All Blog
โรงพยาบาล2
บ่นเรื่องโรงพยาบาลญี่ปุ่น2 
จากที่เล่าว่า รพญี่ปุ่น แบ่งเป็นสองประเภทเหมือนที่ไทย 
1.โรงพยาบาล ที่มีน้อยและเข้ายากจัง 
2.คลีนิค ที่มีเยอะมาก แล้วแยกเป็นประเภทๆไป เหมือนเราเป็นไรก้อไปตามแผนกนั้นๆเอาอะค่ะ แต่มันอยู่คนละที่กัน จะไปให้มันจบที่เดียวกันก้อไม่ได้
 
 และที่น่าเบื่อสำหรับคนไทยอย่างเรานะคะ คือ คลีนิคที่นี่ มันเปิดปิดเวลาแบบน่ารำคาญอะ อย่างเปิด9โมงถึงเที่ยง พอช่วงบ่าย เปิดสักสามโมงถึงห้าหกโมงแล้วแต่คลีนิคไปค่ะ ไม่พอค่ะ วันอาทิตย์ก้อปิด แล้วยังปิดระหว่างสัปดาห์ด้วย สรุปส่วนมากอาทิตย์นึ่งปิดสองวันค่ะ แถมคนแน่นมากๆ ยิ่งคลีนิคยอดฮิต คลีนิครักษาโรคทั่วไป คลีนิคผิวหนัง รอไปค่ะอย่างต่ำ ครึ่งชั่วโมง แต่พอคิวเรา พบหมอไม่ถึง5นาที ทำไมเร็วจังไม่รู้คนก่อนหน้าเข้าไปทำไรกัน คุยกันนานนักนะ (จากประสบการณ์ที่ ย้ายบ้านมาหลายครั้ง แถวบ้านรอนานมากอย่างต่ำชั่วโมงอัพค่ะ) พอตรวจเสร็จ จ่ายตังค์ ก้อต้องเอาใบสั่งยาไปซื้อยาอีกที่ ที่ร้านขายยาค่ะ ซึ่งก้อต้องรอต่อไป แต่ถ้ารักษาในโรงพยาบาลใหญ่ๆ ก็จะไปที่เดียวจบเลยค่ะ รับยาในโรงพยาบาลนั้นแหละค่ะ 

พอตรวจเสร็จ เวลาหมอจะสั่งยา หมอจะถามเราค่ะ ถามยาเม็ดหรือผงดี ถ้าเป็นเด็กก็อจะถามเป็นน้ำหรือผงดีแบบนี้อะค่ะ เท่าที่ชิมยาลูกมา ผงหรือน้ำ ก้ออร่อยหมดหวานดีค่ะ555
 
แต่ชอบยาที่นี่นะคะ ถ้าเป็นยาของเด็กเล็กๆ เภสัชกรส่วนใหญ่จะถามน้ำหนักเด็ก แล้วจะผสมยาให้ใหม่เลย อย่างเอายาแก้แพ้ ผสมกะตัวยาแก้ไอ ไรแบบนี้อะค่ะ สองตัวยาให้ในขวดเดียวกัน หรือซองเดียวกันเลยค่ะ ให้ทานง่ายขึ้น เอาใจกันไปเลยค่ะเต็มสิบ สำหรับความใส่ใจ
 
บ่นต่อค่ะ นอกจากนี้ การเข้ารพ.ในญี่ปุ่นก้อน่ารำคาญ อยู่ๆเป็นไรเอ๊ะอะไปโรงพยาบาลแบบบ้านเราไม่ได้นะคะ ไม่ได้เปิด24ชมอีกต่างหาก เป็นไรกลางคืน อย่างแรกค่ะ โทรเรียก รถฉุกเฉิกค่ะ เบอร์ 119 ซึ่งเป็นเบอร์เดียวกันกะเบอร์รับแจ้งอัคคีภัยค่ะ เค้าจะถามเลยค่ะ ไฟไหม้หรือ อุบัติเหตุ เราก้อเล่าไปค่ะอาการแบบไหน แล้วเค้าก้อจะจัดส่งรถโรงพยาบาลมารับเราค่ะ (เวลาขึ้นรถฉุกเฉิน บ้านไหนที่มีญาติอยู่ เค้าจะให้เราขึ้นไปกับคนป่วยด้วยค่ะ ไปให้กำลังใจข้างเตียงเลยจ้า) 
 
อีกเบอร์ที่อยากแนะนำคือ #7119 ค่ะ คือไม่แน่ใจจะเรียกรถฉุกเฉิกดี หรือไปโรงพยาบาลไหนดี โทรเบอร์นี้ก่อนเลยค่ะ แล้วปรึกษา เล่าอาการไปค่ะ ถ้าไม่หนักมากเค้าจะติดต่อโรงพยาบาลรอเราไว้ เราไปถึงแจ้งชื่อพบหมอจ่ายตังค์ค่ะ ถ้าอาการหนักเค้าจะติดต่อรถฉุกเฉิกมาไปรับถึงบ้านเลยค่ะ
 
นอกจากโรงพยาบาลไม่เปิดตลอด24ชม แล้วยังเข้ายากด้วยค่ะ ส่วนใหญ่จะมีจดหมายส่งตัวมาถึงเข้าได้ แต่จะwalk in ไปเลยก้อมีนะคะ แต่ค่ารักษาจะบวกๆขึ้นไปอีกค่ะ 
 
คนส่วนใหญ่มักชอบคิดว่าที่โรงพยาบาล หมอต้องเก่ง เครื่องมือต้องพร้อม ดังนั้นเพื่อป้องกัน ไม่ให้คนแห่ไปโรงพยาบาลกันหมด จึงต้องมีจดหมายส่งตัวค่ะ แล้วร้านหมอ คลีนิคเล็กๆ ก็อยู่ได้ด้วยค่ะ 
 
สามีเล่าว่า สมัยก่อน คนสูงวัยเป็นไรนิดหน่อย ไข้หวัดธรรมดา ปวดหัวปวดท้อง เอ๊ะอะไร ก้อไปหาโรงพยาบาล ทำให้หมอนางพยาบาลโรงพยาบาลงานล้นค่ะ เค้าเลยใช้วิธีนี้ เหมือนเป็นการสแกนคนไข้ไประดับนึ่งค่ะ 
 
โรงพยาบาลในญี่ปุ่น ไม่ใช่ว่าทุกที่จะเปิดแผนกฉุกเฉินรอบดึกไว้นะคะ ไม่ได้มีทุกโรงพยาบาล มีเป็นที่ๆเอา ดังนั้นเป็นไรขึ้นมา โทรแจ้ง เบอร์ฉุกเฉิน ทั้งสองเบอร์ให้ไปค่ะ ถ้าได้ไปสักครั้ง ครั้งต่อไปจะติดต่อกลับโรงพยาบาลโดยตรงเลยก้อได้ค่ะ 
 
โรงพยาบาลส่วนใหญ่เปิดปิดเป็นเวลา ถ้าเป็นไรนอกเวลาทำการ อย่างวันเสาร์ อาทิตย์ หรือรอบดึกเนี่ย หน้าโรงพยาบาลมันจะเงียบสงัดนัก บ้างก็ไม่มีพนักงานที่ประชาสัมพันธ์ ยิ่งเป็นกลางคืนนั้นด้านนอกก้อมืด ด้านในส่องไปก้อมืดอีก อีประตูทางเข้าก็ล็อก เค้าเปิดปิดเป็นเวลา อย่างเปิด7-8โมงเช้าปิด6โมงเย็นไรแบบนี้ จะเดินอย่างสง่างามเข้าไปไม่ได้นะคะ ต้องกดอินเตอร์โฟน เรียกพนักงานมาเปิดให้ค่ะ บ้างก้อมีประตูสำหรับทางฉุกเฉินโดยเฉพาะอยู่ด้านข้างตัวตึกค่ะ ไปใหม่ๆเนี่ยเดินหากันรอบตัวตึกกันเลยค่ะ 5555 
 
เอกสารที่ต้องเอาไปด้วยทุกครั้งที่ไปหาหมอนะคะ คือบัตรสุขภาพค่ะ เพราะประเทศญี่ปุ่นช่วยค่าใช้จ่ายในรักษาถึง70% เราจ่ายแค่30%เองค่ะ ยิ่งอายุ65ปีไปแล้วนะคะและเด็ก จ่ายแค่20%เองค่ะ ถูกมากแล้วอุ่นใจด้วยค่ะ ยิ่งคนมีรายได้น้อย ค่ารักษาพยาบาลเด็กฟรีเลยนะคะ  อีกอย่างที่ชอบคือ ค่ารักษาที่ญี่ปุ่นสำหรับคนที่มีประกันสังคมนะคะ ถ้าค่ารักษาเกินแสนเยน ส่วนเกินทำรัฐออกค่ะ
 
ถ้าเกิดลืมขึ้นมาจ่ายเต็มค่ะ แล้วค่อยเอาบัตรมาโชว์และใบเสร็จมารับเงินคืนทีหลังได้ ภายในเดือนนั้นๆนะคะ 
 
จบแล้วค่ะ ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บนะคะ




ซ้ายบน
ร้านยาจะจัดยาเป็นมื้อๆเลยค่ะ หน้าซอง มีชื่อ ทานก่อนหลัง  ชื่อยาที่จ่ายไป ใช้สะดวก พกพาสะดวกมาก 
 
ขวาบน
ชุดยาเด็กก้อประมาณนี้ค่ะ ยาผง 
 
ล่าง 
ยาน้ำเด็กค่ะ มีถามน้ำหนักผสมใหม่ทุกครั้ง ฝาขวดส่วนใหญ่จะมีที่ตวงยาด้วย ขีดถึงกี่ซีซีก้อ เททานยาแค่นั้น สะดวกมาก ใส่ใจมากค่ะ 
 
และที่ขาดไม่ได้ สมุดยาค่ะ เวลาเราซื้อยาที่จ่ายโดยหมอ เภสัชกรจะอธิบายวิธีใช้โดยละเอียดทุกครั้ง และแปะสติ๊กเกอร์ชื่อยามาด้วยทุกครั้ง เป็นประวัติการใช้ยาของเรา แต่เดี๋ยวนี้จะสะดวกขึ้นมีแอฟสมุดยาแล้ว ไม่ต้องพกก้อได้ค่ะ 

สมุดประวัติการใช้ยา ส่วนใหญ่ได้ฟรีค่ะ พอไปซื้อยาเค้าจะถามมีมั้ย ไม่มีก็จัดไปค่ะ มีตั้งแต่เล่มธรรมดาถึงเป็นลายซานริโอไรแบบนี้อะค่ะ มุนมิ้งมากเลยช่ายมั้ยคะ แล้วเหล่าเภสัชกรก้อจะบรรจงปิดสติกเกอร์ยาต่างๆที่เราใช้ในสมุดนั้นแหละค่ะ ส่วนรูปสุดท้ายนะคะ เป็นวิธีใข้ยาชนิดต่างๆค่ะ มีชื่อยา ทานกี่ครั้งต่อวัน ก่อนหลัง แบบนี้อะค่ะ 
 







Create Date : 06 มีนาคม 2566
Last Update : 6 มีนาคม 2566 22:59:22 น.
Counter : 663 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณtoor36, คุณnewyorknurse

  
ความรู้สึกเหมือนประกันสังคมบา้นเราเลยครับ รอเป็นชั่วโมง (ส่วนมาก 2) ดูแล้วมันไม่ All in One แบบบ้านเรา ก็ต้องปรับตัวไปล่ะนะ แต่ัมนก็รู้สึกน่ารำคาญจริงๆ ไม่สะดวกเลย เคยได้ยินมาว่าที่ญี่ปุ่นซื้อยาเองยากด้วย เลยลำบากหน่อย ที่ไทยซื้อค่อนข้างง่ายเลย เข้าร้านขายยาถ้าไม่ใช่ยาอันตรายยังไงก็ซื้อได้

โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 มีนาคม 2566 เวลา:11:19:21 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

yoyos
Location :
川崎  Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



อยู่ญี่ปุ่น เลี้ยงลูกค่ะ เลี้ยงตามตำรา
ไม่ตี พูดด้วยเหตุผล ผลคืออีแม่จะบ้า555
ต้องมาระบายออกบ้าง เลยกลับมาเล่นในพันทิปอีกครั้ง หลังจากหายไปนานมาก
ใครหลังไมค์มา ไม่ค่อยได้มาดู ตอบช้าถึงช้ามากนะคะ