|
I.O.U.S.A. 'ความจริงที่ไม่น่าอภิรมย์'...
I.O.U.S.A. 'ความจริงที่ไม่น่าอภิรมย์'...
:เป็นชื่อของภาพยนตร์สารคดีที่ฉายในสหรัฐอเมริกาและได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมากในแวดวงการเงินอยู่ในขณะนี้
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : โดยเป็นภาพยนตร์ที่มาในแนวทางเดียวกันกับ ความจริงที่ไม่น่าอภิรมย์ (An inconvenient truth) ที่กล่าวถึงความน่ากลัวของโลกร้อน จนสร้างกระแสความตื่นตัวไปทั่วโลก
I.O.U.S.A. ได้แสดงถึงความจริงที่น่าตกใจของสถานภาพทางการเงินของสหรัฐ ด้วยภาษาที่ไม่ยากต่อความเข้าถึงและเข้าใจของผู้คนทั่วไป
โดยมีนายเดวิด เอ็ม วอกเกอร์ อดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง ซึ่งรับตำแหน่งต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ปี นับตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีคลินตัน ก่อนที่จะเพิ่งลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาเป็นผู้เดินเรื่อง ร่วมด้วยผู้ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงการเงิน และการลงทุนอย่าง อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ และวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลก
ภาพยนตร์ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของปัญหาที่ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐกำลังประสบ ซึ่งเกิดขึ้นทั้งจากโครงสร้างระดับนโยบาย จนกระทั่งถึงระดับผู้คนทั่วไป ที่มีวิสัยการใช้จ่ายมากกว่าที่สามารถหามาได้
ความจริงที่น่าพรั่นพรึง คือ ในปี 2550 ประเทศจีนมีดุลการค้าเกินดุลสูงที่สุดในโลกถึง 262,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่สหรัฐฯขาดดุลการค้าสูงที่สุดในโลกถึง 847,000 ล้านดอลลาร์ โดยในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เจ้าหนี้ของหนี้ภาครัฐเหล่านี้ คือ คนอเมริกัน
แต่ ณ สิ้นปีที่แล้ว 45% ของเจ้าหนี้เหล่านี้กลับกลายเป็นรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ในปี 2583 หรืออีก 30 ปีข้างหน้า หนี้ภาครัฐของสหรัฐจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 250% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 63%
โดยอัตราการออมของคนอเมริกันยังติดลบในปี 2548 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 71 ปีของประวัติศาสตร์เศรษฐกิจสหรัฐ (ที่มา: Kiplinger.com)
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้อธิบายไว้อย่างน่าสนใจในภาพยนตร์ว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาสหรัฐฯได้เริ่มบริโภคมากกว่าที่ผลิตได้ และต้องพึ่งพาแรงงานของประเทศอื่นให้ผลิตสินค้าเพื่อบริโภคในแต่ละวัน และด้วยสหรัฐฯเป็นประเทศที่ร่ำรวยจึงสามารถทำเช่นนี้ได้เป็นระยะเวลายาวนาน และเป็นจำนวนมหาศาล
แต่ที่สุดแล้วก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ตลอดไป ไม่ต่างกับการใช้บัตรเครดิต ที่เมื่อเราลาออกจากงานและไม่มีรายได้ แต่ยังคงต้องการใช้จ่ายเหมือนเดิม ก็ต้องขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ จากนั้นใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้อีกระยะหนึ่ง (เพราะยังคงมีเครดิตอยู่ในสายตาของแบงก์) ที่สุดก็ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องผลิตมากยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อล้างหนี้ที่มีอยู่
สรุปแล้วเศรษฐกิจของสหรัฐในปัจจุบันอาจเรียกเป็นภาษาชาวบ้านได้ว่าอยู่ในภาวะ ถังแตก ทั้งในระดับรัฐบาลและภาคประชาชน ซึ่งแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในประเทศอื่น
แต่อาจถือเป็นบทเรียนในชีวิตจริงได้เป็นอย่างดี ว่าขนาดประเทศมหาอำนาจซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทั้งด้านเศรษฐกิจ และการเมือง ยามเมื่อใช้เงินเกินตัวต่อเนื่องยาวนานก็เกิดปัญหาที่รุนแรงกระทบกระเทือนความเป็นอยู่ของประชาชนทุกระดับชั้นได้เช่นกัน
สุดท้ายก็มาถึงคำถามที่หลายคนต้องการคำตอบว่า เราในฐานะประชาชนคนธรรมดา ควรจะต้องทำอย่างไรเพื่อเตรียมตัวให้รอดพ้นจากความไม่มั่นคงทางการเงินที่ว่านี้ คงต้องยกเอาคำกล่าวของนายอลัน กรีนสแปน ที่ทิ้งท้ายไว้ในภาพยนตร์ว่า มนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ หากปราศจากทุนสำรองเพื่ออนาคต (Human being cannot survive unless they create provision for the future.)
แล้วคุณล่ะเตรียมทุนสำรองสำหรับอนาคตแล้วหรือยัง? (ดูตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่ https://www.youtube.com
เรื่อง : ดารบุษป์ ปภาพจน์ : darabusp@ktam.co.th
ที่มา //www.bangkokbiznews.com/2008/09/01/news_290049.php
Create Date : 02 กันยายน 2551 |
Last Update : 2 กันยายน 2551 0:36:04 น. |
|
1 comments
|
Counter : 439 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
ยิ่งการเงินชอบผันผวนตามภาวะการเมืองเสียด้วย
ขอบคุณที่นำมาฝากกันนะคะ