It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
All blogs
 

(City of Manchester) เมืองแมนเชสเตอร์ ไม่ได้มีแค่ฟุตบอล

โดย : มานพ จันทรฯ



เมืองแมนเชสเตอร์ (City of Manchester) มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเป็นบ้านเกิดของสโมสรฟุตบอลชื่อดังระดับโลกถึง 2 ทีม คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ซิตี้



ในปีนี้ทั้งคู่ต่างก็คว้าแชมป์ฟุตบอลมาทีมละถ้วยทีมแรกนั้นเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ ส่วนทีมหลังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวเมืองแมนเชสเตอร์ไม่น้อย


เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นอังกฤษ มีชื่อเสียงจากการเป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งแรกของโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการทอผ้าฝ้าย ได้รับสมญาว่า “คอตตอโนโปลิส” และ “แวร์เฮ้าส์ซิตี้” จนภายหลังได้ขยายไปสู่อุตสาหกรรมเคมี ผลิตน้ำยาฟอกสีและย้อมสี ต่อเนื่องไปสู่ธุรกิจการเงิน การธนาคาร การประกันภัย จนถึงระบบขนส่งโดยสาร จนได้การยอมรับว่าเป็นเมืองรอง (Second City) ของสหราชอาณาจักร เป็นศูนย์กลางศิลปะ สื่อ และธุรกิจขนาดใหญ่




การไปเยือนแมนเชสเตอร์ ควรเริ่มต้นที่ศาลากลาง (The Town Hall) สัญลักษณ์ของเมือง ตั้งสูงเด่นเป็นสง่าเหนือจัตุรัสอัลเบิร์ต (Albert Square) เป็นอนุสรณ์ที่สะท้อนการพัฒนาแห่งยุควิคตอเรียนได้ดีที่สุดของอังกฤษ และเป็นเครื่องหมายแห่งการเชิดชูเกียรติแด่บรรพบุรุษผู้สร้างเมือง


ส่วนจัตุรัสอัลเบิร์ต ยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพลเมืองแมนเชสเตอร์ ด้วยเป็นที่จัดงานสำคัญของเมือง


จุดน่าสนใจควรไปเยือนอื่นๆ ได้แก่ มหาวิหาร (The Cathedral) แห่งศตวรรษที่ 19 แห่งนี้เป็นที่เก็บหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่ตั้งโบสถ์ของชาวแซกซอนแต่ดั้งเดิม นั่นคือ Angel Stone หินแกะสลักรูปเทวดา ที่พบบริเวณกำแพงทิศตะวันตกของมหาวิหาร ส่วนโถงเพดานที่ทำด้วยไม้นั้นตระการตาด้วยลวดลายแกะสลักงามวิจิตร



โรงอาบน้ำวิคตอเรีย (Victoria Baths) อาคารทรงเอ็ดวาร์เดียนบนถนน Hathersage Road ภายในบริเวณ Victoria Park ซึ่งเป็นที่อยู่ของ Victoria Baths เป็นประดุจอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมอันทรงค่าของแมนเชสเตอร์ โรงอาบน้ำแสนสวยที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวแมนเชสเตอร์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1906


ในฐานะที่เป็นเมืองวัฒนธรรม เมืองแห่งนี้มีหอสมุดที่สำคัญ คือ หอสมุดและโรงเรียนดนตรีเชตแฮม (Chetham’s Library and School of Music) เป็นหอสมุดสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ ตัวอาคารแรกสร้างเมื่อ ค.ศ. 1421 ซึ่งตกแต่งในแต่ละมุมงดงาม และ หอสมุดจอห์น ไรแลนด์ (John Ryland’s Library) หอสมุดเก่าแก่ของแมนเชสเตอร์ ในอาคารวิคตอเรียนโกธิกยุคหลังที่ดีที่สุดของอังกฤษ เป็นที่เก็บรักษางานเขียนและบันทึกแห่งประวัติศาสตร์จำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก



สถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่งที่น่าไปเดินเล่น เช่น สวนแคสเซิลฟิลด์ (Castlefield, Urban Heritage Park) นักท่องเที่ยวสามารถชมรอบบริเวณแคสเซิลฟิลด์ โดยผ่านสวน St John’s Gardens หรือเดินเลียบคลอง Rochdale จะได้เห็นส่วนเสี้ยวของป้อมปราการโรมันที่บูรณะใหม่ สถานีรถไฟที่เก่าที่สุดในโลก คลองอุตสาหกรรมและทางเดินเลียบธารน้ำแห่งแรก ตลอดเส้นทางมีร้านอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกแวะนั่งพัก


หากต้องการศึกษาเมืองแห่งนี้มากขึ้น ควรแวะไปที่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม (Museum of Science and Industry) บอกเล่าเรื่องราวการเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ในขณะที่เดอะรอยัล เอ็กซ์เชนจ์ (The Royal Exchange) ห้องแลกเปลี่ยนทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับการบูรณะใหม่หลังโดนระเบิดในปี ค.ศ. 1996 ก็ไม่ควรพลาดการไปชม เพราะที่นั่นมีห้องโถงที่สวยงามสีสันสดใสพร้อมด้วยเสาโครินเธียนประดับทอง ในขณะที่ The Royal Exchange Theatre ได้รับโหวตเมื่อปี ค.ศ. 1999 ให้เป็นโรงละครรูปวงพระจันทร์ที่ดีที่สุดในอังกฤษ ก็ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน


สำหรับแฟนลูกหนังมาเมืองนี้แล้วเห็นจะไม่พลาดการไปเยือน พิพิธภัณฑ์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United Museum) ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของสโมสรทีมฟุตบอลที่มีแฟนทั่วโลก แน่นอน สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด (Old Trafford Stadium) บ้านของทีมสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ควรพลาดขณะที่สนามทีมคู่แข่งในเมืองเดียวกัน สนามซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ (The City of Manchester Stadium) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกนักการเมืองไทยเข้าไปซื้อนำพาความตกต่ำไปสู่ทีม แถมยังรื้อสนามเพื่อฝังลูกแก้วกลางสนามตามความเชื่อ ก็ควรได้รับการไปเยือน


สำหรับนักตระเวนราตรี แมนเชสเตอร์น่าจะเหมาะอย่ายิ่ง เพราะชีวิตกลางคืนไม่เคยหลับ ทั้ง วัฒนธรรมคลับดีเจสมัยใหม่ ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ดนตรีแนวเฮ้าส์ แมนเชสเตอร์ซาวนด์ (Madchester Sound) และดนตรีแนว Ibiza บ้านเกิดของวงดนตรีชื่อดัง เช่น นิว ออร์เดอร์, เดอะสมิธส์, เดอะ เคมิคอลบราเธอร์ส, เอ็มพีเพิล, โอเอซิส, เอลโบว์, ซิมพลี เรด, เทคแดต และ เดอะสโตนโรส ในเมืองแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยโรงละคร ศูนย์แสดงงานศิลปะ และพิพิธภัณฑ์จำนวนมาก



ความเจริญของเมืองก้าวไปข้างหน้าแต่ในมุมหนึ่งก็เกิดอาชญากรรมตามมา ดังเช่นใน Boy A (2007) ภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายของ โจนาธาน ทริเกลล์ เล่าเรื่องของเด็กชายเอ (นามสมมุติ) อดีตอาชญากรเด็กที่ร่วมกันฆาตกรรมนักเรียนหญิงคนหนึ่งกับเด็กชายบี (นามสมมุติ) จนต้องไปชดใช้กรรมในสถานพินิจอยู่หลายปี


“แจ๊ค” (แอนดรูว์ การ์ฟิลด์) ออกจากสถานพินิจหวังจะเริ่มสร้างชีวิตใหม่อีกครั้ง โดยมีนักสังคมสงเคราะห์ “เทอร์รี” (ปีเตอร์ มัลแลน) คอยดูแลให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งหางานให้ทำอีกด้วย


ภาพยนตร์กำกับการแสดงโดย จอห์น โครวลีย์ ผู้กำกับรุ่นใหม่ชาวอังกฤษ ผู้พา แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ นักแสดงผู้ได้รับบทไอ้แมงมุมคนใหม่ ก้าวขึ้นรับรางวัลจากผลงานเรื่องนี้หลายเวทีตามเทศกาลภาพยนตร์ โดยเฉพาะบนเวที บาฟต้า อวอร์ดส และบนเวทีเบอร์ลิน ฟิล์ม เฟสติวัล ปี 2008 โดยใช้เมืองแมนเชสเตอร์ เป็นโลเคชันถ่ายทำทั้งเรื่อง


หนังแสดงในเห็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของแจ๊ค ที่กำลังไปได้สวย เริ่มมีเพื่อน มีคนรู้ใจที่คบหาหวังสร้างอนาคตด้วยกัน แต่ก็เกิดจุดพลิกผันจนได้ เมื่อเขาได้ช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อดีตที่เขาไม่อยากจะจดจำถูกขุดคุ้ยออกมา จนยากที่จะปิดบังอำพรางต่อคนภายนอก


ตราบาปในอดีต ได้กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง


Credit : //www.bangkokbiznews.com/




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2554 13:59:40 น.
Counter : 5429 Pageviews.  

เนปาล..มนต์เสน่ห์ในอ้อมกอดแห่งขุนเขา...หิมาลัย














Free TextEditor
//www.thairath.co.th/content/life/181399




 

Create Date : 28 มิถุนายน 2554    
Last Update : 28 มิถุนายน 2554 9:08:10 น.
Counter : 1426 Pageviews.  

۩۞۩....ชมเสี้ยวศิลป์ฝรั่งเศส...۩۞۩.. แชมป์โลกแดนท่องเที่ยว ۩۞۩

อมรวดี ทรัพย์เพิ่ม เรื่อง/ภาพ





ลัลลา...เหินเวหาไปกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยสายการบินไทย ด้วยการอุปถัมภ์ของบริษัท พีดี เรดิโอ จำกัด นอกจากเป็นโปรเจ็กต์รวมมิตร ดรีม ทริป 2 "เดอะ ปริ๊นเซส เจอร์นีย์" ของคลื่น 90 รวมมิตรเรดิโอแล้ว คณะเดินทางยังได้เที่ยวชมดื่มด่ำสัมผัสมหานครหลวงแห่งนี้ด้วย

ฝรั่งเศสครองแชมป์โลก ในฐานะประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงที่สุด 78.95 ล้านคนในปีที่แล้ว พ่วงตำแหน่ง "จุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดในโลก"

ขณะที่กรุงปารีสเป็นแชมป์เมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในโลก มีสถานที่ดึงดูดมากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ สถานที่ช็อปปิ้ง ไปถึงสถาปัตย กรรมสำคัญ

แม้ฝรั่งเศสไม่มีกษัตริย์และราชินีแบบอังกฤษแล้ว แต่ยังมีอาคารของราชวงศ์ในอดีตที่เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว


ในทริปนี้ ลงเครื่องที่สนามบินชาร์ลส์เดอโกล สัมผัสอากาศเช้าแรกที่แดนน้ำหอมแสนหนาวเย็น แต่ไม่หนาวจัด จากนั้นก็จับรถบัสคันโต ลงใต้ผ่านนครปารีสมุ่งสู่หมู่บ้านเชอนงโซ เพื่อสัมผัส "ชาโต" (Chateau) หรือ "ปราสาท" ที่ชาวฝรั่งเศสภูมิใจนัก

ช่วงเช้าของวันทำงาน นครปารีสไม่ต่างอะไรจากกรุงเทพมหานครที่จราจรติดขัด

ใช้เวลากว่าชั่วโมง กว่าจะฝ่าการจราจรในตัวเมืองหลวงของฝรั่งเศสได้

จากนั้นก็เข้าสู่เส้นทางสายด่วนที่โล่งสบาย ถนนราดด้วยยางมะตอยไร้รอยต่อ ไร้หลุมบ่อ

สองข้างทางของดินแดนนอกเมืองเต็มไปด้วยท้องทุ่งนาสลับกับไม้ใหญ่



กว่า 3 ชั่วโมงพาหนะคันใหญ่ก็พาถึงจุดหมาย ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "ปราสาทเชอนงโซ" ปราสาทของสตรีโด่งดังที่อยู่ติดกับแม่น้ำแชร์

ปราสาทเชอนงโซเป็นปราสาทที่พระเจ้าอองรีที่ 2 ยกให้ "ดียาน เดอ ปัวตีเย" พระสนมที่พระองค์โปรดปรานมากกว่าใครๆ แม้แต่พระมเหสี




ลักษณะสถาปัตยกรรมของปราสาทผสมระหว่างสถาปัตยกรรมแบบกอธิกและเรอเนส ซองซ์ตอนต้น

พระสนมดียานชอบใจทิวทัศน์ริมฝั่งน้ำแชร์ จึงสร้างสะพานเชื่อมตัววังกับฝั่งตรงข้าม เนรมิตสวนดอกไม้ สวนครัว และสวนผลไม้ขนาดใหญ่แสนรื่นรมย์

แต่พอพระเจ้าอองรีที่ 2 สวรรคต ก็ถึงคราวที่อิทธิพลของดียานตกลงไปด้วย

พระราชินีแคทเธอรีน เดอ เมดิชี ได้ขับสนมดียานออกจากวัง และยึดวังเชอนงโซมาครองและสร้างอาคารทับสะพาน จากนั้นทรงปรับ ปรุงเชอนงโซจนกลายเป็นวังที่ทรงโปรดปรานมาก

เรื่องราวเข้มข้นแข่งขันกันของสตรีในวังเช่นนี้แน่นอนว่าต้องมีเรื่องเขียนเป็นนิยายและสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง

จุดหมายเดินทางที่ต่อไป หลังจากซึมซับความสวยงามปราสาทผู้หญิงแล้ว ก็ต้องทึ่งกับความตระการตาของ "ปราสาทชองบอร์" ปราสาทผู้ชายที่สร้างโดยพระเจ้าฟรองซัวที่ 1 เมื่อ 400 กว่าปีก่อน

"ปราสาทชองบอร์" Chateau de Chambord แม้มีตัวอักษร d ลงท้าย แต่ฝรั่งเศสไม่นับเป็นตัวสะกด จึงออกเสียงว่า บอร์

ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำลัวร์ มีลักษณะสถาปัตยกรรมผสานระหว่างยุคกลางของฝรั่งเศสกับสถาปัตยกรรมคลาสสิคของอิตาลี ซึ่ง ลีโอนาร์โด ดาวินชี มีส่วนในการออกแบบบันไดกลางที่เป็นบันไดเวียนสองวงซ้อน

แต่ถ้าพูดถึงสุดยอดความยิ่งใหญ่วิลิศมาหราของพระราชวังฝรั่งเศสแล้ว จุดหมายต่อไปคือระดับ "ซุปตาร์"


"พระราชวังแวร์ซายส์" ติดหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ช่วงที่ไปเยือนพระราชวังหลวงแห่งนี้อยู่ระหว่างการซ่อมแซมปรับปรุงตกแต่งตัวอาคารและรั้วเป็นสีทองแวววาวให้เหมือนในอดีต ดูแล้วเจิดจรัส

พระราชวังแวร์ซายส์ ตั้งอยู่ตำบลแวร์ซายส์ เดิมพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทรงสร้างเป็นตำหนักเล็กๆ ไว้ล่าสัตว์

พอพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ขึ้นครองราชย์ ต้องการสร้างพระราชวังแห่งใหม่จึงปรับปรุง พระตำหนักนี้เป็นพระราชวัง

ทุกส่วนของพระราชวังทำด้วยหินอ่อนสีขาวซึ่งสั่งตรงมาจากอิตาลี ภายในแบ่งออกเป็นห้องๆ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับสุดวิจิตรและภาพเขียนมีชื่อ ใช้เวลาสร้างนานถึง 30 ปี

ต่อมาสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กองทัพประชาชนขออำนาจจากกษัตริย์คืนสู่ประชาชน เรียกร้องความเสมอภาค เสรีภาพ และภราดรภาพ บุกเข้ายึดพระราชวัง จับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วยกิโยติน (ตัดคอ) พร้อมนำเฟอร์นิเจอร์และทรัพย์สินภายในพระ ราชวังมาเผาทำลาย

ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์เปิดให้ประชา ชนเข้าชม โดยหยิบยืมที่ประทับของกษัตริย์ประเทศพันธมิตรมาแสดงไว้ภายใน

หนึ่งในนั้นมีเสลี่ยงของรัชกาลที่ 4 แสดงไว้ในห้องกระจกด้วย

สถาปัตยกรรมสุดแสนวิจิตรบรรจงต่อมาคือ "มหาวิหารนอเทรอ-ดาม" ด้วยรูปทรงสูงแหลม บ่งบอกชัดว่าเป็นศิลปะแบบกอธิก ระดับ "ต้นแบบ"

ประติมากรรมและหน้าต่างประดับกระจกสีที่มีอิทธิพลจากศิลปะแบบแนเชอราลลิสม์

นอเทรอดามเป็นหนึ่งในบรรดาสิ่งก่อสร้างยุคแรกๆ ที่ใช้ "กำแพงค้ำยันแบบปีกนก" เพื่อให้กำแพงค้ำยันนี้หนุนหรือค้ำกำแพงตัววัดไว้

นอกจากจะมีประโยชน์ทาง การใช้สอยแล้วยังเป็นเครื่องตกแต่งที่ทำให้สิ่งก่อ สร้างมีความสวยงามขึ้น

คณะเดินทางต่อมายัง "พิพิธภัณฑ์ลูฟร์" ที่ใครมาปารีสแล้วไม่เข้าชมถือว่ามาไม่ถึง

สมัยก่อนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สงวนให้เฉพาะศิลปิน ต่อมาเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโดยต้องเสียเงินค่าผ่านประตูเป็นค่าบำรุง

และที่กิ๊บเก๋สำหรับพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ นั่นคือ ลานจอดรถของแขกผู้มาเยือนที่ฝังตัวอยู่ชั้นใต้ดิน เพื่อตัดปัญหาการจราจร

พิพิธภัณฑ์ศิลปะนี้ตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวงมาก่อน ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่า

โดยเฉพาะภาพเขียนโมนาลิซ่า ของลีโอนาร์โด ดาวินชี ที่ผู้คนจากทั่วสารทิศต่างจับจ้องอยากดู และถึงขั้นแย่งกันดู

ภายในตัวอาคารแบ่งเป็นห้องๆ แต่ละห้องมีผลงานศิลปะระดับโลกแสดงไว้มากมาย นับเป็นบุญตาของผู้มาเยือนที่ได้มายลผลงานมาสเตอร์พีซ

โดยผู้รู้บอกว่า หากชมผลงานแต่ละชิ้น และใช้เวลาชมชิ้นละ 5 นาที ต้องใช้เวลาชมทั้งสิ้น "สามแสนสามหมื่นสามร้อยสามสิบสามวัน"

กว่าจะชมงานศิลป์ในพิพิธภัณฑ์นี้หมด คิดเอาละกันว่าผลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์นี้มีกี่ชิ้น

ละเลียดกับงานศิลป์แล้ว ก็มาปลดปล่อยอารมณ์สุนทรีกันที่ "มหาวิหารแห่งมงมาร์ต" จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นปารีสได้ทั้งเมือง

มงมาร์ตเป็นย่านศิลปะเก่าแก่ มีศิลปินวาดรูปมาแสดงผลงานและ รับจ้างถ่ายทอดงานศิลป์ อีกทั้งยังมีศิลปินมาบรรเลงเพลงกันสดๆ เสมือนเป็นมินิคอนเสิร์ตย่อมๆ

ฟังเสียงเพลงอันสุนทรีประกอบการผึ่งแดดอ่อนๆ ชาวฝรั่งนิยมนัก

นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวแห่งความงามของงานศิลป์ในแดนดินน้ำหอม

แค่ได้มาเยือน เท่านี้ก็อิ่มเอมแล้ว

****


Credit : //www.khaosod.co.th/




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2554    
Last Update : 8 มิถุนายน 2554 4:01:17 น.
Counter : 1163 Pageviews.  

หลักหินแห่งอาเนโยชิ ของญี่ปุ่น เมืองมิยาโกะ จังหวัดอิวาเตะ

โดย : สกอร์เปี้ยนพิช



หลายคนคงอยากเห็นหลักหินที่หมู่บ้านอาเนโยชิ เมืองมิยาโกะ จังหวัดอิวาเตะ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น



ที่ตอนนี้กำลังบอบช้ำจากแผ่นดินไหวและสึนามิถล่มไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะหลักหินนี้เองที่ทำให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ที่มีครอบครัวอาศัยอยู่เพียง 11 ครอบครัว รอดชีวิตจากคลื่นยักษ์สึนามิ


หลักหินเป็นเหมือนเครื่องหมายกำหนดแนวชายฝั่ง บางอันอายุกว่า 600 ปี มีข้อความสลักว่า "บ้านในที่สูงเป็นที่พักพิงอันสงบสุขของลูกหลานเรา จงจดจำมหันตภัยร้ายคลื่นยักษ์สึนามิ อย่าสร้างบ้านต่ำกว่าจุดนี้" บางอันเขียนว่า "ถ้าเกิดแผ่นดินไหวให้ระวังสึนามิ"



เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ชาวบ้านหมู่บ้านอาเนโยชิรอดชีวิตในขณะที่เพื่อนร่วมชาติคนอื่นในหมู่บ้านอื่นๆ ที่สร้างอยู่ต่ำกว่าหลักหินและจังหวัดอื่นตามแนวชายฝั่งของญี่ปุ่นต้องมาสังเวยชีวิตจากคลื่นสึนามิ ระดับความสูงของคลื่นสึนามิที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์มาหยุดที่ประมาณ 300 ฟุตจากหลักหิน


นายทามิชิเกะ คิมูระ หัวหน้าหมู่บ้านอาเนโยชิวัย 64 ปีกล่าวว่า “บรรพบุรุษของเรารู้ถึงมหันตภัยของคลื่นยักษ์สึนามิ พวกท่านจึงสร้างหลักหินเพื่อเตือนพวกเรา คำเตือนในหลักหินเป็นกฎที่บรรพบุรุษบัญญัติไว้และไม่มีใครกล้าฝ่าฝืน”


ขณะที่นายอิโตโกะ คิตาฮารา ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ภัยธรรมชาติกล่าวว่า หลักหินสึนามิเตือนผู้คนมาหลายชั่วอายุคนแล้วเพราะไม่ต้องการให้ลูกหลานประสบเคราะห์กรรมเหมือนบรรพบุรุษ


หลักหินที่หมู่บ้านอาเนโยชิเป็นแห่งเดียวที่เตือนไม่ให้สร้างบ้านเรือนต่ำกว่าระดับของหลักหิน ส่วนหลักหินที่อื่นเช่นที่เมืองโกริยาและนามิวาเก หลักหินจะบอกตำแหน่งที่ที่ปลอดภัยเพื่อหนีคลื่นสึนามิ หลักหินหลายแห่งสลักจำนวนตัวเลขของคนตาย บางแห่งบอกตำแหน่งของหลุมฝังศพของคนที่ตายจากสึนามิ จากการสำรวจคร่าวๆ หลักหินบางอันก็ถูกคลื่นสึนามิเมื่อเดือนมีนาคมพัดหายไป


นายฟูมิโอะ ยามาชิตะ วัย 87 ปี นักประวัติศาสตร์สมัครเล่นในจังหวัดอิวาเตะซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับสึนามิถึง 10 เล่ม กล่าวว่าเมื่อเวลาผ่านไป คนญี่ปุ่นก็ลืมเลือนมหันตภัยที่เกิดจากสึนามิ จนกระทั่งเมื่อต้องเผชิญมันอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง ญี่ปุ่นให้ความสำคัญและเชื่อเทคโนโลยีและเครื่องมือสมัยใหม่มากเกินไป


คุณปู่ยามาชิตะรอดตายจากสึนามิเมื่อมีนาคมได้อย่างหวุดหวิด ตอนนั้นเขาป่วยและอยู่ในโรงพยาบาลเมื่อคลื่นสึนามิซัดเข้าท่วมโรงพยาบาล เขาต้องเกาะม่านหน้าต่างและรอดมาได้



นักวิชาการกลุ่มหนึ่งอ้างว่า ที่อาเนโยชินี้เองที่คลื่นสึนามิสูงที่สุดคือ 127.6 ฟุต สูงกว่าเมื่อปี 2439 ซึ่งสูง 125.3 ฟุต
ภาพที่เห็นในตอนนี้คือซากปรักหักพัง เศษไม้ เศษปูนของหมูบ้านหลายแห่งที่โดนคลื่นสึนามิถล่ม อีกสิ่งหนึ่งที่เหลืออยู่คือกำแพงกั้นคลื่นในอ่าวซึ่งไม่สามารถกั้นคลื่นยักษ์ได้


คิมูระเล่าว่า ตอนแรกหมู่บ้านอาเนโยชิขยับขึ้นไปอยู่บนเขาหลังสึนามิเมื่อปี 2439 ในครั้งนั้นมีคนรอดชีวิตเพียง 2 คน แต่อีก 2-3 ปีต่อมาเมื่อมีคนมากขึ้น หมู่บ้านก็กลับลงมาอยู่ที่เดิม จนกระทั่งปี 2476 สึนามิโจมตีหมู่บ้านนี้อีก มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต หลังจากนั้นหมู่บ้านก็กลับขึ้นไปอยู่บนเขาและมีการสร้างหลักหินเพื่อเตือนผู้คน เมื่อเกิดสึนามิอีกครั้งในปี 2503 คนในหมู่บ้านนี้ปลอดภัย


จริงๆ หากต้องการเห็นหลักหินซึ่งสูงประมาณ 4 ฟุตนี้ก็อาจจะไม่ต้องไปถึงหมู่บ้านอาเนโยชิเพราะหลักหินนี้มีอยู่ทั่วไป ตั้งเรียงรายตามแนวชายฝั่งของญี่ปุ่น ที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญกับคำเตือนของบรรพบุรุษซึ่งมีประสบการณ์กับสึนามิมาหลายครั้ง เช่น ในปี 2493 มีคนตายประมาณ 22,000 คน และ ปี 2476 เชื่อกันว่าหลักหินนี้ถูกสร้างขึ้นหลังภัยสึนามิปี 2476


ตอนนี้มีหลายฝ่ายที่เสนอให้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อสลักคำเตือนเพื่อเตือนผู้คนถึงอันตรายและความสูงของคลื่นยักษ์สึนามิทำนองเดียวกับหลักหิน แต่ทำให้เข้ายุคสมัยแห่งอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสมัยใหม่


เราคงต้องมาดูกันต่อไปว่าญี่ปุ่นจะฟื้นคืนประเทศได้เมื่อไร และจะให้ความใส่ใจกับคำเตือนของบรรพบุรุษมากน้อยแค่ไหนหลังจากนี้


...................


ที่มา : เอพี นิวยอร์ก ไทมส์ เดลี่เมลล์

***
Credit : //www.bangkokbiznews.com/




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2554 21:01:28 น.
Counter : 1971 Pageviews.  

เกาหลีชวนคนไทยร่วมโหวต "เกาะเชจู"

เกาะเชจู หรือ เชจูโด ในภาษาเกาหลีถือว่าเป็นเกาะแห่งองค์สาม กล่าวคือ หิน ลม และผู้หญิง



หากคุณเป็นแฟนละครซีรีส์เกาหลี คงจำกันได้ว่า เกาะเชจู เป็นเกาะแห่งเดียวกับที่แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวงหรือแพทย์หญิงคนดังของเกาหลีเคยถูกลงโทษให้ไปประจำที่นี่

เกาะเชจู หรือ เชจูโด ในภาษาเกาหลีถือว่าเป็นเกาะแห่งองค์สาม กล่าวคือ หิน ลม และผู้หญิง เกาะหินรูปร่างลักษณะแปลกๆ มีให้เห็นทั่วไป ทั้งริมฝั่งทะเล และบนภูเขา หินรูปหัวมังกร หรือ ยงทูอัม นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเชจู

เชจูโด หรือ เกาะเชจู ซึ่งอยู่ทางใต้ของโซลเป็นหนึ่งในจังหวัดทั้ง 9 ของประเทศเกาหลี ซึ่งคนไทยจะได้เห็นบรรยากาศสวยๆ กันบ่อยๆ จากซีรีส์เกาหลี ใช้เวลาเดินทางจากกรุงโซลเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งยังมีเที่ยวบินตรงจาก โอซากา นาโงย่า ฟูกูโอกะ เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง มายังเชจูอีกด้วย หรือจะเดินทางมาจาก พูซาน วานโด อินชอน ยอซู หรือ มกโพ โดยเรือเฟอร์รี่ก็ได้






เนื่องจากเป็นจังหวัดที่แยกออกไปจากแผ่นดินใหญ่ และมีบรรยากาศโรแมนติกแบบประเทศในเขตร้อน โดยมีสี่ฤดูและอากาศอบอุ่นสบาย อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 15 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปีและในฤดูร้อนอุณหภูมิโดยเฉลี่ยคือ 22-26 องศาเซลเซียส คู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานและนักท่องเที่ยวจึงนิยมไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้


ตัวเมืองเชจู เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในแถบชายฝั่งด้านเหนือส่วนกลาง และมีสนามบินนานาชาติ รวมทั้งเป็นที่ ตั้งของโรงแรมทั้งแบบตะวันตกและแบบเกาหลี บริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของเชจูมีภูมิประเทศเป็นหินภูเขาไฟรูปทรงแปลกประหลาดคล้ายกับมังกรกำลังอ้าปาก เรียกว่า โขดหินยงดูอัม เกาะเชจูได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ "เกาะเชจูและถ้ำลาวา" เมื่อปี พ.ศ. 2550 ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์


ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของเกาะเชจูและถ้ำลาวา คือเป็นเกาะภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในทะเลจีนตะวันออก อยู่ห่างจากชายฝั่งทางใต้ของเกาหลี 130 กิโลเมตร ตัวเกาะมีพื้นที่ 1,846 ตร. กม. เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีภูเขาที่สูงที่สุด (1,950 เมตร) และเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของเกาหลีใต้


มิสฮง จี ฮี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ที.ซี.ซี จำกัด หรือ Korea Thailand Communication Center ในฐานะของที่ปรึกษาประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย และรองประธานหอการค้าเกาหลี-ไทย เปิดเผยว่า มูลนิธิ 7 สิ่งมหัศจรรย์ แห่งใหม่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้จัดโครงการเชิญชวนคนทั่วโลกร่วมกันค้นหาสถานที่สำคัญแห่งใหม่ทั้งทางประวัติศาสตร์และทางธรรมชาติขึ้นประจำปี 2554 โดยเปิดโอกาสให้คนกว่า 100 ล้านคนจากทั่วโลกมีสิทธิในการเข้าร่วมโหวต



ด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เกาะเชจูของประเทศเกาหลีใต้ได้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกในรอบแรก และรอบที่ 2 จากการคัดเลือกของคณะกรรมการ และการโหวตจากบุคคลทั่วไป โดยขณะนี้ได้เหลือเพียง 28 แห่งในรอบสุดท้าย จึงเชิญชวนคนไทยร่วมโหวตให้เกาะเชจูของประเทศเกาหลีใต้ เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของโลก ผ่านเว็บไซต์ //www.n7w.com


สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะสัมผัสความโรแมนติกของเกาะเชจู นอกจากเที่ยวชมความงดงามทางธรรมชาติ และเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ตามรอยซีรีส์ดังแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดๆ เช่น หอยเป๋าฮื้อที่หญิงสาวนักดำน้ำเก็บขึ้นมา ขาปูยักษ์ รวมถึงการปรุงอาหารชนิดพิเศษต่างๆ เช่น ชนบ๊อกจุก (ซุปหอยเป๋าฮื้อ) และ อ๊กโตมกุ่ย (ปลาทะเลปิ้ง) และที่ไม่ควรพลาดคือเครื่องดื่ม ฮัลลาซาน โซจู ที่ได้รับความนิยมอย่างมากด้วย

แต่ถ้าจะมองหาของที่ระลึกจากเชจูโด ต้องสินค้าพื้นเมืองอย่าง ทอลฮารุบัง (หินปู่) สินค้าหัตถกรรมพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์จากทะเล ในตัวเมืองเชจู และสถานตากอากาศชุงมุนมีร้านค้าปลอดภาษีไว้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้เกือบทุกเมืองจะจำหน่ายสินค้าและเสื้อผ้าที่ทำจากหนังอีกด้วย โดยมีตลาดเชจูดงมุน เป็นตลาดที่เหมาะที่สุดในการเที่ยวชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาะเชจู ซึ่งค้าขายแลกเปลี่ยนสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพทุกชนิด มีสินค้าหลักคือปลาทะเลสด ผลไม้เมืองร้อน รวมทั้งผลิตภัณฑ์พิเศษของเชจูโด นั่นคือ ปลาบรีมอ๊อกดอม เป๋าฮื้อและส้ม


ผู้ที่อยากจะไปเยือนเกาะเชจู อนาคต 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของโลก สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-539-5770 หรือเว็บไซต์ //www.happytokorea.com


Credit : //www.bangkokbiznews.com/




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2554 8:05:28 น.
Counter : 4659 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.