|
อยากให้หนูรู้จักออม...ทำไมต้องคิดค่านับเหรียญ
อยากให้หนูรู้จักออม...ทำไมต้องคิดค่านับเหรียญ
จากนโยบายของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมให้คนไทยรู้จัก"ออม" โดยเริ่มปลูกฝังมาตั้งแต่วัยเด็ก ที่ผู้ใหญ่มักสอนให้เด็กๆ นำเหรียญมาหยอดกระปุกวันรอคอยให้เต็ม แล้วนำไปฝากธนาคารออมสิน ธนาคารในดวงใจของเด็กๆ แต่กลายเป็นว่าเงินในกระปุกถูกลดทอนลงด้วยการเรียกเก็บค่านับเหรียญร้อยละบาท ซึ่งน้อยกว่าดอกเบี้ยต่อปีที่ได้รับ คงเป็นเรื่องที่ทำให้เสียความรู้สึกมิใช่น้อย
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการแลกเหรียญหรือนับเหรียญของธนาคารพาณิชย์กับลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่ มองได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับการเก็บเงินจากเด็กน้อยที่เก็บออมวันละบาทสองบาทเพื่อ "หยอดออมสิน" แล้ว ในมุมของเด็กๆ อาจทำให้เสียความรู้สึกอยู่มิใช่น้อย เห็นได้จากตัวอย่างในบล็อกของโอเคเนชั่น ที่โพสต์ว่า หนูโดน "ออมสิน" เรียกเก็บตังค์ เล่าให้ฟังว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่สอนลูกให้นำเงินค่าขนมที่เหลือจากโรงเรียนมาหยอดออมสิน เพื่อฝึกให้ลูกเป็นคนเก็บออมและใช้เงินอย่างประหยัด
ครั้นเมื่อปิดเทอมคุณแม่ก็ค่อยๆเอาคีมแกะเส้นลวดที่มัดไว้ตรงปากกระปุกออมสิน เพื่อนำเงินออกมาให้ลูกๆ ช่วยกันนับอย่างตั้งใจว่าใครเก็บได้เท่าไร ซึ่งเมื่อไปถึงธนาคาร พนักงานที่เคาน์เตอร์บอกว่า ให้เอาเหรียญไปนับก่อน เด็กๆ เฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อรอฟังยอดเงินฝาก เมื่อพนักงานนับเสร็จกลับบอกว่า "เสียค่านับพันละสิบบาทครับ" ซึ่งสร้างความสงสัยให้เด็กน้อยว่า ทำไมแบงก์ออมสินต้องคิดค่านับเหรียญด้วย แถมเหรียญที่มีรอยดำก็ไม่เอา
ทำให้มีคำถามต่อไปว่าหากภาครัฐต้องการสนับสนุนให้เด็กๆ รู้จักการเก็บออม แต่ทำไมแบงก์ออมสินที่ชื่อว่าเป็นแบงก์ของเด็กๆ กลับต้องคิดค่านับเหรียญกับเด็กน้อย หรือครั้งต่อไปต้องให้เด็กๆ ใช้แบงก์หยอดกระปุกแทน
อย่างไรก็ตามในการสอบถามถึงนโยบายดังกล่าวกับธนาคารออมสิน นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี รองผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารออมสิน กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีการร้องเรียนเข้ามา และนโยบายของธนาคารก็ไม่ได้มีคำสั่ง หรือกฎระเบียบให้มีการเรียกเก็บเงินค่านับเหรียญดังกล่าว ถือเป็นดุลพินิจของผู้จัดการสาขา
เข้าใจว่าปกติแล้วสาขาส่วนใหญ่ไม่น่าเรียกเก็บเงินค่านับเหรียญที่ประชาชนนำมาฝากเงินเพราะถือเป็นบริการหลักของธนาคารอยู่แล้ว โดยเฉพาะจากเงินฝากจากเด็ก หากมีบางสาขาเรียกเก็บเงินค่านับจริงอาจเป็นแค่บางช่วงเวลา หรือวันที่มีผู้เข้าไปใช้บริการหนาแน่น ซึ่งจะนำไปตรวจสอบข้อมูลดูอีกครั้งหนึ่ง นายวรวิทย์ กล่าว
ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนให้ประชาชนนำเงินเหรียญออกมาหมุนเวียนใช้ในระบบเศรษฐกิจ และลดต้นทุนการผลิตเงินเหรียญ ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร เพื่อหาแนวทางดำเนินการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยอาจให้ถือเป็นนโยบายปฏิบัติทุกสาขา เป็นบรรทัดฐานเดียวกันในการงดเรียกเก็บเงินค่านับเหรียญ หรืออาจแยกบริการรับฝากเงินเหรียญออกจากเคาน์เตอร์ปกติเพื่อบริการลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ เป็นต้น
ขณะที่น.ส.จารุวรรณ จันทิมาพงษ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมอยู่ระหว่างการนำเสนอแผนความร่วมมือในการรับฝากเงินจากสถาบันการเงินของรัฐ ทั้งออมสินและธนาคารกรุงไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับเงินฝากจากประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงการคลัง
นายกุลิศสมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักบริหารเงินตรา กรมธนารักษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันสถาบันการเงินจะคิดค่าธรรมเนียมในการนับเหรียญร้อยละ 1-2 บาท ซึ่งเป็นภาระของผู้ฝาก ทางกรมต้องการที่จะช่วยเหลือด้วยการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง โดยทำหน่วยรับฝากเงินเคลื่อนที่ออกไปรับฝากถึงสถาบันการเงิน หรือตามโรงเรียน วัด หากมีปริมาณเหรียญถึงระดับ 2 แสนบาท ส่วนออมสินกับกรุงไทยนั้น อาจจะเวียนรับแลกเหรียญเดือนละครั้งเพื่อไม่ให้เป็นภาระของธนาคาร
นอกจากนี้จะนำเสนอแผนโดยเปิดให้บริษัทขนส่งเข้ามาทำหน้าที่ขนเหรียญกษาปณ์ไปยังหน่วยจำหน่ายจ่ายแลกแทนระบบเดิมที่เป็นความร่วมมือระหว่างธนารักษ์และกรมบัญชีกลาง ซึ่งทำให้เหรียญกระจายไม่ทั่วถึง โดยจะคัดเลือกมาจากรัฐวิสาหกิจ คือ เคจีเอส บริษัทลูกของกรุงไทยที่ขนเงินอยู่แล้วหรือบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่ขนพัสดุอยู่แล้ว ซึ่งจะเสนอแผนให้ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.การคลัง ภายในสัปดาห์หน้า
จากการสำรวจค่าธรรมเนียมในการนับเหรียญของธนาคารพาณิชย์อื่นๆพบว่า แต่ละธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมในอัตราที่แตกต่างกัน โดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะไม่คิดค่าธรรมเนียมกรณีนำเงินเหรียญเข้าฝากในบัญชีของธนาคารในอัตรา 2,000 บาทแรก ส่วนเกินจากนั้นจะคิดในอัตราร้อยละ 1 ส่วนกรณีที่นำเงินเหรียญไปแลกกับธนาคารโดยไม่เข้าบัญชีของธนาคารจะเริ่มคิดทันทีในอัตราร้อยละ 1 และกรณีที่นำธนบัตรไปแลกเป็นเหรียญธนาคารจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) คิดค่าธรรมเนียมการนับเหรียญร้อยละ 2 และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จะไม่คิดค่าธรรมเนียมการนับเงินเหรียญในจำนวน 500 เหรียญแรก และตั้งแต่ 501 เหรียญจะคิดในอัตราร้อยละ 1 ของมูลค่าเหรียญทั้งหมด ซึ่งจะเป็นอัตราเดียวกันทั้งกรณีนำเงินเข้าฝากในบัญชีของธนาคารและการแลกเป็นธนบัตรกับธนาคาร ส่วนกรณีที่นำธนบัตรมาแลกเป็นเงิน เหรียญจะไม่คิดค่าธรรมเนียม
ด้านธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) หากนำเงินเหรียญมาฝากจะคิดที่พันละสิบบาท หรือในอัตราร้อยละ 1 แต่จะไม่รับแลกเงินในกรณีนำเงินเหรียญมาแลกเป็นธนบัตร ส่วนการนำธนบัตรมาแลกเป็นเงินเหรียญธนาคารจะไม่คิดค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพจะไม่รับเงินเป็นเหรียญสลึงด้วย ขณะที่ธนาคารนครหลวงไทยจะคิดค่าธรรมเนียมในการนับเหรียญกรณีรับฝากเงินเกิน 2,000 บาท ในอัตราร้อยละ 1 แต่หากต่ำกว่า 2,000 บาท จะไม่คิดค่าธรรมเนียม รวมถึงกรณีนำเหรียญไปแลกเป็นธนบัตรและนำธนบัตรมาแลกเงินเหรียญก็จะไม่คิดค่าธรรมเนียม เพราะส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีลูกค้ามาแลกที่ธนาคารอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ต้องการแลกเหรียญโดยไม่ต้องการเสียค่าบริการสามารถใช้บริการของเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยพนักงานประจำร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาสยามสแควร์ซอย 6 กล่าวว่า ร้านเซเว่นฯ เปิดให้ลูกค้าทั่วไปที่ต้องการนำเหรียญบาท หรือเหรียญเศษสตางค์ มาแลกเป็นธนบัตรโดยไม่คิดค่าบริการในการนับแลกเหรียญ เนื่องจากแต่ละวันทางร้านจะต้องใช้เศษเหรียญบาทและเหรียญสตางค์ เพื่อทอนเงินให้ลูกค้าจำนวนมาก
"ในแต่ละวันจะมีลูกค้านำเศษเหรียญมาแลกหลายราย โดยมีตั้งแต่นำมาแลกเป็นหลักร้อยบาท กระทั่งมาขอแลกเป็นเหรียญสิบ ซึ่งการให้ลูกค้านำเหรียญมาแลกนั้น ยังช่วยให้ร้านไม่ต้องเสียเวลาไปแลกเหรียญที่กองกษาปณ์ ต้องเสียเวลาและมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เท่าที่ทราบร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา จะเปิดให้ลูกค้าที่มีเศษเหรียญนำมาแลกได้ตลอด 24 ชั่วโมง" พนักงานคนเดิม กล่าว
การเสียเงินค่านับเหรียญแค่ร้อยละบาทอาจเป็นเรื่องธรรมดาและถูกมองข้ามแต่หากลองคิดให้ลึกๆ ว่า ปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่แบงก์คิดให้ลูกค้าอยู่ต่ำกว่านั้น เพียงร้อยละ 0.50-0.75 ขณะที่ต้องใช้ระยะเวลา 1 ปีกว่าได้ดอกเบี้ยดังกล่าว และกว่าเด็กๆ จะเก็บออมเงินให้ได้สักร้อยบาท หรือพันบาท ต้องใช้เวลาอีกเท่าไร แต่เพียงแค่พวกเขาเอาเงินออกจากกระปุกกลับต้องเสียค่านับไปมากกว่าดอกเบี้ยที่จะได้รับ นี่น่าจะเป็นอีกมุมมองหนึ่งในการพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย
แหล่งที่มา
//www.komchadluek.net/images2007/komchadluk_r94_c50.jpg
Create Date : 25 มกราคม 2552 |
Last Update : 25 มกราคม 2552 22:51:54 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1017 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:23:48:32 น. |
|
|
|
| |
|
|