วิธีง่ายๆ ต่อสู้กับมะเร็ง ทำได้ มีคนหายมาแล้ว
พ่อเลี้ยงวรรณ พิมพนิช เจ้าของรวมเกษตรฟาร์ม มาบรรยายวิธีรักษามะเร็งเมื่อเดือนที่แล้ว เห็นว่ามีประโยชน์ จึงนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆฟัง ดังนี้
พ่อเลี้ยงวรรณฯ อายุ 60 ปี เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่กระดูกสันหลัง คุณหมอทั้งไทยและเยอรมัน ไม่รับรองว่าจะรักษาหาย จึงไปทำการรักษาที่เกาหลีเหนือ เป็นเวลา 1 เดือน ก็หายจากโรค กลับมาเมืองไทย จึงตั้งเป็นมูลนิธิวรรณ รับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ยากไร้ฟรี! ปัจจุบันมีผู้รับการรักษา 2000 กว่าคน ณ อ.แม่สอด ห่างจาก จังหวัดตาก 100 กม.

วิธีการรักษามะเร็งแบบธรรมชาติง่ายๆ 4 ข้อ ดังนี้
1. จิตใจ ต้องสู้
2. อาหารงดเว้นเนื้อสัตว์
แล้วหันมารับประทานอาหารที่มะเร็งไม่รับประทาน 15 ชนิด ได้แก่
2.1 ธัญพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวกล้อง , ข้าวม้ง ,ข้าวบาเล่ย์ , ข้าวสาลี, และลูกเดือย นำมาหุงด้วยหม้อข้าวไฟฟ้า
2.2 ผักผลไม้ 10 ชนิด ได้แก่ หอมหัวใหญ่ ,มันฝรั่ง,หรือมันเทศ ,กล้วยน้ำว้าสุก (8 ลูก/วัน),ฟักทอง, ข้าวโพดหวาน ,ยอดแค ,ถั่วพู(2ชนิดนี้ห้ามขาด),บลอคโคลี่หรือกะหล่ำดอก ,ถั่วหวาน และคะน้าฮ่องกง(ผักผลไม้ 5 ชนิดแรกใช้นึ่ง) นำทั้ง 10 ชนิด หั่นเป็นชิ้นๆ นำมาเข้าเครื่องปั่นแบบไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อให้กระเพาะอาหารทำหน้าที่ย่อย จากนั้นนำมารับประทานหนัก 1 กก./วันกับธัญพืช
3.อาบน้ำร้อนสลับเย็นหรือเย็นสลับร้อนอย่างละ 2 นาที รวมเวลา 10 นาที 1 ครั้ง/วัน เตรียมน้ำร้อนโดยใช้เครื่องทำน้ำร้อน เตรียมน้ำเย็นโดยหาถังน้ำใส่น้ำแข็ง แล้วอาบร้อนจัดและเย็นจัดเท่าที่ร่างกายทนได้
ภูมิต้านทานโรคทั้งสิ้น 2 จำพวก จะถูกกระตุ้นขึ้นมาทำหน้าที่อย่างแข็งขัน
4.การออกกำลังกาย เดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 45 นาที/ วัน
ง่ายไหมคะ? ถ้าเพื่อนๆสนใจ สามารถเขียนจดหมายติดต่อ
ขอรับธัญพืชปลอดสารพิษจากไร่ อ.แม่สอด ตามสถานที่ข้างล่างนี้
พ่อเลี้ยงวรรณ " มูลนิธิวรรณ " เลขที่ 3/681 ประชานิเวศน์
ถ.เทศบาลนิมิตเหนือ ลาดยาว จตุจักร กทม. เบอร์โทรศัพท์ 02-1580658
มือถือ 086-7886222

Pleasle read this message for your good health.
Nrr มะเร็งร้าย จากเรื่องนิดเดียว
ตามด้วยสารต้านมะเร็ง ในกล้วย BANANAS with dark patches on yellow skin... กล้วยที่มีจุดดำๆบนผิว.....

The fully ripe banana produces a substance called TNF (Tumor Necrosis Factor) which has the ability to combat abnormal cells.
กล้วยที่สุกเต็มที่จะสร้างสารที่เรียกว่า TNF (Tumor Necrosis Factor) ซึ่งมีความสามารถที่จะไปต่อสู้กับเซลล์ที่ผิดปกติ

As the banana ripens, it develops dark spots or patches on the skin. ยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ ก็จะเกิดจุดสีดำที่เปลือกมากขึ้น

The more dark patches it has, the higher will be its' immunity enhancement quality.
ยิ่งมีจุดดำนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เกิดภูมิต้านทานมากขึ้น

According to a Japanese scientific research, banana contains TNF which has anti-cancer properties. The degree of anti-cancer effect corresponds to the degree of ripeness of the fruit, i.e. the riper the banana, the better the anti-cancer quality.. จากงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น กล้วยจะมี TNF ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านมะเร็ง ยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็งได้มากขึ้น

In an animal experiment carried out by a professor in Tokyo University comparing the various health benefits of different fruits, using banana, grape, apple, water melon, pineapple, pear and persimmon, it was found
that banana gave the best results. It increased the number of white bloodcells, enhanced the immunity of the body and produced anti-cancer substance TNF.
ในการทดลองกับสัตว์โดยศาสตราจารย์ญี่ปุ่นผู้หนึ่งแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ในการเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้จากผลไม้ต่างๆ โดยใช้ กล้วย องุ่น แอปเปิล แตงโม สับปะรด ลูกแพร์ ลูกพลับ ปรากฏว่ากล้วยให้ผลดีที่สุด มันช่วยทำให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย และสร้างสารต้านมะเร็ง TNF

The recommendation is to eat 1 to 2 banana a day to increase your body immunity to diseases like cold, flu and others.
คำแนะนำคือให้กินกล้วยวันละ 1-2 ใบเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ และอื่นๆ

According to the Japanese professor, yellow skin bananas with dark spots on it are 8 times more effective in enhancing the property of white blood cells than the green skin version
ตามคำแนะนำของศาสตราจารย์ญี่ปุ่น กล้วยทีมีผิวเหลืองและมีจุดดำๆหลายๆแห่งจะมีคุณสมบัติในการเพิ่มเม็ดเลือดขาวได้มากกว่ากล้วยที่มีผิวเขียวถึง 8 เท่า

บทความนี้เป็นความจริง Necrosis แปลว่าการเปื่อยเน่าตายของเซลล์ ดังนั้น TNF (Tumor Necrosis Factor ) ก็คือสารที่จะไปทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ กลไกการทำงานของ TNF คือ
1. การเกาะของ TNF กับเซลล์มะเร็งจะเป็นพิษโดยตรงกับเซลล์มะเร็งโดยการเกิดอนุมูลอิสระที่ไปทำลายเซลล์มะเร็ง ที่ไม่มีเอ็นซัยม์ Superoxide Dismutase เซลล์ปกติจะมีเอ็นซัยม์ Superoxide Dismutase ซึ่งลบล้างฤทธิ์อนุมูลอิสระได้ นอกจากนี้อ

รักษามะเร็งฟรี
อดีตหมอด้านมะเร็งที่ติดแนวหน้าของประเทศไทย
รับตรวจรักษาฟรีมานานกว่า 4 ปีแล้วแล้วแต่จะบริจาคค่ายารักษา หากไม่มีเงินก็รักษาให้ ฟรี
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อภิณพ จันทร์วิทัน
ประวิติการศึกษา
· วิทยาศาสตร์บัณฑิต ( วท.บ) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
· แพทยศาสตร์บัณฑิต ( พบ.) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
· ประกาศนียบัตรชั้นสูงทางวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก ( ศัลยศาสตร์) มหาวิทยาลัยมหิดล
· วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยกรรมทั่วไป แพทย์สภา ประสบการณ์การทำงาน
· โรงพยาบาลโตราโนมอน กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
· โรงพยาบาลควีนแมรี มหาวิทยาลัยฮ่องกง ประเทศฮ่องกง
· สถาบันมะเร็งแห่งชาติกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
· โรงพยาบาล Technical University of Munich ประเทศเยอรมนี
· สถาบันมะเร็ง MD Anderson รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
· สถาบันมะเร็งนานาชาติ เมืองลีออง ประเทศฝรั่งเศส
· รับราชการในตำแหน่งอาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ระหว่าง ปี พ.ศ. 2524 – 2542 ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531
· เป็นกรรมการรักษาโรคมะเร็ง โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ได้รับเลือกเป็นศัลยแพทย์นานาชาติดีเด่น
ของสมาคมศัลยแพทย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ประจำปี พ.ศ. 2541
· ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารสมาคมมะเร็งหลอดอาหารนานาชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 – 2552
· ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นปรมาภรณ์มงกุฎไทย ( ปม.)

ที่ตั้งของโรงพยาบาล อภิณพเวชกรรม
36 ถ.วรสวัสน์ ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี 18110 tel.036 246902

รักษาเฉพาะวัน จ.-ศ. เท่านั้น
C_apinop@yahoo.com Tel.0843399393

สำหรับผู้ป่วย หรือมีคนใกล้ตัว คนข้างบ้าน หรือคนรู้จัก
เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) และ มะเร็งกระเพาะอาหาร
จะได้ช่วยกันบอกต่อ...

แจกยาฟรีผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว

และมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคร้ายที่นำมาซึ่งความทุกข์ทรมาน

และคร่าชีวิตผู้คนในอันดับต้นๆ ในทุกวันนี้
คงต้องนับรวมมะเร็งเม็ดเลือดขาวและ มะเร็งกระเพาะอาหารไว้ด้วย

โดยผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาวเรื้อรังและโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเลือดนี้

ส่วนใหญ่นอกจากจะต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายค่ายาสูงลิบ
ก็ยังประสบปัญหาเรื่องการทำงานการใช้ชีวิตที่มีข้อจำกัดอย่างยิ่ง>
ภาวะของโรคจะบั่นทอนลงไปเรื่อย
สร้างความหดหู่ทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิด
ล่าสุดบริษัทยาข้ามชาติโนวาร์ตีส
ได้จัดตั้งโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติจีแพป
(GIPAP) ซึ่งเป็นโครงการให้ความ

ช่วยเหลือแก่ผู้ป่วย มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง ( Chronic Myeloid
Leu kemia) ที่มีผล ฟิลาเดเฟียโครโมโซม ( philadephia
chromosome) เป็นบวก ผู้ป่วย มีอาการในระยะรุนแรงของโรค
หรือผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารชนิดจีสต์
(GIST-Grstro-Intesinal Stromal Tumor) ที่ผ่าตัดไม่ได้
และอยู่ใน ระยะลุกลาม ( มี c-Kill หรือ CD117 เป็นบวก)

โดยโครงการจะจัดมอบยาของบริษัทให้แก่ผู้ป่วยโดยไม่คิดมูลค่า
รวมทั้งจะ มอบให้ต่อเนื่องจนกว่าจะมียาอื่นที่เป็นทางเลือกของผู้ป่วยได้ต่อไป
ดร.แดเนียล วาเซลลา ผู้บริหารระดับสูงของโนวาร์ตีส
( สหรัฐอเมริกา) กล่าวว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 80 ประเทศทั่วโลก
ที่ได้รับอนุมัติในโครงการดังกล่าว
ปัจจุบันจีนพบมีผู้ป่วยมากกว่า 1.8 หมื่นราย โดย
มีผู้ป่วยจากประเทศไทย ประมาณ 800 คนซึ่งนับว่ายังน้อยมาก

จึงต้องการประชาสัมพันธ์เพื่อผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวอาจจะสนใจเข้าร่วมโครงการ

ทั้งนี้ ได้จัดตั้งมูลนิธิแมกซ์ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลนานาชาติ

ในการประเมินและอนุมัติผู้ป่วยที่มีสิทธิได้รับยาฟรีดังกล่าวทั้งนี้

สำนักงานมูลนิธิแมกซ์ตั้งอยู่ที่ซีแอตเติลประเทศสหรัฐอเมริกา
ก่อตั้งขึ้นในปี 2540 โดย Pedro Rivarola เพื่อเป็นเกียรติแก่บุตรชาย
แม็กซิมิเลียโน ริวาโรลา ' (Maximilliano Rivarola) ซึ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเม็ดโลหิตด้วยวัยเพียง
17 ปี สำหรับมูลนิธิแมกซ์ในประเทศไทยได้จัดตั้งมูลนิธิสาขา ได้แก่
แมกซ์! ( ประเทศไทย) ซึ่งจะเป็นผู้ทำการพิจารณาอนุมัติอย่างอิสระสำหรับผู้ป่วยที่จะขอความช่วยเหลือจากจีแพปได้

ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1. ผู้ป่วยจะต้องได้รับการวินิจฉัยโรคโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง
(CML-Chronic Myeloid Leukemia) หรือ มะเร็งกระเพาะอาหาร ( GIST)
ซึ่งได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า

มีผล CD 117 เป็นบวก
2. ผู้ป่วยเป็นผู้มีสัญชาติไทยและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย
3. ไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้
4. ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองได้
และไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากที่ใดทั้งสิ้น

หากมีคุณสมบัติครบให้ปฏิบัติดังนี้
1. แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการรับยาฟรี
จากแพทย์ผู้รักษา แพทย์ของท่านจะดำเนินกา??จัดส่งใบ
สมัครในนามของท่านออนไลน์ไปที่
//www.themaxfoundation
. ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเอง
ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และชื่อของแพทย์ผู้รักษา

3. ภายหลังจากที่แพทย์ของท่านส่งใบสมัครมาที่มูลนิธิแมกซ์แล้ว
เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไปหาท่านเพื่อนัดสัมภาษณ์

4. กรณีที่ได้รับการอนุมัติ มูลนิธิจะแจ้งผลไปยังบริษัท
โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) เพื่อจัดส่งยาผ่านแพทย์ผู้รักษาตัวท่าน

5. แพทย์จะเป็นผู้แจ้งผลการพิจารณาผลการอนุมัติให้ท่านทราบเอง

ส่วนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมในโครงการมี
16 แห่ง คือ
1. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
2. โรงพยาบาลรามาธิบดี
3. ศิริราชพยาบาล
4. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
5. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
6. โรงพยาบาลราชวิถี
7. โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
8. โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
9. โรงพยาบาลตำรวจ
10. โรงพยาบาลภูมิพล
11. โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
12. สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ
มหาวิทยาลัยนเรศวร
13. โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
1 4. โรงพยาบาลหาดใหญ่
15. โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
และ
16. โรงพยาบาลสระบุรี

ผู้ป่วยหรือมีคนใกล้ชิดป่วยด้วยโรคดังกล่าว

สามารถติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ธนศักดิ์อุทิศชลานนท์
และบุษกร สนธิกร
หมาย?ลขโทรศัพท์
02-439-4600 02-439-4600 ต่อ 8202
หรือจะเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ที่ //www.gipapthailand.org
หรือ //www.themaxfoundation.com





Create Date : 28 เมษายน 2554
Last Update : 28 เมษายน 2554 2:35:33 น.
Counter : 16135 Pageviews.

10 comment
เคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีนอาหาร 10 อย่าง
เคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีนอาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน

บรรดาอาหารสารพัดชนิดที่มีให้หาซื้อกันได้อย่างเสรีนั้น มีคุณประโยชน์แตกต่างกัน อีกทั้งปริมาณที่กินเข้าไปด้วย นั่นคือ ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน แต่ควรกินอยู่ด้วยความพอดี ยึดทางสายกลางเป็นหลัก

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์จีน ว่าด้วยเรื่องอาหารการกิน 10 อย่าง ที่ไม่ควรกินมากเกิน มีดังนี้


1. ไข่เยี่ยวม้า ไข่เยี่ยวม้ามีส่วนประกอบของตะกั่วการกินไข่เยี่ยวม้าปริมาณมากๆ และบ่อยๆ อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว นอกจากนั้นยังทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดน้อยลง เกิดภาวะขาดแคลเซียม ทำให้กระดูกผุได้


2. ปาท่องโก๋ กระบวนการทำปาท่องโก๋มีการใช้สารส้มเป็นส่วน ประกอบ และในสารส้มมีส่วนประกอบของตะกั่วการกินปาท่องโก๋ทุกวันจะทำให้ไตทำงานหนักในการขับสารตะกั่ว ซึ่งเป็นพิษต่อสมองและเซลล์ประสาท ทำให้เสื่อมเร็ว เป็นโรคความจำเสื่อมนอกจากนี้ย้งทำให้คอแห้ง เจ็บคอโดยเฉพาะคนที่ร้อนในง่าย


3. เนื้อย่าง ประเภทต่างๆเนื้อที่ถูกรม ย่างไฟ จะเกิดสารเบนโซไพริน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง

4. ผักดอง การกินผักดอง หรือของหมักเกลือนานๆ จะเกิดการสะสมของเกลือโซเดียม ทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดโรคความดันเลือดสูง และโรคหัวใจได้ง่ายนอกจากของหมักดองยังมีสารก่อมะเร็ง แอมโมเนียมไนไตรต์


5. ตับหมู ตับหมู 1 กิโลกรัม มีโคเลสเตอรอลมากกว่า 400 มิลลิกรัม การกินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลปริมาณสูงมากๆ นานๆ จะทำ ให้หลอดเลือดแข็งตัว มีความเสี่ยง ต่อโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดทางสมอง รวมถึงโรคมะเร็งด้วย


6. ผักขม, ผักปวยเล้ง ผักขม, ผักปวยเล้งมีสารอาหารอุดมสมบูรณ์ แต่มีกรดออกซาเลตมาก จะทำให้มีการขับสังกะสีและแคลเซียมออกจากร่างกายมาก เกิดภาวะขาดแคลนแคลเซียมและสังกะสี

7. บะหมี่สำเร็จรูป บะหมี่สำเร็จรูปหลายชนิดมีสารกันบูด สารปรุงแต่งรสที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายการกินบะหมี่สำเร็จรูปบ่อยๆ จะทำให้ขาดสารอาหารและเกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย


8. เมล็ดทานตะวัน เมล็ดทานตะวันมีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว การกินเมล็ดทานตะวันปริมาณมาก จะทำให้ระบบเมตาบอลิซึมของไขมันผิดปกติ ทำให้มีการสะสมไขมันที่ตับได้ เป็นอันตรายต่ออวัยวะตับ


9. เต้าหู้หมัก, เต้าหู้ยี้ กระบวนการหมักเต้าหู้ มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่ายนอกจากนี้ ยังมีสารย่อยสลายโปรตีน ไฮโดรเจนซัลไฟล์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย


10. ผงชูรส คนเราไม่ควรกินผงชูรสเกินกว่า 6 กรัมต่อวัน จะทำให้กรดกลูตามิกในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของ ประจุแคลเซียมและแมกนีเซียม เกิดอาการปวดศีรษะ ใจสั่น คลื่นไส้ นอกจากนี้ มีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์ด้วย

ที่กล่าวมาเป็นภูมิปัญญาโบราณ ความเชื่อที่สืบทอดปฏิบัติกันมา ปัจจุบันมีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายมากขึ้น





Create Date : 21 เมษายน 2554
Last Update : 21 เมษายน 2554 18:21:46 น.
Counter : 593 Pageviews.

2 comment
ดูแลตัวเองกันด้วยนะ‏




















Create Date : 29 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 19:30:26 น.
Counter : 395 Pageviews.

0 comment
คุณค่าทางเภสัชของน้ำผึ้ง‏
[น้ำเอนไซม์จากผลไม้รวม ดร.รสสุคนธ์ และผลิตภัณฑ์สุขภาพ] คุณค่าทางเภสัชของน้ำผึ้ง



น้ำผึ้งกับโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือ ผู้ที่ตับอ่อนสร้างอินซูลินไม่ได้ หรือได้น้อยไม่เพียงพอในการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ ทำให้มีปริมาณกลูโคสในกระแสเลือดมากกว่าปกติ โดยปกติคนที่เป็นโรคเบาหวานยังคงต้งอาการพลังงาน ซึ่งน้ำตาลฟรุคโตส ในน้ำผึ้งทดแทนน้ำตาลกลูโคสได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องอาศัยอินซูลินและนอกจากนั้น ยังมีกรดกลูโคโลนิค ซึ่งช่วยให้ตับสามารถทำลายสารพิษตกค้างในตับ สำหรับผูป่วยเบาหวาน ควรรับประทานน้ำผึ้งในปริมาณที่พอเหมาะ คือวันละ 1 –3 ช้อนโตีะ (180 แคลอรี่) พร้อมกับลดการรับประทานอาหารประเภทแป้ง หรือ น้ำตาลประมาณ 10% จะทำให้ผู้ป่วยเบาหวาน มีพลังงานพอเพียงในการดำรงชีวิต และจะฟื้นตัวได้เร็ว และพึ่งพายาควบคุมเบาหวานลดลง



น้ำผึ้งช่วยย่อยอาหารได้อย่างไร?
เมื่อมีอาการท้องอืด เฟ้อ เรอเปรี้ยว เนื่องจากอาหารไม่ย่อยเพราะตับและน้ำดีทำงานผิดปกติ ในน้ำผึ้งมีเอนไซม์หลายชนิดจากกระเพาะของฝึ้งที่สำคัญ คือ อินเวอร์เทส ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนซูโครสให้เป็นกลูโคส และฟรุคโตส (เปลี่ยนไดแซกคาไรด์ให้เป็นโมโนแซกคาไรด์) ซึ่งมีโมเลกุลเล็กลง และเอนไซม์อีกชนิดที่สำคัญ คือ ไดแอสเทส หรือ อะไมเลส ที่ทำหน้าที่ เปลี่ยนโมเลกุลสายยาวของแป้งให้มีโมเลกุลสั้นลง ซึ่งส่งผลให้เปลี่ยนโมเลกุลสายยาวของแป้งให้มีโมเลกุลสั้นลง ซึ่งส่งผลให้ระบบดูดซึมของร่างกายสามารถทำงานได้ดีขึ้น มีน้ำย่อยไขมันและโปรตีน อีกทั้งน้ำที่เป็นส่วนประกอบในน้ำผึ้ง ยังช่วยระบบหมุนเวียนต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งวิตามินบี 2 มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบน้ำย่อยในร่างกาย ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ



น้ำผึ้งกับระบบขับถ่าย
ในน้ำผึ้งมีสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ คือ มิวซิน จากกระเพาะผึ้ง เด็กทรินและมอลโตส จากดอกไม้ ช่วยหล่อลื่นผิวกระเพาะและลำไส้ได้เป็นอย่างดี ไม่มีสารใดเสมอเหมือน ถ้ารับประทานก่อนนอน จะต้องถ่ายท้องได้ดีในตอนเช้า จำเป็นมากสำหรับผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวาร นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้อีกด้วย

น้ำผึ้งกับแผลเน่าเปื่อยพุพอง
น้ำผึ้งมีสารอินฮิบิน จึงมีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ สามารถลดอาการอักเสบของแผลได้ เนื่องจากทำลายแบคทีเรียที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้แผลอักเสบ มีการใช้น้ำผึ้งตกแต่งบาดแผลตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เช่น ไฟไหม้โดนระเบิดและอาวุธสงคราม เป็นต้น

น้ำผึ้งกับโรคตับ
ในน้ำผึ้งมีวิตามินบีคอมเพล็กซ์และแร่ธาตุ ซึ่งจำเป็นสำหรับตับ และช่วยให้ตับสร้างเอนไซม์ได้ถึง 200 ชนิด และที่สำคัญในน้ำผึ้งยังมีกรดกลูโคนิคที่มีประโยชน์ต่อการ ทำลายพิษในตับ ซึ่งกรดกลูโคนิคจะมีในน้ำผึ้งเท่านั้น ดังนั้น น้ำผึ้งจึงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคตับอย่างยิ่ง โดยเฉพาะโรคตับแข็งหรือตับอักเสบทุกชนิด

น้ำผึ้งกับการนอนหลับ
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ หรือผสมน้ำเอนไซม์ 1 ช้อนโต๊ะ ในน้ำอ่น 1 แก้ว ก่อนนอนช่วยคลายเคียด ทำให้หลับสบาย และช่วยให้ถ่ายท้องดีในตอนเช้า





Create Date : 29 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 18:14:14 น.
Counter : 836 Pageviews.

0 comment
การดูแลสุขภาพด้วยผักผลไม้‏
หลักการดูแลสุขภาพด้วยผักผลไม้สกัด หรือน้ำผักผลไม้ปั่น หรือน้ำผักผลไม้แยกกาก เราจะเลือกรับประทานอย่างไรก็ได้ ขึ้นกับความพร้อมของร่างกาย และความต้องการของร่างกาย เช่น ถ้าเราร่างกายอ่อนเพลีย หลังผ่าตัด หลังการรักษาโรคต่าง ๆ แนะนำให้ดื่มเป็น น้ำผักผลไม้สกัดสด เพื่อลดการที่ร่างกายจะต้องใช้พลังงานไปในการย่อยกากอาหาร และน้ำสกัดที่ได้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว และอุดมไปด้วยสารอาหารและเอนไซม์



แต่ถ้าคุณเป็นพวกที่สุขภาพพอใช้ ต้องการดูแลสุขภาพประจำวัน แนะนำให้ทาน น้ำผักผลไม้ปั่น เพื่อให้ได้ทั้งกากใยอาหาร และสารอาหารครบถ้วน ฟื้นฟูระบบขับถ่าย และการย่อยแบบครบวงจร
ตารางแนะนำผัก ผลไม้ตามอาการโรค
อาการ ผัก และผลไม้ที่แนะนำให้นำมาใช้
โรคเก๊าต์ สับปะรด มะละกอ แอปเปิล องุ่น แอสพารากัส แครอท เซเลอรี่ ผักชีฝรั่ง ผักขม มะเขือเทศ เซเลอรี่
โรคกระเพาะปัสสาวะ บลูเบอร๊่ ลูกแพร์ แตงโม แครอท บีท แตงกวา ผักชีฝรั่ง มะเขือเทศ
โรคข้อ แตงโม เชอรี่ แอปเปิล ลูกพรุนสด แครอท แตงกวา ผักชีฝรั่ง ผักขม บีท หัวแรดิช
โรคเจ็บคอ กล่องเสียงอักเสบ สับปะรด มะกะลอ ส้ม แตงกวา แครอท ผักขม มะเขือเทศ กระเทียม บีท
โรคตับ มะละกอ ลูกแพร์ แอปเปิล ส้ม หัวบีท แครอท เซเลอรี่ ผักกาดหอม มะเขือเทศ ผักขม
โรคไต แตงโม มะละกอ สับปะรด บลูเบอรี่ องุ่น แครอท เซเลอรี่ บีท แอสพารากัส แตงกวา กะหล่ำปลี
โรคต่อมลูกหมาก เชอรี่ บลูเบอรี่ ลูกแพร์ สตรอเบอรี่ แตงโม แอสพารากัส แครอท ผักกาดหอม ผักขม ผักชีฝรั่ง บีท แตงกวา
ท้องผูก ลูกพรุนสด แตงโม มะละกอ ลูกแพร์ ลูกพีช มะนาว แอปเปิล กะหล่ำปลี เซเลอรี่ มันฝรั่ง แตงกวา
ท้องเสีย บลูเบอรี่ แครนเบอรี่ แครอท เซเลอรี่ ผักขม ผักชีฝรั่ง บีท
โรคทางเดินปัสสาวะ เกรปฟรุต แตงโม แครอท บีท แตงกวา ผักชีฝรั่ง มะเขือเทศ
โรคถุงน้ำดี เชอรี่
น้ำคั่งในร่างกาย บลูเบอรี่ สตรอเบอรี่ แตงโม แตงกวา เซเลอรี่
โรคผิวหนัง แตงโม องุ่น บลูเบอรี่ แตงโม ส้ม
แผลต่าง ๆ มะละกอ กะหล่ำปลี แครอท มันฝรั่ง ผักขม
ฟกช้ำ มะละกอ สับปะรด ส้ม มะนาว ส้มโอ
โรคมะเร็ง องุ่น ผลไม้กลุ่มส้ม แครอท แอสพารากัส บีท ผักชีฝรั่ง
มีไข้ บลูเบอรี่่ สตรอเบอรี่ ส้ม กะหล่ำปลี หัวหอม กระเทียม แตงกวา
โรครูมาตอยด์ แอปเปิล เชอรี่ สตอรเบอรี่ ส้ม บีท แตงกวา เซเลอรี่ แครอท
โรคเลือด ลูกพรุนสด เชอรี่ องุ่น ผลไม้กลุ่มส้ม แอสพารากัส บีท ผักกาดหอม ฝรั่ง ผักขม แครอท แห้ว
สิว มะละกอ สตอรเบอรี่ บลูเบอรี่ แครอท แตงกวา ผักขม ผักกาดหอม
โรคหอบ ส้ม แตงโม กะหล่ำปลี เซเลอรี่ มันฝรั่ง แห้ว
โรคหวัด สับปะรด มะละกอ ส้ม แครอท เซเลอรี่ บีท ขิง
อาหารไม่ย่อย มะละกอ สตรอเบอรี่ ลูกพีช สับปะรด แอปเปิล ขิง เซเลอรี่
ไอ ผลไม้กลุ่มส้ม มะละกอ หัวหอม
โรคเบาหวาน แตงโม แอปเปิล แครอท เซเลอรี่ ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง มะระ
หมดประจำเดือน บีท ทับทิม ผักขม ผักชีฝรั่ง
นอนไม่หลับ กล้วย เซเลอรี่ ผักกาดหอม
ผมร่วง อับฟัลฟ่า กะหล่ำปลี แตงกวา พริกไทย ผักกาดหอม แห้ว
โรคหัวใจ แตงโม แตงกวา หัวหอม เซเลอรี่ กระเทียม



การดูแลสุขภาพโดยใช้ น้ำผัก ผลไม้ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพนั่น เป็นการใช้ธรรมชาติมาบำบัดตามหลักของโภชนาการบำบัด คือ การให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากผัก ผลไม้ เพื่อนำเป็นสารอาหารและแหล่งพลังงานของเซลล์ และกระตุ้นให้เซลล์ขจัดของเสียออกจากร่างกาย ดังนั้น คุณควรดื่มน้ำผัก ผลไม้ปั่นหรือสกัดอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการเสริมสุขภาพให้แข็งแรง และส่งเสริมให้การรักษาดีขึ้น
จากตารางด้านบน คุณสามารถนำผัก ผลไม้ที่เราแนะนำมาผสมเป็นสูตรตามอาการต่าง ๆ ของร่างกายคุณ หรือนำมาเพิ่มในส่วนของ น้ำผักปั่นพลังเอนไซม์ ของดร.รสสุคนธ์ ก็ได้
ตัวอย่างแรก
โรคข้ออักเสบ เก๊าท์ รูมาตอยด์ ตัวเด่นคือ เซเลอรี่ ให้คุณทำน้ำผักปั่นพลังเอนไซม์ แล้วเพิ่ม เซเลอรี่ลงไป 2 ก้าน หรือ จะทำน้ำเซเลอรี่ ทานร่วมด้วย วันละ 2 แก้ว เป็นต้น
ตัวอย่างที่สอง
ผู้ป่วยมะเร็ง ในระหว่างรับการบำบัดด้วยเคมี หรือหลัง ซึ่งเซลล์จะถูกทำลายจากสารเคมี และแบคทีเรียตัวดีในร่างกายจะตายไป ต้องฟื้นฟูเซลล์ และเพิ่มแบคทีเรียตัวดีในลำไส้ ให้ฟื้นฟูโดยการ ทานโยเกิรต์สด วันละ 1 ถ้วย และดื่มน้ำแอปเปิล หรือ น้ำแตงกวา วันละ 2 แก้ว เพื่อล้างสารเคมี และฟื้นฟูเซลล์
สูตรน้ำผลไม้รับหน้าร้อน ชำระล้างเมือกมันในทางเดินอาหาร
น้ำสับปะรด 1/2 แก้ว
น้ำส้ม 1/4 แก้ว
น้ำมะละกอ 1/8 แก้ว
น้ำแครอท 1/8 แก้ว
น้ำมะนาว เล็กน้อย
ดื่มทุกวันตอนบ่าย ถึง บ่ายสาม ช่วยล้างไต
สูตรน้ำผักผลไม้ ช่วยสร้างเม็ดเลือด
น้ำแครอท 1/2 แก้ว
น้ำผักขม 1/2 แก้ว
น้ำหัวบีท 1/2 แก้ว
น้ำต้นข้าวสาลีอ่อน 1/2 แก้ว
ดื่มวันละ 2 แก้ว ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง




Create Date : 29 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 18:11:56 น.
Counter : 2826 Pageviews.

1 comment
1  2  

shada
Location :
น้ำหนาว เพชรบูรณ์ , เกาะพงัน สุราษฯ  Ghana

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นหูที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นกายที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นใจที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง
พระไตรปิฏก เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง

ธรรมวินัยอันพระตถาคตเจ้าประกาศแล้วเปิดเผย ไม่กำบังจึงรุ่งเรือง (เล่ม ๑๐ หน้า ๔๖๕_ปกน้ำเงิน)
บัญญัติของพระพุทธเจ้า จากพระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม ของมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 3
(ปกสีแดง หน้า 887 ปกสีน้ำเงิน หน้า 940)
พระบัญญัติ อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่ง ทอง-เงิน หรือยินดี ทอง-เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ก็ดี เป็นนิสสัคคียปาจิตตีย์(นิสสัคคียปาจิตตีย์ 1 ตัว ต้องตกโรรุวนรก 1 ชั่วอายุ คือ 4,000 ปีของนรกขุมนี้ เท่ากับ 840,960,000 ล้านปีมนุษย์)

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535
เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้ มาตรา 15 ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
...(4)รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
**หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา(โยมควรเรียนรู้) ทำบุญแล้วเป็นบาป ตกนรกทั้งพระและโยม
1.ตักบาตรด้วยเงินและทอง
2.ตักบาตรด้วยสิ่งของที่ต้องห้าม ข้าวสารอาหารแห้ง-ดิบ
3.ทำบุญกับพระทุศีล(ผิดศีลธรรมและไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย)รับเงิน รับทอง มีบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นของตนเอง มีบัตรเอทีเอ็ม มีบัตรเครดิต
4.ฯลฯ
จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลไทยฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย 91 เล่ม
**ชาวพุทธทั้งหลาย ขอให้อธิษฐานเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้
"ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญของข้าพระพุทธเจ้าให้เข้าไปรวมเป็นพระราชกุศลของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลังบุญทั้งหลาย ที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อพสกนิกรและราชอาณาจักร ขอบุญนั้นทั้งหมด จงเป็นพลังขับดันโรคภัยทั้งหลายที่กำลังเกิดในพระวรกายของพระองค์ให้อันตรธานไป"

จากหลักฐานเทียบเคียงของการใช้สัจอธิษฐาน ในพระไตรปิฎก 91 เล่ม ฉบับมหามกฎราชวิทยาลัย เล่ม 74 หน้า 447-479 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 1, 3, 341, 342 และ 343 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ (www.samyaek.com) ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ขอจงพิจารณาเอาเถิด เพราะไม่บังคับให้ใครมาเชื่อหรือทำตาม เพียงแต่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย เพื่อให้ชาวพุทธปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ยินดีในบุญกับทุกท่านที่รวมใจกันเปิดเผยพระธรรมวินัยให้รุ่งเรือง ค่ะ

ชฎา มีโครงการ จะเปิด บ้านพักตากอากาศ ติดถนน ติดทะเล ไม่ไกลจาก ท่าเรือ ท้องศาลา บรรยากาศ เหงียบ สงบ เป็นธรรมชาติ ให้เช่าที่เกาะพงัน

"สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"