It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
All blogs
 

หอไฮเฟล คู่แฝด ไอเฟล :Eiffel Tower



กรุงปารีสและเมืองฮาร์เปอร์เฮย์แทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย แต่ทั้ง 2 เมืองอาจจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เร็วๆ นี้
กรุงปารีสและเมืองฮาร์เปอร์เฮย์แทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย เมืองหนึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสและเคยได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงของยุโรปที่มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมและแหล่งแฟชั่น ส่วนอีกเมืองหนึ่งเป็นเมืองที่อยู่ชานเมืองของแมนเชสเตอร์ เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ และเคยถูกเรียกว่าเป็นย่านที่อัตคัดขัดสนที่สุดในอังกฤษ
แต่ทั้ง 2 เมืองอาจจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เร็วๆ นี้ หลังจากที่ฮาร์เปอร์เฮย์เปิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ชื่อว่า “หอไฮเฟล” (H'Eiffel tower) ซึ่งบูรณะมาจากปล่องไฟของโรงอาบน้ำโบราณฮาร์เปอร์เฮย์และประดับประดาด้วยแสงไฟสีน้ำเงินที่สามารถมองเห็นได้ตลอดทางตอนเหนือของเมือง



สมาชิกสภาเมืองฮาร์เปอร์เฮย์บอกว่า หอไฮเฟลแห่งนี้กลายเป็นหัวข้อที่คนท้องถิ่นพูดคุยกันมากที่สุดหลังจากที่ทางสภาเมืองได้ทำหนังสือเชิญนายกเทศมนตรีกรุงปารีสให้มาร่วมงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และยังเสนอให้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมแห่งมิตรภาพระหว่างปารีสและฮาร์เปอร์เฮย์ด้วย ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 เมืองกลายเป็นเมืองพี่เมืองน้องหรือเมืองคู่แฝดกันนั่นเอง
แต่หลายคนกลับเห็นแย้งว่า ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่มีทางที่ทั้ง 2 เมืองจะกลายเป็นเมืองคู่แฝดกันได้เลย
ในขณะที่กรุงปารีสซึ่งมีประชากร 2.1 ล้านคนเป็นเมืองที่ใหญ่และร่ำรวยที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรป เมืองฮาร์เปอร์เฮย์ซึ่งมีประชากร 8,834 คนเคยถูกเรียกว่าเป็นย่านที่อัตคัดขัดสนที่สุดในอังกฤษ กระนั้นก็ดี เมืองนี้ก็พอจะมีสิ่งที่มีชื่อเสียงอยู่บ้าง เพราะมันเป็นบ้านเกิดของ แอนโธนี่ เบอร์เจส นักเขียนหนังสือเรื่อง A Clockwork Orange และเป็นสถานที่ตั้งของบาร์ Embassy Club ซึ่งเป็นบาร์ของเบอร์นาร์ด แมนนิ่ง นักร้องและนักแสดงตลก ปัจจุบันเปิดเป็นบาร์โชว์คาบาเร่ต์
แม้ว่ากรุงปารีสจะเป็นเมืองแฟชั่นที่มีร้านเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ชื่อดังอย่างโคโค่ ชาแนลและคริสเตียน ดิออร์ ฮาร์เปอร์เฮย์ก็มีร้านเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ที่ราคาสมเหตุสมผลมากกว่าอย่าง เอเธล ออสเตน และจอร์จที่ห้างสรรพสินค้าแอสด้า
หอไฮเฟลของเมืองฮาร์เปอร์เฮย์สร้างขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อน หอคอยนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าเหนืออาคารใหม่ของวิทยาลัยแมนเชสเตอร์หลังจากที่มีการใช้เงินไปราว 9 ล้านปอนด์หรือ 432 ล้านบาทในการบูรณะโรงอาบน้ำที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด

- คล๊ก ชม ภาพและ ราย ละเอียด.....




 

Create Date : 16 มกราคม 2554    
Last Update : 16 มกราคม 2554 12:55:57 น.
Counter : 1249 Pageviews.  

ลักเซมเบิร์ก ไร้ทะเลเสน่ห์ยังมี; ติด 1 ใน 10 ประเทศที่น่าท่องเที่ยว

โดย : มานพ จันทรฯ





ลักเซมเบิร์ก แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ก็จัดว่าเป็นจุดหมายของการเดินทางที่ได้รับความนิยมติด 1 ใน 10 ประเทศที่น่าท่องเที่ยวของปี 2007 มาแล้ว






ในยามนี้หลายประเทศในแถบยุโรปกำลังเผชิญกับอากาศอันหนาวเหน็บทั้งพายุหิมะกระหน่ำจนกระทั่งการสัญจรไปมายากลำบาก แต่คนในประเทศเขตร้อนกลับอยากสัมผัสอากาศหนาว ได้เห็นเพียงแค่เกร็ดน้ำค้างแข็งบนยอดดอย หรือ”แม่คะนิ้ง”ก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว


เอาเป็นว่าสำหรับผู้ที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายเดินทางไปยังต่างประเทศได้ “กลุ่มประเทศเบเนลักซ์” อันประกอบด้วยเบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยเฉพาะ ลักเซมเบิร์ก แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ก็จัดว่าเป็นจุดหมายของการเดินทางที่ได้รับความนิยมติด 1 ใน 10 ประเทศที่น่าท่องเที่ยวของปี 2007 มาแล้ว



ราชรัฐลักเซมเบิร์ก (Grand Duchy of Luxembourg) เป็นประเทศขนาดเล็กที่ไม่มีทางออกทะล อยู่ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป มีพรมแดนด้านตะวันออกติดกับประเทศเยอรมนี ด้านใต้ติดกับฝรั่งเศส และด้านตะวันตกติดกับเบลเยียม มีเมืองหลวงชื่อเดียวกับประเทศคือ “ลักเซมเบิร์ก”นั่นเอง

ความจริงงลักเซมเบิร์กเป็นรัฐขนาดเล็ก มีประวัติความเป็นมาย้อนหลังมากกว่า 1,000 ปี เมื่อปี ค.ศ. 963 Siegfried เคานท์แห่ง Ardennes และผู้ก่อตั้งราชวงศ์ลักเซมเบิร์กสร้างปราสาทในบริเวณเมืองหลวงของลักเซมเบิร์กในปัจจุบัน




ในช่วงปลายยุคกลางจนถึงศตวรรษที่ 15 ราชวงศ์ลักเซมเบิร์กมีความรุ่งเรืองมาก กษัตริย์หลายพระองค์ในยุโรปสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์นี้ อาทิ จักรพรรดิปกครองเยอรมนี 4 พระองค์ กษัตริย์ปกครองโบฮีเมีย 4 พระองค์ และกษัตริย์ปกครองฮังการี 1 พระองค์

อย่างไรก็ตามหลังยุคอันรุ่งเรืองลักเซมเบิร์กประสบความพ่ายแพ้ในสงครามหลายครั้ง และตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาติต่างๆ เช่น เบอร์กันดี สเปน ฝรั่งเศส ออสเตรีย และรัสเซีย มาได้อิสรภาพ เมื่อ ค.ศ.1815 โดยการประชุมที่เวียนนา ได้ยกฐานะของลักเซมเบิร์กจาก Duchy เป็น Grand Duchy และมอบให้เป็นพระราชสมบัติส่วนพระองค์ของกษัตริย์เนเธอร์แลนด์ และในปี ค.ศ.1867 สนธิสัญญาลอนดอน ได้รับรองบูรณภาพ แบ่งดินแดน และสิทธิในการปกครองตนเองของลักเซมเบิร์ก


ลักเซมเบิร์กจัดว่าเป็นเมืองในหุบเขาที่มีจุดชมวิวและทิวทัศน์ เมื่อไม่มีทะเลธรรมชาติก็ชดเชยด้วยแม่น้ำในหุบเขาที่สวยงาม นักเดินทางสามารถนั่งรถชมหุบเขาสลับกับการเดินชมเมืองที่ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกโลก ตั้งแต่ปี 1994 และมักถูกขนานนามว่าเป็น“สวิตเซอร์แลนด์น้อย”อีกด้วย




สิ่งที่น่าตื่นตาก็คือการเดินบนสะพานข้ามหุบเขาที่อยู่เหนือเมือง สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างเต็มตา ในขณะที่ย่านเก่าแก่ที่สุดที่เรียกว่า “Wenzel Walk” ก็เป็นที่นิยม อาคารหลายแห่งในเขตเมืองเก่า ได้รับการอนุรักษ์อย่างเหมาะสม ปราสาทและป้อมปืนสำคัญ มหาวิหาร ในศตวรรษที่ 17 และบ้านเรือนต่างๆ สถานที่สำคัญทางราชการ รวมไปถึงตลาดแหล่งจับจ่ายที่มองเห็นวิถีชีวิตของผู้คน

ชนดั้งเดิมของลักเซมเบิร์กมีเชื้อสายเป็นพวก “เซลติก” ใช้ภาษาเยอมันและฝรั่งเศส เพราะความเป็นประเทศเล็กจึงพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้าน แต่ที่นี่ก็เป็นแหล่งผลิตเหล็กกล้าชั้นดี มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคาร เทคโนโลยีดาวเทียม แถมยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมจนมีการจัดเทศกาลองุ่นอยู่ทุกปีอีกด้วย

ลักเซมเบิร์กมีพลเมืองราว 5 แสนคน ในจำนวนนั้นมีคนไทยอยู่ราว 500 คน ทั้งที่แต่งงานเป็นพลเมืองของที่นั่น ประกอบอาชีพคนงาน เจ้าของร้านอาหารไทย ร้านขายของ และความสัมพันธ์ระหว่างของทั้งสองประเทศก็เป็นไปด้วยดี




Flawless (2007) เล่าเรื่องความโลภของมนุษย์ ย้อนไปในยุค 60 จับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “ลอร่า” (เด มี่มัวร์) ผู้บริหารระดังสูงของบริษัทค้าเพชรแห่งหนึ่งที่ของเกษียณอายุออกจากงานด้วยความคับแค้นใจ จึงคิดว่าควรจะมีอะไรติดไม้ติดมือออกไปด้วย

ลอร่าจึงได้วางแผนไว้อย่างดีโดยตีสนิทกับ“ฮ็อบส์” (ไมเคิล เคน) พนักงานทำความสะอาดของบริษัทซึ่งรู้เกือบทุกซอกมุมของห้องนิรภัย เพื่อให้ช่วยโจรกรรมเพชรของบริษัทออกมาจำนวนหนึ่งที่บริษัทอาจไม่ผิดสังเกตว่าหายไป แต่เอาเข้าจริงๆ เพชรจำนวนมากได้อันตรธานจากห้องนิรภัยส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศและกระทบเป็นลูกโซ่ต่อทวีปยุโรปอย่างคาดไม่ถึง


Flawless (2007) กำกับโดย ไมเคิล แรดฟอร์ด ชาวอังกฤษแต่เกิดในอินเดีย ซึ่งภาพยนตร์ดำเนินเรื่องได้อย่างน่าเบื่อในช่วงต้น มาเริ่มระทึกใจเอาตอนกลางเรื่อง โดยใช้สถานที่ถ่ายทำในอังกฤษ และบางส่วนในลักเซมเบิร์ก

ประเทศขนาดเล็กจิ๋วแต่แจ๋วแห่งนี้



- //www.bangkokbiznews.com




 

Create Date : 12 มกราคม 2554    
Last Update : 12 มกราคม 2554 5:42:09 น.
Counter : 5702 Pageviews.  

เซี่ยงไฮ้...ไม่ใช่ขนม.....

โดย : มานพ จันทรฯ




เซี่ยงไฮ้ยุคใหม่เป็นศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ของภูมิภาค และเป็นเมืองที่ผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมทั้งจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน




นครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) สาธารณรัฐประชาชนจีน เพิ่งเสร็จสิ้นจากการเป็นเจ้าภาพจัดงาน The World Exposition Shanghai China 2010 หรือเรียกสั้นๆ ว่า World Expo 2010 ซึ่งดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ได้จำนวนมาก ทั้งคนชาติเดียวกันและต่างชาติ

เซี่ยงไฮ้ หรือ “ซังไห่” เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำแยงซีเกียง จัดว่าเป็นเขตปกครองพิเศษแบบเทศบาลนคร มีสถานะเทียบเท่ามณฑล แม้จะตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง แต่ก็ไม่ได้ขึ้นกับมณฑล การปกครองทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับรัฐบาลกลาง



เดิมเมืองนี้เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศและเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการค้าขายระดับโลก มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นราว 20 ล้านคน


เซี่ยงไฮ้ยุคใหม่เป็นศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ของภูมิภาค ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การลงทุน รวมถึง ด้านแฟชั่น และการท่องเที่ยว เป็นเมืองที่ผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมทั้งจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน โดยปรากฏให้เห็นในอาคารสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมตามเขตเช่าเดิมของชาวตะวันตก ที่เรียกว่า “บันด์” (The Bund)




ย่านเก่าแก่ของเซี่ยงไฮ้หรือเรียกอีกอย่างว่า ย่านถนนซ่งชาน อยู่ริมแม่น้ำหวงผู่ฝั่งตะวันตก จุดที่มีชื่อเสียงของย่านนี้อยู่ทางฝั่งตะวันตก ซึ่งโดยรอบเต็มไปด้วยอาคารที่มีลักษณะโดดเด่นของศิลปะแบบกอธิคบาโรค โรมาเนสก์ คลาสสิก และเรอเนอซองส์ ในขณะที่เขตเมืองเก่าบริเวณสวนยูหยวน (Yuyuan) ที่สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง ยังคงรูปแบบอาคารสถาปัตยกรรมแบบจีน ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ขายของที่ระลึกและศิลปะต่างๆ


นอกจากนั้นยังมีสถานที่ที่ผู้มาเยือนไม่ขาดสาย เช่น ถนนนานกิง สัญลักษณ์สำคัญของเซี่ยงไฮ้ มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางวัฒนธรรมและการออกแบบ เป็นถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยแหล่งร้านค้าสินค้าต่างๆ หนึ่งในย่านนั้นมีอาคารจินเหมาทาวเวอร์และอาคารเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ ไฟแนนเชียล เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศจีน


อาคารสมัยใหม่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้อีกแห่งก็คือ หอไข่มุก (Oriental Pearl Tower) เป็นหอส่งสถานีโทรทัศน์ที่สูงสุดในเอเชีย และสูงที่สุดเป็นอันดับสามของโลก ด้วยความสูงถึง 468 เมตร มีความโดดเด่นในการออกแบบ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นสู่หอสูงเสียดฟ้าได้ด้วยลิฟต์หกตัว เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของนครเซี่ยงไฮ้ ในระดับความสูงที่ 267 เมตร มีภัตตาคารหมุนหรูอยู่ในนั้นด้วย



หากสนใจประวัติศาสตร์ก็ควรไปเยือนพิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Museum of History) ซึ่งนอกจากส่วนจัดแสดงที่แบ่งเป็น 10 ส่วนแล้ว ยังจัดนิทรรศการทางวัฒนธรรมทั้งในและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่จัตุรัสเหรินหมิน บนถนนเหรินหมินต้าเต้า


ในขณะที่อดีตบ้านพัก ดร.ซุน ยัต เซ็น (Sun Yat Sen Residence Former) บ้านเลขที่ 7 บนถนนเซียงชาน ที่ตั้งของอาคาร 2 ชั้นสไตล์ยุโรป บ้านของผู้นำการปกครองแบบประชาธิปไตยของจีน ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ


สำหรับชาวพุทธแล้ว วัดพระหยกขาว (White Jade Buddha Temple) ฝั่งตะวันตกของนครเซี่ยงไฮ้ เป็นเขตเมืองที่ทันสมัย มีวัดน่าเข้าไปสักการะและมีพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงเป็นพระพุทธรูปหยก สร้างขึ้นในปี 1882 เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ 2 องค์ มีความเป็นมาในอดีตที่น่าค้นหาอย่างยิ่ง

ความเจริญของเซี่ยงไฮ้ด้านหนึ่งก็เป็นอันตรายแก่ตัวเองอย่างเช่นที่ปรากฏในภาพยนตร์ Shanghai (2010) ย้อนไปในราวปี 1941 หลังทหารญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ สหรัฐ ส่วนหนึ่งยกพลขึ้นบกแผ่ขยายอำนาจเข้าสู่นครเซี่ยงไฮ้ เมืองซึ่งแบ่งเขตอิทธิพลทั้งญี่ปุ่นและชาติตะวันตก

พอล โซมส์ (จอห์น คูแซ็ค) สายลับสหรัฐซึ่งปลอมตัวเป็นนักข่าวเดินทางมายังเซี่ยงไฮ้เพื่อสืบหาเงื่อนงำการตายของเพื่อนรัก ที่นั่นเขาได้รู้จักกับสาวสวย แอนนา หลันติง (กงลี่) ภรรยาของ แอนโธนี หลันติง (โจว เหวินฟะ) หัวหน้าแก๊งมาเฟีย และพยายามเข้าถึงแอนโธนี ซึ่งจำใจสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้พันทานากะ (เคน วานาตาเบ) เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นที่เข้ามาสร้างอิทธิพลในเซี่ยงไฮ้เพื่อความอยู่รอด


ภาพยนตร์บอกเล่าจุดมุ่งหมายของแต่ตัวละครซึ่งต่างก็มีเป้าหมายแตกต่างกัน ขณะเดียวกันก็ผนวกเอาเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครเข้าไป ให้ลึกลับซับซ้อนเพื่อให้น่าติดตามยิ่งขึ้น โดยได้นักแสดงแถวหน้าของเอเชียและนักแสดงฝั่งตะวันตกมาเป็นแม่เหล็ก

ความจริงภาพยนตร์ Shanghai ไม่ได้ถ่ายทำในเมืองเซี่ยงไฮ้แม้แต่น้อย เพราะนครเซี่ยงไฮ้หวั่นเกรงเรื่องภาพลักษณ์จึงไม่อนุญาต กองถ่ายจึงยกเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ทั้งในกรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา สมุทรสงคราม สตูดิโอในไทยและสตูดิโอในอังกฤษแทน ซึ่งทำได้แนบเนียนหากไม่บอกก็ไม่รู้ และอาจทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกอยากไปสัมผัสเซี่ยงไฮ้ในย่านเก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่

รวมทั้งความทันสมัยของนครแห่งนี้ ณ ปัจจุบัน

City : Shanghai
Country : China
Population : 19,210,000
Film : Shanghai (2010)
Director : Mikael H?fstr?m
Cast : John Cusack, Yun-Fat Chow, Ken Watanabe, Li Gong



//www.bangkokbiznews.com




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2553    
Last Update : 20 ธันวาคม 2553 0:53:42 น.
Counter : 1979 Pageviews.  

ละเมียด"เมืองคีธ" บ้านเกิดสกอตช์ วิสกี้ ...สกอตแลนด์

จีระ นุชกระโทก


ในทริปการเดินทางชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของ "ฮันเดรด ไพเพอร์ส" โดยบริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) ทางคณะได้ท่องเที่ยวต่อขึ้นไปยังสกอตแลนด์ สัมผัสบรรยากาศและความสวยงามของเมืองคีธ ทางตอนเหนือของเกาะอังกฤษ

จากเมืองแมนเชสเตอร์ ทางคณะนั่งเครื่องบินเล็กมุ่งหน้าสู่สนามบินเมืองอเบอร์ดีน ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง

จากนั้นนั่งรถโค้ชต่อไปยังเมืองคีธอีก 1 ชั่วโมง

ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ลมไม่แรงมากนัก

เมืองคีธแห่งนี้ เป็นเมืองเก่าแก่ มีอายุเกือบ 2,000 ปี อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอเบอร์ดีน อยู่บริเวณตีนเขาแกรมเพียน

สำหรับชื่อเมืองนี้สันนิษฐานว่า อาจมาจากคำว่า "Coed" เป็นภาษาบริตตันนิก หรือภาษาเวลส์โบราณ มีความหมายว่า "ไม้" ก่อนจะกลายมาเป็นคำว่า "Geth" และ "Keth" ในที่สุดมาเป็นคำว่า "Keith" ดังเช่นปัจจุบัน

ในปี 1195 กษัตริย์วิลเลียมพระราชทานที่ดินของเมือง "Geth" รวมถึงสเตรตไอสล่าให้บาทหลวงแห่งคินลอสส์ ก่อร่างสร้างเมืองจนมาถึงปัจจุบัน

ถิ่นฐานเดิมของเมืองคีธยุคโบราณอยู่ตามแม่น้ำไอสล่า ส่วนเมืองคีธยุคใหม่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1750 ก่อตั้งโดยท่านเอิร์ล แห่งฟินด์เลเทอร์ ซึ่งก็คือบริเวณตัวเมืองในปัจจุบันนี้

เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายรอให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือน

ที่โด่งดังไปทั่วโลก และมีผู้มาถ่ายภาพมากที่สุด นั่นคือภาพเจดีย์คู่อันสวยงาม ซึ่งเป็นโรงกลั่นสเตรตไอสล่า

สเตรตไอสล่าสร้างเมื่อปี 1786 เป็นโรงกลั่นที่เก่าแก่ที่สุดในดินแดนวิสกี้แห่งนี้

ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำไอสล่า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาห กรรมต้มกลั่นวิสกี้มายาวนานมากกว่า 200 ปี และโด่งดังในฐานะ "แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์" เพราะอุดมไปด้วยสายธารและน้ำพุธรรมชาติมากมาย กระจายทั่วท้องถิ่นแห่งมอเรย์และแบฟฟ์ชาร์ย อันเป็นแหล่งปลูกและหมักข้าวบาร์เลย์ที่สำคั??



โรงกลั่นแห่งนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ ชีวาส บราเธอร์ส ในปี 1950 หรือพ.ศ.2493 ซึ่งได้รับการซ่อมแซมให้คืนสู่สภาพอันสวยงามดังที่เคยรุ่งเรืองในอดีต

กลายเป็น "แหล่งกำเนิดหัวใจของวิสกี้ต่างๆ ในตระกูลชีวาส บราเธอร์ส"

เป็นโรงกลั่นเก่าแก่ที่สุดที่ยังคงดำเนินการอยู่ในพื้นที่ไฮแลนด์ของสกอตแลนด์

ปัจจุบันได้รับยกย่องให้เป็นโรงกลั่นที่สวยงามโดดเด่น ต้อนรับผู้มาเยือนได้อย่างยอดเยี่ยม

สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวของสกอตแลนด์รับรองให้เป็นหนึ่งในสถานที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวของแดนวิสกี้แห่งนี้

นอกจากนี้ แม่น้ำไอสล่าเป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงผู้คนในเมืองนี้มานานหลายร้อยปี มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแกรมเพียน

สายน้ำบริสุทธิ์ไหลผ่านตัวเมือง อุดมไปด้วยปลานานาชนิด โดยเฉพาะปลาแซลมอน และปลาเทราต์ ที่ชาวเมืองนี้พร้อมจะตกมาทำเป็นอาหารมื้อค่ำ

ไม่เพียงเป็นแหล่งอาหารของคนเท่านั้น ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองอีกด้วย

ยามเย็น อากาศสบายๆ เด็กๆ ปั่นจักรยานเล่นกันตามท้องถนนใจกลางเมือง

บางคนจูงสุนัขตัวโปรดออกมาเดินเล่น เป็นบรรยากาศที่น่าชม

เมืองที่เงียบสงบแห่งนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายให้แขกผู้มาเยือนได้สัมผัสบรรยากาศอันเรียบง่าย เงียบสงบ

โบสถ์เซนต์ โทมัส ซึ่งเป็นโบสถ์โรมัน คาทอลิก เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนี้

ตั้งอยู่บนถนนชาเปล สตรีต ใจกลางเมือง

ก่อสร้างเมื่อปี 1831 กษัตริย์ชาร์ลส์ ที่ 10 แห่งฝรั่งเศสบริจาคเงินสร้าง

ไม่ห่างเท่าไหร่นัก มีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ สถานที่แห่งนี้กลายเป็นอีกตำนานของวงการดนตรี เป็นสถานที่ที่วงซิลเวอร์ บีตเทิลส์ ซึ่งมีจอห์น เลนน่อน, พอล แม็กคาร์ธนีย์, จอร์จ แฮร์ริสัน, พีต เบสต์ และสจ๊วร์ต ซัตคลิฟฟ์ เคยมาแสดงเมื่อเดือนก.ย.ปี 1960 ก่อนที่วงนี้จะเปลี่ยนชื่อมาเป็นเดอะ บีตเทิลส์ โด่งดังเป็นตำนานที่คนทั่วโลกรู้จั??
ขณะนั้นสถานที่แห่งนี้เปิดเป็นผับ ปัจจุบันกลายเป็นที่พักอาศัย

แม้จะเป็นเมืองเล็ก แต่ก็มีโรงแรมให้แขกที่เดินทางมาท่องเที่ยวได้พักมากมาย ที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งคือ โรงแรมรอยัล โฮเต็ล ตั้งอยู่กลางเมืองเช่นกัน บนถนนเชิร์ช โรด อยู่คู่กับเมืองนี้มานานกว่า 1 ศตวรรษ

นอกจากนี้ ยังมีโรงแรมระดับห้าดาวของเมือง เช่น อูจี้ เฮาส์ โฮเต็ล, ฟิฟ อาร์ม โฮเต็ล, คอมเมอร์เชียล โฮเต็ล, พลัฟ อินน์ และเครกเฮิร์ตส์ เกสต์เฮาส์

เมืองคีธแห่งนี้เป็นบ้านเกิดของนักเตะดังอย่าง โคลิน เฮนดรี้ อดีตกองหลังทีมชาติสกอตแลนด์ ที่เคยนำทีม "กุหลาบไฟ"แบล็ก เบิร์น คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษเมื่อปี 1995 ภายใต้การคุมทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือเพื่อนร่วมชาติ

สถานที่ที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของเมืองนี้คือ อนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกสงคราม โลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี 1914-1918 และสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี 1939-1945 ที่ตั้งตระหง่าน อยู่ใจกลางเมือง ตั้งอยู่บนถนนเชิร์ช เยื้องกับโรงแรมรอยัล โฮเต็ล

เพื่อรำลึกถึงทหารกล้าผู้เสียสละ ปกป้องประเทศชาติ

ด้านอาหารการกิน เมืองคีธก็มีชื่อเสียงไม่เป็นสองรองใคร

มาถึงเมืองนี้แล้ว ต้องได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดของสกอตแลนด์ นั่นคือ ฮากกิส (HAGGIS)

หากมาถึงแดนดินแห่งนี้แล้วไม่ได้กิน ฮากกิส ถือว่ามาไม่ถึงสกอตแลนด์

"ฮากกิส" ทำมาจากเครื่องในแกะ นำมาต้มจนสุกจนได้ที่ ก่อนจะตัดแบ่งแจกแขกผู้มาเยือนได้รับประทานร่วมกับมันบด รสชาติอร่อย เป็นเมนูจานเด็ดของคนสกอต

โดยเป็นอาหารจานเด็ดโบราณคู่บ้านคู่เมืองของคนสกอตแลนด์มานานหลายร้อยปี

กวีชาวสกอตชื่อดังอย่าง โรเบิร์ต เบิร์นส์ เคยร่ำพรรณนาไว้ในบทกวีที่ชื่อ "Address to a Haggis" เมื่อปี 1787


กิน "ฮากกิส" ไปพร้อมกับฟังเสียงปี่สกอต สัญลักษณ์ของดินแดนแห่งนี้ เสียงเพลงของวงดนตรีพื้นเมืองที่ขับกล่อมผู้มาเยือนด้วยเสียงที่นุ่มนวล ไพเราะน่าฟังยิ่งนัก

หากอยากชิมอาหารอินเดีย เมืองนี้ก็มีบริการ แม้จะอยู่ไกลข้ามโลกร้านอาหารอินเดียยังมาเปิดบริการลูกค้า ชื่อร้าน "เบงกอล สไปซ์" ตั้งอยู่บนถนนเชิร์ช สตรีต ไม่ไกลจากโบสถ์เซนต์ โทมัส มากนัก

กิจกรรมสำคัญของเมืองนี้ มีทั้ง คีธ คันทรี โชว์ เป็นวันแห่งครอบครัว เป็นการแสดงเกี่ยวกับปศุสัตว์ของเมืองนี้ จัดขึ้นในวันอาทิตย์และจันทร์ที่สองของเดือนสิงหาคม คีธ เฟสติวัล เป็นอีกประเพณีที่จัดขึ้นช่วงกลางเดือนมิ.ย.ทุกปี ตั้งแต่ปี 1970 เป็นการแสดงดนตรีพื้นเมืองและเพลงต่างๆ


นอกจากนี้ ยังมี สปิริต ออฟ สเปย์ไซด์ วิสกี้ เฟสติวัล ที่จะจัดขึ้นในเดือนเม.ย. และพ.ค. ของทุกปี เนื่องจากสกอตแลนด์มีชื่อเสียงเรื่องสกอตช์ วิสกี้ เรียกว่าเป็นมหกรรมโอลิมปิกของสกอตช์วิสกี้ก็ว่าได้

กล่าวสำหรับสกอตช์วิสกี้ขนานแท้ มีประ วัติการผลิตมานานหลายร้อยปี

จากหลักฐานหลายอย่างที่ค้นพบ เชื่อกันว่า สกอตแลนด์เป็นชาติแรกที่เริ่มผลิตวิสกี้มาตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 15 แต่เพิ่งมาปรากฏชัดเจนในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า "ยูสจ์ บีธา" (Uisge Beatha) ซึ่งเป็นภาษาเคลต์ในสกอตแลนด์ หมายถึง "น้ำอมฤตแห่งชาติ"

ขณะที่บางตำราระบุว่า คำว่า "Whisky" มีรากศัพท์มาจากภาษาแกลลิก (Gaelic) ว่า Usquebaugh ซึ่งมีความหมายตามภาษาละตินว่า "Water of Life" ต่อมากลายเป็น Usky และ Whisky ในที่สุด

ผู้สนใจที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศของเมืองคีธ ฟังเสียงเพลงพื้นเมือง กิน "ฮากกิส"เลิศรส ลองคลิกไปที่ //www.100Community.com เพื่อหาข้อมูลประสบการณ์ดีๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตแบบนี้





//www.khaosod.co.th




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2553    
Last Update : 8 ธันวาคม 2553 4:34:38 น.
Counter : 1430 Pageviews.  

อินเดีย“บอมเบย์”มุมไบในบางมุม

โดย : มานพ จันทรฯ




หลายเมืองของประเทศนี้มีชื่อเสียงต่างกันไปซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนแตกต่างกันไป

อินเดียเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล มีพลเมืองจำนวนมาก ทั้งระดับมหาเศรษฐีติดอันดับโลกและยากจนจมปลักอยู่ในสลัมตลอดชีวิต หลายเมืองของประเทศนี้มีชื่อเสียงต่างกันไปซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนแตกต่างกันไป



อุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียที่ผลิตป้อนชาวภารตะนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลิตผลมาจากเมืองมุมไบ (Mumbai) แทบทั้งสิ้นจนได้ชื่อ Ballywood และเมืองมุมไบแท้ที่จริงแล้วก็คือเมือง “บอมเบย์” ในอดีตนั่นเอง

มุมไบ เป็นเมืองหลวงของรัฐมหาราษฎร ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลอาระเบียน ท่ามกลางชายฝั่งที่ทอดยาวกับภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยป่าเขตร้อนชื้นและป่าผลัดใบ มีความสำคัญในฐานะเป็นเมืองท่า และเป็นศูนย์กลางทางการค้า การท่องเที่ยว ที่ผสมผสานโลกสมัยใหม่เข้าวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างลงตัว





ภาพของเมืองมุมไบถูกถ่ายทอดผ่านตึกรามบ้านช่องแบบโกธิค ที่เคยรุ่งเรืองขีดสุดเมื่อครั้งเป็นเมืองอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ในศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะที่ Victoria Terminus ซึ่งเป็นอาคารสถานีรถไฟที่ออกแบบมาอย่างวิจิตรงดงาม เป็นศิลปะแบบโกธิค ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามพระนามของพระราชินี วิกตอเรียแต่ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Chatrapati Shivaji ตามชื่อกษัตริย์ชาวมาราตี


ด้านหนึ่งมุมไบเป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจ แต่อีกด้านเป็นเมืองมายาที่มีเสน่ห์เย้ายวนน่าค้นหาในด้านศิลปะการแสดง ทั้งสตูดิโอภาพยนตร์ โรงละคร ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่งชาติ แกลเลอรีศิลปะและพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญหลายแห่ง เช่น แหล่งพักผ่อนทางทะเลบริเวณชายหาด Chowpatty เวิ้งชายฝั่งที่ระยิบระยับจากแสงไฟยามเย็นจนถูกเรียกว่า สร้อยพระศอราชินี (Queen's Necklace)





จุดหลักๆ ที่นักเดินทางต่างถิ่นมักจะต้องไปเยือน ยังมี ประตูชัยสัญลักษณ์ของมุมไบ (Gateway of India) สร้างด้วยหินบะซอลต์สีเหลือง เมื่อปี 1911 เพื่อระลึกถึงการเดินทางเข้ามาในอินเดียครั้งแรกของราชวงศ์อังกฤษ ตั้งอยู่บริเวณโคลาบา (Colaba Causeway) มีอาคารร้านรวงสถาปัตยกรรมแบบกรีกโรมัน เป็นแหล่งชอปปิงค้าขาย สินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึก ร้านอาหาร เป็นถนนคนเดินแห่งมุมไบนั่นเอง


ใกล้ๆ กันเป็นที่ตั้งของ โรงแรมทัชมาฮาลพาเลซ (Taj Mahal Palace Hotel and Tower) ของกลุ่มบริษัททาทา เป็นสถาปัตยกรรมแบบอินเดียผสมอิสลาม ซึ่งเมื่อราว 2 ปีก่อนเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่โดยผู้ก่อการร้ายในโรงแรมแห่งนี้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วเมืองและทั่วโลก


Bride & Prejudice (2004) เล่าเรื่องของครอบครัวชั้นกลางของนางบาค์ศรี ผู้มีลูกสาว 4 คน คนหนึ่งนั้นกำลังเข้าพิธีแต่งงานแบบอินเดีย แต่ก็ยังรู้สึกวิตกว่าลูกสาวอีก 3 คนที่เหลืออาจจะไม่ได้คู่ครองที่เหมาะสม จึงพยายามเสาะแสวงหาผู้ชายดีๆ มาให้ลูกสาวของเธอได้รู้จัก แต่บรรดาชายเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเอาเสียเลย โดยเฉพาะ “ลลิตา” (อัชวารยา ไร) ลูกสาวคนรองที่ทั้งฉลาดไม่ยอมรับในสิ่งที่มารดาจัดหาให้


ลลิตายืนยันจะแต่งงานกับคนที่เธอรักเท่านั้น และแล้วเธอก็ได้พบกับ "วิลล์ ดาร์ซี่" (มาร์ติน ฌอนเดอร์สัน) ชายหนุ่มชาวอเมริกันทายาทเจ้าของโรงแรมที่บังเอิญมาพบกันในงานแต่งของเพื่อนบ้านชานเมืองเล็กๆ ซึ่งกว่าทั้งสองจะลงตัวกันได้ก็ต้องเจออุปสรรคปัญหา ความไม่เข้าใจของความแตกต่างของเชื้อชาติ


Bride & Prejudice ตั้งชื่อล้อ Pride & Prejudice นวนิยายของนักเขียนดัง “เจน ออสติน” เป็นผลงานของผู้กำกับหญิงอินเดียผู้เกิดในเคนยาแต่เติบโตในอังกฤษ นำเค้าโครงจากนวนิยายมาปรับเปลี่ยนให้ทันกับยุคสมัย ฉายภาพของคนอินเดียยุคใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม การแต่งงานคลุมถุงชนอาจใช้ไม่ได้สำหรับคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันก็เผยทัศนคติของคนอินเดียและคนต่างชาติที่มีต่อกัน เป็นภาพยนตร์อินเดียภาษาอังกฤษที่ได้อดีตมิสเวิลด์ ปี 1994 มาเป็นแม่เหล็ก โดยปักหลักใช้มุมไบเป็นสถานที่ถ่ายทำเป็นหลัก


ชีวิตในมุมไบอาจดูยุ่งเหยิงในสายตาคนต่างถิ่น แต่ก็เป็นวิถีแห่งความหลากหลาย ผสมผสานทางวัฒนธรรมที่ผู้มา

เยือนหรือผู้ที่ใช้ชีวิตที่นี่ให้การยอมรับและอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติสุข เพราะมุมไบ มีมุมดีๆ อยู่มากมาย

…………….

City : Mumbai
State : Maharashtra
Country : India
Population : 13,830,884
Film : Bride & Prejudice (2004)
Director : Gurinder Chadha
Cast : Aishwarya Rai, Martin Henderson, Nadira Babbar, Anupam Kher, Daniel Gillies

//www.bangkokbiznews.com




 

Create Date : 04 ธันวาคม 2553    
Last Update : 4 ธันวาคม 2553 3:03:15 น.
Counter : 1915 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.