|
บทกวีอมตะแห่งพระนิพพาน.........
รวมบทกลอนเกี่ยวกับพระมหาอมตะนิพพาน......
เรือมนุษย์สู่โลกทิพย์พระนิพพาน
เนิน นราธร
เรือมนุษย์แล่นไปไกลสุดกู่ ยากจะรู้ลิ่วตะบึงไปถึงไหน?
ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมีโชคชัย เกิดมาได้เป็นมนุษย์ก็สุดดี
อยู่ในครรภ์มารดาจะคลาเคลื่อน ครบสิบเดือนจะได้เกิดประเสริฐศรี
ทรมานอยู่ในท้องร้องเข้าซี เสียงไม่มีตาก็ปิดสนิทเลย
อยู่ในน้ำคร่ำสกปรกนัก เน่าเหม็นหนักนอนนิ่งเบื่อจริงเหวย.....
หิวก็ดิ้นตีนทิ่มพุงยุ่งจังเลย เจ้าหนูเอ๋ย....ไม่เห็นเดือนเยือนตะวัน!!!
กินนมแม่-สายสะดือสื่อโลหิต สร้างชีวิตขึ้นมาช่างน่าขัน
ปฏิสนธิกาย-จิตมาติดกัน เกิดสัมพันธ์เป็นทารกยกว่าคน
พ่อ-แม่-ลูกผูกจิตสนิทแนบ สามส่วนแยบยลวิญญาณบันดาลผล
ทั้งบาป-บุญหนุนเนื่องทุกเรื่องปน เกิดเป็นคนต้นเหตุกิเลสพา
ร้องอุแว้แม่ก็เพลียละเหี่ยจิต เสี่ยงชีวิตเพื่อลูกน้อยที่คอยหา
ยืนระวังนั่งระไวเดินไคลคลา กลัวลูกยามีตำหนิจะพิการ.....
เมื่อเกิดมากว่าจะโตโอ้โฮยาก แสนลำบากบอกตรงๆน่าสงสาร
ต้องหัดพูดดูดนมอยู่ซมซาน หัดคืบคลานนั่ง-เดินก็เกินพอ
ต้องหัดดื่ม-หัดกินสิ้นทุกอย่าง เลียนแบบบ้างจดจำขำจริงหนอ
หิวก็ร้องแม่ให้นมชมพะนอ กลืนลงคอก็ยังหัด....สัจธรรม
โตอีกหน่อยคอยเฝ้าเข้าโรงเรียน หมั่นพากเพียรเรียนไว้ไม่ตกต่ำ
ศึกษาสรรพวิชาการพื้นฐานนำ ต้องจดจำวันละนิดคิดคำนึง.......
พ่อ-แม่สอนก่อนครูรู้ทุกอย่าง ช่วยเสริมสร้างชีวิตยังคิดถึง
อนุบาลผ่านประถมให้กลมกลึง ต่อมาถึงมัธยมก็นมนาน
สู่เตรียมอุดมศึกษามาวัยรุ่น ต้องหมกมุ่นการศึกษามหาศาล
ได้เล่นบ้างแต่น้อยพลอยรำคาญ วิชาการเรียนไม่หมดตามกฎเกณฑ์
แล้วขึ้นอุดมศึกษามหาลัย เปิดโลกใหม่ใหญ่กว้างหนทางเห็น
เพื่อประกอบอาชีพรีบจำเป็น ต้องลำเค็ญกระเสือกกระสนอดทนเอา
ต้องชิงดีชิงเด่นแม้เป็นเพื่อน แข่งขันเหมือนทศกรีฑาโมหาเขลา
ใครอ่อนแรงไม่แข็งขันถูกบั่นเอา ชนะเขาก็คือแพ้เป็นแน่นอน
ฝึกให้โลภโกรธ-หลงงงแต่เด็ก โลภแต่เล็กจนโตใหญ่น่ะใครสอน?
เป็นวิชาหาเงินเกินอาทร เป็นขั้นตอนของโลกๆโชคอำนวย
ต้องแยกกลุ่มหนุ่มสาวชาวอาชีพ เหมือนถูกบีบอย่างแรงให้แทงหวย
จะเลือกเอาเบอร์ไหน?ให้ระทวย ไม่อยากม้วยต้องเลือกรักเอาสักทาง.....
ต้องปรึกษาหารือถือพ่อ-แม่ จะเปลี่ยนแปรสารพัดยังขัดขวาง
ชอบอะไรไม่สมอารมณ์วาง เลือกเอาอย่างหนึ่งจนได้ตามใจกัน
ประกอบกรรมสัมมาอาชีวะ ต้องพบปะทั้งทุกข์และสุขสันติ์
เจอผู้คนหญิง-ชายหลายท่วงทัน เป็นสามัญสัจจังในสังคม
พบคนดีมีจนและคนชั่ว ต่างถือตัวกันว่าดีศักดิ์ศรีสม
ไม่ลดลาวาศอกช้ำชอกตรม ต่างนิยมยึดอัตตาว่ากันไป
การแข่งขันแย่งชิงยิ่งหนักขึ้น ปวดหัวมึนข้องจิตคิดไฉน?
ไม่มีสุขทุกข์ร้อนให้อ่อนใจ หลบตัวไปบรรพชาพรรษาเดียว
ได้ลิ้มรสบทธรรมพระกรรมฐาน ผสมผสานปริยัติชัดเฉลียว
ฉุกดี-ชั่วมองตัวตนอยู่คนเดียว จิตปราดเปรียวว่องไวไร้ทุกข์เยือน
เป็นช่วงตอนปลอดโปร่งโล่งหัวอก ยากจะยกเปรียบได้อะไรเหมือน?
ความเป็นจริงสิ่งค้นหาเข้ามาเยือน สะกิดเตือนเกิดรู้เห็นความเป็นมา.....
สึกแล้วออกทำงานทำการต่อ ไม่ย่นย่อช่วยชาติ-พระศาสนา
พบคนดีสาวเจ้าเข้าวิวาห์ เป็นบิดากำเนิดลูกโซ่ผูกพัน
ต้องทำมาหากินทุกถิ่นเขต ทั่วประเทศขอบข่ายย้ายขยัน
ทุกภูมิภาคออก-เหนือ-ใต้ก็ไปกัน ครอบครัวนั้นก็ต้องแยกแตกกระเซ็น
แยกกันอยู่ครู่คราวราวจังหวะ เรียนธรรมะจากชีวิตให้คิดเห็น
พบชั่ว-ดีมีสุข-ทุกข์ลำเค็ญ ชีวิตเป็นเช่นนี้......มีเปลี่ยนแปลง
พ่อ-แม่-ลูกแยกทางต่างกันอยู่ ต้องต่อสู้เพื่อตนทุกหนแห่ง
เพื่อครอบครัวและลูกน้อยค่อยมีแรง เสาะแสวงความก้าวหน้าอุตส่าห์เดิน-.....
จากลูกน้อง....ต้องตำราทำหน้าที่ การงานดีซื่อตรงดั่งหงส์เหิน
ประสาซื่อตัวเราเขาก็เมิน ไต่เต้าเดินไปช้าๆตามท่าที
สุจริตคิดชอบประกอบกิจ ไม่ทุจริตหยิ่งนักในศักดิ์ศรี
นับถือความยุติธรรมค้ำชีวี เคารพที่ความถูกต้องครรลองธรรม
สอพลอใครไม่เป็นเห็นทางยาก แสนลำบากจะได้ชมสิ่งคมขำ
คนเขานับกลับกลอกล่อหลอกนำ ต้องใช้กรรมกันให้หมดสู้อดทน
เติบใหญ่เป็นนายคนก็วนกลับ ต้องบังคับบัญชามุ่งหาผล
ตามหน้าที่รับผิดชอบประกอบตน ไม่จำนนต่อปัญหาสารพัน......
มีลูกน้องมากมายจากหลายแหล่ง ยิ่งหนักแรงน้อมนำไม่ขำขัน
ทำอะไรไม่หนักเท่าคนเรานั้น ต่างจิตกันให้ร่วมงานการปกครอง
กิเลสคนล้นมากยากจะแก้ ต่างคนแลเห็นแก่ตัวทั่วทั้งผอง
ผลประโยชน์โฉดเขลาพอเข้าครอง มืดมัวหมองบังใจ....เห็น-ไม่รู้!!
เกิดเป็นคนทั้งทีนี่แสนยาก ควรบั่นบากอดทนเกิดผลหรู
ต้องศึกษาหาวิชาค้นหาครู ที่ซ่อนอยู่ในกมลของตนเอง!!
คือพุทธะ-ผู้รู้-และผู้ตื่น ใช่ผู้อื่นเจาะจงให้ตรงเผง
ผู้เบิกบานก็เหมือนเอาของเราเอง ให้รีบเร่งเร็วรุดขุดขึ้นมา......
จิตวิญญาณนั้นหรือ คือ สติ ให้ตรองตริเปรียบเปรยเฉลยหนา
เรือชีวิตลำน้อยลอยธารา จิตวิญญาณ์ก็คือ สมอเรือ
เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจไม่ทำชั่ว ไม่มืดมัวเปิดหนทางสว่างเหลือ
เป็นความเห็นที่ถูกต้องเมื่อล่องเรือ ไม่คลุมเครือแต่แจ่มใสในวิญญาณ
คือ สัมมาทิฏฐิ-สติชอบ รู้รอบคอบด้วยปัญญามหาศาล
คือ รู้ตัวทั่วพร้อมกลิ่นหอมนาน ดอกบัวบานห้ากลีบแล้วรีบเดิน!!
ปัญญา คือ ใบจักรเรือเหนือทุกอย่าง จะสรรค์สร้างชีวันน่าสรรเสริญ
ช่วยขับเคลื่อนชีวิตจิตดำเนิน ก้าวเจริญสู่เป้าหมายฝั่งท้ายโน้น!!
ด้วยปัญญาญาณยัง คือ หยั่งรู้ ติดตามดูรู้เห็นดังเช่นโหร
เมื่อตามดูรู้แจ้งทิ่มแทงโจร ไม่รู้โดนฆ่าตายวายชีวา......
เมตตา คือ ชูชีพเร่งรีบคิด ช่วยชีวิตคนให้พ้นวนสังสาร์
ไม่กินเนื้อสัตว์น้อยใหญ่ไม่บีฑา เกิดเมตตาบารมีแต่นี้เลย
เกิดความคิดช่วยเหลือตนและคนอื่น ชูชีพชื่นรื่นเริงบันเทิงเหวย
ได้ดวงตาเห็นธรรมจำไว้เลย เมตตาเผยเปิดดวงธรรมให้ฉ่ำเย็น
มรรคแปด คือ พังงาช่วยพากาย ที่ถือท้ายสู่พุทธะแล้วจะเห็น-
เครื่องชี้ทิศทางให้ไม่ยากเย็น ให้จิตเห็นช่องทางสว่างไป.......
มรรค-หนทางสูงส่งมีองค์เจ็ด เหมือนยอดเพชรนำทางสว่างไสว
ถึงพร้อมชอบด้วยกายา-วาจา-ใจ เห็นภายในที่ลึกลับประทับทรวง
สามัคคีที่แนะโซ่และเชือก อันควรเลือกเอาไว้ใช้คุณใหญ่หลวง
รักชื่นชมสมหวังงานทั้งปวง- จักลุล่วงเป้าหมายถึงปลายทาง.......
จากฝั่งนี้ตั้งความหวังไปฝั่งโน้น ทะเลโพ้นสารพัดที่ขัดขวาง
ไม่ย่นย่อท้อใจในหนทาง ใบขึ้นกางเรือชีวิตวิ่งติดลม!!
ให้เริ่มต้นแต่วันนี้ไม่มีสาย ทั้งหญิง-ชายจักอำนวยให้สวยสม
ขึ้นเรือทองของฉันนี้ไม่มีจม สิ้นระทมตัดทุกข์สุขอนันต์
มีหน้าที่ทำอะไรทำไปเถิด สิ่งประเสริฐอย่าชื่นชมพรหม-สวรรค์
ทุกท่านเคยผ่านดี-ชั่วมาทั่วกัน หลงสวรรค์หันเหเสียเวลา.......
สวรรค์-พรหมอายุยืนพันหมื่นปี ไม่เห็นดีมีแต่สุขไร้ทุกขา
ต่างเพลินเพลินหลงใหลในกามา- วจรพามืดล่วงดับดวงธรรม
ไปนิพพานกันเถิดประเสริฐสุด ถึงพระพุทธ-ธรรม-สงฆ์องค์อุปถัมภ์
พระรัตนตรัยใหญ่ยิ่งสิ่งเหนือกรรม -และเหนือธรรมซาบซึ้งเป็นหนึ่งเดียว
เรือชีวิต-สู่โลกทิพย์พระนิพพาน ล่องเลยผ่านพรหม-สวรรค์ไม่หันเหลียว
อบายภูมิตัดขาดประหลาดเชียว พริบตาเดียวก็แล่นถึงซึ่งนิพพาน!!
ไปนิพพานไปอย่างไร?บอกให้นิด เรือชีวิตจะพาไปให้ศุขศานติ์
ให้อยู่กับตัวรู้อยู่นานๆ ประตูผ่านลิ้นปี่หว่างที่กลางทรวง-
แหล่งสะสมบาปกรรมพระธรรมจักร หากรู้หลักจักสมใจผลใหญ่หลวง
ทุกข์-สุขเกิดที่นี่ไม่มีลวง ดับทั้งปวงดับที่นี่-ลิ้นปี่เรา......
ดูลิ้นปี่ที่เดียวที่เกี่ยวข้อง นี่คือมองจิตตนหลุดพ้นเขลา
เมื่อเห็นจิต-เห็นพุทโธโอ้ตัวเรา เคยมัวเมาก็จะดับหายลับไป!!....
ดูลิ้นปี่-แผ่เมตตาอุตสาหะ เห็นพุทธะและทุกอย่างกระจ่างใส
จิตเบิกบานเหมือนแก้วอันแววไว แผ่ออกไปเมตตานั้นทุกวันคืน......
จะนั่ง-ยืน-เดิน-นอนวอนตามดู รู้สึกอยู่ให้แจ่มชัดไม่ขัดขืน
รักษาศีลห้าขอไว้ให้ยั่งยืน จิตสดชื่นสมาธิมั่นเกิดปัญญา......
อุปสรรค คือ ครูบาบูชายิ่ง เป็นของจริงล้ำลึกควรศึกษา
ศัตรูสร้างบารมีมารที่มา มีปัญญาอย่ากลัวแพ้เราแก้ทัน
ถึงเวลาลาไปตามใจสั่ง ดวงจิตตั้งสายพุทธะอรหันต์
ทั้งสองสายก็ล้วนดีมีเหมือนกัน ที่ต่างนั้นตามวาสนาบารมี
ดอกบัวบานสิบดอกออกกลางอก ถึงสิบหก-สิบห้าดอกบอกรังษี
พระโพธิสัตว์ชัดเจนเห็นเด่นดี ตามบารมีอธิษฐานผ่านบำเพ็ญ
พระพุทธเจ้าบานถึงยี่สิบสี่ดอก ทั้งใน-นอกพระพุทธเจ้าที่เราเห็น
สามระดับถึงสัมมาพุทธาเป็น ล้ำสุดเด่นเอกอรหันต์เลิศชั้นเอยฯ
ดูตนเอง
.เพลงนิพพาน
ฐีติญาโณ-ธรรมญาณ
ดูตนเอง
..ดูตรงไหน?อย่างไร?เล่า ดูตอนเข้าสมาธิตรองตริศีล
ตรวจดวงจิตวิญญาณ์ว่าราคิน? ฤๅหมดสิ้นพ้นเหตุกิเลสมาร
กาย-วาจา
..ศีลห้ารักษาได้ รวมทั้งใจตัดปลงในสงสาร
กาย-วาจาคือศีลนอกบอกเป็นทาน ใจของท่านคือศีลในรักษ์ให้ดี
ดูตนเองเพ่งอุปจาระ ลุธรรมะทางสายกลางหว่างวิถี
ทางดับทุกข์
.อริยมรรคคนรักดี อยู่ตรงนี้ตรงลิ้นปี่มีที่เดียว!!!
จากจุลศีล-มัชฌิมะ-อธิศีล แขก-ไทย-จีนรักษาได้ให้เฉลียว
ยกขึ้นสู่ปรมัตถ์ชัดจริงเจียว แน่นอนเทียวเป็นที่สุดถึงพุทโธ!!
รักษ์ข้างในได้แล้วได้แก้วเพชร ข้างนอกเด็ดถอนขุดมนุสโส
ศีลบริสุทธิ์นำชีวิตเป็นจิตโพธิ์ เห็นธัมโมสุกสว่างอยู่กลางใจ!!!
ใช้ศีลห้ารักษาใจรักษ์ได้หมด ถึงหมดจดพบสีทองจิตผ่องใส
อริยมรรค-อริยผลหลุดพ้นภัย จิตเป็นไทอิสระ
..ปล่อย-ละ-วาง
ดูลมหายใจเข้า-ออกใน-นอกรู้ ปาณาฯดู
.ห้ามฆ่าสัตว์ที่ขัดขวาง
ทำชีวิตสัตว์ล่วงไปให้วายวาง ไม่รู้ทางไม่รู้เท่าคือเมามัว
ตัวเรานี้คือคน
..สัตว์ตนหนึ่ง มองให้ซึ้งทุกข์ทนอยู่บนหัว
หากยังหลง
..ไม่รู้ลมตรมเมามัว คือฆ่าตัวเองตายวอดวายพลัน
เมื่อขาดลมก็ขาดใจย่อมไม่รู้ ติดตามดูลมหายใจให้ขยัน
หากไม่หลงก็ต้องรู้ทุกครู่ทัน หากหลงพลันก็สิ้นหวังตายทั้งเป็น!!
ดูความคิดอทินนาฯอย่าลักทรัพย์ ให้อยู่กับปัจจุบันขยันเห็น
อย่าส่งไปในอดีตกรีดลำเค็ญ นอกประเด็นอนาคตให้ปลดลอย
อย่าลากมา
อย่าดึงไปให้มันวุ่น อย่าหมกมุ่นเมาดำริสติผล็อย
ให้รู้ตัวทั่วพร้อมน้อมใจคอย กาย-ใจค่อยรวมเป็นหนึ่งพึงสังวรณ์
รู้ที่กายกับใจไปเป็นคู่ รู้ตัวอยู่ในใจ-กายมิถ่ายถอน
มีสติ-สัมปชัญญะละนิวรณ์ จิตสุนทรสมาธินิ่งตริตรอง
ดูความอยากกาเม สุมิจฉาฯ ดูตัณหา-อุปาทานผ่านทั้งผอง
รู้การเกิดแห่งทุกข์ไร้สุขครอง รู้ครรลองรู้การดับทุกข์พับไป
รู้การเปลี่ยนแปลงแห่งทุกข์ทุกสถาน ปัญญาญาณเปิดหนทางสว่างไสว
ด้วยศีล-สมาธิ-ปัญญาจักพาไป รัตนตรัยพุทธ-ธรรม-สงฆ์นำทาง
ดูสัจธรรมมุสาฯโวไม่โกหก กลางทรวงอกหนามขวากหมั่นถากถาง
พระธรรมจักรหลักชัยอยู่ใจกลาง หยุดคิดพลางแล้วนิ่งไม่วิ่งวน
ปากไม่พูด
ใจไม่คิดสนิทนิ่ง ตัวรู้จริงยังต้องวาง
.ทางสับสน!!
ดิน-น้ำ-ไฟ-ลมปรุงแต่งแรงทุรน นิ่งรู้จนหยุดดี-ชั่ว
.หยุดตัวกรรม
อุเบกขาหยุดปรุงแต่งที่แฝงอยู่ ทุกอณูในดวงจิตคิดถลำ
พอคือหยุด
หยุดคือพอขอแนะนำ เข้าถึงธรรม-โลกุตตระสละตัว
ดูดวงจิตสุราฯอย่าดื่มเหล้า อย่ามึนเมาไม่หลงปลงในหัว
มีตัวรู้แจ่มใสอยู่ในตัว ไม่เมามัวทั้งชีวิตจิตวิญญาณ์
จนจิตเป็นเอกภาพแล้วเหมือนแก้วใส ละโลกได้ละธรรมนำสุขา
รู้ทั้งโลกทั้งธรรมล้ำโลกา ทรงจิตตาอริยผลพ้นทุกข์พลัน!!
จากทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค สายโซ่หักสู่พุทธะปล่อยละขันธ์
เห็นสายโซ่แห่งทุกข์-สุขพัวพัน ตัวเดียวกันรู้รอบคือรอบรู้!!!
คือผู้ตื่น-ผู้รู้-ผู้เบิกบาน พุทธะผ่านทางประเสริฐอย่างเลิศหรู
จากรู้ลมหายใจที่ใฝ่ดู เปิดประตูเข้าหลักมรรคหนทาง
เป็นวงกลมลากไปสุดจากจุดเริ่ม- ต้นประเดิมจนรอบแล้วที่แผ้วถาง
มาทับที่ตัวรู้อยู่ปลายทาง เริ่ม-ท้ายอ้างข้องเกี่ยวจุดเดียวกัน!!!
พบทางออกสุดท้ายเห็นนั้นเป็นผล จุดเริ่มต้นรู้ธรรมนำสุขสันต์
ผู้บรรลุใช่สำเร็จเสร็จกิจพลัน สำเร็จนั้นต้องหลุดพ้นจากวนวัง
คือพ้นจากสังสารวัฏตัดกิเลส ตัวสำเร็จ-คือตัวรู้แฝงอยู่หลัง!!!
อริยมรรคแปดประการทางผ่านนำ ท่านต้องทำให้เกิดผลด้วยตนเอง!!!
อยากจะรู้อะไรถาม
.ใจตอบ จิตรู้รอบจะเฉลยเผยตรงเผง
สิ้นสงสัยในดวงจิตจบกิจเอง ก็จบเพลงนิพพานมีเพียงนี้เอย ....
อุเบกขาพาลอยลิบถึงนิพพาน
เนิน นราธร
สังขารขันธ์
..จอมยุ่ง การปรุงแต่ง
ต้นเหตุแห่ง กองกิเลส
.เปรต-อสูร
มีเกิด-ดับ-เปลี่ยนแปรแลเพิ่มพูน
จะดับสูญ ความยึดมั่น
..ด้วย ปัญญา
..
สังเกตการเกิด-ดับสรรพสังขาร
..
วิปัสสนาญาณด้วยธรรมเอก อุเบกขา
แล้ว ยิ้มสู้ ดูเล่ห์
..เวทนา
..
เป็นธรรมดาของมันเช่นนั้นเอง
..
จะเจ็บ-ปวดรวดร้าวราวกายแยก
กระดูกแตกไม่อาทรนั่งนอนเขลง
ล้วนเกิด-ดับ
..รูป-นาม
..ไปตามเพลง
จะรู้เอง
.หากตามดูทุกครู่คราว
.
อุเบกขา คือ คุณธรรม์อันสูงสุด
วางเฉยดุจไม่อาวรณ์ร้อนหรือหนาว
ปวดหรือเจ็บ-เหน็บชา
..ทุกคราคราว
ยิ้มสู้ราว
..ธรรมชาติ
.ปราศตัวตน
เห็น ไตรลักษณ์ เพ่งพิศ
อนิจจัง
..
ทั้ง ทุกขัง
อนัตตา
..หาเหตุผล
.
สรรพสิ่งเป็นเช่นนี้
.เหมือนมีมนตร์
..
ดับตัวตน-ทุกข์ก็ดับ
ลงลับไป
.
พระนิพพาน
.อันเรืองรุ่งทีมุ่งมาด
.
แม้นถึงฆาตปรารถนาได้อาศัย
ขอเกิดเพียงชาตินี้
..ที่เป็นไป
.
ไม่อาลัยในทุกอย่าง
ละวางเอย
..
.8 มิถุนายน 2545 นิพพานะ ปัจจโย โหตุ
..
< ดูตนเอง >
เนิน นราธร
ดูตนเอง
.ดูลมหายใจเข้า-ออก ทั้งในนอกตามให้รู้ดูให้เห็น
จากปลายจมูกล่วงลำคอพอเย็นเย็น ตามให้เห็นเข้าสู่ปอดเป็นยอดดี
แลจากปอดออกมาหาจมูก ตามให้ถูกจังหวะประสานศรี
รำลึกรู้ทุกขณะพระกายี ลมคือชีวิตเราจงเข้าใจ
ถ้าไม่รู้เท่ากับฆ่าชีวาวาตม์ เพราะพลั้งพลาดไม่มั่นคงจิตหลงใหล
หากไม่หลงก็ต้องรู้อยู่แก่ใจ ลมขาดไปชีวิตก็ปลิดปลง
อยู่กับลมหายใจ
.ไว้ตลอด เป็นเยี่ยมยอดศักดิ์สิทธิ์ไม่พิศวง
อยู่กับจิต-ตัวรู้ผู้ยิ่งยง ชีพธำรงเป็นยอดตลอดกาล
ดูความคิด
.ตามดูรู้ทุกสิ่ง อย่าเที่ยววิ่งสนานสนุกทุกสถาน
อย่าส่งไปในอดีตกรีดดวงมาน สิ่งที่ผ่านลืมให้หมดอย่าจดจำ
อนาคตมาไม่ถึงอย่าดึงสู่ ให้เราอยู่กับปัจจุบันอันคมขำ
คือรู้ตัวทั่วพร้อมจิตน้อมนำ รู้พระธรรมนอกในทั้งใจกาย
สำคัญสุดสัมมาสมาธิ ด้วยสติ-สัมปชัญญะยอดสหาย
สราญสุขทุกคนพ้นอบาย สู่จุดหมายโลกทิพย์พระนิพพาน
ดูความอยากตัณหา
.สารพัด ที่ผูกมัดดวงวิญญาณ์อย่างกล้าหาญ
รู้การเกิดแห่งทุกขะทรมาน รู้ถึงการดับแห่งทุกข์ที่รุกโรม
รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงแห่งทุกขัง เข้าถึงฝั่งใช้ปัญญามุ่งถาโถม
พร้อมศีล-สมาธิ-ปัญญาอุณาโลม เหมือนแสงโคมสว่างไสวกลางใจเรา
นี่คือพระรัตนตรัยอันใหญ่ยิ่ง เหนือทุกสิ่งตัวปัญญาฆ่าความเขลา
เพราะปัญญาคืออาวุธขุดรากเหง้า แห่งความเขลาลุ่มหลงปลง-ละ-วาง
ดูสัจธรรม
..นอกในปากไม่พูด ตามขุดขูดหยุดความคิดถูก-ผิดขวาง
หยุดทั้งปากแลความคิดปิดหนทาง รู้แล้ววางอุเบกขาเป็นสามัญ
ดูดิน-น้ำ-ไฟ-ลมพรมปรุงแต่ง นิ่งแล้วแฝงด้วยตัวรู้คู่ขยัน
พอคือหยุด
หยุดคือพอไม่ต่อกัน หยุดคิดพลันหยุดปรุงแต่งพบแสงทอง
ยังชีวิตมีเวลาทำหน้าที่ ทั้งชีพพลีมวลพลังสิ้นทั้งผอง
จิตพุทโธโลกุตตระค้ำประคอง ธรรมคัลลองส่องทางสว่างไกล
ดูจิตตน
..พ้นทุกข์สุขไม่หลง ตัวรู้คงรอบรู้อยู่ไสว
แลรู้รอบทางเข้าออกทั้งนอกใน จิตสดใสมีเอกภาพตราบสิ้นลม
สิ้นหวงห่วงดวงจิตเป็นอิสระ คือพุทธะมรรคอำนวยให้สวยสม
เป็นโลกะวิทูผู้เข้มคม สุดนิยมรู้โลก-ธรรมเลิศล้ำจริง
สี่ข้อทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค สายโซ่หลักข้อสุดท้ายทั้งชายหญิง
จากตัวรู้
.ลมหายใจใฝ่ประวิง วงกลมวิ่งลากไปนอกในเวียน
เกิดทุกข์สุข
.รู้รอบแลรอบรู้ จากประตูทางเข้าเฝ้าหันเหียน
สู่ทางออกจุดสุดท้ายที่ว่ายเวียน หยุดกงเกวียนหยุดท่องเที่ยวจุดเดียวกัน
จุดสุดท้ายไปถึงจิตผลิตผล นิรมลอริยอรหันต์
มรรคแปดแลผลหนึ่งถึงสามัญ สำเร็จพลันหลุดพ้นวนวัฏฏา
ดู-ทดสอบตนเองเร่งเข้าเถิด จักประเสริฐสมหวังสิ้นกังขา
ผู้รู้ย่อมให้เกียรติกันอนันตา ด้วยพุทธาแลนิพพานประทานพร ฯ
**รักจากใจฉัน ณ วันนี้**
เนิน นราธร
รักจากใจไม่ลืมปลื้มหัวอก หนีนรกปลื้มใจไปสวรรค์
เป็นรักแท้ปลื้มใจไปด้วยกัน นิพพานพลันเลิกเกิดประเสริฐนัก
โลกมนุษย์เรานี้มีแต่ทุกข์ ที่โรมรุกเร้าทรวงให้หน่วงหนัก
อันเกิดแก่เจ็บตายเบื่อหน่ายนัก เรื่องความรักทุรยุคช่างทุกข์ทน
เมื่อมียศก็เสื่อมยศลดลงได้ มีลาภแล้วเสื่อมลาภไปไม่ฉงน
เมื่อมีสุขก็มีทุกข์ในสุขปน มีสรรเสริญก็ไม่พ้นคนนินทา.....
ขอชวนเธอไปสู่แดนอริยะ ด้วยการละตัดวิจิกิจฉา
สิ้นสงสัยพระไตรรัตน์เป็นอัตรา ถือศีลห้าบริสุทธิ์ประดุจเดือน
ตัดร่างกายตัวเดียวเคี่ยวให้หนัก เลิกความรักกายาเฉกพร้าเฉือน
ตัดขันธ์ห้าให้ขาดลงอย่าหลงเลือน เมื่อจิตเคลื่อนดับลงตรงนิพพาน
แม้ไม่ขาดยังประโยชน์สังโยชน์สาม ยังงดงามอริยะจิตประสาน
สู่พระโสดาบันนิรันดร์กาล ไม่เนิ่นนานก้าวต่อไม่ท้อใจ.......
แล้วมานะตัดต่อไปให้ละเอียด ละไมละเมียดตัดปลงที่สงสัย
เพ่งซากศพเน่าหนอนที่ชอนไช รูปกายไซร้เร่งรัดวิปัสสนา
สู่พระสกิทาคามีผล สติตนไม่คลายคลาดวาสนา
มีโกรธเกลียดรักคงน้อยลงมา อานาปาฯเป็นยอดตลอดกาล.......
สู่พระอนาคามีมั่นกามฉันทะ ต้องเลิกละลุ่มหลงในสงสาร
ตัดรูปกาย-ขันธ์ห้าสมาทาน เร่งอสุภกรรมฐานด้านอารมณ์
เบื่อกามคุณ-ร่างกายนึกหน่ายยิ่ง เบื่อทุกสิ่งโกธะสิ้นสะสม
อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตารมณ์ ไม่ชื่นชมทุกสิ่งอย่างจริงจัง
แล้วมุ่งสู่แดนอรหันต์อันนิพพาน ตัดรูปฌานตัดมานะสู่อรหัง
เลิกถือตัว-ถือตนพ้นรักชัง อรูปัง-ราคะก็ละทิ้ง!!
สุดท้ายตัดอวิชชามาวางเฉย แล้วชื่นเชยปัญญาแกร่งกล้ายิ่ง
ก้าวเข้าสู่รู้เห็นตามเป็นจริง นี่คือสิ่งสูงสุดแห่งพุทโธ.......
สู้มานะพยายามปฏิบัติ สารพัดทำที่สุดมนุสโส
เขาว่าเพี้ยนฉันก็ขำยำใหญ่โต อพิโธ่....มัวงมอยู่จะรู้ไง?
ขอพินิจพิจารณาปัญญาเลิศ สุขประเสริฐเช่นนี้มีที่ไหน?
เลิกเกิดแก่เจ็บตายสบายใจ อยู่เหนือโลกผ่องใสนิรันดร.......
ขอตั้งจิตอธิษฐานนิพพานมุ่ง ให้เรืองรุ่งจนตายไม่ถ่ายถอน
โลกมนุษย์สุดสลดหมดอาวรณ์ ไม่อาทรแดนเทวาหรือว่าพรหม
สู่โลกทิพย์นิพพานที่หวานชื่น ระเริงรื่นด้วยธรรมะเคล้าผสม
เป็นแดนธรรมอมตะอภิรมย์ ขอชื่นชมวิมานนิพพานแพรว.....
เมื่อกายพังหวังพระพุทธะช่วย เอื้ออำนวยพบผ่านวิมานแก้ว
มโหฬารเพชรแก้วพราวส่องวาวแวว ต่างล้วนแล้วพระอรหันต์กันทุกองค์
พระพุทธเจ้างามเด่นเป็นประธาน ทิพย์วิมานกว้างใหญ่น่าใหลหลง
พระสารีบุตรพระโมคัลลาน์ขวาซ้ายองค์ เสด็จลงโปรดสัตว์นิทรรศนา
ทรงนิพพานด้วยฉัพพรรณรังสี พระรัศมีกว้างไกลในเวหา
เลิศวิไลในจักรวาลา ขอบูชาพระพุทธองค์ผู้ทรงธรรม
พระเมตตา-กรุณาจะหาไหน ทั้งสามโลกเกริกไกรใจดื่มด่ำ
พระบริสุทธิคุณช่วยหนุนนำ รสพระธรรมดับไฟให้ร่มเย็น
ขอยึดพระรัตนตรัยไว้เป็นหนึ่ง ศีลห้าตรึงแน่วแน่ด้วยแลเห็น
ตัดขันธ์ห้าเช้ายันค่ำเพราะจำเป็น ยึดนิพพานสวยเด่นไม่เว้นเอย ฯ
พุทธญาณ Buddhayan@gmail.com
Create Date : 01 กันยายน 2549 |
Last Update : 1 กันยายน 2549 9:07:41 น. |
|
0 comments
|
Counter : 633 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
พุทธญาณ แสงทิพย์/เนิน แสงทิพย์/ชัย แสงทิพย์ ฯลฯ
สถาบันแสงทิพย์อริยธรรม -บ้านฉัตรไชย บางเขน
http://www.buddhapoem.com http://www.buddha-dhamma.com
อีเมล์- BuddhayanSangthip@gmail.com NernSangthip@yahoo.com ChaiSangthip@www.com
|
|
|
|
|
|
|
|