 ปกสีน้ำเงิน หน้า 940)
พระบัญญัติ อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่ง ทอง-เงิน หรือยินดี ทอง-เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ก็ดี เป็นนิสสัคคียปาจิตตีย์(นิสสัคคียปาจิตตีย์ 1 ตัว ต้องตกโรรุวนรก 1 ชั่วอายุ คือ 4,000 ปีของนรกขุมนี้ เท่ากับ 840,960,000 ล้านปีมนุษย์)

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535
เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้ มาตรา 15 ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
...(4)รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
**หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา(โยมควรเรียนรู้) ทำบุญแล้วเป็นบาป ตกนรกทั้งพระและโยม
1.ตักบาตรด้วยเงินและทอง
2.ตักบาตรด้วยสิ่งของที่ต้องห้าม ข้าวสารอาหารแห้ง-ดิบ
3.ทำบุญกับพระทุศีล(ผิดศีลธรรมและไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย)รับเงิน รับทอง มีบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นของตนเอง มีบัตรเอทีเอ็ม มีบัตรเครดิต
4.ฯลฯ
จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลไทยฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย 91 เล่ม
**ชาวพุทธทั้งหลาย ขอให้อธิษฐานเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้
"ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญของข้าพระพุทธเจ้าให้เข้าไปรวมเป็นพระราชกุศลของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลังบุญทั้งหลาย ที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อพสกนิกรและราชอาณาจักร ขอบุญนั้นทั้งหมด จงเป็นพลังขับดันโรคภัยทั้งหลายที่กำลังเกิดในพระวรกายของพระองค์ให้อันตรธานไป"

จากหลักฐานเทียบเคียงของการใช้สัจอธิษฐาน ในพระไตรปิฎก 91 เล่ม ฉบับมหามกฎราชวิทยาลัย เล่ม 74 หน้า 447-479 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 1, 3, 341, 342 และ 343 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ (www.samyaek.com) ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ขอจงพิจารณาเอาเถิด เพราะไม่บังคับให้ใครมาเชื่อหรือทำตาม เพียงแต่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย เพื่อให้ชาวพุทธปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ยินดีในบุญกับทุกท่านที่รวมใจกันเปิดเผยพระธรรมวินัยให้รุ่งเรือง ค่ะ

ชฎา มีโครงการ จะเปิด บ้านพักตากอากาศ ติดถนน ติดทะเล ไม่ไกลจาก ท่าเรือ ท้องศาลา บรรยากาศ เหงียบ สงบ เป็นธรรมชาติ ให้เช่าที่เกาะพงัน

"สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"